สายน้ำ
02-02-2010, 07:34
นักอนุรักษ์เผยมีใบสั่งจ้างล่าฉลามวาฬ
นักอนุรักษ์เตือนภัย ใบสั่งเศรษฐีจ้างล่าฉลามวาฬในเขตทะเลชุมพรตัวละ 1-2 แสนบาท เพื่อเอากระดูกไปทำเครื่องราง เครื่องประดับเช่นเดียวกับงาช้าง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ นายดำเนิน วรพันธ์ หัวหน้าหน่วยบรรเทาภัยอาภากร (จ.ชุมพร) สมาคมอาสาสมัครบรรเทาภัยแห่งประเทศไทย ได้รับแจ้งจากนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร ว่า พบเต่าทะเลตายเกยหาดที่บริเวณอ่าวบ้านหินกบ หมู่ 6 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร ใกล้กับสนามบินชุมพร จึงนำอาสาสมัครเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าเป็นเต่าตนุ ยาวประมาณ 1 เมตร น้ำหนักราว 25-30 กิโลกรัม อายุ 2-3 ปี
ตรวจสอบพบว่า กระดองมีรอยแตกร้าว ท้องแตก ไส้ทะลัก ตายมาแล้วประมาณ 1-2 วัน
สันนิษฐานว่าน่าจะโดนใบพัดเรือตี หรือติดอวนเรือประมงแล้วลอยมาเกยหาดบริเวณดังกล่าว ซึ่งนายดำเนินได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อมาเก็บข้อมูลนำไปตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
นายดำเนินกล่าวว่า ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบเต่าตนุตายแล้ว 4 ตัว โดยพบที่
- บริเวณหาดบ่อเมา และหาดแหล่มแท่น หมู่ที่ 1 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จำนวน 2 ตัว
- ที่ชายหาดเกาะพิทักษ์ อ.หลังสวน จ.ชุมพร 1 ตัว
- ล่าสุดพบที่หาดบ้านหินกบ หมู่ 6 ต.ชุมโค อ.ปะทิว อีก 1 ตัว ทั้ 4 ตัวพบว่าตายในลักษณะเดียวกัน
นอกจากนี้ ในเดือนเดียวกันยังพบปลาโลมาหัวบาตรตายที่หาดบ่อเมา หมู่ที่ 1 ต.ชุมโค อ.ปะทิว 1 ตัว และหาดทุ่งวัวแล่น หมู่ที่ 5 ต.สะพลี อ.ปะทิว อีก 1 ตัว
เขากล่าวว่า สาเหตุการตายของสัตว์ทะเลเหล่านี้ มีทั้งติดอวน ติดเบ็ด ใบพัดเรือตี และกินถุงพลาสติกจนไปติดอยู่ในกระเพาะ โดยเฉพาะเรืออวนลอยและเรือเบ็ดราว ที่เป็นประมงเชิงพาณิชย์ วางเครื่องมือประมงดังกล่าวจับปลากลางทะเล ซึ่งมีความยาว 5-10 กม. ทำให้เต่าหรือปลาโลมาติดแล้วดิ้นหลุด แต่จะบาดเจ็บสาหัสและต้องตายในเวลาต่อมา ส่วนถุงพลาสติกส่วนใหญ่จะมาจากเกาะที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวกันจำนวนมาก และชาวประมงที่ใช้ใส่เครื่องอุปโภคบริโภคแล้วทิ้งลงทะเล ทำให้เต่ากินเข้าไปแล้วตายในที่สุด
สำหรับทะเลอ่าวไทยด้าน จ.ชุมพร ถือเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งเพาะพันธุ์วางไข่เลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำ โดยเฉพาะในช่วงระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 15 พฤษภาคม ของทุกปี กรมประมงจะประกาศปิดอ่าวห้ามจับปลาช่วงฤดูว่างไข่ เพื่อให้สัตว์น้ำวางไข่เลี้ยงตัวอ่อนเป็นเวลา 3 เดือน ทำให้สัตว์ใหญ่ประเภทฉลามวาฬ ปลาวาฬ โลมา พะยูน เต่าตนุ เข้ามาหากินอยู่ในแหล่งอาหารดังกล่าวจำนวนมาก
นายดำเนินกล่าวด้วยว่า ตนในฐานะนักอนุรักษ์คนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร มานานหลายปี ล่าสุดได้รับข้อมูลจากผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในพื้นที่หาดทุ่งวัวแล่น ต.สะพลี อ.ปะทิว ว่าขณะนี้มีชาวประมงกลุ่มหนึ่งมาจากต่างถิ่น รับใบสั่งจากกลุ่มนายทุนและนักสะสมของหายาก เข้ามาล่าปลาวาฬและฉลามวาฬ ซึ่งมีเหลืออยู่ประมาณ 3-5 ตัว บริเวณเกาะร้านเป็ด เกาะร้านไก่ และเกาะง่ามเล็ก เกาะง่ามใหญ่ ในราคาตัวละ 1-2 แสนบาท เพื่อจะเอากระดูกไปทำหัวเข็มขัด หัวแหวน และเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ โดยเฉพาะกระดูกซี่โครงขนาดใหญ่ของปลาฉลามวาฬและปลาวาฬ ที่มีสีขาว ลักษณะเว้าโค้งเหมือนงาช้าง กำลังเป็นที่ต้องการของคนมีเงิน เพื่อซื้อไปประดับบ้านและร้านอาหารหรู ในราคาคู่ละ 2-3 หมื่นบาท จึงต้องฝากถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตรวจสอบและหามาตรการป้องกันปัญหาอย่างจริงจังด้วย.
จาก : ไทยโพสต์ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553
นักอนุรักษ์เตือนภัย ใบสั่งเศรษฐีจ้างล่าฉลามวาฬในเขตทะเลชุมพรตัวละ 1-2 แสนบาท เพื่อเอากระดูกไปทำเครื่องราง เครื่องประดับเช่นเดียวกับงาช้าง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ นายดำเนิน วรพันธ์ หัวหน้าหน่วยบรรเทาภัยอาภากร (จ.ชุมพร) สมาคมอาสาสมัครบรรเทาภัยแห่งประเทศไทย ได้รับแจ้งจากนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร ว่า พบเต่าทะเลตายเกยหาดที่บริเวณอ่าวบ้านหินกบ หมู่ 6 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร ใกล้กับสนามบินชุมพร จึงนำอาสาสมัครเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าเป็นเต่าตนุ ยาวประมาณ 1 เมตร น้ำหนักราว 25-30 กิโลกรัม อายุ 2-3 ปี
ตรวจสอบพบว่า กระดองมีรอยแตกร้าว ท้องแตก ไส้ทะลัก ตายมาแล้วประมาณ 1-2 วัน
สันนิษฐานว่าน่าจะโดนใบพัดเรือตี หรือติดอวนเรือประมงแล้วลอยมาเกยหาดบริเวณดังกล่าว ซึ่งนายดำเนินได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อมาเก็บข้อมูลนำไปตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
นายดำเนินกล่าวว่า ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบเต่าตนุตายแล้ว 4 ตัว โดยพบที่
- บริเวณหาดบ่อเมา และหาดแหล่มแท่น หมู่ที่ 1 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จำนวน 2 ตัว
- ที่ชายหาดเกาะพิทักษ์ อ.หลังสวน จ.ชุมพร 1 ตัว
- ล่าสุดพบที่หาดบ้านหินกบ หมู่ 6 ต.ชุมโค อ.ปะทิว อีก 1 ตัว ทั้ 4 ตัวพบว่าตายในลักษณะเดียวกัน
นอกจากนี้ ในเดือนเดียวกันยังพบปลาโลมาหัวบาตรตายที่หาดบ่อเมา หมู่ที่ 1 ต.ชุมโค อ.ปะทิว 1 ตัว และหาดทุ่งวัวแล่น หมู่ที่ 5 ต.สะพลี อ.ปะทิว อีก 1 ตัว
เขากล่าวว่า สาเหตุการตายของสัตว์ทะเลเหล่านี้ มีทั้งติดอวน ติดเบ็ด ใบพัดเรือตี และกินถุงพลาสติกจนไปติดอยู่ในกระเพาะ โดยเฉพาะเรืออวนลอยและเรือเบ็ดราว ที่เป็นประมงเชิงพาณิชย์ วางเครื่องมือประมงดังกล่าวจับปลากลางทะเล ซึ่งมีความยาว 5-10 กม. ทำให้เต่าหรือปลาโลมาติดแล้วดิ้นหลุด แต่จะบาดเจ็บสาหัสและต้องตายในเวลาต่อมา ส่วนถุงพลาสติกส่วนใหญ่จะมาจากเกาะที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวกันจำนวนมาก และชาวประมงที่ใช้ใส่เครื่องอุปโภคบริโภคแล้วทิ้งลงทะเล ทำให้เต่ากินเข้าไปแล้วตายในที่สุด
สำหรับทะเลอ่าวไทยด้าน จ.ชุมพร ถือเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งเพาะพันธุ์วางไข่เลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำ โดยเฉพาะในช่วงระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 15 พฤษภาคม ของทุกปี กรมประมงจะประกาศปิดอ่าวห้ามจับปลาช่วงฤดูว่างไข่ เพื่อให้สัตว์น้ำวางไข่เลี้ยงตัวอ่อนเป็นเวลา 3 เดือน ทำให้สัตว์ใหญ่ประเภทฉลามวาฬ ปลาวาฬ โลมา พะยูน เต่าตนุ เข้ามาหากินอยู่ในแหล่งอาหารดังกล่าวจำนวนมาก
นายดำเนินกล่าวด้วยว่า ตนในฐานะนักอนุรักษ์คนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร มานานหลายปี ล่าสุดได้รับข้อมูลจากผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในพื้นที่หาดทุ่งวัวแล่น ต.สะพลี อ.ปะทิว ว่าขณะนี้มีชาวประมงกลุ่มหนึ่งมาจากต่างถิ่น รับใบสั่งจากกลุ่มนายทุนและนักสะสมของหายาก เข้ามาล่าปลาวาฬและฉลามวาฬ ซึ่งมีเหลืออยู่ประมาณ 3-5 ตัว บริเวณเกาะร้านเป็ด เกาะร้านไก่ และเกาะง่ามเล็ก เกาะง่ามใหญ่ ในราคาตัวละ 1-2 แสนบาท เพื่อจะเอากระดูกไปทำหัวเข็มขัด หัวแหวน และเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ โดยเฉพาะกระดูกซี่โครงขนาดใหญ่ของปลาฉลามวาฬและปลาวาฬ ที่มีสีขาว ลักษณะเว้าโค้งเหมือนงาช้าง กำลังเป็นที่ต้องการของคนมีเงิน เพื่อซื้อไปประดับบ้านและร้านอาหารหรู ในราคาคู่ละ 2-3 หมื่นบาท จึงต้องฝากถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตรวจสอบและหามาตรการป้องกันปัญหาอย่างจริงจังด้วย.
จาก : ไทยโพสต์ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553