สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2567

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์น้อย เนื่องจากในบริเวณดังกล่าวมีฝนตกหลายพื้นที่ และการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 13 ? 15 พ.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรง และฝนตกหนักบางแห่งในระยะแรก

ส่วนในช่วงวันที่ 16 ? 18 พ.ค. 67 จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรง และฝนตกหนักบางแห่ง

สำหรับภาคใต้ ในช่วงวันที่ 13 ? 15 พ.ค. 67 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนในช่วงวันที่ 16 ? 18 พ.ค. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 13 ? 15 พ.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฝนตกหนักบางแห่ง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย

ส่วนในช่วงวันที่ 16 ? 18 พ.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Forcast_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Forcast_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Sat2.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Sat2.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


นาทีประทับใจ! ชาวประมงสตูลช่วย "กระเบนนก" สัตว์หายากของโลกกลับคืนสู่ทะเล

สตูล - ชาวประมงสตูลช่วย "กระเบนนก" สัตว์หายากของโลกกลับคืนสู่ทะเล หลังติดมากับอวนหาปลา ไต๋เรือเผยออกทะเลมากว่า 30 ปี เพิ่งเคยเจอกระเบนนกเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Mgr_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Mgr_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

วันนี้ (12 พ.ค.) นายนาวิน มานะกิจสมบูรณ์ อายุ 40 ปี ไต๋เรือประมงพาณิชย์ ชื่อว่า ป.โชคประพาภรณ์ 1 ได้ส่งคลิปวิดีโอที่มีความยาวประมาณ 4 นาที ให้ผู้สื่อข่าวพร้อมแจ้งว่า วันนี้ออกไปหาปลากลางทะเลฝั่งอันดามัน หลังเกาะเกียงในพื้นที่ทะเลจังหวัดสตูล และออกวางจับสัตว์น้ำปลาทูได้จำนวนมาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่จับได้และต้องผงะนั่นคือ "กระเบนนก" ซึ่งเป็นสัตว์หายากของโลก เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ขณะที่ในไทยเคยเจอครั้งก่อน เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2561 เคยโผล่อวดโฉมและนักดำน้ำไทยถ่ายภาพได้ที่เกาะพีพี จ.กระบี่

นายนาวิน กล่าวว่า ตนพร้อมลูกน้องออกทะเลมานานเป็น 30 ปีแล้ว มักจับเจอสัตว์น้ำตัวใหญ่มามากมาย และปล่อยคืนสู่ท้องทะเลธรรมชาติเป็นประจำ แต่เจอปลากระเบนนกเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น ปัจจุบันที่จับได้แล้วปล่อยคือ ตัวที่ 2 นั่นเอง ส่วนใครสนใจอยากดูปลาทะเล สามารถติดตามติ๊กต็อกส่วนตัวของตนได้ ใช้ชื่อว่า ?ไต๋บอล อวนดำซิ่ง? มีผู้ติดตาม 59.2K คนถูกใจ 1.4M และคลิปที่จับปลาติดปลากระเบนนก และปล่อยคืนสู่ท้องทะเลมีคนเข้าชมถึง 72.4K

สำหรับปลากระเบนนกตัวนี้เราใช้ลูกเรือ 5-10 คนช่วยกันยกดันเขาปล่อยคืนสู่ท้องทะเลได้อย่างปลอดภัย เพราะตนจะทำงานจับปลา แต่ไม่เคยคิดจับสัตว์น้ำตัวใหญ่ สิ่งที่เคยจับมาได้และปล่อยมักจะได้วาฬ เต่า และล่าสุดปลากระเบนนกตัวนี้ จะปล่อยเพราะสัตว์น้ำตัวใหญ่ เปรียบเสมือนเจ้าแห่งท้องทะเล

สำหรับข้อมูลปลากระเบนนก มีชื่อสามัญว่า Spotted Eagle Ray ชื่อวิทยาศาสตร์: Aetobatus narinari ปลากระเบนนก หรือ ปลากระเบนเนื้อดำ มีอีกชื่อว่าปลากระเบนจุดขาว หรือบางคนเรียกว่าปลากระเบนค้างคาว เป็นปลากระดูกอ่อนในวงศ์ Myliobatidae อาศัยอยู่ในทะเล ส่วนใหญ่หากินตามพื้นท้องน้ำที่เป็นโคลนและบริเวณปากแม่น้ำ

สำหรับกระเบนนก มีคนตั้งฉายาว่า "วิหคแห่งท้องทะเล" เป็นชื่อเรียกของกระเบนในกลุ่มนี้ มีทั้งชนิดที่เรียกว่า Aetobatus ocellatus ซึ่งมีสภานภาพเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (Vulnerable) ในระดับโลก พบกระจายอยู่ในมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก พบเห็นได้ยากในน่านน้ำไทย

ส่วนอีกชนิด Aetobatus Narinari พบเฉพาะในแอตแลนติกในกลุ่มกระเบน ถูกจัดอยู่ในบัญชีแดง (Red List) ที่องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ไอยูซีเอ็น) ขึ้นสถานะ VU คือมีความเสี่ยงมากที่จะสูญพันธุ์ และทั้ง 2 ชนิดจัดอยู่ในสัตว์ที่มีปริมาณลดน้อยลง

กระเบนนก เป็นปลาที่ออกลูกเป็นไข่ แต่ไข่จะฟักในท้องแม่ก่อนจะคลอดออกมาเป็นตัวปลา โดยศัพท์วิชาการเรียกกลุ่มนี้ว่า ovoviviparous โดยจะออกลูกครั้งละ 1-6 ตัว ขนาดโตเต็มที่ลำตัวมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร


https://mgronline.com/south/detail/9670000041031

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ออกมาตรการล้อมคอกป้องกัน "พะยูน" ถูกทำร้าย เฉพาะทะเลกระบี่ตายไปแล้ว 10 ตัว

กระบี่ - "พะยูนตายล้อมคอก" อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ วางมาตรการคุมเข้มป้องกัน "พะยูน" ถูกทำร้าย พะยูนที่ตายเพิ่งอพยพเข้ามาหากินหญ้าทะเล

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Mgr_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Mgr_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ในพื้นที่มีแหล่งหญ้าทะเลในพื้นที่แนวชายฝั่ง บริเวณอ่าวทึง ตำบลอ่าวนาง และ อ่าวน้ำเมา ตำบลไสไทย อำเภอเมืองกระบี่ จึงพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีพะยูน รวมถึงสัตว์ทะเลหายาก เช่น เต่าทะเลมาหากินต่อเนื่อง เพื่อเป็นการอนุรักษ์คุ้มครองสัตว์ทะเลหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ และเป็นการอนุรักษ์พะยูนและแหล่งหญ้าทะเลที่อาจได้รับผลกระทบอันเกิดจากการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยว กิจกรรมประมง

นายยุทธพงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับพะยูนที่ตายล่าสุดเนื่องจากถูกใบพัดเรือสปีดโบ๊ตฟันที่หัวได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะตายในเวลาต่อมา เป็นพะยูนที่เพิ่งอพยพเข้ามาหากินในทะเลกระบี่ ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เข้าให้การช่วยเหลือ แต่พะยูนตายในเวลาต่อมา

ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุกับพะยูนอีก จึงกำหนดมาตรและข้อปฏิบัติในการอนุรักษ์พะยูนและแหล่งหญ้าทะเล ตามประกาศฉบับลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 และขอความร่วมมือผู้ประกอบการนำเที่ยว ประชาชน และนักท่องเที่ยวในการช่วยกันประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ในการช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากที่พบในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่า

โดยขอความร่วมมืองดการเดินเรือในแหล่งหญ้าทะเล และหากจำเป็นต้องเดินเรือผ่านแนวเขตหญ้าทะเล และพื้นที่เสี่ยงในการอพยพเคลื่อนย้ายพะยูน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 3 นอต และไม่เกิน 20 นอต ในพื้นที่ชายฝั่งที่เป็นเขตการแพร่กระจายพะยูน ห้ามทำการประมงทุกชนิดบริเวณพื้นที่แหล่งหญ้าทะเล
ห้ามมิให้จัดกิจกรรมเที่ยวชมพะยูน หรือใช้เรือวิ่งไล่ต้อนเมื่อพบเห็นพะยูน หากมีการพบเห็นพะยูน หรือสัตว์ทะเลหายากให้เรือชะลอความเร็วลงและเว้นระยะห่างจากสัตว์ทะเลหายาก

ข้อมูลปี 2567 พบพะยูนตายในทะเลกระบี่ จำนวน 10 ตัว และตัวล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ถูกใบจักรเรือฟันที่หัว เหตุเกิดทางเข้าท่าเรือคลองแห้ง ต.อ่าวนาง จ.กระบี่


https://mgronline.com/south/detail/9670000040953

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ทัพเรือภาค 2 ผนึกตร.น้ำ จับเรือประมงเวียดนาม 5 ลำ ลูกเรือ 25 คน รุกน่านน้ำไทย

ทัพเรือภาค 2 ผนึกตร.น้ำ จับเรือประมงเวียดนาม 5 ลำ ลูกเรือ 25 คน รุกน่านน้ำไทย บริเวณปากร่องน้ำสงขลา คุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Khaosod_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Khaosod_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

วันที่ 12 พ.ค. 2567 ทัพเรือภาคที่ 2 จับกุมเรือประมงสัญชาติเวียดนาม 5 ลำ พร้อมผู้ควบคุม และลูกเรือ 25 คน บริเวณแบริ่ง 143 ระยะ 40 ไมล์ จากปากร่องน้ำสงขลา มายังท่าเทียบเรือ ฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม และส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2567 พล.ร.ท.พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 รับแจ้งว่ามีกลุ่มเรือประมงต่างชาติ เข้ามาทำการประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทย ปากร่องน้ำสงขลา

จึงสั่งการให้เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 และกองกำกับการ กองบังคับการตำรวจน้ำ จัดกำลังประกอบด้วย เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง 236 ชุดปฏิบัติการพิเศษ 4 นาย พร้อมด้วยเรือยางและอุปกรณ์ จำนวน 1 ลำ เรือตำรวจน้ำ หมายเลข 352 และเรือ RHIB เข้าตรวจสอบ จนพบกลุ่มเรือประมงสัญชาติเวียดนาม 5 ลำ

เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหา จำนวน 3 ข้อหา ได้แก่ ใช้เรือประมงไร้สัญชาติทำการประมงในเขตการประมงไทย, ร่วมกันทำการประมงพาณิชโดยไม่มีใบรับอนุญาตทำการประมง และทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต?

จากรายงานการจับกุมเรือประมงต่างชาติในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 ในปีงบประมาณ 2567 ตั้งแต่ ต.ค. 2566 จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมทั้งหมด 7 ครั้ง รวมเรือ 12 ลำ ผู้ควบคุมเรือ พร้อมลูกเรือ 61 คน


https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8228779

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


'ทะเลขึ้นรา'...ปรากฏการณ์ภาพหาดูยากยิ่ง

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Naewna_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670513_Naewna_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2567 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" ระบุว่า ภาพแสงเหนือขึ้นเต็มฟีด ขอผมลงบ้าง นี่คือภาพหาดูยากยิ่ง "ทะเลขึ้นรา" จะเกิดเมื่อก๊าซเรือนกระจกสะสมอยู่เต็มฟ้า อุณหภูมิโลกสูงทะลุขีดจำกัด น้ำทะเลร้อนเกินเส้นวิกฤต ปะการังฟอกขาวเห็นชัดแม้บินสูงเท่านก ก่อเกิดเป็นปรากฏการณ์ทะเลขึ้นรา จากนั้นทุกอย่างก็ตายหมดสิ้น โลกลุกเป็นไฟ ตายหมดท้องทะเล


https://www.naewna.com/likesara/804264