PDA

View Full Version : สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2567


สายน้ำ
10-07-2024, 01:36
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตอนบน ประกอบกับมีแนวลมพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม

สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 10 ? 11 ก.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้ละลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกและอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 12 ? 15 ก.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับในช่วงวันที่ 14 ? 15 ก.ค. 67 ร่องมรสุมกำลังแรงจะพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ตอนกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 12 ? 15 ก.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 14 ? 15 ก.ค. 67


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Forcast_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Forcast_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Sat2.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Sat2.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)


https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Warning02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

สายน้ำ
10-07-2024, 02:26
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ผู้ว่าการ กทพ.ประเมินสร้างสะพานข้ามเกาะช้างขั้นต่ำใช้งบ 10,000 ล้าน

ผู้ว่าการ กทพ.ประเมินสร้างสะพานข้ามเกาะช้าง จังหวัดตราด ขั้นต่ำใช้งบ 10,000 ล้านบาท

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Naewna_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Naewna_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 9 ก.ค.67 ที่ห้องประชุพลอยแดง ศาลากลางจังหวัดตราด นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พร้อมคณะศึกษางานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดตราด (คณะกรรมการ กรอ.จังหวัดตราด) เพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูล "โครงการทางการพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด" เบื้องต้นคณะศึกษาฯ จะรับฟังและทบทวนแนวเส้นทางเชื่อมเกาะช้างจำนวน 2 แนว คือ เส้นทางที่ 1 ระยะ 8.20 กิโลเมตร เส้นทางที่ 2 ระยะทาง 5.59 กิโลเมตร

จากการศึกษาเดิมพบว่าเส้นทางที่ 1 (เส้นสีชมพู) ระยะ 8.20 กิโลเมตร เริ่มต้น : บ้านยายม่อม - บ้านหนองเตียน อ.แหลมงอบ จ.ตราด จุดสิ้นสุด : หน้าโรงพยาบาลเกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ประชาชนชาวอำเภอแหลมงอบและอำเภอเหาะช้าง มีมติเสียงข้างมาก 472 เสียง จาก 476 เสียง ในเวทีรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชนเมื่อวันที่ 9 และ 10 กุมภาพันธ์ 2566

ส่วนแนวเส้นทางเลือกที่ 2 (เส้นสีเขียว) ระยะทางประมาณ 5.59 กิโลเมตร จุดเริ่มต้น : บนถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 4006 บริเวณบ้านธรรมชาติล่างต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด (ใกล้เคียงท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติ อ.แหลมงอบ) จุดสิ้นสุด : บนถนน อบจ.ตร. บริเวณอ่าวสับปะรดต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด (ใกล้เคียงท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวสับปะรด อ.เกาะช้าง)

นายนายครรชิต วิลัยศิลป์ วิศวกรงานทางอาวุโสกล่าวว่า คณะศึกษาได้กำหนดจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของโครงการ เพื่อให้ได้แนวเส้นทางที่มีความเหมาะสมที่สุด โดยแนวเส้นทางที่ 1 จุดเริ่มต้นมีทั้งหมด 3 จุด จุดสิ้นสุดมีทั้งหมด 2 จุด แนวเส้นทางที่ 2 จุดเริ่มต้น 2 จุด จุดที่สิ้นสุด 3 จุด และการพิจารณาแนวเส้นทางนั้น จะต้องพิจราณา ทิศทางของกระแสลม ,เส้นทางการเดินเรือชนิดต่าง ๆ, ความลึกของท้องทะเล, ทิศทางการไหลของกระแสน้ำทะเล, ความเร็วของกระแสน้ำทะเล รวมทั้งหลีกเลี่ยงกานเกิดผลกระทบต่อพื้นที่อ่อนไหงด้านสิ่งแวดล้อม เช่น พื้นที่ปะการัง,หญ้าทะเล,ที่อยู่อาศัยปลาโลมา ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณา "โครงการทางการพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด" มี 3 ด้านคือ ด้านวิศวกรรม ด้านเศษรฐกิจและการลงทุน ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการศึกษา 24 เดือน

นายสมเกียรติ โมครัตน์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงตราดและนายจตุพิธ นามสนิท ผู้อำนวยแขวงการทางหลวงชนบทตราด ได้แนะนำให้คณะศึกษาให้หลีกเส้นทางที่อาจจะเวนคืน เพราะจะต้องเสียเวลาการเวนคืนอีก 2 ปี ซึ่งแนวเส้นทางที่ 1 ถนนเส้น 3156 เหมาะสมที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ

หลังจบการประชุมแล้วนายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการรับฟังความคิดเห็นของชาวตราดที่เข้ามาสะท้อนความรู้สึกร่วมกันว่า ต้อบการได้สะพานข้างเกาะช้างเป็นเสียงเดียวกัน วันนี้การทางพิเศษฯได้รับมอบหมายจากกระทรวงคมนาคมให้มาศึกษาถึงเรื่องความเป็นไปได้ในการก่อสร้างทางด่วนหรือสะพานข้ามเกาะช้าง ที่ผ่านมาได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาศึกษาความเหมาะสมและพบว่า มีข้อเสนอแนะพิเศษบางเรื่องที่การทางพิเศษต้องได้รับข้อมูลเพิ่มเติม

วันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้ามารับฟังข้อคิดเห็นและรับรู้ว่าชาวตราดมีความต้องการอยากได้สะพาน ข้ามเกาะช้างมากเรารู้ดีว่าโครงการขนาดใหญ่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะเส้นทางที่สะพานจะเชื่อมไปยังฝั่งเกาะช้างว่าจะอยู่บริเวณไหนวันนี้เป็นการแสดงคอมเมนต์ว่าการทางพิเศษจะทำโครงการไปได้ถึงไหน ซึ่งทุกโครงการที่ทำเชื่อว่าไม่ว่าจะทำพื้นที่บริเวณไหนก็จะสร้างความเจริญให้กับจังหวัดตราดซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้กับจังหวัดตราดและเกาะช้าง ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย จึงเป็นโอกาสที่ดีในการที่จะเข้ามาดูพื้นที่และเข้าไปศึกษาสภาพพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างทั้งฝั่งอำเภอแหลมงอบและฝั่งอำเภอเกาะช้างและเชื่อว่าภายในสองปีนี้จะมีการลงพื้นที่ของการทางพิเศษอย่างต่อเนื่องและได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนในการดำเนินนโยบายของทางรัฐบาลให้มีความสมบูรณ์และเป็นประโยชน์กับทางจังหวัดตราด

"สำหรับการประเมินค่าก่อสร้างในการสร้างสะพานข้ามก่อสร้างครั้งนี้ประเมินไว้ขั้นต่ำประมาณ 10,000 ล้านบาทแต่ผมยังไม่ต้องการที่จะนำมาเป็นปัจจัยในการกำหนดกำหนดโครงการเนื่องจากยังยังต้อง ยังต้องพิจารณาเงื่อนไขหลายหลายอย่างร่วมกันเนื่องจาก ยังต้องเดินทางมาศึกษาผลกระทบอีกหลายครั้งจึงยังไม่ต้องการที่จะพูดอะไรมากกว่านี้เพราะอาจจะมีการปรับเปลี่ยนในภายหลังได้แต่สิ่งที่จะยืนยันกับพี่น้องประชาชนชาวตราดในขณะนี้ก็คือการทางพิเศษ ยืนยันว่าจะทำโครงการนี้ให้ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด"

จากนั้นคณะของผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้เดินทางไปพร้อมกับนายสมเกียรติ สมรรถการ ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาความคิดเห็นของชาวตราดเรื่องสะพานข้ามเกาะช้าง ไปยังพื้นที่ที่ได้มีการศึกษาไว้เบี้ยงต้น 2 จุด ก่อนที่คณะได้เดินทางไปยังอำเภอเกาะช้างเพื่อตรวจสอบพื้นที่เชื่อมสะพานที่ฝั่งอำเภอเกาะช้าง ที่มีนายสัญญา เกิดมณี นายกเทศบาลตำบลเกาะช้างนำไป


สำหรับไทม์ไลน์ "โครงการทางการพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด" มีดังนี้

ปี พ.ศ. 2567 - 2569 ดำเนินการศึกษาความเหมาสม ฯ
ปี พ.ศ. 2569 - 2572 ขออนุมัติ EIA และขออนุมัติโครงการ คัดเลือกผู้รับจ้าง
ปี พ.ศ. 2572 ดำเนินการก่อสร้างโครงการ
ปี พ.ศ. 2576 เปิดใช้สะพาน


https://www.naewna.com/local/815348

สายน้ำ
10-07-2024, 02:29
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


เฉลยความลับ! ทำไม "ฉลามกรีนแลนด์" อายุยืนที่สุดในโลก ก็แค่ขยับให้น้อย


SHORT CUT

- ปัจจัยเดิม ที่ทำให้ฉลามกรีนแลนด์มีอายุยืน คือสภาพแวดล้อมเย็นและการเคลื่อนไหวน้อย

- แต่มีการค้นพบปัจจัยใหม่เพิ่มเติมพบว่า ระบบเผาผลาญของกล้ามเนื้อฉลามกรีนแลนด์ไม่เปลี่ยนแปลงตามอายุ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีอายุยืน

- งานวิจัยนี้ยังไม่สมบูรณ์ ทีมวิจัยต้องการศึกษาต่อเรื่องผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ รวมถึงระบบหัวใจฉลามเพิ่มเติม

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Springnews_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Springnews_01.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)


"ฉลามกรีนแลนด์" ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีอายุยืนที่สุดในโลก โดยพวกมันจะมีอายุขัยอยู่ที่ระหว่าง 270-500 ปี และก่อนหน้านี้มีการค้นคว้าว่า ปัจจัยที่ทำให้พวกมันมีอายุยืนเกิดจากสภาพแวดล้อมที่อยู่ในที่ที่มีอากาศเย็น และการเคลื่อนไหวน้อยๆ

แต่ตอนนี้ ยังมีการค้นพบปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติม ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับการอนุรักษ์ "ฉลามกรีนแลนด์" และถ้าหากมีการไขความลับได้เพิ่มขึ้น ก็อาจจะนำมาปรับใช้เป็นศาสตร์การชะลอวัยในมนุษย์ได้ด้วย

ผลการศึกษาของศูนย์ Society for Experimental Biology ในประเทศกรีซพบว่า ระบบเผาผลาญของกล้ามเนื้อหรือ muscle metabolic อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฉลาดกรีนแลนด์ เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีอายุยืนมากที่สุดในโลก โดยนักวิจัยเชื่อว่า ผลลัพธ์จากการค้นคว้าจะเป็นข่าวดีสำหรับการอนุรักษ์ฉลามสายพันธุ์ดังกล่าว และเป็นผลดีต่อสุขภาพของมนุษย์

โดยส่วนใหญ่แล้ว สัตว์เกือบทุกสายพันธุ์จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ระบบเผาผลาญเมื่อมีอายุมากขึ้น และทางทีมวิจัยต้องการค้นคว้าว่า ฉลามกรีนแลนด์เองก็มีการส่งสัญญาณที่แสดงออกถึงการมีอายุมากขึ้น หรือระบบเผาผลาญของพวกมันเป็นอย่างไรบ้างเมื่อแก่ขึ้น

ทีมศึกษาใช้วิธีวัดระบบเผาผลาญของฉลามกรีนแลนด์ ด้วยการวิเคราะห์เอนไซม์ตัวอย่างเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อของพวกมัน และใช้อุปกรณ์สเปกโตรโฟโตมิเตอร์เข้ามาช่วย ศึกษาฉลามที่มีอายุต่างกันและอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่างกัน

ผลการศึกษาพบว่า ไม่พบการเปลี่ยนแปลงในระบบเผาผลาญของกล้ามเนื้อสำหรับฉลามที่มีอายุต่างกัน

"หมายความว่า ระบบเผาผลาญของพวกมันไม่ได้มีความสามารถลดลงเมื่อพวกมันมีอายุมากขึ้น ซึ่งนี่อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญของการมีอายุยืน"

หัวหน้าทีมวิจัยเผยว่า สิ่งนี้จะแตกต่างจากสัตว์ส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในระบบเผาผลาญเมื่อมีอายุมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยทีมงานตั้งใจจะศึกษาต่อเพื่อทำความเข้าใจเรื่องระบบเผาผลาญของฉลามกรีนแลนด์ และศึกษาว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศส่งผลอย่างไรก็ต่อพวกมันบ้าง นอกจากนี้ ยังต้องการศึกษาในประเด็นที่สามารถนำมาปรับใช้กับมนุษย์ได้ โดยเฉพาะการศึกษาระบบหัวใจของพวกมัน เพื่อที่เราจะได้เข้าใจเรื่องสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือดของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น


ที่มา : Euronews
Photo : Reuters


https://www.springnews.co.th/keep-the-world/environment/851403

สายน้ำ
10-07-2024, 02:33
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


เปิดผลชันสูตรซาก 'วาฬบรูด้า' เกยตื้นเกาะพะลวย ทช. คาด เจ็บป่วยตามธรรมชาติ

https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Springnews_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds (https://hosting.photobucket.com/images/aa455/saveoursea/670710_Springnews_02.jpg?width=960&height=720&fit=bounds)

กระทรวงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แถลงผลชันสูตรซากวาฬบรูด้า เกยตื้นตายที่ เกาะพะลวย จ.สุราษฎร์ธานี ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี ทิ้งท้ายไว้ด้วยการเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันปกป้อง คุ้มครอง และรักษาวาฬบรูด้า

จากกรณีที่ชาวประมงพบวาฬบรูด้าเกยตื้น บริเวณอ่างสอง เกาะพะลวย ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และได้มีความพยายามยื้อชีวิต ?พี่ใหญ่แห่งท้องทะเล? อยู่นานถึง 3 ชม. แต่ไม่เป็นผล

"ผมช่วยเต็มที่แล้วครับ ขอให้วาฬตัวนี้ไปสู่สุขคติ" ธีระพงค์ ทองมาก ชาวบ้านสุราษฎร์ธานี กล่าว

เวลาล่วงเลยผ่านไปสามวัน ขณะนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้เปิดเผยผลผ่าพิสูจน์ซากวาฬบรูด้าออกมาแล้ว


วันนี้ (9 ก.ค. 67) ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า หลังเกิดกรณีดังกล่าว ตนได้สั่งการให้ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง เร่งลงพื้นที่ร่วมกับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง

ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง, สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 และอุทยานหมู่เกาะอ่างทอง ผ่าชันสูตรซากวาฬบรูด้าเกยตื้นดังกล่าว


ผลผ่าพิสูจน์ซากวาฬบรูด้า เกาะพะลวย

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นวาฬบรูด้าเพศผู้ วัยรุ่น ความยาว 9.6 เมตร น้ำหนักประมาณ 5 ตัน สภาพซากสด ผอม มีแผลถลอกตามลำตัว โดยผลชันสูตรพบฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมากในหลอดลม แขนงหลอดลมและปอด

สาเหตุการตายสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเกิดจากการเจ็บป่วยตามธรรมชาติ ทำให้เกยตื้นและเสียชีวิต ซึ่งมีการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อเพื่อนำไปศึกษาหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดต่อไป


ทช. เผย ขอลุยปกป้องวาฬบรูด้า และสัตว์หายากเต็มที่

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยอีกว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีการออกสำรวจวาฬบรูด้า ทั้งทางเรือและทางอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินจำนวนประชากรและจัดทำฐานข้อมูลสัตว์ทะเลหายากในประเทศไทย เพื่อยกระดับความสำคัญของการอนุรักษ์วาฬบรูด้า ควบคู่ไปกับการคุ้มครองตามมาตรการทางกฎหมาย

รวมถึงดำเนินการช่วยชีวิตหากพบการเกยตื้น เพื่อรักษาฟื้นฟูสุขภาพวาฬบรูด้าก่อนปล่อยคืนสู่ท้องทะเล ตลอดจนการชันสูตรหาสาเหตุและแนวทางป้องกันในการลดการสูญเสีย พร้อมทั้งเสริมสร้างและอบรมเครือข่ายในการช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น และลดอัตราการเสียชีวิต

ดร.ปิ่นสักก์ ทิ้งท้ายไว้ด้วยการเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันปกป้อง คุ้มครอง และรักษาวาฬบรูด้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ที่นับวันจะสูญพันธุ์ไปจากท้องทะเลไทย

โดยสามารถเริ่มต้นจากการลดการทิ้งขยะลงในทะเล ทำประมงอย่างถูกกฎหมาย เดินเรือให้ห่างจากแหล่งอาศัยของวาฬบรูด้า และท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ตลอดจนช่วยกันสอดส่องดูแลหากพบเจอวาฬบรูด้าหรือสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ หรือโทรไปที่ 1362 สายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


ที่มา: กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง


https://www.springnews.co.th/keep-the-world/environment/851413