View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานานไว้ด้วย ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกเกิดขึ้นได้บางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกในระยะนี้ไว้ด้วย
สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และการระบายอากาศในบริเวณดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 28-29 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
คาดหมาย
ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ตลอดช่วง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับในช่วงวันที่ 17 ? 18 เม.ย. 67 มีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง
สำหรับภาคใต้ในช่วงวันที่ 17 ? 18 เม.ย. 67 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 19 ? 23 เม.ย. 67 ลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลอันดามัน ประกอบกับมีลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่าง และภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค
ข้อควรระวัง
ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานานตลอดช่วง
ส่วนในวันที่ 17 ? 18 เม.ย. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Forcast_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Forcast_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Sat2.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Sat2.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Warning.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Warning.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
โลกร้อน ดินร้อน ทะเลเดือด เกิดปรากฏการณ์ 'หญ้านึ่ง' พะยูนตรังอาการหนัก หนีตายกระจัดกระจาย
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Matichon_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Matichon_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)
ภาพโดย คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วันที่ 17 เมษายน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก รายงานสถานการณ์หญ้าทะเลในพื้นที่อันดามัน และอ่าวไทย จากการที่ทางคณะประมงลงพื้นที่สำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีเนื้อหาต่อไปนี้
"สรุปผลสถานการณ์หญ้าทะเลไทยในขณะนี้ให้เพื่อนธรณ์ทราบ
ข้อมูลมาจากทริปที่ผมลงใต้ จากหน่วยวิจัยหญ้าทะเลสู้โลกร้อนของคณะประมง ของทีมสำรวจกรมทะเล และของคณะทำงานวิกฤตหญ้าทะเล
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ช่วยกันทำงานเต็มกำลัง
หญ้าทะเลภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ตั้งแต่ประจวบ-ปัตตานี ยังอยู่ในสภาพดี อาจมีที่ลดลงบ้างแต่ยังไม่รุนแรงจนเห็นชัด
อ่าวไทยฝั่งตะวันออก สภาพปกติ ยกเว้นแหล่งหญ้าใหญ่ที่ตราด สิ้นเดือนนี้ผมจะไปดู
หญ้าทะเลอันดามันเหนือ พบปัญหาบางจุดที่พังงา ต้องติดตาม แต่ที่อื่นยังอยู่ในสภาพปกติ
หญ้าทะเลอันดามันใต้ จังหวัดตรัง/กระบี่ตอนล่าง เกิดผลกระทบรุนแรง รวมถึงสตูลบางจุด
โลกร้อนทำให้ปัจจัยสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อเนื่องถึงกระบวนการในทะเล เช่น น้ำลงต่ำผิดปกติ
ยังทำให้น้ำร้อนจัด ดินร้อนจนเกิดปรากฏการณ์ ?หญ้านึ่ง? อันเป็นเรื่องใหม่ที่เราเพิ่งเคยเจอ
ปัจจัยสิ่งแวดล้อมแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ความเปลี่ยนแปลงจึงเกิดไม่เท่ากัน
การสำรวจพะยูนล่าสุด พบว่ากระจายตัวออกไปในพื้นที่กว้าง ไม่รวมฝูงหากินเหมือนเคย มีรายงานการพบเพิ่มมากขึ้นในจุดที่เคยมีน้อย
หมายถึงพะยูนกระจายกันหากิน บางส่วนเริ่มอพยพขึ้นเหนือ (ตรัง -> กระบี่ -> ภูเก็ต)
หลายฝ่ายช่วยกันหาทางแก้ปัญหา/ฟื้นฟู แต่มันไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะเมื่อโลกร้อนทะเลเดือดขึ้นทุกวัน
มันเป็นปัญหาถาวรและมีแต่แรงขึ้นเรื่อย ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะหน้าที่ไปแก้ต้นตอได้ง่ายๆ
หน่วยวิจัยหญ้าทะเลสู้โลกร้อน คณะประมง กำลังวางแผนขยายงานฟื้นฟูหญ้าไปที่สถานีคลองวาฬ ประจวบ (ผมเพิ่งเล่า) ขณะที่หน่วยงานอื่นๆ กำลังพยายามเต็มที่
นับจากนี้ เราต้องปกป้องแหล่งหญ้าที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุด
การพัฒนาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับแหล่งหญ้าฯ เบาได้เบาครับ".
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4529824
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ครม. เสนอ 'ทะเลสาบสงขลา' เป็น 'มรดกโลกทางวัฒนธรรม'
ครม. เห็นชอบ นำเสนอ 'ทะเลสาบสงขลา' เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นเพื่อพิจารณาเป็น 'มรดกโลกทางวัฒนธรรม' ให้ทันการประชุม ครั้งที่ 46 ในเดือนกรกฎาคม ประเทศอินเดีย
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Bkkbiz_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Bkkbiz_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)
วันที่ 9 เมษายน 2567 ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเอกสารนำเสนอ สงขลาและชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริม"ทะเลสาบสงขลา" ภายใต้ชื่อ Songkhla and its Associated Lagoon Settlements (เอกสารนำเสนอฯ) เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก
รวมทั้งเห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกลงนามในเอกสารนำเสนอฯ ต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส)
และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ นำเสนอเอกสารนำเสนอฯ เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลกต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ
ทส. จะต้องดำเนินการจัดส่งเอกสารนำเสนอฯ ให้ศูนย์มรดกโลก ภายในวันที่ 15 เม.ย. 2567 เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกเพื่อให้การรับรองในการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 21-31 กรกฎาคม 2567 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เพื่อให้สามารถจัดส่งเอกสารการนำเสนอเพื่อขอรับการพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกได้ในปี 2568
เนื่องจากสมาชิกจะต้องเสนอชื่อแหล่งมรดกฯ เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลกอย่างน้อย 1 ปี ก่อนขอรับการพิจารณาขึ้นทะเบียน ดังนั้นขั้นตอนการพิจารณาจริงจะเกิดขึ้นในปี 2568
แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ของประเทศไทย ปัจจุบัน มี 4 แหล่ง ดังนี้
- เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร
- นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร
- แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
- เมืองโบราณศรีเทพและโบราณสถานสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้อง
อยู่ระหว่างกระบวนการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรม จำนวน 2 แหล่ง ดังนี้
- อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
- แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมสงขลาฯ
สงขลาและชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา
อยู่ในพื้นที่ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา ได้แก่ อ.ระโนด, อ.สทิงพระ, อ.สิงหนคร, อ.เมืองสงขลา
เป็นทะเลสาบน้ำกร่อยเพียงแห่งเดียวของประเทศ และเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่มีการตั้งถิ่นฐานรอบทะเลสาบ มีความสำคัญทางวัฒนธรรมสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในโลก
เป็นต้นกำเนิดของวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับน้ำกร่อย ความเชื่อ ประเพณี การตั้งถิ่นฐานและเมืองต่าง ๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ
ทะเลสาบสงขลา
เป็นทะเลสาบแบบลากูน เป็นทะเลสาบน้ำกร่อยตามธรรมชาติ อยู่บริเวณชายฝั่งและเปิดเชื่อมต่อสู่ทะเล เป็นระบบนิเวศธรรมชาติที่มีความหลากหลายซับซ้อน ก่อให้เกิดเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม
มีการตั้งถิ่นฐานหลายแห่งบริเวณรอบทะเลสาบสงขลา มีการปรับตัวให้เหมาะสมกับระบบนิเวศทะเลสาบการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ส่งผลให้การตั้งถิ่นฐานพัฒนาจนกลายเป็นชุมชนและเมืองที่มีลักษณะเฉพาะ
และมีสิ่งก่อสร้างจากชุมชนเมืองโบราณที่อยู่ริมทะเลสาบสงขลา มีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ได้รับการปกป้องคุ้มครองไว้อย่างดี ปรากฎหลักฐานทางโบราณคดีจำนวนมาก
ประกอบด้วย 4 พื้นที่ คือ
- เมืองโบราณพังยาง เมืองโบราณพะโคะ และเมืองโบราณสีหยัง
- เมืองโบราณสทิงพระ
- เมืองป้อมค่ายซิงกอร่า
- เมืองเก่าสงขลา บ่อยาง
โดยแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมสงขลาฯ สามารถเข้าหลักเกณฑ์เพื่อประกอบการนำเสนอ ดังนี้
- เกณฑ์ข้อที่ 2 เป็นพื้นที่แสดงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนคุณค่าของมนุษย์ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
- เกณฑ์ข้อที่ 4 เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีการพัฒนาด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี หรืออุตสาหกรรม
- เกณฑ์ข้อที่ 5 เป็นตัวอย่างของขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรมหรือการตั้งถิ่นฐานมนุษย์
ทั้งนี้ ไม่มีแหล่งมรดกในบัญชีรายชื่อมรดกโลกที่เป็นทะเลสาบแบบลากูน และมีการตั้งถิ่นฐานที่แสดงให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนที่สำคัญกับอารยธรรมอื่น และเป็นตัวอย่างของการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์แบบดั้งเดิมที่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
การนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมสงขลาฯ เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม จะทำให้ไทยได้รับประโยชน์ กระตุ้นให้เกิดการอนุรักษ์และหวงแหนมรดกเมืองเก่าสงขลาและชุมชนริมทะเลสาบสงขลา ส่งเสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยว
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/judprakai/1122364
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
NOAA ประกาศ ปะการังฟอกขาวระดับ "หายนะ" ใน 3 มหาสมุทร 53 ประเทศ
SHORT CUT
- "ปะการังฟอกขาว" เกิดจากภาวะโลกร้อน อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ทำให้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเลและสัตว์ทะเล
- ปัจจุบันมี 53 ประเทศใน 3 มหาสมุทร เกิดปะการังฟอกขาวและจะมีเพิ่มขึ้นอีก ในทะเลไทย
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Springnews_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Springnews_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)
ดร.ธรณ์ เผย NOAA ประกาศ "ปะการังฟอกขาวระดับหายนะ" ถือเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ แสดงถึงความรุนแรงของโลกร้อนทะเลเดือด ล่าสุดมี 53 ประเทศใน 3 มหาสมุทร ไทยต้องเฝ้าระวัง ช่วงสิ้นเดือน เม.ย. ถึง พ.ค. เป็นช่วงวิกฤต แนะควบคุมการท่องเที่ยวบางพื้นที่ มีส่วนช่วยได้
ก่อนหน้านี้มีข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในประเทศไทย โดยคาดการณ์ว่าอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากปัจจัยต่างๆ รวมถึง ภาวะโลกรวน อาจทำให้เกิดเหตุปะการังฟอกขาวได้ในปีนี้ผลมาจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเลอย่างหนักโดยเฉพาะกับปะการังที่พบการเกิดปรากฏการณ์ฟอกขาวขึ้นเป็นวงกว้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลที่ใช้ประโยชน์จากแนวปะการังให้ขาดที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และที่หลบภัย
ล่าสุด ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า NOAA ประกาศ "ปะการังฟอกขาวระดับหายนะ" (Global Coral Bleaching Event) อย่างเป็นทางการ ถือเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ สองครั้งหลังเกิดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แสดงถึงความรุนแรงของโลกร้อนทะเลเดือด
ปัจจุบันมี 53 ประเทศใน 3 มหาสมุทร เกิดปะการังฟอกขาวแล้ว คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก ในทะเลไทย อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นในช่วงปลายมีนาคม/ต้นเมษายน แต่คงที่/ลดเล็กน้อยในช่วงสงกรานต์
ยังไม่พบปะการังฟอกขาวอย่างชัดเจนในขณะนี้ ต้องเฝ้าระวังปะการังฟอกขาวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงสิ้นเมษายน/ตลอดเดือนพฤษภาคม อันเป็นช่วงวิกฤต
การลดผลกระทบด้านอื่นๆ ในแนวปะการัง เช่น ตะกอน น้ำทิ้ง การท่องเที่ยว แพลงก์ตอนบลูม ฯลฯ เป็นเรื่องสำคัญในการเพิ่มความทนทานของระบบนิเวศ
การย้ายปะการัง เก็บสะสมพ่อแม่พันธุ์ ฯลฯ อาจจำเป็นหากเกิดฟอกขาวรุนแรง แต่ต้องทำอย่างรอบคอบ ภายใต้การดูแลของกรมทะเล/ผู้เชี่ยวชาญ
การลดจำนวนนักท่องเที่ยว ปิดบางพื้นที่ อาจจำเป็นแต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวควบคู่กันไป การสร้างแหล่งดำน้ำอื่นๆ เพื่อดึงคนออกจากแนวปะการัง มีส่วนช่วยได้ เช่น เรือปราบ/สัตกูด (ฟอกขาวในปี 2553)
เครือข่ายปะการังฟอกขาวของไทยเข้มแข็ง และจะติดตามต่อไป หากเพื่อนธรณ์พบพื้นที่ใดที่ปะการังเริ่มซีด ช่วยกันแจ้งเพื่อให้มีการตรวจสอบและประเมินให้เร็วทันเวลา
กลับจากใต้ พักแป๊บนึง จากนั้นผมจะไปทะเลตะวันออก ตามดูทั้งปะการังและหญ้าทะเล โลกร้อนกำลังส่งผลกระทบมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปะการัง หญ้าทะเล น้ำเขียว เต่าทะเล ฯลฯ
เหนื่อยครับ บอกตามตรง ก็ได้แต่หวังว่าเราจะช่วยกันรักษาทะเลให้มากที่สุด เพราะเธอกำลังอ่อนแออย่างไม่เคยเกิดมาก่อนเลย
https://www.springnews.co.th/keep-the-world/climate-change/849537
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
'ปะการังฟอกขาว' สะเทือนทั้งระบบนิเวศและความมั่นคงทางอาหารของมนุษย์
SHORT CUT
- ปะการังฟอกขาว เกิดจากการสูญเสียสาหร่าย Zooxanthellae จากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย
- ปะการังฟอกขาวทำให้ระบบนิเวศของแนวปะการังพังทลายลง สิ่งมีชีวิตในทะเลก็มีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ได้
- ปะการังฟอกขาวส่งผลความมั่นคงทางอาหาร และความปลอดภัย และสูญเสียสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติที่ดูดซับพลังคลื่นกระทบฝั่ง
https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Springnews_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670418_Springnews_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)
ช่วงนี้เราจะได้ยินข่าวปรากฎการณ์ 'ปะการังฟอกขาว' บ่อยขึ้น หลายคนอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่รู้ไหมว่านี่เป็นสัญญาณเตือนของโลกร้อน ที่เราควรเร่งมือลดการปล่อยมลพิษ และปะการังฟอกขาวนอกจากจะส่งผลบระบบนิเวศแล้วยังส่งผลกับความมั่นคงทางอาหารของมนุษย์ด้วย
NOAA ประกาศ "ปะการังฟอกขาวระดับหายนะ" ถือเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ แสดงถึงความรุนแรงของโลกร้อนทะเลเดือด ล่าสุดเกิดขึ้นใน 53 ประเทศใน 3 มหาสมุทร ซึ่งประเทศไทยต้องเฝ้าระวังในช่วงสิ้นเดือน เม.ย.-พ.ค. อาจเป็นช่วงวิกฤต
ปะการังฟอกขาวคืออะไร?
ปะการังสีซีดจาง หรือ ปะการังฟอกขาว เป็นการที่ปะการังสูญเสียสีสันสดใสและเปลี่ยนเป็นสีขาวจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย หากสภาพแวดล้อมในมหาสมุทรเปลี่ยนแปลง เช่น หากร้อนเกินไป ปะการังจะเครียดและขับสาหร่ายออกไป ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว
ปัจจุบันปะการังฟอกขาวอยู่ในระดับวิกฤตเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสภาพภูมิอากาศ และโลกร้อนอันเนื่องมาจากฝีมือของมนุษย์ ปัจจัยที่ทำให้ปะการังฟอกขาวมีหลายสาเหตุ เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป น้ำจืดไหลลงมาทำให้ความเค็มลดลง ตะกอนที่ถูกน้ำจืดไหลพัดพามาจากชายฝั่ง หรือมลพิษที่เกิดจากกิจกรรมทางทะเลของมนุษย์ ทั้งการปล่อยน้ำเสีย หรือใช้ครีมกันแดด
หากปะการังฟอกขาวจะส่งผลให้ปะการังตายลง แนวปะการังอาจไม่สามารถกลับเหมือนเดิมอีก ระบบนิเวศแนวปะการังทั้งหมดที่มนุษย์และสัตว์ป่าต้องพึ่งพาก็เสื่อมโทรมลง จากข้อมูลของสมาคมมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ ระหว่างปี 2014-2017 แนวปะการังเขตร้อนประมาณ 75% ของโลกประสบกับความเครียดจากความร้อนรุนแรงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดการฟอกขาว สำหรับแนวปะการัง 30% ของโลก ความเครียดจากความร้อนนั้นเพียงพอที่จะทำลายปะการังได้
ปะการังฟอกขาวส่งผลกระทบกับสัตว์ทะเลอย่างไร?
แนวปะการังเป็นแหล่งของระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก สัตว์ทะเลหลายพันตัวต้องอาศัยแนวปะการังเพื่อความอยู่รอด รวมถึงเต่าทะเล ปลา ปู กุ้ง แมงกะพรุน นกทะเล ปลาดาว และอื่นๆ แนวปะการังเป็นแหล่งพักพิง พื้นที่วางไข่ และการปกป้องจากผู้ล่า พวกมันยังมีความสำคัยกับสิ่งมีชีวิตและห่วงโซ่อาหารใต้ทะเลอีกด้วย เมื่อระบบนิเวศของแนวปะการังพังทลายลง สิ่งมีชีวิตในทะเลก็มีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ได้
ปะการังฟอกขาวส่งผลต่อมนุษย์อย่างไร?
การที่ปะการังสีซีดลงส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้คน ความมั่นคงทางอาหาร และความปลอดภัย แนวปะการังเป็นสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติที่ดูดซับพลังของคลื่นและคลื่นพายุ ทำให้ชุมชนชายฝั่งปลอดภัย
หากไม่มีแมวปะการังเราต้องพึ่งพากำแพงกันคลื่นที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งมีราคาแพง และมีประสิทธิภาพน้อยกว่า และยังกำแพงที่เป็นสิ่งก่อสร้างยังทำสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อไม่มีแนวปะการังจะทำให้ปลาและสัตว์จำพวกกุ้งจำไม่มีแหล่งวางไข่และเติบโต ชาวประมงจะได้่รับผลกระทบเมื่อแหล่งรายได้ประสบปัญหา นอกจากการท่องเที่ยวแนวปะการังยังได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวอาจหดหาย คนอาจตกงานมากขึ้น
ที่มา : WWF / ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา
https://www.springnews.co.th/keep-the-world/environment/849541
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions, Inc.