เข้าระบบ

View Full Version : เหลียวหลังกลับไปเดือนธันวา ... เมื่อครั้งที่มาลุย "ตรัง"


สายน้ำ
04-02-2010, 13:30
พวกน้องๆไปกันถึงอันดามันเหนือแล้ว สองสายยังตะล่วมต้วมเตี้ยมอยู่แถวตรังอยู่เลย

จำได้ว่า ถ่ายรูปกันอุตลุต แต่พอหม่องและเหม่งสรุปเสร็จ ก็ไม่เห็นมีใครตามมาโพสต์อะไรกันต่อ

ลืมตรังกันเสียแล้วหรือไร .......

สายน้ำ
04-02-2010, 13:34
ถึงลืมก็ไม่เป็นไร ...

.... จะช่วยสะกิดความจำให้ครับ


เช้าวันที่ 10 .... สองสายและพี่ไท (ลุงของน้อง Ploybabe) ที่กรุณานำรถกระบะส่วนตัวไปช่วยขนสัมภาระให้พวกเรา ไปถึงก่อนเวลาที่รถด่วนจาก กทม.จะเข้าเทียบชานชลา

สายน้ำ
04-02-2010, 13:37
รอไม่นานนัก รถก็เข้าเทียบ ....

อยู่ตู้ไหนกันก็ไม่รู้ คนดูวุ่นวายไปหมด ....

เมื่อฝรั่งหลบไป จึงได้เห็นหุ่นอันบอบบางของสมาชิกเราปรากฎขึ้นทีละคนสองคน

สายน้ำ
04-02-2010, 13:56
ยังไม่ทันจะไปไหน ... เจอเข้ากับรายการแรก ก็แทบอยากจะกลับไปนอนเสียแล้ว


มื้อแรกกับอาหารเช้าของพวกเราที่ "เลตรัง 2" ของคุณแม่จิ๋มกับพ่อกำนันพรศักดิ์ ของน้อง Ploybabe ซึ่งอยู่ห่างสถานีรถไฟไปไม่ไกลนัก


ประทับใจสุดๆกับติ่มซำชั้นยอด ที่ต้องซื้อตัวพ่อครัวมาเพื่อผลิตติ่มซำเพียงอย่างเดียว อร่อยคุ้มค่าการลงทุนจริงๆครับ


ติ่มซำแต่ละจาน ล้วนเต็มอิ่มไปด้วยเนื้อทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหมู ปลา กุ้ง ปู ฯลฯ ที่สำคัญ ต้องขอขอบคุณ "ป๋าหนิ่ง" ที่ออกค่าอาหารมื้อนี้ให้กับพวกเรา


แม่จิ๋ม ถ่ายรูปกับพวกเราจนครบทุกโต๊ะ ... ยังกะงานแต่งงานเลย

สายน้ำ
04-02-2010, 14:01
เดินทางกันมาด้วยตู้นอน ก็ต้องถือว่า ทุกคนได้นอนหลับพักผ่อนกันมาพอเพียงแล้ว


เมื่ออิ่มหนำสำราญ และเข้าห้องน้ำทำธุระกันเป็นที่เรียบร้อย ตะลอนทัวร์โดยมีนายปาล์มเป็นหัวหน้าทัวร์ และโชเฟอร์ ก็ซิ่งไปท่องเที่ยวรายการแรกทันที


ถ้ำเลเขากอบ ครับ ....


แบ่งกันลงเรือลำละ 5 - 6 คน กระจายกันไป

ตุ๊กแกผา
04-02-2010, 14:09
เหอๆๆๆๆๆๆๆๆมารอชมภาพงามๆของพี่สองสายคั๊บ

ตรัง......ไม่เคยลืมค่ะพี่ รวมทั้งตังค์ด้วยที่ไม่เคยลืม อิอิ จนบัดนี้ก็ยังอยากกลับไปอีก

สายน้ำ
04-02-2010, 14:17
ทำความรู้จักกับ "ถ้ำเลเขากอบ" กันสักนิดครับ


ถ้ำเลเขากอบ หรือ ถ้ำทะเล หรือ ถ้ำเขากอบ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอห้วยยอด ถ้ำเลเขากอบ เป็นชื่อที่ชาวบ้านในบริเวณตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เรียกกันตามภาษาพื้นบ้าน การที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ถ้ำเล หรือ ถ้ำทะเล นั้น ไม่ได้หมายถึง โพรงหรือถ้ำที่เกิดจากการผุกร่อนของหน้าผาชายฝั่งทะเล จากการถูกคลื่นกัดเซาะ ทั้งนี้เพราะบริเวณที่ตั้งของตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด อยู่ห่างจากทะเลกว่า 40 กิโลเมตร

คำว่า "ถ้ำเล" นี้ ตามภาษาท้องถิ่นทางภาคใต้หมายถึง สิ่งที่เป็นน้ำ มีบริเวณกว้างใหญ่ เพราะถ้ำเลเป็นถ้ำใหญ่ที่มีน้ำไหลผ่านตลอดถ้ำ ถ้ำเลประกอบด้วย ถ้ำต่าง ๆ หลายถ้ำ อยู่ภายใต้ภูเขากอบ ได้แก่ ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำรากไทร ถ้ำท้องพระโรง ถ้ำพระสวรรค์ ถ้ำตะพาบน้ำ ถ้ำเพชร ถ้ำพลอย และถ้ำแป้ง เป็นต้น นอกจากนี้ สภาพภายในถ้ำเขากอบมีหินย้อยที่แตกต่างไปจากถ้ำอื่น ๆ คือ มีหินย้อยประเภทที่เรียกว่า หลอดหินย้อย (Soda straw) อยู่เป็นจำนวนมาก แสดงถึงช่วงของการเกิดเป็นหินย้อยในระยะต้น


ถ้ำเลเขากอบ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ สำหรับผู้ที่ชอบการผจญภัย เพราะถ้ำแห่งนี้มีทางน้ำใต้ดินไหลผ่าน ต้องใช้เรือล่องตามลำน้ำเข้าไปข้างใน เพื่อไปชมหินงอกหินย้อยอันงดงาม ซึ่งยังมีการก่อตัวของหินอยู่ ภายในสลับซับซ้อนมีถ้ำต่างๆหลายสิบถ้ำ แต่ปัจจุบันนี้ เปิดให้บริการท่องเที่ยวเพียง 5 ถ้ำเท่านั้น ได้แก่

1. ถ้ำคนธรรพ์ เป็นโถงถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และมีหินอยู่ส่วนหนึ่งที่เมื่อเคาะแล้วจะเกิดเสียงกังวาลคล้ายเสียงเครื่อง ดนตรีไทย นอกจากนี้ชาวบ้านยังตำนานเล่าต่อกันว่า ในอดีตมีคนธรรพ์มาเคาะเล่นดนตรีให้นางกินรีฟังขณะที่กำลังเล่นน้ำตกภายในถ้ำ และมีหินส่วนหนึ่ง ย้อยลงมา คล้ายกับฉากมโนราห์สวยงาม

2. ถ้ำท้องพระโรง

3. ถ้ำรากไทร เป็นโถงถ้ำที่มีลักษณะทางเดินยาว ตลอดทางเดินจะมีรากไทรขนาดใหญ่ทอดตัวขนานไปตลอดทางเดิน

4. ถ้ำเจ้าสาว มีหินงอกลักษณะคล้ายผ้าม่านกั้นอยู่บริเวณด้านหน้าโถง ภายในมีแท่นหินลักษณะคล้ายเตียงนอน ชาวบ้านในท้องถิ่นเชื่อกันว่าหากคนที่ยังไม่มีคู่ เมื่อลอดเข้าโถงถ้ำทางช่องกลางของม่านเจ้าสาว กลับไปก็จะได้พบกันเนื้อคู่ แต่ถ้าหากมีคู่แล้วก็ให้ลอดช่องทางด้านซ้ายมือก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข แต่ถ้าหากคนไหนมีคู่แล้ว ต้องการมีเพิ่มก็ให้ลอดช่องด้านขวามือ เมือกลับไปจะได้พบคู่เพิ่ม และเมื่อออกจากโถงถ้ำเจ้าสาว จะต้องออกทางช่องใหญ่ มิฉะนั้นจะไม่เป็นดังคำอธิฐาน

5. ถ้ำลอด หรือ ถ้ำมังกร เป็นจุดเด่นของการเที่ยวถ้ำเลเขากอบ เนื่องจากโถงถ้ำมีระดับเพดานถ้ำต่ำมาก การเดินทางผ่านถ้าลอดต้องอาศัยการนอนราบไปบนเรือ ตลอดระยะทางประมาณ 350 เมตร เปรียบเสมือนการนอนลอดผ่านท้องมังกร


ถ้ำเลเขากอบสามารถเที่ยวได้ตลอดปี ยกเว้นในฤดูฝนบางช่วงที่มีปริมาณน้ำมาก เรืออาจเข้าไปไม่ได้ อบต.เขากอบจัดเรือพายบริการนำเที่ยว ค่าเรือพายราคาลำละ 200.-บาท นั่งได้ 6-7 ท่าน


ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org

สายน้ำ
04-02-2010, 14:22
ตอนเข้าไป จำไม่ได้หรอกครับว่าถ้ำไหนเป็นถ้ำไหน เพราะไม่ค่อยจะได้ยินเสียงไกด์ซึ่งอยู่ข้างหน้านู่น


ถ้ำแรกผ่านไปได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก เพราะมีเสียงของพวกเราและนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆสวนทางเข้ามาแล้วครับ

สายน้ำ
04-02-2010, 14:23
ที่ไกด์เค้ากลัวคือ มันจะมาแออัดกันตรงนี้ แล้วจะขยับเรือกันลำบาก ...

สายน้ำ
04-02-2010, 14:27
บริเวณตลิ่งที่จอดเรือรอนักท่องเที่ยว เป็นดินเหนียวที่เหนียวหนึบ จะปรากฎร่องรอยของปลายพายที่ไกด์ใช้ยันเต็มไปหมด


บางจุดคงรอกันนานพอ จนสามารถปั้นหน้าอย่างนี้ขึ้นมาได้

สายน้ำ
04-02-2010, 14:31
แล้วก็ไปอีกถ้ำหนึ่ง ซึ่งจำชื่อไม่ได้อีกเช่นกัน


แต่เป็นปกติของถ้ำที่มีน้ำหยด ที่จะต้องมีหินยอกหินง้อย เอ๊ย .. หินงอกหินย้อย ให้เห็นอยู่ทั่วไป

สายน้ำ
04-02-2010, 14:34
หินย้อยที่จุดนี้มีรูปทรงแปลกหน่อย ซึ่งไกด์บอกว่า มันคือ "เป็ดย่าง"


ในฐานะที่เป็นผู้ที่ชอบบริโภคเป็ดย่างเป็นชีวิตจิตใจคนหนึ่ง ต้องยอมรับว่า บางมุม มองแล้ว เหมือนจริงๆ มีน้ำมันไหลลงมาหยดตรงส่วนหัวซะด้วย ....

สายน้ำ
04-02-2010, 14:37
ห้องโถงนี้ มีหินงอกชิ้นใหญ่ แต่ปัจจุบัน ดูเหมือนจะไม่ได้มีความหมายแค่เป็นหินงอกเสียแล้ว เพราะมีผ้าแพรเจ็ดสีผูกพันไว้รอบ พร้อมพวงมาลัยห้อยเต็มไปหมด

ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ครับ ....

สายน้ำ
04-02-2010, 14:39
หินงอกที่รูปทรงแปลกอีกจุดหนึ่งคือ บริเวณนี้ครับ


แหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบน จะเห็นเหมือนมีลูกชิ้นเสียบไม้กับไอติมโคนอยู่ทั่วไปหมด

สายน้ำ
04-02-2010, 14:42
แหงนหน้ามองดูลูกชิ้นเพลินๆ ....


ไกด์บอกให้มองต่ำลงมา จะเห็นเป็นหินตาหินยาย ....


ดูยังไงก็ไม่เห็นเป็นเลย อย่างของสมุยนั่น สื่อได้ชัดเจน เหมือนมากๆ

สายน้ำ
04-02-2010, 14:45
คุณสายชลให้เข้าไปดูใกล้ๆ พร้อมอธิบายเสริมว่า ...


หินตา คือ อันที่โด่ๆอยู่ด้านล่าง


ส่วนหินยาย ของที่นี่ไม่เหมือนของสมุย คือไม่ใช่อวัยวะเพศ แต่เป็นหินที่ห้อยลงมา เหมือนนมยานๆของยาย


ถึงบางอ้อเลยครับ ... ยานจริงๆ

สายน้ำ
04-02-2010, 14:47
จุดนี้ รูปทรงเหมือนช้าง ...


ไกด์จึงให้พวกเราลอดท้องช้างเสดาะเคราะห์กันเสียเลย

สายน้ำ
04-02-2010, 14:49
กลุ่มนี้ยังสนใจลูกชิ้นกันอยู่เลยครับ

สายน้ำ
04-02-2010, 14:51
มีสะเก็ดแวววาวเหมือนกากเพชร ...

สายน้ำ
04-02-2010, 14:51
เห็นมีสีขาวเหมือนเกล็ดหิมะ ....


ที่ไหนได้ พี่แกเอาแป้งมาโรยเพื่อขัดเอาเลขหวยกันจนขาวโพลนไปหมด

สายน้ำ
04-02-2010, 14:54
ตรงนี้ ต้องเป็นถ้ำเจ้าสาวแน่ๆเลยครับ ....


จำได้ว่า ตอนเข้า ไกด์ให้ลอดช่องเล็ก แต่ตอนออก ให้ลอดช่องใหญ่


ว่าอะไรก็เชื่อกันไปหมดเลยครับ

สายน้ำ
04-02-2010, 14:56
สวยดี .... ตรงไหนก็ไม่ทราบ แต่พอจะโงหัวขึ้นมาถ่ายได้

สายน้ำ
04-02-2010, 14:58
แถวถ้ำมังกรครับ ....


บางจุด ขนาดนอนหงายแล้ว พุงยังครูดหินเลย ...


เห็นแสงรำไร ดีใจจัง ไม่ต้องนอนราบแล้ว ...

สายน้ำ
04-02-2010, 15:00
ทะยอยออกมากันทีละลำ ด้วยสีหน้าที่มีความสุข


บางลำ ถึงขนาดจะไปแย่งอาชีพเค้าเลยนะนี่ ....

สายน้ำ
04-02-2010, 15:02
ออกจาก ถ้ำเลเขากอบ ....


เราไปแวะชมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้เทพธาโร ... ได้ของฝากติดมือกันคนละนิดคนละหน่อย

koy
04-02-2010, 15:35
พวกน้องๆไปกันถึงอันดามันเหนือแล้ว สองสายยังตะล่วมต้วมเตี้ยมอยู่แถวตรังอยู่เลย

จำได้ว่า ถ่ายรูปกันอุตลุต แต่พอหม่องและเหม่งสรุปเสร็จ ก็ไม่เห็นมีใครตามมาโพสต์อะไรกันต่อ

ลืมตรังกันเสียแล้วหรือไร .......



ยังไม่ลืมตรังหรอกครับพี่ ยังจำฝังใจว่าต้องกลับไปย้อนรอยอีกหน โดยเฉพาะที่ร้านเลตรัง 2 หวังไว้ว่าคราวหน้าจะได้นั่งกินแบบละเลียด ลิ้มรสจานอร่อยได้ครบ

สายน้ำ
04-02-2010, 17:26
สถานที่ต่อไปคือ วัดถ้ำเขาปินะ .... ตั้งอยู่ ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ปินะเป็นภาษายาวี แปลว่า ผู้ชนะทุกสิ่ง


บนป้ายหน้าทางขึ้นถ้ำ บอกเอาไว้ว่า ....

"ภายในถ้ำเขาปินะ เคยพบหม้อ 3 ขา และกระดูกคนโบราณ เขาปินะมีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน มีถ้ำน้อยใหญ่สลับซับซ้อน ตามระดับความสูงแตกต่างกัน 6 ระดับ เริ่มตั้งแต่ ถ้ำน้ำ ระดับสูงขึ้นไปคือ ถ้ำฤาษี ถ้ำแกลบ ถ้ำพระบรรทม ถ้ำพระองค์กลาง ถ้ำเจดีย์ และระดับสูงสุดคือ ถ้ำลม ถ้ำจำปา ถ้ำเสวย และถ้ำมะขาม บริเวณปากถ้ำมะขามด้านบน มีพระปรมาภิไธยย่อของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวปรากฎอยู่ นอกจากนี้ ถ้ำมะขามยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินสีขาว ปางมารวิชัย ที่แกะจากหินอ่อนสีขาว หรือหินอลาบาสเตอร์ (Alabaster) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่องค์หนึ่ง สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในประเทศพม่า ปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ในกุฏิเจ้าอาวาสวัดเขาปินะ"

สายน้ำ
04-02-2010, 19:59
แล้วก็เริ่มป่ายปีน ....


บันไดแต่ละขั้นแคบ และสูงชัน .... ดูได้จากหน้าน้องปื๊ด

สายน้ำ
04-02-2010, 20:01
ขึ้นไปถึงอีกชั้น แต่ก็ไม่ทราบว่าถ้ำนี้ชื่ออะไร ...


แล้วก็ปีนป่ายกันต่อไป

สายน้ำ
04-02-2010, 20:03
ถ้ำที่เห็นด้านล่าง น่าจะชื่อ ถ้ำเจดีย์ ....

สายน้ำ
04-02-2010, 20:04
ถ้ำนี้ อยู่ชั้นบนสุด .... น่าจะชื่อถ้ำมะขาม


ด้านบน มีค้างคาวเกาะอยู่เต็มไปหมด

สายน้ำ
04-02-2010, 20:08
เดินเลยไปอีกนิด ก็จะออกปากถ้ำมะขาม ...


มีพระปรมิภิไธยของ ร.7 อยู่ที่ผนังถ้ำด้านบน ซึ่งต้องแหงนหน้ามองกันแบบนี้

สายน้ำ
04-02-2010, 20:09
ถ้ำเป็นถ้ำและมีน้ำไหลลงมา ย่อมต้องมีหินงอกหินย้อยเป็นธรรมดา

สายน้ำ
04-02-2010, 20:11
ยังมีฟอสซิลหอยโข่งอยู่ตามผนังด้วย ...

สายน้ำ
04-02-2010, 20:12
ถ้ำนี้ คงจะชื่อถ้ำลม เพราะลมผ่านแรงเย็นสบายทีเดียว

สายน้ำ
04-02-2010, 20:14
เจ้าปื๊ดจอมซน ไปเคาะระฆัง แล้วเกิดผิดสำแดงอะไรขึ้นไม่ทราบ เอาไม้มาเคาะหัวตัวเอง

สายน้ำ
04-02-2010, 20:15
ซากรถบรรทุกจากอเมริกาที่กองอยู่ด้านล่าง ไหงมีผ้ามาผูกด้วย

สายน้ำ
04-02-2010, 20:18
ที่พามาปีนถ้ำที่วัดนี้ เพราะอยากพามาดู 2 สิ่งนี้


... อย่างแรกคือ พระพุทธรูปทรงเครื่องโนห์รา ซึ่งที่วัดนี้เป็น 1 ใน 5 วัดในประเทศไทยที่มีพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบนี้

สายน้ำ
04-02-2010, 20:24
ถ้ำมะขามยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินสีขาว ปางมารวิชัย ที่แกะจากหินอ่อนสีขาว หรือหินอลาบาสเตอร์ (alabaster) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่องค์หนึ่ง สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในประเทศพม่า ปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ในกุฏิเจ้าอาวาสวัดเขาปินะ


อย่างที่สอง ที่อยากพามาชมกันก็คือ พระพุทธรูปหินอ่อนสีขาว องค์นี้แหล่ะครับ


เมื่อ 2 ปีก่อนที่สองสายมา ได้ขึ้นไปชมบนกุฏิเจ้าอาวาส ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกย่อมๆฝั่งตรงข้ามกับถ้ำปินะ แต่มาปีนี้ ที่เดิมที่เคยประดิษฐานไว้กำลังปรับปรุงใหม่ คาดว่าท่านเจ้าอาวาสองค์เดิมคงจะมรณภาพไปแล้ว เจ้าอาวาสองค์ใหม่จึงนำมาไว้ข้างเตียงในห้องบนศาลาการเปรียญ แต่ยังอนุญาตให้พวกเราเข้าชมและสักการะได้

สายน้ำ
04-02-2010, 20:32
จริงๆแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆของวันนี้ ก็คือ 2 แห่งนี้ แล้วกะจะให้เข้าที่พักที่ เลตรังรีสอร์ท ริมหาดปากเมง ....


แต่น้องปาล์มคงเห็นพี่ๆไม่มีท่าทางอ่อนเพลีย จึงพาแวะอีก 2 แห่ง ซึ่งอยู่บนเส้นทางที่จะไปหาดปากเมงนั่นเอง


จุดแรกคือ น้ำตกอ่างทอง ...


น้ำตกอ่างทอง ตั้งอยู่ที่ตำบลไม้ฝาด ริมถนนสายตรัง-สิเกา ห่างจากตัวเมืองตรัง 21 กิโลเมตร เป็นน้ำตกชั้นเดียวสูงประมาณ 20 เมตร ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เนื่องจากก้อนหินบริเวณน้ำตกนี้เป็นสีออกดำแกมเหลือง จึงทำให้น้ำในน้ำตกแห่งนี้ดูเหมือนเป็นสีทองจางๆ อันเป็นที่มาของชื่อ น้ำตกอ่างทอง

สายน้ำ
04-02-2010, 20:33
พอไปถึงก็พักผ่อนกันตามมุมถนัด ...


แต่สักพักเดียว ก็เริ่มซน ขยับขยายกันลงไปอยู่ในน้ำ

สายน้ำ
04-02-2010, 20:35
ก่อนจะกลับ มีโชว์กระโดดน้ำจากชั้นบนของน้ำตกลงมาในอ่าง โดยเด็กวัยรุ่นแถวๆนั้น


มองไม่เห็นหรอกครับ ไม่ได้เอาเลนส์ซูมติดกล้องลงไปด้วย

สายน้ำ
04-02-2010, 20:40
อีกนิดเดียวก็จะถึงที่พัก แต่น้องปาล์มพาเลี้ยวเข้า Aquarium ของวิทยาลัยราชมงคลฯ


เป็นอควาเรียมเล็กๆ มีปลาน้ำจืดเสียเป็นส่วนมาก แสงน้อยค่อนข้างมืด ถ่ายภาพไม่ได้เลย


แต่ที่ประทับใจคือ การนำวัสดุเหลือใช้ อย่างตู้แช่เก่าๆ ตู้โทรทัศน์ และ Monitor มาใช้เป็นกรอบตู้ปลา ดูสวยงามและแปลกตาดี

สายน้ำ
04-02-2010, 20:42
อีก 2 สิ่งที่ดูแปลกตาเหมือนกัน เพราะเคยเห็นแต่ตัวเป็นๆในทะเล ไม่เคยเห็นแห้งๆอย่างนี้


มันคือ ฉลามวาฬ และฉลามเสือดาวแดดเดียว ...

สายน้ำ
04-02-2010, 20:45
ไฮเปอร์จริงๆ .... อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จ ยังมีเรี่ยวแรงออกมาเดินเล่นริมหาดปากเมงตอนโพล้เพล้กันไหวอีก


อยู่จนพระอาทิตย์หมดแสง จึงยอมเดินกลับเข้ารีสอร์ทเพื่อทานอาหารเย็นกัน

สายน้ำ
05-02-2010, 18:27
วันที่ 2 แล้วครับ .... ถึงเวลาออกทะเล เพื่อไปปล่อยปลาและม้าน้ำ


Mr.Can และครอบครัวนำปลามาถึงเลตรังตามเวลานัดหมาย


เมื่อทานอาหารเช้ากันครบแล้ว ก็อพยพลงเรือที่จอดรออยู่ที่ท่าเรือปากเมง ...

สายน้ำ
05-02-2010, 18:32
ก่อนจะไปลงเรือ ....


สองสายนำปลาและม้าน้ำมาให้คุณแม่ศรีประภา และพี่เล็กได้ดูว่า สัตว์ที่พวกเราจะนำไปปล่อยลงทะเลตรังหน้าตาเป็นอย่างไร


(คุณแม่ศรีประภา คือ คุณแม่ของแม่จิ๋ม เป็นยายของน้อง ploybabe และเป็นย่าของน้องปาล์ม และเป็นบุคคลที่สองสายรักและให้ความเคารพ เสมือนแม่แท้ๆของเรา)


และขอให้คุณแม่และพี่เล็กได้จบและอธิษฐานก่อนที่จะนำไปปล่อย เพื่อจะได้ทำบุญทำกุศลร่วมกัน

สายน้ำ
05-02-2010, 18:35
Mr.Can หรือคุณสามารถ ผู้เพาะเลี้ยงปลาและม้าน้ำ แห่งศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง กระบี่ นอกจากนำสัตว์น้ำมาให้เราได้ปล่อยตามที่ขอไปแล้ว ยังพาครอบครัวมาร่วมกิจกรรมกับเราอีกด้วย

สายน้ำ
05-02-2010, 18:38
สภาพของปลาและม้าน้ำตอนยังอยู่ในถุง ซึ่งถูกจัดเรียงไว้ที่ชั้นบนของเรือเลตรัง


และสภาพของม้าน้ำที่ถูกบรรจุลงแก้วพลาสติค ที่พร้อมจะนำลงไปปล่อยแล้ว

สายน้ำ
05-02-2010, 20:51
หลังจากบรี๊ฟจุดดำน้ำ และวิธีปล่อยสัตว์น้ำทั้ง 2 ชนิดกันแล้ว


ถึงเวลาที่จะนำปลาและม้าน้ำลงสู่ใต้ทะเล โดยแบ่งเฉลี่ยกันออกไปตามกลุ่มดำน้ำ


ปลาทั้ง 2 ชนิดคือ ปลาหูช้าง และ ปลาเฉี่ยว จะต้องนำลงไปทั้งถุง โดยไล่ลมออกจากถุงและเติมน้ำเข้าไปแทน และไปเปิดปากถุงปล่อยปลาออกไปที่ใต้ผิวน้ำ .... ทุลักทุเลพอสมควร

สายน้ำ
05-02-2010, 20:52
ลูกปลาเฉี่ยว พอออกพ้นปากถุง ก็รวมกลุ่มกันโกยอ้าว หายวับไปในพริบตา

สายน้ำ
05-02-2010, 20:56
ส่วนเจ้าปลาหูช้างหรือปลาใบไม้ ที่น่าจะให้ชื่อว่า ปลาเฉื่อย ....


ด้วยความที่มีรูปร่างเหมือนใบไม้ลอยไปมา จึงได้ใจเย็น ไม่ได้รีบร้อนตื่นกลัวแต่อย่างใด ว่ายน้ำไปช้าๆอย่างสบายใจ บางตัวว่ายขึ้นไปเกือบถึงผิวน้ำ

สายน้ำ
05-02-2010, 20:57
มาชมรูปลักษณ์ของปลาหูช้างหรือปลาใบไม้ใกล้ๆกันครับ ...

สายน้ำ
05-02-2010, 21:00
ส่วนม้าน้ำนั้น ว่านอนสอนง่าย หรือจะเป็นเพราะ Mr.Can ฝึกมาดี


พอปล่อยออกจากแก้ว ก็พยายามม้วนหางเกาะตามกิ่งก้านของกัลปังหาทันที


โดยเฉพาะวิธีของป๋าหนิ่ง ที่หยิบออกจากแก้ว และจับไปเกาะที่กัลปังหาทีละตัว .... ถึงจะช้า แต่ก็แน่นอน

สายน้ำ
05-02-2010, 21:02
ครั้งนี้ มีทั้งม้าน้ำตัวจิ๋ว ผิวสีดำ และตัวเขื่อง ผิวเหลืองและชมพู

สายน้ำ
05-02-2010, 21:05
มีเหมือนกัน บางตัวที่พยายามจะหนีเที่ยว .... แต่มาป๊ะกับตากล้องเสียก่อน จึงถูกต้อนกลับเข้าที่เดิม

สายน้ำ
05-02-2010, 21:06
ทริปอันดามันใต้ในเดือนมีนาคม เราจะกลับมาเยี่ยมเยียนม้าน้ำกลุ่มนี้ด้วยครับ

สายน้ำ
05-02-2010, 21:09
ใช้เวลาไม่นานนักในการปล่อยทั้งปลาและม้าน้ำ เร็วจนเก็บภาพแทบไม่ทัน


หลังจากนั้น ก็ดำน้ำชมความงามใต้ทะเลของเกาะแหวน ...


มีกัลปังหามากมายหลายชนิดและหลายสี

สายน้ำ
05-02-2010, 21:12
ถึงน้ำออกจะขุ่นมัวซัว แต่ไม่สามารถบดบังความงามและสีอันอ่อนหวานของปะการังอ่อนไว้ได้

สายน้ำ
05-02-2010, 21:14
ภาพแบบมาโคร ก็พอจะมีอะไรให้ถ่ายมาได้เหมือนกันครับ


อย่าง ปูแอนนีโมน หรือ Porcelain Crab ตัวนี้

สายน้ำ
05-02-2010, 21:15
นูดี้ที่ผมพบค่อนข้างจะสามัญไปนิด ...

สายน้ำ
05-02-2010, 21:16
กัลปังหาวัยละอ่อน ....

สายน้ำ
05-02-2010, 21:17
ปูเสฉวน .... ของชอบของคุณสายน้ำเลยล่ะครับ

สายน้ำ
05-02-2010, 21:18
ปะการังอ่อนกับเพรียงหัวหอม ....

สายน้ำ
05-02-2010, 21:19
ปิดไดฟ์นี้ ด้วยภาพปลาเก๋าขี้อาย ...

สายน้ำ
05-02-2010, 21:23
หลังอาหารกลางวัน และเป็นการพักรอลงไดฟ์ต่อไป


เรา Skin เข้าถ้ำมรกตกันครับ ...


ภาพตอนเข้าถ้ำไม่มี มีแต่ตอนทะลุเข้าด้านในแล้วครับ ..


ทั้งหมดเป็นภาพจากกล้องน้อง Koy ครับ

สายน้ำ
05-02-2010, 21:24
ไดฟ์ที่สอง เราลงดำกันที่เกาะมุก ....


แค่ฐานผูกทุ่นก็มีอะไรสวยๆให้ชมแล้ว

สายน้ำ
05-02-2010, 21:27
จุดดำน้ำจุดนี้ เต็มไปด้วยสีสันจริงๆเลยครับ

สายน้ำ
05-02-2010, 21:29
ไดฟ์นี้ สองสายมี Razorfish 1 ฝูง เป็น Dive Leader ครับ

สายน้ำ
05-02-2010, 21:31
ไปไหนก็ไปกัน จนไม่รู้ใครตามใครกันแน่ ....

สายน้ำ
05-02-2010, 21:34
บนพื้นทรายที่มีสภาพเป็นทรายดำๆ สกปรกๆ ทำให้ไดฟ์นี้กลายเป็น Muck Dive ไปในทันที


ที่พบบนพื้นทรายก็มี .... ทากขน Flambellina


ดูเผินๆเหมือนมีตัวเดียว แต่ไม่ใช่ครับ ...

สายน้ำ
05-02-2010, 21:35
สกปรกๆแบบนี้ Indian Walkman ชอบนักเชียว

สายน้ำ
05-02-2010, 21:36
เจอปลาอมไข่ด้วย แต่เป็นตอนที่มันไม่มีไข่ให้อม ...

สายน้ำ
05-02-2010, 21:38
เราจบรายการดำน้ำเพียงวันเดียวของเราอย่างมีความสุขกันถ้วนหน้า


สุขที่ได้ทำบุญ ปล่อยปลาและม้าน้ำ และสุขที่ได้เห็นความสวยงามใต้ท้องทะเลตรัง ที่ไม่แพ้ที่ไหนๆเลย เพียงแต่น้ำขุ่นไปนิดเท่านั้นเอง

สายน้ำ
06-02-2010, 10:06
วันที่สาม ......


โปรแกรมของวันนี้คือ ช่วงเช้า ลงเรือหางยาว ลากเรือคายัค ไปยังสิเกา เพื่อปลูกป่าชายเลน และช่วงบ่ายจะย้อนกลับมาพายเรือคายัคเล่นกันทางด้านหาดราชมงคล


แต่ ..... วันนี้มีอะไรผิดคาดหลายอย่าง

อย่างแรก ..... น้ำลงเยอะจนผิดคาด ทำให้เรือไม่สามารถลัดเลาะเข้าไปตามแนวป่าชายเลนของปากเมงเพื่อไปทะลุด้านหาดราชมงคลได้ เรือต้องวิ่งอ้อมออกไปทางเกาะเมง ทำให้เสียเวลาไปพอสมควร

อย่างที่สอง ..... ลมแรงผิดคาด แรงยิ่งกว่าเมื่อวานที่ออกไปดำน้ำกันเสียอีก แต่วันนี้ เรือเล็กกว่าเมื่อวาน เพราะเป็นเรือหางยาว เมื่อวิ่งฝ่าคลื่นลมออกไป นอกจากน้ำจะสาดเข้ามาแล้ว เรือที่ต้องลากคายัคไปถึง 5 ลำ ทำให้วิ่งได้ช้าหนักเข้าไปอีก


แต่ ..... ผู้โดยสารดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้าน หน้าตาระรื่นดีทุกคน

สายน้ำ
06-02-2010, 10:09
ที่ผิดคาดเป็นอย่างที่สาม คือ ...... ตอนที่มาดูโลเกชั่นล่วงหน้า น้ำขึ้นเต็มหาด จึงตั้งใจว่าจะให้เรือหางยาวมาเทียบเข้าหน้าหาด ตรงจุดที่เราจะปลูกไม้ชายเลนกันเลย จะได้ไม่ต้องเดินกันไกล

แต่วันนี้ อย่างที่บอก น้ำลงผิดคาด เรือเข้าเสียบหน้าหาดไม่ได้ ต้องไปจอดบริเวณท่าเรือใหม่ ต้องเดินกันไกลพอสมควร

สายน้ำ
06-02-2010, 10:20
ผิดคาดอย่างที่สี่ คือ ....


สองสายได้ฝากกำนัน พ่อน้องพลอย ขอกล้าไม้ไว้ให้เบาะๆสัก 1,000 ต้น (บางปีจำนวนคนเท่ากัน เราปลูกกันได้ถึง 3,000 - 4,000 ต้น)


แต่กำนันมาบอกว่า เค้าเตรียมไว้ให้เพียง 300 ต้นเท่านั้น แต่พอมาถึงจุดที่กล้าไม้กองอยู่ เรานับได้เพียง 206 ต้นเอง


สีหน้าห่อเหี่ยวไปตามๆกัน .... เจ้าหน้าที่เค้ายังไม่รู้จักพวกเราดีพอ คงคิดว่าพวกเราคงเหมือนกลุ่มอื่นๆอีกหลายกลุ่ม ที่ทำเหมือนผักชีโรยหน้า ลงมาจิ้มๆกันคนละต้นแล้วก็ไป

ถ้ารู้จักกันแล้ว จะรู้ว่า พวกเราทำกิจกรรมกันจริงๆจังๆ ถึงแม้จำนวนคนจะน้อยนิด แต่เราทำกันสุดกำลังกายและกำลังใจ ไม่งั้นคงไม่ยอมควักกระเป๋ามาไกลอย่างนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาสวันเฉลิมฯแล้วด้วย จะมากจะหนักเท่าไร ไม่เคยยั่น

สายน้ำ
06-02-2010, 10:22
เมื่อหายสลด ทำใจให้หายเซ็งได้แล้ว ....


เริ่มลงมือลำเลียงกล้าไม้ ลงไปรวมกันไว้ในจุดที่เราจะปลูกกัน

สายน้ำ
06-02-2010, 10:26
คนละไม้คนละมือครับ ...


คนมีหน้าที่ขุดทำรู ก็จิ้มๆงัดๆกันไป .... บางคนนี่เราต้อง Import มาจากอินเดียเชียวนะครับ


คนไหน .... ก็คนที่โพกหัวนั่นไง

สายน้ำ
06-02-2010, 10:28
คนที่ถนัดลงต้นกล้า ก็ลงกันไป ....

สายน้ำ
06-02-2010, 10:32
"หนูขอประกาศให้ทราบไว้ ณ ที่นี้ ว่า sos ไม่ใช่โรงงานนรก เราไม่ได้ใช้แรงงานเด็กนะคะ .... คือ เด็กเค้าอาสามากับพ่อแม่เค้าค่ะ คือ เธอไฮเปอร์มากๆค่ะ โตขึ้นเธอจะสมัครเป็นสมาชิก sos และเข้ารวมกลุ่มกับสาวไฮเปอร์ของ sos แน่นอนค่ะ"

สายน้ำ
06-02-2010, 10:34
....เจ้าบ่าวหมาดๆ...

สายน้ำ
06-02-2010, 10:35
ส่วนคนนี้ ยังไม่รู้ว่าเมื่อไร จะยอมเป็นเจ้าบ่าว

สายน้ำ
06-02-2010, 10:39
พวกนี้ ต้องไม่พอใจที่ได้กล้าน้อยไปแน่ๆ ..... จับกลุ่มกันเกิน 5 คน สงสัยกำลังเตรียมจะก่อความวุ่นวายในบ่ายวันนี้ ต้องรีบไปบอกคุณสายชลให้ประกาศสภาวะฉุกเฉิน ...


.... กราบขอโทษคร๊าบ คุณแม่ เพิ่งจะเห็นว่าคุณแม่อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

สายน้ำ
06-02-2010, 10:45
ใช้เวลาเพียงไม่นาน พวกเราก็ลงกล้าไม้เสร็จสิ้น ...


เรือหางยาวพาพวกเราย้อนกลับไปทางหาดราชมงคล เพื่อหาทำเลเหมาะทานข้างกลางวันกันก่อน ถ้าอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ค่อยพายเรือคายัคก่อนต่อ


แต่ สิ่งที่ผิดคาดอย่างที่ห้าคือ .... ลมแรงมากๆ ดูเหมือนจะมาจากทุกทิศทุกทาง กว่าจะหามุมเหมาะๆเพื่อทานอาหารกันได้ ก็ทุลักทุเลกันพอดู

สายน้ำ
06-02-2010, 10:48
ร้อน หนาว เหนื่อย และหิว .....


แจกข้าวกล่องจากเลตรัง และลงมือกิน ...

สายน้ำ
06-02-2010, 10:50
มุมใครมุมมัน ....

สายน้ำ
06-02-2010, 10:51
ยัยติ๋วแย่งของเด็กกิน .... เจ้าข้าเอ๊ย

สายน้ำ
06-02-2010, 10:53
พออิ่มได้สักพัก ....


ไฮเปอร์อันดับหนึ่งของ sos ก็คว้าพาย ออกเรือคายัคนำไปก่อนแล้ว

สายน้ำ
06-02-2010, 10:56
แล้วก็ตามๆกันออกไป ...


พายเป็นบ้าง ไม่เป็นบ้าง แต่ก็มันส์เขาล่ะ

สายน้ำ
06-02-2010, 10:57
ลำนี้ จองมาเป็นแพ็คเกจครอบครัวครับ ....

สายน้ำ
06-02-2010, 10:59
สองคนนี้ สงสัยจะมีอะไรที่ไม่ชอบพอกันเป็นส่วนตัวอยู่แล้วแน่ๆ .... ไม่น่าปล่อยให้ไปด้วยกันเล๊ย


หรือว่าน้องจา....กับ....น้องปิ๋ม....จะล่มเรือหารักให้มากล้นกว่าเดิม...

สายน้ำ
06-02-2010, 11:00
ว่าที่บ่าวสาวคู่ต่อไป ....


เดอะหม่อง แอนด์ เดอะเหม่ง

สายน้ำ
06-02-2010, 20:32
วันสุดท้าย ....

ทานอาหารเช้าที่เลตรังเสร็จแล้ว ก็ขนข้าวของออกมารวมกันไว้ และ Check Out เลย ....


โปรแกรมวันนี้ จะพาวิ่งไปตามถนนเลียบชายหาด และแวะตามจุดต่างๆบนเส้นทางนี้


จุดแรกคือ หาดหยงหลิง ที่อยู่ในเขตของ อช.หาดเจ้าไหม .... มีถ้ำให้เดินลอดด้วย แต่ก่อนจะถึงทางเข้าถ้ำ ต้องเดินผ่านดงไม้เข้าไป


ที่จุดนี้ ผมไม่ได้เดินเข้าไปด้วย ขออาสาอยู่เฝ้ารถ เพราะสาเหตุอะไร อีกสักครู่จะบอก

สายน้ำ
06-02-2010, 20:33
นายแบบรูปหล่อ .... สุดที่รักของปื๊ดทั้ง 2 คนเลย

สายน้ำ
06-02-2010, 20:35
เรามาถูกเวลา เพราะน้ำลงตอนเช้า จึงสามารถเดินเข้า และออกได้โดยไม่ถูกน้ำทะเลรบกวน

สายน้ำ
06-02-2010, 20:37
ทะลุออกไปริมทะเลจะได้บรรยากาศแบบนี้

สายน้ำ
06-02-2010, 20:44
หรือ แบบนี้ .....

สายน้ำ
06-02-2010, 20:46
ช่องนี้ มีเสน่ห์ดีเหมือนกัน ..... โดยเฉพาะถ่ายให้เป็น Silhouette แบบนี้


ใครเป็นใคร เดาเอาเองครับ

สายน้ำ
06-02-2010, 20:49
ช่องหินช่องนี้ รูปทรงคล้ายดวงตาเลยนะครับ ...


ดวงตาคือ หน้าต่างของหัวใจ ..

สายน้ำ
06-02-2010, 20:50
แอคชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนใคร .... ก็มีอยู่คนเดียวแหล่ะครับ

สายน้ำ
06-02-2010, 20:53
ถึงเวลาเฉลยแล้วว่า ทำไมผมจึงอาสาอยู่เฝ้ารถ ...


ไม่ได้กลัวรถหายหรอกครับ ... กลัวเจ้าสมุนพระราม ญาติหนุมาน หลานซึงหงอคง พวกนี้แหล่ะ อยู่กันเต็มไปหมด


แค่เจ้า 2 ตัวที่อยู่บนกิ่งไม้เหนือหลังคารถนี่ ก็หวาดเสียวกลัวอึกลัวฉี่เต็มทนแล้ว

สายน้ำ
06-02-2010, 20:58
ระหว่างที่คอยไล่ให้ไปพ้นรถแล้ว ผมยังคอยสังเกตพฤติกรรมของวานรเหล่านี้ไปพลางๆด้วย .... โดยเฉพาะคู่นี้


.... เริ่มด้วยการหาเห็บหาหมัดให้กันอยู่บนพื้นหญ้า


.... แล้วย้ายขึ้นไปหากันต่อบนคาคบไม้


.... ไม่ทราบเหมือนกันว่า การหาเห็บให้กัน มันไปเร้าอารมณ์กันได้ตอนไหน คู่นี้จึงลงไปแสดงบทพิศวาสกันต่อบนพื้นหญ้าอย่างที่เห็น

สายน้ำ
06-02-2010, 21:00
หันกลับไปที่รถตู้ซิ่ง ก็มีแม่ลิงสาวตัวนี้ นั่งโชว์เชพอยู่บนหลังคาเสียแล้ว


ทรวดทรงของเธอละม้ายคล้ายแอนเจลินา โจลี่มากเลยครับ

สายน้ำ
06-02-2010, 21:02
คงคิดว่าตัวเองเป็น Spider Monkey .....


ท่าทางมันเท่ห์อย่าบอกใครเชียว

สายน้ำ
06-02-2010, 21:04
สอดแนมกันแทบทุกมุม .... ถ้ามีหน้าต่างบานไหนลืมปิดล่ะก็ เสร็จพวกท่านแน่

สายน้ำ
06-02-2010, 21:06
ในเมื่อเข้าในตัวรถไม่ได้ เลยนั่งส่องกระจก เพื่อคอนเฟิร์มความหล่อของตัวเอง


หนอย ... ทำผมทรงแห้วสุดฮิตเสียด้วย

สายน้ำ
06-02-2010, 21:08
ยังไม่วายระแวง .....


หลังจากนี้ ผมต้องเรียนเชิญพวกท่านออกไปจากรถผม และต้องทำการเช็ดกระจก ลบรอยมือรอยเท้าของพวกท่านที่มีอยู่บนกระจกแทบทุกบานออกไปครับ

สายน้ำ
06-02-2010, 21:12
ออกจากหาดหยงหลิง น้องปาล์มแวะจอดให้ชมวิวเป็นระยะๆ

สายน้ำ
06-02-2010, 21:14
พ่อหนุ่มคนนี้หลบมานั่งบนราวสะพานอยู่คนเดียว กลัวจะคิดสั้น จึงเข้าไปถาม


เขาตอบว่า "ผมกลัวแดดอ่ะครับ"

สายน้ำ
06-02-2010, 21:16
ป่าชายเลนด้านนี้ของตรัง ถูกเก็บรักษาไว้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

สายน้ำ
06-02-2010, 21:19
พอใกล้เที่ยง เราแวะเข้าไปที่วนอุทยานน้ำพุร้อนควนแคง เพื่อทานอาหารกลางวันแบบบ้านๆที่กำนันสั่งจองให้

สายน้ำ
06-02-2010, 21:21
บ่อน้ำพุร้อนถูกก่อขึ้นมาได้อย่างสวยงามเป็นระเบียบ ...


สีเขียวๆที่เห็นในบ่อคือ ตะไคร่น้ำที่ลอยยืดขึ้นมาตามแรงของน้ำพุ

สายน้ำ
06-02-2010, 21:23
อิ่มหนำสำราญแล้ว น้ำร้อนก็ไม่อยากอาบ .... นอนให้เค้านวดดีกว่า

สายน้ำ
06-02-2010, 21:25
อากาศคงยังร้อนไม่พอ จึงมีคนสมัครใจไปอาบน้ำร้อนในบ่อกันหลายคน


ห้องนี้ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นน้องก้อยกับน้องโหย๋ แต่ไม่ได้โผล่เข้าไปดู

สายน้ำ
06-02-2010, 21:27
ที่ต้องเข้าไปดูคือห้องนี้ครับ ...


ขณะที่เดินผ่าน ได้ยินเสียงผู้ชายร้อง "ว๊ายๆ ซื๊ด"


ด้วยความอยากรู้ จึงเข้าไปดู ก็พบภาพนี้ครับ

สายน้ำ
06-02-2010, 21:31
สบายตัวกันแล้ว ทั้งนวดทั้งอาบน้ำร้อน ....


ออกเดินทางกันต่อไปกันตัง โดยข้ามแพขนานยนต์ ...

สายน้ำ
06-02-2010, 21:33
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่งในอำเภอกันตังคือ สถานีรถไฟกันตัง ที่อนุรักษ์รูปลักษณ์ตั้งเดิมเอาไว้ได้


วิกิพิเดีย บรรยายเอาไว้ว่า .....

สถานีรถไฟกันตัง ตั้งอยู่บนถนนหน้าค่าย ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นสถานีรถไฟสุดทางของทางรถไฟสายใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน

สถานีรถไฟกันตัง เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 ในอดีตใช้เป็นที่รับส่งสินค้ากับต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย มีรางรถไฟต่อไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ถึงท่าเทียบเรือกันตัง ซึ่งเป็นท่าเรือเก่าแก่ตั้งแต่โบราณ ปัจจุบันทางรถไฟส่วนนี้ถูกชาวบ้านรุกล้ำที่ และไม่มีรางรถไฟส่วนนี้แล้ว

ตัวสถานีรถไฟกันตัง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยาทาสี เหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้านหน้ามีมุขยื่นประดับมุมเสาด้วยลวดลายไม้ฉลุ ประตูบานเฟี้ยมแบบเก่า คงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้ว

สายน้ำ
06-02-2010, 21:36
ด้านหน้าอาคารทางเข้าชานชาลา

สายน้ำ
06-02-2010, 21:38
หน้าห้องขายตั๋วเดิม ...

สายน้ำ
06-02-2010, 21:39
ถ้าผมจำไม่ผิด ...


คุณลุงกับจักรยานคันนี้ ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน เพียงแต่พวกเราเห็นคุณลุงนั่งอยู่ เลยขอให้ท่านนั่งเป็นนายแบบให้พวกเราต่อไปอีกสักครู่นึง .... ท่านก็นั่งได้หน้าเครียดเชียว

สายน้ำ
06-02-2010, 21:42
ตัวอาคารทาสีเหลืองสวย .... แม้แต่ลูกกรงก็ทาสีเหลือง

สายน้ำ
06-02-2010, 21:43
บ้านพักเจ้าหน้าที่ ถึงจะเก่าจะโทรม แต่ก็ดูคลาสสิค

สายน้ำ
06-02-2010, 21:45
ด้านหน้าสถานี ...

สายน้ำ
06-02-2010, 21:47
กำลังคิดสั้นอยู่หรือเปล่าหน๊อ .... หรือว่าเมียทิ้ง


เมื่อกี้ก็นั่งบนราวสะพานคนเดียวทีนึงแล้ว เที่ยวนี้ก็มานั่งหลบอยู่คนเดียวอีก นี่ถ้าไปนั่งอยู่บนรางรถไฟล่ะก็ ... ชัวร์เลย

สายน้ำ
06-02-2010, 21:52
จุดสุดท้ายที่น้องปาล์มจะพาไปคือ สะพานยอดไม้ ในสวนพฤกษศาสตร์ทุ่งค่าย


วิกิพิเดีย บอกว่า .....

สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ (ทุ่งค่าย) - Peninsular Botanical Garden (Thung Khai) เดิมชื่อ สวนรุกขชาติทุ่งค่าย ตั้งอยู่ในพื้นที่ 2,600 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าทุ่งค่าย หมู่ที่ 2, 3 และ 9 ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดตรังประมาณ 13 กิโลเมตร

สวนรุกขชาติทุ่งค่าย เริ่มจัดตั้งเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2529 โดยกรมป่าไม้ ตามนโยบายของนายชวน หลีกภัย (ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ) เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 และเป็นสถานที่อนุรักษ์พันธุ์ไม้ - สัตว์ป่า และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชนทั่วไป

ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบและที่ราบบนเนินเขาเตี้ยๆ สภาพป่าเป็นป่าดิบชื้น และป่าพรุ มีป่าพรุธรรมชาติที่เป็นแหล่งต้นน้ำของลำห้วยสายเล็กๆ ดินเป็นดินทรายและดินร่วนปนทราย

ในปี พ.ศ. 2536 สวนรุกขชาติทุ่งค่าย ได้ยกฐานะเป็นสวนพฤกษศาสตร์ ตามนโยบายจัดตั้งองค์การสวนพฤกษศาสตร์ขึ้น อยู่ในกำกับดูแลของส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ใช้ชื่อว่า สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ได้ย้ายมาสังกัดสำนักบริหารจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 20 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ภายในสวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ (ทุ่งค่าย) มี สะพานศึกษาเรือนยอดไม้ (Canopy walkway) ความยาว 175 เมตร มีความสูง 10-18 เมตร มีจำนวนหอคอย 6 หอ รองรับน้ำหนักได้ 200 กิโลกรัม/ตารางเมตร ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าทุ่งค่าย มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ผ่านป่าดิบชื้นและป่าพรุ สร้างเสร็จเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2547 ด้วยงบประมาณส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว

สายน้ำ
06-02-2010, 21:54
ลงมือเดินกันได้เลยครับ

สายน้ำ
06-02-2010, 21:55
ไม่เห็นเสียวเลยเนอะ ...

สายน้ำ
06-02-2010, 21:57
ยิ่งขึ้นชั้นสูงๆ รู้สึกว่าสะพานมันยิ่งแกว่งยิ่งเขย่า ...


นี่เป็นชั้นบนสุดแล้ว อยู่ระดับเดียวกับยอดไม้ครับ

สายน้ำ
06-02-2010, 22:00
ได้เวลาเดินลงแล้ว ต้องไปส่งจากับปิ๋มขึ้นเครื่องและไปทานอาหารเย็นที่เลตรัง 2 กันอีก

สายน้ำ
06-02-2010, 22:02
มีภาพของบ่าวสาวหมาดๆ .... จาและปิ๋ม


ขอโทษที กระโดดข้ามไปได้ไงไม่รู้

สายน้ำ
06-02-2010, 22:07
เราปิดท้ายรายการกันด้วยอาหารเย็นที่ร้านเลตรัง 2 ....


อาหารซีฟู๊ดดีๆทั้งนั้น ปริมาณคับอก แต่เวลาไม่มี ทานกันยังไม่เต็มอิ่ม ก็ต้องรีบเผ่นไปขึ้นรถไฟ .... เสียดายจัง


จบแล้วครับ .... ขอขอบคุณน้องๆทุกคนที่ร่วมกันทำให้กิจกรรมครั้งนี้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ และทำให้ทั้ง 4 วันที่อยู่ร่วมกันที่ตรังมีแต่สีสัน ความสุข และสนุกสนาน


เอาไว้ไปล้างแค้นกันใหม่ ปลายปี 53 นี้ครับ ....

blue day
06-02-2010, 22:24
ขอบพระคุณสำหรับภาพสวยๆ ครับพี่สายน้ำ ดูแล้วคิดถึง เพ่ ล่ะ อ่ะ ย่ะ ผมขออนุญาตเพิ่ม รูปนิสส์ นึง นะครับ ร้านคุณแม่จิ๋ม (ผมเอง) ...อิอิ:p

http://image.ohozaa.com/i2/img_0668.jpg (http://image.ohozaa.com/show.php?id=c7d41ee49939feab7df5a3068c5ebbaf)

http://image.ohozaa.com/ic/1img_0662.jpg (http://image.ohozaa.com/show.php?id=f9c160be60bc7c1631aeae37b81aabe5)

http://image.ohozaa.com/iw/0img_0665.jpg (http://image.ohozaa.com/show.php?id=98697a1cdb878074eba2728794aaed5b)

blue day
06-02-2010, 22:26
http://image.ohozaa.com/i1/img_0809.jpg (http://image.ohozaa.com/show.php?id=3757a6bfa2b50d03176333510e88cb7b)

http://image.ohozaa.com/i0/0img_0806.jpg (http://image.ohozaa.com/show.php?id=a9a6451a919cd699413363edf2d38ae7)

http://image.ohozaa.com/iz/0img_0807.jpg (http://image.ohozaa.com/show.php?id=bc92c009f4a8034bb0a25439fd22f6d3)

http://image.ohozaa.com/iy/img_0856.jpg (http://image.ohozaa.com/show.php?id=6fb3b16e6dfb585f6e509a32697f56ef)

ผมอ่ะเลิฟฟฟฟ ตรัง จริงงจริ๊งงงงงง

สายน้ำ
07-02-2010, 07:23
ผมขออนุญาตเพิ่ม รูปนิสส์ นึง นะครับ ร้านคุณแม่จิ๋ม (ผมเอง) ...อิอิ


เฮ๊ย!!! กลายเป็นแม่จิ๋มของน้องดื้อไปแล้วเหรอ ...

สายชล
07-02-2010, 21:38
คิกๆ.....น้องดื้อจ๋า ช่วยลุ้นจ้ะ....ช่วยลุ้น.....:p


คิดถึงตรังและคนตรังมากๆ............ยิ่งได้ชมภาพที่คุณสายน้ำนำมาลงก็ยิ่งคิดถึง นั่งวนชมภาพอยู่หลายรอบ....


ด้วยความคิดถึง....เดือนมีนาคมนี้สองสายคงจะได้แวะไปเยี่ยมเยือนตรังและคนตรังอีกครั้งค่ะ...:p

ดอกปีบ
07-02-2010, 23:35
นั่งตามดูรูปกระทู้ตรังเวอร์ชั่นครบเครื่องของพี่จ๋ิอม สนุกสนานและรู้ัสึกไม่ต่างจากพี่น้อยเลยครับ คิดถึงๆๆๆ

โหวตให้กระทู้นี้ทันทีครับผม ..




ดื้อครับ รูปสาวๆผมยังแอบถ่ายไกลๆ แต่ไฉนดื้อ ถึงได้โฟกัสกันแบบไม่เกรงใจหนุ่มๆแถวนั้นเลยหรือครับ ฮี่ๆ ..

เด็กน้อย
08-02-2010, 12:17
ดูแล้วมีความสุข :)

ขอบคุณพี่สองสายครับ

สายชล
08-02-2010, 13:24
บริเวณข้างอาคารสถานีรถไฟกันตัง....


ชายหนุ่มนักท่องเที่ยวคนหนึ่งปลีกตัวเดินออกมา จากกลุ่มเพื่อนๆ ที่กำลังวุ่นวายหามุมถ่ายภาพในตัวอาคารสถานีรถไฟ....


เสียงพูดและเสียงหัวเราะสดใสของเด็กๆแว่วมาเข้าหูชายหนุ่ม ทำให้เขาเดินตามเสียงนั้นไป.....


จากที่ยืนดูอยู่ห่างๆ...เขาเดินไปทรุดตัวลงนั่งห้อยขาที่ขอบปูนชานชลาที่อยู่ติดกับสวนหย่อม...


เด็กๆชายหญิงวัย 5-6 ขวบสองสามคน กำลังสนุกสนานอยู่กับการใช้มือช้อนปลาหางนกยูง ที่อยู่ในอ่างบัวกลางสวนหย่อมเล็กๆ เสียงหัวเราะของเด็กๆดังกังวาลอย่างมีความสุขยามเมื่อจับปลาในอ่างมาใส่ไว้ในแก้วพลาสติกเล็กๆ ที่ใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่ง


เราไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่.........แต่เราเห็น....


เขากำลังยิ้มอย่างสดชื่นกับภาพที่ได้เห็นอยู่เบื้องหน้า.....


http://www.saveoursea.net/forums/attachment.php?attachmentid=6132&d=1265467657

เบลูก้าน้อย
08-02-2010, 14:26
มีความสุขจัง :)

-Oo-
08-02-2010, 16:22
สนุกจังค่ะ อ่านไปยิ้มไป

ploybabe
08-02-2010, 17:41
ยิ้ม ไม่หุบเลยยยยยยยย

ภูมิใจ บ้านนู๋เอง !! อิอิ

ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ ตอนนี้ หนูอยู่ประจำแล้วค่าาา

แมลงปอ
08-02-2010, 18:08
เหลียวหลัง พร้อม กะ ...อมยิ้มแก้มตุ่ยไปด้วยอ่ะ....ขอบคุณค่ะ

ไอ_นุ!
09-02-2010, 20:11
เสียดายนะครับ ที่ไม่ได้ทำสปาหน้า..ที่ตรัง

สายชล
09-02-2010, 21:27
ก๊ากกกกก....


เห็นภาพน้องนุทำสปาหน้าแล้ว หัวเราะก๊ากกกกได้ทุกที


ปีหน้าไปตรัง....จะจัดไปสระมรกต...น้ำตกร้อน....น้ำพุร้อนให้อีกจ้ะ

เบิ๊ด
10-02-2010, 01:45
อ่านไป...ยิ้มไปเหมือนกันคร๊าบบบ
เหม่ เหม่ พี่ต้นดูดี๊ดี...แม้แต่ตอนที่พี่น้อยมาบรรยายให้ฟังรูปที่พี่ต้นเก็กเท่ห์ที่สถานี้รถไฟ
พี่ต้นดูเป็นคนอบอุ่นและรักเด็ก ฮี่ ฮี่
...
ส่วนสปาหน้าของไอนุ...เอ่อ...พี่ขอเป็นคนลง((...))ทำให้ดีมะน้องงงง
...
ขอบคุณพี่น้อยกับพี่จ๋อมคร๊าบ
ถ้าเอารูปมาลงมั่งจะเก่าไปมั๊ยนี่คร๊าบ

สายชล
10-02-2010, 06:47
ไม่เก่าคร้าบบบ....อยากชมภาพของน้องปื้ดและของท่านอื่นๆด้วยคร้าบบบบ.....

.......


น้องต้นของพี่ปื้ดก็เป็นคนอบอุ่นน่ารักออกคร้าบบบ.....จากที่เห็นตอนนั่งมองเด็กๆ ก็ดูน้องต้นจะรักเด็กอยู่นะคร้าบบบ (เด็กเล็กๆ ไม่ใช่เด็กเอ๊าะๆนะคร้าบบบ....)

muffin
10-02-2010, 10:24
:) :) :) :) หุบยิ้มลำบากเลยเนี่ย หุๆๆ

sea addict
11-02-2010, 17:19
อนุโมทนา สาธุ ครับ อยากไปปล่อยปลาบ้างจัง แต่งานยุ่งมากเลยได้แต่คอยชื่นชมผลงานครับหวังว่าคงได้ไปร่วมทำบุญบ้างสักครั้งครับ (รูปสวย ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยนะครับ)

ปล. ปลาหูช้างตัวเด็กควรหาที่ปล่อยในแนวปะการังชายฝั่งใกล้ป่าชายเลนครับ เพราะพวกนี้จะพรางตัวให้เหมือนใบไม้แห้งลอยน้ำ จึงเป็นเหตุให้เมื่อปล่อยแล้วมันจึงรีบลอยขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อให้สมบทบาทและลอยตัวเข้าใปหากินเลี้ยงตัวบริเวณชายฝั่งจะได้มีโอกาสรอดสูงกว่า และทำให้นักดำน้ำมักไม่ค่อยพบมันในเขตแนวปะการังน้ำลึกจนกว่าจะโตเป็นปลาวัยรุ่นหรือเต็มวัยครับ

สายชล
11-02-2010, 22:22
ขอบคุณคุณ sea addict เช่นกันค่ะ สำหรับคำชมแบะคำแนะนำ....:)


หวังว่าจะได้ไปดำน้ำทำบุญด้วยกันบ้างในโอกาศอันใกล้นี้นะคะ...