View Full Version : พาไปยิ้มละไม ....กุ้ยหลิน เมืองไทย
Super_Srinuanray
08-04-2010, 11:59
:d
ขับรถผ่านไปผ่านมาหน้าเขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลานก็หลายต่อหลายครั้ง ไม่ได้แวะเข้าไปเที่ยวเลยสักที
เมื่อปีที่แล้ว ก็เลยไปสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลกับน้องๆ และปีนี้ ก็ได้ไปซ้ำอีกครั้ง
และอาจจะตามอีกหลายครั้ง แน่นอนเลยว่า แต่ละครั้งก็ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน
มะ....ไปเที่ยวกัน....
Super_Srinuanray
08-04-2010, 12:06
เนื้อหาและภาพพาโนรามา ที่มา : วิกิพีเดีย
เขื่อนรัชชประภา มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อก่อนสร้างแล้วเสร็จได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
เขื่อนรัชชประภา สร้างปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานีโดยพื้นทีส่นใหญ่ติดอุทยานแห่งชาติเขาสกเกือบทั้งหมด เป็น เขื่อนหินถมแกนดินเหนียว สูง 94 เมตร ความยาวสันเขื่อน 761 เมตร และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตารางกิโลเมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเฉลี่ยปีละ 3,057 ล้านลูกบาศก์เมตร ติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้า เครื่องละ 80,000 กิโลวัตต์ จำนวน 3 เครื่อง รวมกำลัง การผลิต 240,000 กิโลวัตต์ ให้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละประมาณ 554 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง
เขื่อนรัชชประภา เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2525 แล้วเสร็จในเดือนกันยายน2530 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดเขื่อนรัชชประภา และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน 2530 แต่เดิมนั้นสามารถเดินทางได้โดยจาก อำเภอพนม แต่เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีความสลับซับซ้อนประกอบด้วยเหวจำนวนมากเส้นทางดังกล่าวจึงต้องปิดตัวลงโดยปัจจุบันสามรถเดินทางโดยผ่านอำเภอบ้านตาขุน
เขื่อนรัชชประภา เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคใต้ ที่สร้างความมั่นคงให้แก่ระบบไฟฟ้า และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศชาติ นอกจากนี้ยังเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2530 และพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ในปี พ.ศ. 2531
Super_Srinuanray
08-04-2010, 12:25
สำหรับประโยชน์ของเขื่อนดินแห่งนี้ เพื่อ
- การชลประทานเพื่อการเพาะปลูก ปริมาณน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนให้ประโยชน์ต่อการเพาะปลูกพืช บริเวณสองฝั่งแม่น้ำในตอนล่าง เป็นผลให้พื้นที่ประมาณ 100,000 ไร่ ในเขตท้องที่ตำบลตาขุน อำเภอคีรีรัฐนิคม และอำเภอพุนพิน สามารถทำนาปรัง และปลูกพืชในฤดูแล้งได้ผลดี
- บรรเทาอุทกภัย การกักเก็บน้ำของเขื่อนในฤดูฝน จะช่วยลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่างได้เป็นอย่างดี
- การประมง อ่างเก็บน้ำของเขื่อนรัชชประภาเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญ ทุกๆ ปี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ปล่อยพันธุ์ปลาและกุ้งเป็นจำนวนมากลงไปในอ่างเก็บน้ำ สามารถให้ผลผลิตทางด้านการประมงเฉลี่ยปีละ 300 ตัน ซึ่งเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับราษฎรในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง
- การท่องเที่ยว ทัศนียภาพโดยรอบบริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ สวยสดงดงาม และสงบร่มรื่น เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละกว่า 70,000 คน ให้เดินทางมาเยี่ยมชมเขื่อนรัชชประภา พื้นที่อ่างเก็บน้ำมีทัศนียภาพอันงดงาม ประกอบด้วยยอดเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามากมาย จนได้รับฉายาว่า "กุ้ยหลิน เมืองไทย" ซึ่งพื้นที่น้ำเกือบทั้งหมด อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก (เว้นเพียงพื้นที่น้ำในเขตทุ่นลอย อันได้แก่ รอบพระตำหนักเรือนรับรองที่ประทับ หน้าช่องระบายน้ำ และตลอดแนวสันเขื่อน อยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย)
- การผลิตไฟฟ้า พลังน้ำจากเขื่อนสามารถนำมาผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละ 315 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยเสริมระบบไฟฟ้าในภาคใต้ให้มั่นคงยิ่งขึ้น นอกจากนี้น้ำที่ปล่อยผ่านเครื่องผลิตไฟฟ้า ยังส่งต่อเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม บริเวณพื้นที่ท้ายน้ำอีกด้วย
- แก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม สภาพน้ำที่มีบปริมาณน้อยของลำน้ำพุมดวง-ตาปี ในฤดูแล้ง ทำให้เกิดภาวะน้ำเน่าเสียได้ง่าย ขณะเดียวกันบริเวณปากแม่น้ำจะมีน้ำเค็มรุมล้ำเข้ามาตามลำน้ำ น้ำที่ปล่อยจากเขื่อนรัชชประภาจะช่วยเจือจางน้ำเสียในลำน้ำ และต้านทานการรุกล้ำของน้ำเค็มที่ปากแม่น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ณ วันนี้ ประโยชน์ของการท่องเที่ยวก็ได้มาถึง โดยเราได้ไปเที่ยวกุ้ยหลิน เขื่อนเชี่ยวหลาน โดยมีเพื่อนสนิทจาก นิวซีแลนด์ ชื่อ Sumo and Carol มาเป็นแขกพิเศษของเราเอง
Super_Srinuanray
08-04-2010, 12:44
เที่ยวนี้ ได้โกรงค์ผู้เชี่ยวชาญการเดินป่า เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ เรานั่งเรือหางยาว
ล่องเข้าไปในบริเวณเก็บกักน้ำ ที่รายล้อมด้วยเขาหินปูน และน้ำที่เขียวมรกต
Super_Srinuanray
08-04-2010, 12:51
ระหว่างทางก็นั่งกินลมชมวิวไปรอบๆๆ สวยมาก หากเราไปตอนเช้า
จะไม่ร้อนเลย แถมบรรยากาศ ก็สดชื่น จริงๆๆ
Super_Srinuanray
08-04-2010, 13:01
นี่ก็เป็นอีกทางเลือก ทางหนึ่งของเรา
จะเห็นได้ว่า การเดินทางมาเที่ยวในบ้านเราก็ไม่ได้ยุ่งยาก หรือเสียค่ารใช้จ่ายมากไปกว่า ไปเที่ยวกุ้ยหลินเมืองจีนเลย
Super_Srinuanray
08-04-2010, 13:03
จุดหมายแรกที่เราไป คือการไปเที่ยวที่ถ้ำปะการัง ซึ่งอยู่เกือบทางด้านต้นน้ำของเขื่อน เราต้องเดินเท้า อีกประมาณ 1 กม. ก่อนที่จะข้ามแพเครื่องไปที่ถ้ำ
Super_Srinuanray
08-04-2010, 13:29
ระหว่างทางที่เดิน เราะพบร่องรอยของหมูป่า ที่เดินผ่านไป ตั้งแต่เช้า
และพบเห็นลูกยาง ที่เราเคยเอามาเล่น เฮลิคอปเตอร์ สมัยเด็กๆ ด้วย
ระยะทางขนาดนี้ ไม่ลำบากเลย และร่มเย็น
เมื่อเรามาถึงสถานี ที่เป็นที่ต้องนั่งแพ ข้ามไปที่ถ้ำ เราต้องนั่งรอตามคิว
ซึ่ง ทำให้พวกเราได้นั่งพักเล่นกันอย่างสนุกสนาน :d
Super_Srinuanray
08-04-2010, 13:31
กระโดด บ้าง นั่งเล่นบ้าง กินขนมบ้าง
ในที่สุด เวลาของการล่องแพเล็กก็มาถึง เราใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็มาถึงถ้ำปะการัง
Super_Srinuanray
08-04-2010, 13:55
ถ้ำปะการังนี้ ก็เป็นลักษณะของถ้ำหินปูน ซึ่งเคยปิดมาก่อนหน้านี้ประมาณ 6 ปี
และเพิ่งจะเปิดให้มีผู้เข้าชม ก่อนการเข้า จะมีกฎระเบียบเช่น ห้ามจับต้อง
ห้ามหยิบ หักชิ้นส่วน ใดๆ ซึ่งในบางถ้ำ อาจจะมีการห้ามถ่ายรูปด้วยซ้ำ
แต่สำหรับที่นี่ เราสามารถถ่ายรูปได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังห้ามโดนชิ้นส่วนใดๆๆของก้อนหินงอกทั้งหมดด้วย
Super_Srinuanray
08-04-2010, 14:08
ภายในถ้ำ ก็แล้วแต่การจินตนาการ ว่าเรามองเห็นเป็นรูปอะไรบ้าง
รูปแรกนี้ เหมือนรูปยักษ์วัดแจ้ง และอีกรูปเหมือนกับเป็นต้นปะการังที่เป็นก้อนๆ เหมือนในทะเลเลย
Super_Srinuanray
08-04-2010, 14:25
:)
ถ่ายค่อนข้างยากนะเนี่ย สำหรับ หินที่กำลังงอก แบบนี้
ดูช่างละเอียดอ่อน และเหมือนจะเข้มแข็ง และบริสุทธิ์ จริงๆๆ เหมือนหิมะ ไหมเนี่ย แต่ไม่เคยเห็นหิมะนิ
หาความรู้เพิ่มเติมมาให้ค่ะ จาก http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=720b51f0b51b7653
หินงอกคือหินที่งอกจากพื้น หินย้อย คือหินที่ย้อยลงมาจากด้านบน เกิดมากโดยเฉพาะภูเขาหินปูน
ฝนที่ตกลงมามีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ) ซึ่งละลายในน้ำฝน... กลายเป็นกรดคาร์บอนิก (H2CO3) ไหลไปตามก้อนหิน....
และทำปฏิกิริยากับแคลเซียมตาร์บอเนต ที่มีอยู่ในหินปูน เกิดเป็นสารละลายแคลเซียมไฮโดรเจน คาร์บอเนต ซี่งไหลไปตามพื้นถนังถ้ำ
เมื่อน้ำระเหยหมดก็เหลือตะกอน สะสมเป็นหินงอกหินย้อย....
จัดเป็นการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก แบบช้าๆ....
ฝนตกลงมาเจอกับกาซบางอย่างในอากาศ (เช่นคาร์บอนไดออกไซด์) จะกลายเป็นกรด
เมื่อฝนกรดไหลผ่านหินบางชนิด (เช่นหินปูน) กรดจะกัดกร่อนหินนั้นให้ละลายไหลไปด้วยกัน
เมื่อผ่านผนังถ้ำ การหยดลงของน้ำที่มีหินปูนละลายอยู่ก็จะเกิดการจับตัว เกิดผลึกใหม่
ทำให้ส่วนที่เกาะตัวสูงขึ้นเป็นหินงอก
ที่จับตัวตกลงมาข้างบนเป็นหินย้อย
ใช้เวลาหลายร้อยหลายพันปี กว่าจะมีขนาดใหญ่และสวยงาม
Super_Srinuanray
08-04-2010, 14:35
หินบางกอง ก็เกิดจาการสะสมของธาตุ ที่ออกมาจาก รู ผนังภูเขา
ที่เห็นงินเยอะๆ ก็เป็นเงินบริจาคจากผู้ที่เข้าชม ทางอุทยานได้นำเงินที่ได้นี้ ไปใช้ประโยชน์ในการบูรณะ อาคาร และทางเข้าชมที่ชำรุด
Super_Srinuanray
08-04-2010, 15:00
ก่อนออกจากถ้ำ ถ้ามองออกมา อาจจะเห็นคนยืนเฝ้าหน้าถ้ำอยู่
อย่าลืม กล่าวคำว่า ลาก่อน ออกจากถ้ำนะคะ เพราะไม่งั้น อาจจะมาทวงเวลาที่เรากลับมาถึงบ้านได้นะ
ดู๊ แกทำ...พี่ซูโม่ และ ป้ายหน่วยพิทักษ์ป่าชั่วคราวห้วยถ้ำจันทร์
Super_Srinuanray
08-04-2010, 15:19
อาหารเที่ยงกำลังรอเราอยู่ที่แพ ด้านนอก หลังจากเราเดินย้อนกลับมาท่าเรือหางยาวแล้ว แล่นเรือกลับด้วยความเร็ว เพราะหิวมากกกกก
โอ้ยยย หร่อยสุดๆๆ ปลาทับทิมทอดตัวโตๆ ผัดผักรวม แกงเขียวหวานไก้ ไข่เจียวหมูสับ แกงส้มหน่อไม้ แถมผลไม้จานโต น้ำเย็นๆๆ
หลังจากนั้นเราสามารถพักผ่อนได้ด้วยการเล่นน้ำ หรือพายเรือคะยักได้เลย
Super_Srinuanray
08-04-2010, 15:28
ช่วงบ่ายๆ ก็ล่องเรือกลับมาอีกด้านของทะเลสาบ เพื่อมาเที่ยวกุ้ยหลินเมืองไทย
สวยมาก คนไม่มีเลย เราสามารถโดดน้ำเล่นน้ำที่นี่ได้ แต่น้ำลึกประมาณ 30 เมตร
เขาหินปูนบางลูก ยังเป็นที่อยู่ของ ค่างแว่น ซึ่งมาอยู่ตั้งแต่เริ่มสร้างเขื่อน เมื่อน้ำเต็ม ค่างแว่นฝูงนี้ ก็ไม่สามารถไปที่อยู่เขาอื่นๆรอบๆ ได้เพราะ ค่างว่ายน้ำไม่เป็น
หลังจากดูดดื่มกับธรรมชาติ ก็ล่องเรือกลับท่าเรือเทศบาล โดยสวัสดิภาพ
Super_Srinuanray
08-04-2010, 15:31
การเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี้ เป็นไปอย่างสะดวกสบาย หากเราสามารถนัดเรือได้ล่วงหน้า จะทำให้เรามีเวลาเที่ยวมากขึ้น และ มีเวลาให้เราสูดอากาศบริสุทธิ์ ได้เต็มปอด ทีเดียว.....
จบการเดินทางอย่างสมบูรณ์ใน 1 วัน หากมีเวลาก็แวะมาได้นะคะ เพราะยังไม่ได้ไปเที่ยวถ้ำทะลุ เลย ครั้งหน้าก็แล้วกันนะ
อู๊ยยยยย.....สวยงามไม่แพ้กุ้ยหลิน เมืองจีน ที่พี่สองสายเคยไปเยือนมาแล้วเลยจ้ะ แถมน้ำที่เขื่อนเชี่ยวหลานของเรานี่ยังมากมายและกว้างใหญ่กว่ากุ้ยหลินตั้งเยอะ....
ขอบคุณหนูติ่งที่มาแบ่งปันความสุขให้จ้ะ....:)
พี่สองสายเคยเข้าไปชมตัวเขื่อนเชี่ยวหลานมาแล้ว แต่ยังหาโอกาสไปล่องเรือเหนือเขื่อน หรือไปนอนแพกินลมชมวิวให้สุขใจเล่นเลย คงต้องหาโอกาสแวะไปบ้างแล้วล่ะจ้ะ
Super_Srinuanray
08-04-2010, 16:18
ขอบพระคุณค่ะพี่น้อย.....
มาได้เลยค่ะพี่ มีโปรแกรมตะลุยป่า ด้วยนะคะ หากมาช่วงนี้ รับรองเจอสัตว์แน่ๆๆ ค่ะ
เพราะตอนนี้น้ำกำลังปริ่มๆๆ ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไป
หนทางสะดวกสบาย แต่สำหรับคนขี้ร้อน อาจจะต้องกระโดดน้ำทั้งคืน เพราะบางวัน อาจจะร้อนมาก แต่ช่วงหัวค่ำ ก็จะมีการล่องไนท์ซาฟารี รอบเขื่อนด้วยนะคะ
และพี่ที่สนิทกันก็เป็นคนเดินป่าแถวนี้ มากกว่า 20 ปีด้วยค่ะ แกคุยสนุุกดีค่ะ
นึกถึงนิยายเรื่องเพชรพระอุมาเลยทีเดียว ฟังแกเล่าบางเรื่อง ขนลุกซู่เลยค่ะ
อยากให้มาค่ะ ถ้ามีโอกาส...ช่วงมิถุนา ก็ได้นะคะ มีฝนไม่น่าจะมากนัก
ขอบคุณจ้ะหนูติ่ง.....:)
อ่ะ....เข้าท่า เดือนมิถุนายน พอไปดำน้ำทำงานเสร็จ เราก็ไปล่องแพที่พะโต๊ะ ขึ้นฝั่งแล้วก็ล่องใต้ไปอีกเพียงสองชั่วโมง แล่นรถเข้าเขื่อนเชี่ยวหลาน แล้วลงเรือไปนอนที่แพเหนือเขื่อน
พอเช้าขึ้นมา กินข้าวกินปลาแล้วก็ไปเดินป่า (หาเพชรพระอุมา)....นั่งเรือชมวิว หอบข้าวลิงไปกินกลางทาง เย็นๆค่อยกลับมานอนแพอีกสักคืน เช้าวันรุ่งขึ้นค่อยกลับ กทม.
อูยยยยย......ชักจะสนุกแล้ว
น้องติ่งลองช่วยจัดโปรแกรมคร่าวๆตามที่พี่บอก แล้วเราค่อยไปคุยกันในรายละเอียดที่ชุมพรนะจ๊ะ.....
ขอบคุณล่วงหน้าจ้ะ...:)
สวยงามจริงๆ ครับ ฟันเฟิร์ม...และ คอนธง
ขอร่วมทางไปด้วยคนนะครับ อ.สองสาบ,ครูติ่ง......
Super_Srinuanray
16-04-2010, 13:35
พี่พจน์ ....งานเข้าอีกแล้ว อ.สองสาย นะคร้าบบบบ ไม่ใช่ อ.สองสาบ
ไม่ว่ากัน มือไวน่ะนะ
NAMPUENG
16-04-2010, 15:34
โหย ^.^ งั้นยังงี้พี่ติ่งต้องรับลุงไมโลเข้าแกงค์ด่วนนน
Super_Srinuanray
16-04-2010, 17:37
ชื่อแกงค์อะไรดีล่ะ น้องน้ำผึ้ง....
ยินดีต้อนรับเข้าก๊วนค้า พี่พจน์
อยากให้อาจารย์สองสาย ครูติ่ง และผู้สนใจจะไปเดินป่า เข้าไปดูครับ
http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=37&topic_no=200909&topic_id=203481
Super_Srinuanray
16-04-2010, 18:57
ขอบพระคุณค่ะ พี่พจน์ น่าสนใจมาก
อยากไปเหมือนกันค่ะ คลองแสนอยู่ใกล้แค่จมูกเอง และก็น่าจะหาคนนำทางได้แล้วด้วย
ใครอยากไป ต้องเตรียมร่างกายก่อนนะคะ เพราะไม่ใช่เด็กๆๆ เน้อ ท่าทางจะหินเอาควร...
หาเวลาสัก 3 วัน แล้วค่อยมาคุยกันค่ะ....
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.