View Full Version : +++ ฮาร์บิ้น +++ หนาวแค่นี้เอง........
ขอแซงคิวเสฉวนแล้วกันนะ.. อิอิ
เนื่องจากวันหยุดปีใหม่สากลในเมืองจีนนั้นก็หยุดแค่วันที่ 1 มกราคม เพียงวันเดียว และเนื่องจากเป็นฤดูหนาว.. ก็ไม่มีที่ไหนที่สามารถเที่ยวได้สั้น ๆ และสัมผัสความหนาวได้ดีเท่าฮาร์บิ้นอีกแล้ว...
ทริปนี้เป็นทริปแพลนฉุกละหุกมาก คิดได้ก่อนเดินทางซักสองสามอาทิตย์ ก็ไม่ได้หาข้อมูล ไม่ได้อะไรทั้งนั้น จองโรงแรมก็สุดแสนจะยาก.. แพงมากกกกกก (อิอิ ก็เที่ยวแบบซำเหมานิ อยากนอนเกสต์เฮ้าส์เหมือนตอนเที่ยวเสฉวนจะตาย) แต่หาไม่ได้ ก็มาลงที่โรงแรมหนึ่ง.. ซึ่งหาจากเน็ต ก็สมราคาค่ะ
ทริปนี้เป็นทริปต่อเนื่องจาก business trip ที่ต้องไปต้าเหลี่ยน ซึ่งก็หนาวใช้ได้เลยกลางวันอยู่ที่ -6 ถึง -10 องศา... ก็ฝึกไปก่อน
ฮาร์บิ้น เป็นเมืองทางตอนเหนือ (สุด) ของประเทศจีน ด้านขวาติดรัสเซีย ด้านซ้ายก็รัสเซีย ถ้าเราดูแผนที่จะเห็นว่า เมืองวลาดิวอสต๊อกจะอยู่ทางขวาของจังหวัด Heilongjiang (ฮาร์บิ้นเป็นเมืองหลวงของจังหวัดนี้ ของมณฑลตงเป่ย)
ที่นี่ก็ไม่มีอะไรเที่ยวมากนอกจาก.. ลานสกี และ เทศกาลหิมะและน้ำแข็งที่จัดขุึ้นทุกปีตั้งแต่วันที่ 5 มกราคมเป็นต้นไป ถึงปลาย ๆ กุมภาค่ะ
เบอร์ดี้ก็เลยคิดว่า จะไปเที่ยวเทศกาลที่ว่านี้ และมีเวลาอยู่ที่โน่นถึงสามวันเต็ม ๆ (สี่คืนสามวัน) คงจะเที่ยวเก็บรายละเอียดได้ครบ..
ตอนขาไปเนี่ย.. ไฟลท์จากต้าเหลี่ยนไปฮาร์บิ้นมีแค่วันละ 3 เวลาเท่านั้น ซึ่งไฟลท์ที่เบอร์ดี้จองตอนแรกนั้น ออกจากต้าเหลี่ยนเวลา 13.10 น. ซึ่งในวันนั้นเบอร์ดี้ยังติดประชุมลูกค้าอยู่ที่โรงงาน จึงต้องเลื่อนไฟลท์ไปเป็นไฟลท์สุดท้ายของวันนั้นซึ่งออกเดินทางจากต้าเหลี่ยนเวลา 20.40 น.
ก็ต้องไปนั่งรอแกร่วที่สนามบิน เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง เนื่องจากเช็คเอ้าท์จากโรงแรมแล้ว
พอทราบว่าต้องเปลี่ยนไฟลท์เดินทางก็รีบติดต่อไปยังโรงแรมที่จองไว้ เพราะตอนบุ๊คเหลือบไปเห็นว่า ทางโรงแรมจะเก็บห้องให้จนถึงแค่ 18.00 น. เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะจองและมัดจำ 10% แล้วก็ตาม... ซึ่งพอเบอร์ดี้เช็คบนเว็บไซต์อีกครั้ง ห้องว่างที่โรงแรมนี้ คืนนี้ไม่มีอีกแล้ว.. เบอร์ดี้จึงออกอาการป่วนจิต โทรแจ้งโรงแรมว่าสาเหตุขัดข้องจากการต้องเปลี่ยนไฟลท์ โรงแรมก็ว่าไม่ได้ จะไม่เก็บห้องให้ เพราะเป็นกฎ.. จนผลสุดท้ายทางโรงแรมยอม แต่บอกว่าจะไม่สามารถล็อกห้องราคานี้ไว้ให้ได้ และจะต้องเก็บค่าห้องเพิ่มอีก 20 หยวน... เบอร์ดี้ก็ยินดี..
แต่แล้ว เหมือนพระเจ้าไม่เป็นใจ... ไฟลท์ดีเลย์ เนื่องจากประตูเครื่องบิน 3 ประตูไม่สามารถเปิดได้... กรรม.. จนกระทั่งเบอร์ดี้ต้องโทรแจ้งโรงแรมอีกครั้ง ก็ได้รับคำตอบเดิมว่า.. จะไม่เก็บห้องให้.. ถ้าจะมาก็เอาไปห้องคืนละ 168 หยวน (จากเดิมที่จองไว้แค่ 115 หยวน) สรุปแล้วคือความชั่วร้ายของโรงแรม เนื่องจากโรงแรมมีห้องแต่จะเอาไว้เรียกแพง ๆ ตอนคนหมดหนทาง..
เบอร์ดี้ก็หมดแรงจะทะเลาะ เอางัยก็เอากัน (วะ) ขอให้มีที่ซุกหัวนอนก็เป็นพอ สรุปว่า ต้องเปลี่ยนเครื่องหลังจากคนจีนวางมวยกันเมามันส์.. กว่าจะได้ออกจากสนามบินต้าเหลี่ยนก็เป็นเวลา 23.00 น. พอดี.. เฮ้อ...
มาถึงสนามบินฮาร์บิ้น รับกระเป๋าเรียบโร้ย ก็ออกไปหาแท็กซี่.. ก็ได้โดดขึ้นรถแท็็กซึ่มิเตอร์คันหนึ่ง ซึ่งโกงมิเตอร์อีก (แต่ตอนนั้นไม่ได้เช็คมาก่อนว่า ค่าแท็กซี่จากสนามบินไปตัวเมืองประมาณเท่าไหร่ - เบอร์ดี้มีประสบการณ์ชั่วร้ายจากปักกิ่งมาแล้วหนึ่งครั้ง ไว้จะเล่าให้ฟังนะคะ) สรุปว่า ค่าแท็กซี่คืนนั้น 220 หยวนไม่รวมค่าทางด่วน (เช้าอีกวันก็รีบเช็คอินเตอร์เน็ตให้เจ็บใจเล่นเลย) ค่าแท๊กซี่มาตรฐานโดยประมาณอยู่ที่ 120 หยวน รวมค่าทางด่วน 20 หยวนแล้วค่ะ
มาถึงโรงแรม เช็คอินได้เรียบโร้ยราคาเดิมคือ 115 หยวน... เฮ้อ รอดไป..
เข้าถึงห้องได้ก็ถ่ายรูปมาให้ชมกันนี่ล่ะค่ะ
คืนนั้นก็เหนื่อยนัก พักเสียก่อน อีกวันค่อยว่ากันใหม่...
เช้าวันรุ่งขึ้น เบอร์ดี้ตื่นไม่ทันอาหารเช้า.. ก็เลยนั่งหาข้อมูล ในห้องมีสายแลน ต่อเน็ตหาข้อมูลได้สบาย.. สาเหตุที่เบอร์ดี้บอกว่าอยากอยู่เกสต์เฮ้าส์มากกว่า เนื่องจาก
1 ราคาถูกแสนถูก
2 พนักงานส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ดี
3 มีข้อมูลการท่องเที่ยวของเมืองนั้นให้เพียบ.. แถมมีทัวร์ มีโน่นมีนี่ราคาพิเศษให้อีก เหมือนตอนไปเฉิงตู (เสฉวน)
4 พบเพื่อนต่างชาติมากหน้าหลายตา มิตรภาพมีให้กันเต็มเปี่ยม
สรุป เมื่อไม่ได้ก็.. ต้องมาหาข้อมูลจากเน็ตสถานเดียว.. พนักงานก็ไม่พูดภาษาอังกฤษ หาข้อมูลจนสรุปได้ว่า วันนี้เสียเวลาไปแยะแล้ว.. ไปโบสถ์ St. Sophia กันก่อนดีกว่า.. โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นโดยคนรัสเซียประมาณ ต้นค.ศ. 1800 ค่ะ
ภาษาจีน เรียกโบสถ์นี้ว่า สัวเฟยหยา เจี่ยวถัง ค่ะ
เดินออกไปจากโรงแรม ถึงกับต้องสะดุ้งเฮีอกกับความยะเยือก... เดินไปน้ำมูกไหล แสบหน้าไปหมด.. เท้าก็เริ่มเจ็บเหมือนเอามือไปแตะน้ำแข็งที่เกาะอยู่ในตู้เย็น (นี่ขนาดเพิ่งเริ่มก้าวออกจากโรงแรม) โอว........ หนาวดึ๋งส์
เดินไปป้ายรถเมล์ ด้วยความอนุเคราะห์จากกูเกิ้ลแม๊พ.. ท่องมาอย่างดี.. จดใส่โพยมาด้วย
ขึ้นรถเมล์สาย 1 และแล้วการผจญภัยก็เริ่มขึ้น
ในรูปแรกจะเห็น ticket booth ทางซ้ายของโบสถ์ ป้ายเขียนว่า ค่าเข้าชม 25 หยวน (ผู้ใหญ่) ถ้ามีคูปอง 35 หยวน (อะไรประมาณนี้) ก็มีฝรั่งเอาไปโพสต์ว่า คูปองตรูก็ไม่มี แถมได้เข้าถูกกว่า ใครจะไปกระเสือกกระสนหาคูปองมาฟระ..
ซึ่งที่จริงแล้ว ค่าเข้าชม คือ ค่าเข้าชมภายในโบสถ์ค่ะ ส่วนคูปองที่ว่า ก็คือ เค้าห้ามถ่ายรูปข้างใน แต่ถ้ามีคูปองก็ถ่ายได้ค่ะ ประมาณว่า เงินมางานเดิน..
ฝรั่งคนนั้นไม่ได้โพสต์ต่อว่าสรุปว่าได้ถ่ายรูปข้างในรึป่าว.. เบอร์ดี้งก ก็เลยไม่เข้าดีฝ่า.. เป็นอันว่า coupon หรือ no coupon ก็ doesn't matter.. เพราะตรูงก (ก็โบสถ์มันติ๊ดเดียวอ่ะค่ะ ไม่คุ้มค่าเข้า)
แล้วเบอร์ดี้ก็ตั้งใจจะไปสวนเจ้าหลินต่อ - สวนนี้ เป็นหนึ่งในที่ที่ว่ากันว่ามีการจัดแสดงหิมะและน้ำแข็งเช่นกัน... สวนเจ้าหลินเนี่ย เป็นสวนสนุกเด็กเล็ก ๆ แนวดิสนีย์แลนด์มิเนียเจอร์อ่ะค่ะ
สรุปว่า เบอร์ดี้ไม่มีแผนที่ ที่เป็นภาษาอังกฤษ เห็นที่เคาน์เตอร์โรงแรมมีขายก็บอกพนักงานเลยว่า หว่อเหย้าหม่ายอี๋เก้อตี้ถูว... พอได้รับมาก็ตะลึง เพราะไม่มีภาษาอังกฤษ มีแต่ภาษาจีนล้วนอ่ะจิ.. จะบอกว่าไม่เอา ก็หน้าบาง.. เค้าอุตส่าห์ไปไขตู้ไกล ๆ หยิบมาให้.. เฮ้อ..
ก็เลยเป็นอันว่า เบอร์ดี้ไม่มีแผนที่ ก็หลับหูหลับตาขึ้นรถเมล์ไปขำ ๆ ก็แล้วกัน ลองดู สรุปว่าหลงแบบไม่ต้องคิด.. ไปโผล่สถานีรถไฟที่เหมือนหัวลำโพงบ้านเราอ่ะค่ะ.. มั่วเจงเจง
ก็จะได้เห็นน้ำแข็งแกะสลักบ้าง วางซ้อน ๆ กันเป็นเป็นประติมากรรมบ้าง.. ทั่วไปตามท้องถนนเลย ที่หน้าสถานีรถไฟนี่ก็มีเหมือนกันค่ะ
พอเสร็จก็หาทางกลับ.. แท็กซี่ที่นี่จะรับคนเหมือนรถเมล์เลยค่ะ แวะจอดตลอด แล้วก็ไม่กดมิเตอร์ด้วย.. เบอร์ดี้ก็เริ่มเซ็งแล้วตรูจะไปงัยฟระ.. สรุปสามล้อเครืองค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้.. หนาวมาก.. สามล้อเครื่องก็เหมือนกัน แวะรับผู้โดยสารตลอด ข้างในก็แคบเรียกว่า คนที่นั่งหันหน้าชนกันนี่ ต้องเอาขาสับหว่างกันเลยนะคะ
และแล้วก็มาถึงสวนเจ้าหลินค่ะ ค่าตั๋วกลางวันถึง 16.00 น. มีหนึ่งราคา หลัง 16.30 น. อีกหนึ่งราคา ถ้าจะเข้ายาวก็อีกราคาค่ะ.. แต่เบอร์ดี้หนาวมั่กมั่ก คงอยู่ไม่ไหวถึงค่ำ...
ขออนุญาตนอนก่อน เด๋วพรุ่งนี้มาต่อนะคะ
แค่เริ่มต้นก็ออกรสออกชาติแล้วครับ ฟังแล้วเหนื่อยแทนเลย .... เป็นการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยที่น่าติดตามมากครับ
ขอบคุณค่า พี่สายน้ำ.. เหนื่อย เซ็ง (โดนคนหลอก + สื่อสารลำบาก) หนาว แต่ได้ประสบการณ์มาก ๆ เลยค่ะ ก็มาชมรูปกันต่อนะคะที่สวนเจ้าหลิน
ภาพแรกเป็นยางรถยนต์ที่เค้าเอามาหุ้มแล้วทำเป็นที่นั่ง ตอนแรกคิดว่าเอาไว้เพื่อให้สไลด์ลงมาจากสไลด์เดอร์น้ำแข็งอ่ะค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว เค้าเอาไว้ให้เด็กนั่งแล้วลากไปช่วงเดินไปเดินมาในสวนมากกว่า... เหมือนรถเข็นเด็กยังงัยยังงั้นเลยค่ะ
พอดีงานจะเริ่มวันที่ 5 มกรา หลาย ๆ อย่างก็เลยยังไม่เรียบร้อย และยังไม่มีคนมาเที่ยวซักเท่าไหร่.. อากาศหนาวมากจนเบอร์ดี้ไม่สามารถเก็บภาพได้เต็มที่ เพราะทนความหนาวไม่ไหว..สมองมันคงแข็งไปด้วย ภาพที่ถ่าย ๆ มาก็เลยไม่มีจินตนาการในการถ่ายซักเท่าไหร่ เสียดายมากกกกกกกกกกกกกก
ส่วนตัวแล้วชอบภาพสุดท้ายมาก มันเป็นเครื่องทำหิมะค่ะ.. เหตุที่ชอบภาพนี้มาก เพราะว่า เวลาตัวเองมองภาพนี้แล้วทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเครื่องทำหิมะกำลังพ่นหิมะออกมาในขณะที่ดูรูปอยู่จากคอมพ์
เครื่องทำหิมะนี้ช่วยผลิตให้มีหิมะเพียงพอในการจะมาจัดงานต่าง ๆ ค่ะ
ขณะที่เดินอยู่ก็ปวดเท้ามากเลย เพราะความหนาวมันทะลุไปถึงข้างใน เจ็บจนรู้สึกเหมือนนิ้วเท้าหายไปไหนนะ... แต่เอ คงยังอยู่ เพราะยังเจ็บอยู่ มันชาไปหมดเลยค่ะ สุดท้าย เดินสวนเจ้าหลินครบรอบ.. ก็ออกทันที ไม่รีรอ เพราะรอไม่ไหว.. เจ็บไปหมดแย้ววววววววววว อยากจะไปหาที่อุ่น ๆ พักเท้าเสียจริง...
ออกมาแล้ว ก็เห็นสภาพภูมิรอบ ๆ ตัว คุ้น ๆ อยู่ มองป้ายชื่อถนนก็คุ้น ๆ เหมือนกับจะเดินไปได้ถึง St. Sophia Church ก็เลยออกเดิน แล้วก็เนื่องจากต้องหา ATM ด้วย ก็เลยต้องเดินต่อ เดินไปจนเจอ St. Sophia Church อีกครั้งจริง ๆ แล้วก็รีบพุ่งตรงไปร้านบะหมีอีกร้านที่เล็งไว้ แล้วก็เริ่มลงมือรับประทานมื้อเย็น ณ เวลา 16.30 น. อาหารเนี่ย ไม่ได้ถ่ายไว้เลยค่ะ เพราะไม่อยากเอากล้องออกมาจากกระเป๋า ในร้านมีฮีตเตอร์ซึ่งอุณหภูมิต่างจากข้างนอกมาก โดยประมาณ 50 องศา เห็นจะได้ ถ้าเอากล้องออกมา รับรองว่าได้ขึ้นไอน้ำกันเต็ม ๆ แน่.. ก็เลยไม่สามารถค่ะ
ทานข้าวเย็นเสร็จ ก็ออกไปถ่ายรูปโบสถ์เซนต์โซเฟีย และบริเวณรอบ ๆ อีกครั้งยามโพล้เพล้
angel frog
04-01-2010, 12:14
หนาววววววว......... จัง
หนาวแค่นี้เองเหรอจ๊ะหนูเบิร์ด..... http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_58.gif
สองสายเคยวางแผนจะไปเทศกาลหิมะที่ฮาบิ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่หัวหน้าก๊วนเพื่อนที่เที่ยวด้วยกันเป็นประจำ เจ๊งหุ้นไปเสียก่อน ทริปเลยล่ม....เสียดายมากๆ เคยคิดไว้ว่าจะหาทางไปใหม่ให้ได้
แห่ะๆ.....แต่พอเห็นภาพหิมะและน้ำแข็งที่ฮาบิ้นของน้องเบิร์ดแล้ว พี่รู้สึกเย็นไปถึงขั้วหัวใจ....บรื๋ออออ...http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_47.gif
ชอบภาพ St. Sophia Church และบริเวณโดยรอบมาก ดูสวยสง่างามคลาสสิคมากๆค่ะ คล้ายๆกับจตุรัสวิหารแดงของรัสเซีย....http://www.saveoursea.net/boardapr2007/Smileys/default/kiss.gif
สวยงาม
แปะๆๆๆๆๆ (เสียงปรบมือ)
ผ่านไปอีกวัน.. กลับโรงแรมนอน.. ก่อนนอนก็นั่งหาข้อมูลของวันต่อไป... ระหว่างที่นั่งหาอยู่ ก็ได้ยินเสียงพลุ... โอ้ว.. อยากออกไปถ่ายพลุ แต่อาการกลัวความหนาว กับ ความขี้เกียจมันมีเยอะกว่า.. เลยเป็นเหตุให้ข้าน้อย หันหน้ามุ่งหาเตียง แล้วหลับลงด้วยความง่วงอย่างรวดเร็ว
ตื่นเช้ามาอีกวัน เป็นวันที่ 1 มกราคม 2010 เบอร์ดี้ตื่นสายตามเคย.. ล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงไปหาร้านอาหารของโรงแรมเพื่อกินข้าวเช้าของฟรี.. ซึ่งต้องเดินออกไปนอกตัวตึก เป็นใต้ถุนของตีกสองชั้นอีกหลังหนึ่ง
ซึ่ง...... สกปรก.. และไม่มีอะไรให้กินเท่าไหร่ แต่ก็กินไป กันตาย และประหยัดได้อีก 1 มื้อ เรื่องภาพก็ไม่มีอีกตามเคย แง .. แย่จังเลยเรา..
วันนี้ก็ออกไปเดินเตร็ดเตร่ตามเคย.. วันนี้จะไป Sun Island หรือ Taiyang Dao (ไท่หยางต๋าว - แปลตรงตัวเลยค่ะ tai yang = sun, dao = island) สถานที่จัดแสดงโชว์แกะสลักหิมะทุกปีค่ะ ค่าเข้าชมก็ 150 หยวนค่ะ
ปรากฎว่ามาถึงหน้า Sun Island จะเก็บภาพทางเข้า ฯลฯ ปรากฎว่ากล้องเบอร์ดี้ No Memory Card!!! ครือ เมื่อคืนก่อน เอาออกมาโหลดดูบนเครื่องคอมพ์อ่ะค่ะ แล้วก็คิดแล้วว่า เด๋วคอยดูพรุ่งนี้ต้องลืม.. (คือ คิดได้ตอนกำลังสลึมสลือจะหลับอ่ะค่ะ) แล้วก็ลืมจริง ๆ ฮาาาาาาาาาา
สรุปว่า เบอร์ดี้ต้องไปหาที่ซื้อเมมโมรี่การ์ดใหม่ ซึ่งก็ได้ซื้อสมใจในราคา 120 หยวน (2 GB) ซึ่งก็ไม่แพงมากอย่างที่คิด (คือ ปรกติร้านพวกนี้เค้าจะฟัน ฟัน ฟัน) ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี ก็เข้าไปชมงาน...
ขอบคุณพี่น้อย พี่ป้ากบ และ Oo ที่แวะเข้ามาชม และสำหรับคำชมค่า
แต่ว่า (ขออ้างหน่อยนะคะ) มันหนาวจนขาดจินตนาการในการถ่ายภายมาก.. คือ ขอให้ได้ถ่าย.. มันเจ็บจนไม่อยากจะเซ็ตอะไรแล้ว.. ถ่ายไปตามมีตามเกิด...ไม่ได้เช็ครูปหรืออะไรเลยค่ะ.. มันเลยออกมาแย่กว่าที่คิด น่าจะถ่ายได้ดีกว่านี้ ต้องมีความอดทนมากกว่านี้ เสื้อผ้าร่างกายต้องพร้อมกว่านี้.. ต้องกลับไปแก้มือ
ถ้าพี่สองสายยังสนใจที่จะไปฮาร์บิ้น เบอร์ดี้ยินดีเป็นทัวร์ไกด์ให้ค้าบ
ก็ชมภาพกันต่อนะคะ
ต่อค่ะ บางรูปอาจจะดูเหมือนซ้ำ ๆ นะคะ แต่ถ่ายคนละมุมมาให้ชมรายละเอียดของงานเค้า
ที่จริงโทษความหนาวอย่างเดียวไม่ได้.. ต้องโทษความขยันที่ออกสายมาก เพราะกะว่าจะให้เสร็จจากอันนี้แล้ว ไปต่อ Ice Festival ฝั่งตรงข้ามได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลามาก เพราะความที่กลัวความหนาว..
ที่จริง ฝั่งนี้ของแม่น้ำซงฮวาเจียง ยังมีอีกสองที่ที่ฆ่าเวลาได้ (แต่ก็เอ้าท์ดอร์อีกน่ะแหละค่ะ) ก็คือ สวนเสือไซบีเรียน และ Polarland ที่ Polarland นี่จะรวมสัตว์ขั้วโลกเอาไว้น่ะค่ะ.. อยากไป แต่ หนาวส์สสสสสสสสสสสส เลยเอาแค่นี้แหละ ต้องไปศึกษาใหม่ดี ๆ ว่าแต่ตัวอย่างไรให้ทนหนาวเหมือนชาวบ้านเค้าได้...
ใครมีประสบการณ์ช่วยแนะนำเบอร์ดี้ด้วยนะคะ.. -20 ถึง -30 นี่ต้องแต่งตัวอย่างไรให้อุ่นมากกกกกกกและคล่องแคล่วว่องไวได้
วันนี้ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ พรุ่งนี้มาต่อกันใหม่ค่ะ
ploybabe
04-01-2010, 17:49
มาดูต่อจากในเฟซบุ๊ค
เห็นรูป บวกอ่านจากที่พีเบอดี้ บรรยาย แอบดีใจนิดนึง ที่ไม่ยอม ติดสอยห้อยตามไปด้วย
ฮ่าๆ
แค่วันก่อนเห็นหิมะที่เซี่ยงไฮ้ ก็แทบจะบ้าตายแล่วว
หนาวววววว งิงิ
แต่จริงๆ ถ้าเราไปด้วยกันน่าจะอุ่นนะคะ กอดกันสองคนน ฮาๆ
chickykai
04-01-2010, 18:10
สวนเสือไซบีเรียน และ Polarland ที่ Polarland นี่จะรวมสัตว์ขั้วโลกเอาไว้น่ะค่ะ
อยากไปด้วยง่า:) เค้าชอบเสือดาวหิมะ
ใครมีประสบการณ์ช่วยแนะนำเบอร์ดี้ด้วยนะคะ.. -20 ถึง -30 นี่ต้องแต่งตัวอย่างไรให้อุ่นมากกกกกกกและคล่องแคล่วว่องไวได้
แม่เจ้า -20 -30 แข็งอยู่กะที่ตั้งกะ 0 แล้ว คราวก่อนกะเหรี่ยงเมืองร้อนไปเจอแค่ -2 ยังจะแข็งตายคาถนน ลมพัดทีตึงจากหน้าไปถึงนิ้วโป้งเท้า สงกะสัยเจอ -10 นี่จอดอยู่ในห้อง ไม่ได้ไปไหนแล้วง่า:p
มาดูต่อจากในเฟซบุ๊ค เห็นรูป บวกอ่านจากที่พีเบอดี้ บรรยาย แอบดีใจนิดนึง ที่ไม่ยอม ติดสอยห้อยตามไปด้วย ฮ่าๆ
แค่วันก่อนเห็นหิมะที่เซี่ยงไฮ้ ก็แทบจะบ้าตายแล่วว หนาวววววว งิงิ
แต่จริงๆ ถ้าเราไปด้วยกันน่าจะอุ่นนะคะ กอดกันสองคนน ฮาๆ
แต๊งกิ้วนะจ๊ะที่ตามมาดูต่อ ก็น้องพลอยไม่ยอมหลวมตัวไปกะพี่.. เลยขาดคนให้ความอบอุ่นไปเลย อิอิ พี่อาจจะไปแก้มือปีหน้า สนใจไปให้ความอบอุ่นพี่มั้ยจ๊ะ :d
อยากไปด้วยง่า:) เค้าชอบเสือดาวหิมะ
แม่เจ้า -20 -30 แข็งอยู่กะที่ตั้งกะ 0 แล้ว คราวก่อนกะเหรี่ยงเมืองร้อนไปเจอแค่ -2 ยังจะแข็งตายคาถนน ลมพัดทีตึงจากหน้าไปถึงนิ้วโป้งเท้า สงกะสัยเจอ -10 นี่จอดอยู่ในห้อง ไม่ได้ไปไหนแล้วง่า:p
ไปจิ ปีหน้าพี่จะไปแก้มืออ่ะ ไก่.. ตั้งความหวังไว้นะ.. เสื้อผ้า หน้า ผม ต้องพร้อมงัย -30 ก็ไม่ไหวติง (แข็งไม่ไหวติง ฮาาาา)
ถึงไหนแย้ว... เมื่อวานหายไปวันนึง
มีเรื่องฮาที่นึกขึ้นมาได้ก่อนจะให้ชมภาพต่อค่ะ.. คือว่า ไปเข้าห้องน้ำสาธารณะที่ีนึง พอเข้าไปกี่ห้อง กี่ห้องก็เหมือนกับเค้าไม่ราดน้ำอ่ะค่ะ แต่ว่าไม่ใช่ คือ พอเบอร์ดี้กดราดน้ำ ปรากฎว่าไอ้น้ำขัง ๆ ที่เห็นอยู่นะ มันแข็งเป็นน้ำแข็งไปแล้วค่ะ
แล้วเบอร์ดี้ก็พกผ้าเปียก (baby napkin) ไว้ทำความสะอาดมือไม้ก่อนทานข้าว หรือ เวลาเข้าห้องน้ำค่ะ ทีนี้ พอจะเอามาใช้ตอนเข้าห้องน้ำ... แกะออกมา ปรากฎว่า เป็นผ้าแข็งพร้อมเกล็ดน้ำแข็ง เช็ดแรงก็แสบไปถึงสมองเลยค่ะ ฮาาาาาาาาาา
ฮ่าๆ....สงสัยว่า แล้วพอฉี่ออกมามันไม่แข็งโป๊กคาที่เลยทันทีหรือคะ....:p
blue day
06-01-2010, 13:59
เห็นแล้วอยากกินน้ำแข็งใส อิอิ:D
ตอบพี่น้อย.. ตอนแรกก็สงสัยเหมือนกันค่ะ แต่ ถ้า doggy ฉิงฉ่องทิ้งไว้ซักพัก มันถึงจะแข็งอ่ะค่ะ สงสัยเพราะมันเพิ่งออกจากร่างกายมามั้งคะ ฮี่..
ช่วงนี้ชอบถ่ายรูปมุมย้อนแสงค่ะ.. ได้ดูแสงเงา กับ ออร่า ของพระอาทิตย์
โรงเตี้ยมที่เห็นมีอยู่เป็นจุด ๆ เอาไว้เชือดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะค่ะ.. ชาร้อนลิปตัน 3 in 1 แก้วละ 30 หยวน หรือ 160 บาท.... กาแฟร้อน แก้วละ 40 หยวน หรือ 220 บาท แต่ก็ต้องกัดฟัน เนื่องจากหนาวมาก เข้าไปหาความอบอุ่นอ่ะค่ะ
เคยไปเกาหลีแค่ -1 องศา เด็ก ๆ ไปเลยนิ -20 องศาเนี่ยจะขนาดไหนอยากไปลองบ้างจัง ภาพที่เบอร์ดี้ถ่ายรูปมาสวยดีจ้า บรรยากาศแถวนั้นคงจะดี สักวันคงได้ไปสัมผัส
ตุ๊กแกผา
09-01-2010, 09:30
ฮ่าๆ....สงสัยว่า แล้วพอฉี่ออกมามันไม่แข็งโป๊กคาที่เลยทันทีหรือคะ....:p
55555555 ที่ฮาร์บินเนี่ย....อาจเป็นได้ค่ะ55555555555
เคยไปที่ -10 องศาหรือมากกว่านั้นตอนไปเมืองจีน(เมืองไหนก็จำไม่ได้แล้ว) แต่ขึ้นที่สูง มากๆ(จำได้ว่านาฬิกาที่ใส่อยู่ไม่ยอมวัดความสูงให้แล้ว เพื่อนๆหลายคนเริ่มใช้ O2 สำรองที่นำมาสำหรับคนที่ทนอากาศที่มีO2เบาบางไม่ไหว) ถึงยอดเขาแล้วปวดปัสสาวะ เลยต้องลงไประบายออกข้างทาง (ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนเห็นเพราะ เราใช้ร่มบังเอา....555555ทุกคนในคณะใช้แบบนี้กันหมดค่ะ)
โอยๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนแรกนึกว่าน้ำที่ระบายอออกจะขึ้นมาเป็นภูเขาแบบที่พี่น้อยบอก แต่ท่าทางน้ำจะร้อนค่ะ มันเป็นรูค่ะพี่........และถูกถาม(มันกะจะแซวมากกว่า)จากเพื่อนว่า ถูกหิมะกัดรึเปล่า55555 อายก็อายค่ะ แต่โชคดีที่ไม่ถูกหิมะกัดแต่อย่างใด....เฮ่อ ไม่ถูกกัด แต่มันเย็นเฮือกๆๆๆเวลาลมพัด บรื๋อ!!!!
สำหรับคนที่จะไปในที่อากาศเย็นจัดๆ ควรมีเสื้อ/กางเกงที่กันหนาวจัดๆได้ (เราใช้เสื้อฟรีท เสื้อกันหนาว กะลองจอน ของNorthfaceคั๊บ)ราคาอาจจะโหดหน่อย แต่อุ่นสนิทเลย ส่วนหมวกกะถุงมือ+ถุงเท้าก็จำเป็นมากๆ เราได้มาจากร้านOutdoor ตอนไปเนปาล หมวกกะถุงมือยี่ห้อเดิม (เพื่อนบางคนไปซื้อที่เมืองจีนเลยก็มี....แต่ไม่อยากแนะนำให้หวังน้ำบ่อหน้าแบบเพื่อนเรา....อันตรายเพราะถ้าหาไม่ได้ก็เสร็จเลย)
ถ้ากลัวหนาวก็มีเสื้อกี่ตัวๆก็ขนเอาออกมาใส่ได้ ไม่ต้องกลัวเหม็นเพราะเหงื่อเราไม่ค่อยออกหรอก กลัวคนจำได้ หรือกลัวถ่ายรูปด้วยชุดเดิม...ก็สลับสับเปลี่ยนตัวนอกเอาง่ายกว่า555555ของเรายิ่งง่ายใหญ่ เพราะไม่ว่าตัวในจะสีอะไรก็โดนเสื้อกันหนาวตัวนอกกลบหมด(เพราะเสื้อกันหนาวเราสีเหลืองอ๋อยเลย)
ตอนนอนก็ให้เอาแก้วน้ำที่มีในห้อง(บางโรงแรมมีกะละมังให้เลยก็มี)ใส่น้ำร้อนๆๆๆๆๆๆๆ ไว้ข้างเตียงตอนนอน เพื่อให้มีความชุ่มชื่นในอากาศบ้าง จะได้ไม่มีอาการจมูกแห้งๆในตอนเช้าๆ เพราะส่วนใหญ่ตามโรงแรมจะใช้Heaterกัน
ตุ๊กแกผา
09-01-2010, 09:38
โชคดีเป็นของเราที่ไปฮาร์บินตอนที่ชาวบ้านเขาไม่ไปเที่ยวกันเลย ก็เลยแค่หนาวเฉยๆไม่มีสร้อยต่อท้ายแต่อย่างใด......สวนเสือก็ว๊างงงงว่างตอนไปดูมา555555 (เหมือนกับว่าจะดีน๊ะ....แต่จริงๆแล้ว เขานิยมเที่ยวฮาร์บินกันช่วงปีใหม่เนี่ยจริงๆ ....เรามันองุ่นเปรี้ยวอ๊ะ555)
แถมได้ดูประติมากรรมน้ำแข็งเหล่านี้เหมือนกันด้วย(แต่เป็นIndoorน๊ะ เขานำไปเก็บไว้ในห้องที่รักษาอุณหภูมิไว้ให้นักท่องเที่ยวที่ทนอากาศเย็นได้น้อยแบบเรามาดูกัน ตอนที่อากาศไม่มี-ค่ะ.......) แต่ระวังกล้องถ่ายรูปล่ะกัน มันจะรวนเอาง่ายๆ
ตุ๊กแกผา
09-01-2010, 09:39
อยากไปด้วยก็อยากไปด้วย....แต่ไอ้เจ้าเวลาเนี่ย เห็นแล้วอดแหง๋มๆเลย......
ตอนนี้ Freiburg -5 องศาทุกวัน เฮ้อ แค่นี้ก็จะแย่
น้องท๊อป สบายดีนะครับ ....
ตัวยิ่งเล็กๆอยู่ เย็นถึง -5 นี่ อย่าให้ตัวหดลงไปอีกเชียวนะ แย่เลย ....
ยุโรปปีนี้ก็อ่วมเลย ของน้องยังโชคดี แค่ -5 เอง ..
ploybabe
11-01-2010, 14:35
มาตอบป้าน้อย ค่ะ
พลอยเคยเปนอาการแบบเดียวกับพี่ติ๋ว 555
ตอนนั้น เดือนตุลาเองค่ะ แต่ตอน นั้นฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของจีนก็หิมะตกแล้ว แถมภูเขาก็สูงม๊ากมาก นอนในรถนี่ ผ้าห่มที่ติดกับหน้าต่างรถ เป็นน้ำแข็งเลย
เค้าจอดให้ฉี่ตอนเที่ยงคืน หิมะก็หนา หลืบซอกจะแอบก็ไม่มี แต่เอา เป็นไงเป็นกัน นึกดูว่านั่งเปิดก้นกันข้างทาง กลางกองหิมะ ที่ไม่รู้ว่ามันหนาเท่าไหร่ แต่ก่อนหน้านั่น เดินทีก็จมไปครึ่งแข้ง - -*
กลัวก็กลัว่าฉี่ออกมาจะแข็งโป้ก แต่ไม่ฉี่ก็ไม่ได้ ไม่ไหวแล้ว
ผลสรุป ไม่แข็งค่ะ แฮ่ ดีใจมาก ไม่งั้น คงต้องเอามือหักออกมา นึกสภาพไม่ออกเลย t_t
เบลูก้าน้อย
11-01-2010, 15:29
พี่ติ๋วกะน้องพลอยบรรยายซะเห็นภาพเลย >_<
ก๊ากกกก....เพิ่งอ่านเจอ...
น้องติ๋วกับน้องพลอยเล่าได้ตลกมาก...มองเห็นภาพ ตอนนั่งทุ่งหิมะแล้วเย็นวาบบบ...
โชคดีนะคะ ที่ไม่ต้องหักฉี่ตัวเอง...55555
เพิ่งได้อ่านกระทู้นี้เหมือนกันครับ สงสัยพลาดไปตอนช่วยแต่งงาน ..
อ่านแล้วสนุกนะเบอร์ดี้ ภาพก็สวยนะ ได้บรรยากาศ สมบุกสมบันจริงๆจ้า ..
ไปมั้ย ท้าลมหนาวกัน.. อยากไปแก้มือถ่ายรูปอ่ะ..
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.