PDA

View Full Version : ปะการังวิกฤติ น้ำทะเลร้อน 'หอยมือเสือ' ฟอกขาว


สายน้ำ
27-05-2010, 07:22
ปะการังวิกฤติ น้ำทะเลร้อน 'หอยมือเสือ' ฟอกขาว

http://www.thairath.co.th/media/content/2010/05/26/85524/hr1667/630.jpg

ภาวะโลกร้อนส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นทำแนวปะการังวิกฤติ พบมีปะการังฟอกขาวเพิ่มมากขึ้น 50-70% ตามชายฝั่งอันดามัน-อ่าวไทย โดย "หอยมือเสือ" ก็กลายเป็นสัตว์ฟอกขาวเช่นกัน...

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ผศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่สำรวจแนวปะการังในบริเวณอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีว่า พบปะการังมีการฟอกขาวจำนวนมากประมาณ 50-70% ของแนวปะการังทั้งหมด ซึ่งนับเป็นการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่กินพื้นที่มากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในทะเลฝั่งอ่าวไทย และว่าทีมวิจัยได้มีการศึกษาและติดตามสถานการณ์ปรากฏการณ์ฟอกขาวของปะการังอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มเกิดปะการังฟอกขาวขึ้นที่แนวปะการังฝั่งอันดามัน และติดตามมาด้วยพื้นที่ในทะเลฝั่งอ่าวไทยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และจากการเดินทางไปสำรวจครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 22พ.ค. ที่ผ่านมา พบว่าการฟอกขาวของปะการังในบริเวณอำเภอสัตหีบ มีการขยายพื้นที่มากขึ้น และเกิดขึ้นกับแนวปะการังทุกแห่งในบริเวณดังกล่าว จากเดิมที่มักจะมีการฟอกขาวเป็นหย่อมๆเท่านั้น นอกจากนี้ ยังเกิดการฟอกขาวขึ้นในหอยมือเสืออีกด้วย

http://www.thairath.co.th/media/content/2010/05/26/85524/l20/o1/420/252.jpg

ผศ.ดร. สุชนา กล่าวต่อว่า จากการวิเคราะห์ปัจจัยการเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่ขึ้นสูงกว่าปกติ จากเดิมที่มีอุณหภูมิ 30-31 องศาเซลเซียส ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 32-33 องศาเซลเซียส โดยอาจจะเป็นผลมาจากอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัดในช่วงที่ผ่านมา หรืออาจมีกระแสน้ำอุ่นพัดเข้ามาในอ่าวไทย ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกับการเกิดปรากฏการณ์ฟอกขาวในทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลีที่อาศัยอยู่ ในปะการังและทำให้ปะการังมีสีสันหนีออกมาจากปะการัง ทำให้ปะการังกลายเป็นสีขาว เช่นเดียวกับกรณีของหอยมือเสือ ซึ่งเป็นหอยที่มีสาหร่ายซูแซนเทลลีฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของหอย เมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น สาหร่ายชนิดนี้จะทนอยู่ไม่ได้และหนีออกมาจากเนื้อเยื่อหอย ทำให้เนื้อเยื่อหอยกลายเป็นสีขาว

http://www.thairath.co.th/media/content/2010/05/26/85524/l20/o2/420/252.jpg

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการฟอกขาวแล้ว ปะการังจะยังไม่ตายทันที แต่จะอ่อนแอและมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 2-3 สัปดาห์ หากอุณหภูมิน้ำทะเลหรือสภาพแวดล้อมกลับคืนสู่สภาพปกติ ปะการังอาจจะสามารถปรับสภาพและฟื้นตัวได้ ดังนั้น หากในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า อากาศมีอุณหภูมิลดลง หรือ มีฝนตกลงมาเล็กน้อย จะช่วยให้อุณหภูมิน้ำทะเลลดลง และมีโอกาสที่ปะการังจะกลับมามีชีวิตและสีสันได้อีกครั้ง สำหรับพื้นที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ควรลดหรืองดกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อช่วยลดมลพิษที่จะถูกปล่อยลงสู่ทะเล และให้เวลาปะการังในการฟื้นตัวกลับคืนสู่สภาพเดิม.



จาก : ไทยรัฐ วันที่ 27 พฤษภาคม 2553

สายชล
27-05-2010, 08:30
เมื่อตอนต้นเดือนพฤษภาคม....สองสายไปดำน้ำที่เกาะสากและเกาะไผ่ พัทยา เรายังไม่พบการฟอกขาวของปะการัง หอยมือเสือ หรือ ดอกไม้ทะเล


แต่เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา (22-23 พฤษภาคม) ที่เกาะสาก เราเริ่มเห็นมีการฟอกขาวของปะการังแข็งประเภทปะการังกิ่ง และปะการังเห็ด บ้างแล้ว แต่ยังไม่มากนัก


ส่วนที่เกาะไผ่ เริ่มเห็นหอยมือเสือที่เรานำไปปล่อยไว้ มีอาการสีซีดลง ไม่สวยงามเหมือนเคย แต่ปะการังยังสวยงามและสมบูรณ์ดี


นอกจากอุณหภูมิของน้ำที่สูงผิดปกติ คือ 90-91 องศาเซลเซียสแล้ว สภาพน้ำยังมีตะกอนลอยฟ่อง น้ำขุ่นมาก ทัศนวิสัยมองได้ไกลเพียง 3 - 4 ฟุตเท่านั้น ตามแนวปะการังและพื้นทรายมีตะกอนตกทับถมมากผิดปกติค่ะ

ตุ๊กแกผา
27-05-2010, 08:35
แล้วนักดำน้ำหรือประชาชนทั่วไปอย่างเราๆจะช่วยอย่างไรได้บ้างมั๊ยค่ะ

.......การอยู่เฉยๆ มันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ....เผื่อจะช่วยอะไรน้องหอยได้บ้าง??????

สายชล
27-05-2010, 08:55
คงช่วยอะไรตรงๆไม่ได้ค่ะ ต้องปล่อยให้ธรรมชาติเยียวยาตัวมันเอง ถ้าอุณหภูมิน้ำลดลงก็จะช่วยให้ปะการัง หอยมือเสือ หรือดอกไม้ทะเล ฟื้นตัวได้ง่ายขึ้น


อย่างไรก็ตาม....เราอาจช่วยได้ในทางอ้อม คือไม่ควรไปซ้ำเติมให้สภาพธรรมชาติเลวร้ายลงไปอีก ด้วยการทำให้โลกร้อนมากขึ้น หรือเข้าไปรบกวนแนวปะการัง ที่ทั้งปะการัง หอยมือเสือ และดอกไม้ทะเลกำลังอ่อนแออยู่ในขณะนี้...

สายน้ำ
27-05-2010, 08:58
ความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ หลังจากที่ไม่ได้ไปดำน้ำที่พัทยาหลายเดือน คือ


..... น้ำขุ่นมาก ไม่ใช่แค่แถวเกาะล้าน เกาะสากเท่านั้น แม้แต่เกาะไผ่ก็เลวร้ายไม่แพ้กัน

สาเหตุอาจจะมาจาก ...

1. เรือเดินสมุทรที่วิ่งเข้า-ออกท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ที่เดิมเคยวิ่งเส้นนอก คือ เลยเกาะไผ่เกาะเหลือมออกไปด้านนอก แต่ปัจจุบันวิ่งปาดเข้ามาร่องในระหว่างเกาะไผ่กับเกาะัล้านเกาะสาก อาจจะเพื่อย่นระยะทาง

จำได้ว่าเคยอ่านข่าว ที่มีเรือเดินสมุทรวิ่งผ่านสัตหีบ เข้ามาร่องในระหว่างแผ่นดินกับเกาะคราม ขนาดยืนอยู่ที่หาดสอก็สามารถเห็นได้อย่างใกล้ชิด และเพื่อความปลอดภัยของฐานทัพเรือ กองทัพเรือเคยยื่นฟ้อง แต่แพ้ครับ ศาลท่านตีว่า เป็นน่านน้ำสาธารณะ เรือไม่ผิด

เรือพวกนี้ กินน้ำลึก ใบจักรใหญ่ยักษ์ เครื่องยนต์มีกำลังมหาศาล แล้วเข้ามาวิ่งในร่องน้ำตื้น วิ่งผ่านที่ไหนก็ตีตะกอนฟุ้งขึ้นมาเต็มไปหมด และแถวพัทยา ลองคิดดูสิครับ วิ่งปาดเข้ามาใกล้เกาะ อะไรมันจะเหลือ

2. ทุ่นผูกเรือรุ่นใหม่ที่เมืองพัทยาติดตั้งไว้ทั่วไปบริเวณเกาะล้านและเกาะสาก .... ทุ่นเหล่านี้เป็นทุ่นเหล็ก จึงต้องล่ามด้วยโซ่เหล็ก .... เวลาที่น้ำลงต่ำ โซ่จะห้อยลงไปกวาดทราย ตะกุยตะกอนฟุ้งขึ้นมา ถ้ามีก้อนปะการังอยู่แถวนั้นด้วย ก็คงจะถูกกวาดแหลก แต่ที่เราพบคือ Seamoth ตายเพราะถูกโซ่กวาดครับ


ส่วนสาเหตุที่ทำให้ปะการังแถวพัทยาฟอกขาวได้ น่าจะมาจาก

1. น้ำขุ่นมาก ทำให้ปะการังได้รับแสงไม่พอเพียง
2. อุณหภูมิของน้ำที่เกาะล้าน เกาะสาก สูงขึ้นจนรู้สึกได้จากสัมผัส
3. ช่วงนี้ น้ำลงค่อนข้างต่ำ อาจจะทำให้อุณหภูมิจากแสงอาทิตย์สูงเกินไปสำหรับปะการังน้ำตื้น

สรุปคือ น่าจะมาจาก 3 ปัจจัยข้างต้นผสมกันครับ ....

koy
27-05-2010, 09:09
"ควรลดหรืองดกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อช่วยลดมลพิษที่จะถูกปล่อยลงสู่ทะเล และให้เวลาปะการังในการฟื้นตัวกลับคืนสู่สภาพเดิม" โค้ดมาจากข่าวข้างบน

เคยคิดอยู่เหมือนกันว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่า การดำน้ำก็น่ามีส่วนกระทบกับระบบนิเวศน์เหมือนกัน พอจะมีแนวทางไหนที่พอจะเจอกันครึ่งทางบ้างครับ เรือใช้น้ำมันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้ห้องน้ำ การอาบน้ำ แทนที่จะปล่อยน้ำลงสู่ทะเลโดยตรง ก็อาจจะต้องใช้ระบบกรองพวกแชมพู สบู่และสารต่างๆก่อน จะมีส่วนช่วยได้หรือเปล่า..........

สายชล
27-05-2010, 09:16
ช่วยได้แน่นอนค่ะน้องก้อย.....


แต่หากจะขอร้องให้เรือทุกลำทำเครื่องกรอง เห็นที่จะยาก นอกเสียจากต้องออกกฎหมายบังคับกันเท่านั้น

ตุ๊กแกผา
27-05-2010, 09:20
พูดง่ายทำยากคั๊บพี่ก้อย....ดูแค่เรื่องการทิ้งขยะลงทะเลของเรือแต่ละลำก็คุมยากแล้ว

ล่าสุด กระดาษชำระ ขวดน้ำ ....... เห็นกันจะๆ บอกเขาเขาก็หัวเราะ แต่ก็ยังคงทิ้ง(แต่ทิ้งลับหลังเราแทน....เฮ่อ!!!!) .....ทำให้ดูโดยให้น้องว่ายไปเก็บขวดน้ำ พวกเราปรบมือชื่นชมน้องเขา แต่คนที่อาศัยทะเลทำมาหากิน นั่งหัวเราะขำการกระทำของเรา

อยากให้มีกิจกรรมหรือโครงการฯหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้คนเหล่านี้เห็นคุณค่าของทะเลที่เขาใช้ทำมาหากิน และช่วยกันดูแล (แบบที่เราเห็นแล้วแอบชื่นชมที่ฟิลิปปินส์.......)เฮ่อ!!!!จะได้มีโอกาสเห็นกับเขามั๊ยน๊าาาาาา

Kungkings
27-05-2010, 09:27
ได้แต่เฮ้อ เฮ้อ แล้วก็เฮ้อ...
แค่คำๆ เดียวเองที่ท่านพุทธทาสภิกขุ บอกไว้...อย่าเห็นแก่ตัว
หากคนเราทุกคน ทำเพื่อส่วนรวมแม้เพียงเล็กน้อยเท่าที่พอทำได้ โลกคงน่าอยู่กว่านี้แยะเลยเชียว

chickykai
27-05-2010, 09:44
ปกติเราดำน้ำอุณหภูมิปกติก่อนหน้านี้จะอยู่ที่ 27-28 ไม่เคยเจอสูงขนาด 30-31ในประเทศไทย(หรือก่อนหน้านี้ปีสองปีมันเย็นผิดปกติคะ เพราะยังจำชั้นน้ำเย็นๆเป็นวุ้นที่เคยเจอตอนดำน้ำทั้งอ่าวไทยและอันดามันได้อยู่เลย) แต่ตอนนี้เจอ 31 ประจำ แสดงว่าอุณหภูมิสูงขึ้นกว่า 3-4 องศา แถมแถวผิวน้ำน่าจะร้อนกว่านี้ เพราะบางครั้งยังรู้สึกได้ว่า ขึ้นผิวน้ำแล้วร้อนวูบกว่าด้านใต้ๆ ซึ่งก็อุ่นอยู่แล้วค่ะ

ส่วนเรื่องคนที่ทำมาหากินกับทะเล (โดยเฉพาะทางอ่าวไทย)แล้วไม่รักทะเล ก็พูดยากค่ะ คนทำดีก็มี คนทำไม่ดีก็มาก การจะเปลี่ยนนทัศนคติมันต้องใช้เวลา และบางทีเค้าก็คิดแบบง่ายๆว่าทะเลไม่ใช่ของเค้า จนกว่าวันที่เค้าหากินไม่ได้นั่นแหละค่ะ ถึงจะสำนึก เราคงทำได้ตอนนี้แค่ส่วนของเราก่อนค่ะ แล้วค่อยๆขยายวงไปยังคนรอบๆตัว แล้วสอนเด็กๆรุ่นใหม่ให้ดี เพราะเค้าเป็นคนที่จะมาดูแลต่อไปค่ะ

แม่หอย
29-05-2010, 10:15
ช่วงที่ผ่านมาอุณหภูมิน้ำทะเลบางแห่งสูงถึง 33-34 องศาเซลเซียส พวกเรารับข่าวหอยมือเสือฟอกขาวในหลายพื้นที่ ด้วยความเป็นห่วง แต่ทำอะไรไม่ได้
หอยมือเสือที่ปล่อยไว้ในทะเลชุมพรจำนวนมากฟอกขาว.. ตัวใหญ่ขนาดฟุตเศษๆ แล้ว จะย้ายไปไหนก็ทำไม่ได้ค่ะ ได้แต่ทำใจ ต้องรอธรรมชาติช่วย..
ทีแรกมีแผนทำงานนำหอยมือเสือชุดใหม่ไปลงกรงอนุบาลในทะเล ต้องหยุดไว้ก่อน อย่างไรถ้าในทะเลตายไป ก็ยังมีเหลือในบ่ออีกมากค่ะ..
เฮ้ออออออ....

sea addict
30-05-2010, 11:18
ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดครับ ช่วยเหลืออะไรได้ไม่มากนักมันเป็นปรากฎการณ์ .....

เท่าที่ทำได้ตอนนี้ก็ต้องลุ้นว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนานขนาดใหน

ทำใจนิ่งๆไว้และติดตามสถานการณ์นะครับ ปรากฎการณ์นี้ทำให้เราสังเกตเห็นหลายๆอย่าง

การเปลี่ยนแปลงของประชากรปะการังจะเป็นไปในทิศทางใดต่อไป ชนิดใหม่ที่จะเข้ามาแทน

ชนิดเก่าที่เคยเป็นเจ้าถิ่นจะเป็นชนิดไหน การคัดเลือกตามธรรมชาติจะเป็นคำตอบ

โลกเราผ่านกระบวนการแบบนี้มานับไม่ถ้วนครั้ง บางครั้งร้ายแรงกว่านี้ เพียงแต่ไม่เกิดให้เห็นในช่วงชีวิตเรา เราเลยไม่ค่อยตื่นตระหนกกับมันมากนัก ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้น อาจไม่

ร้ายแรงเท่ากับหลายๆครั้งที่ผ่านมาก็ได้ แต่เกิดอยู่ในช่วงชีวิตของเราที่สามารถมองเห็นและรับรู้ได้..... สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ ทำใจนิ่งๆ เฝ้าสังเกตความเป็นไป และบอกตัวเองและทุกๆคนที่

รู้จักให้พยายามอย่าทำสิ่งที่จะซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลง ซึ่งผมเชื่อว่าเราทุกๆคนในที่นี้เข้าใจดีว่าคืออะไรบ้าง... อย่างน้อยการปฎิบัติตัวอย่างเหมาะสมในการดำน้ำอย่างผู้มาเยือนพยายาม

รบกวนเจ้าบ้านให้น้อยที่สุดก็น่าจะเป็นสิ่งที่พวกเราได้ปฎิบัติเสมอมา.... ติดตามต่อไปครับว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมาบ้างจากปรากฎการณ์นี้ (อย่างน้อยก็น่าจะเป็นเรื่องของบทเรียน) และ

หากมีโอกาสที่จะช่วยเหลือได้ก็ช่วยเหลือให้เต็มที่ตามที่โอกาสนั้นจะอำนวย ซึ่งหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็กำลังทำอยู่ในขณะนี้ ขอให้ทะเลของเราโชคดีครับ

สายชล
30-05-2010, 12:30
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆค่ะ....คุณ sea addict...:)

สายชล
01-06-2010, 11:13
เมื่อวันก่อนดูสารคดีเกี่ยวกับปะการังฟอกขาว ในช่อง Discovery Channel เกี่ยวกับ Great Barrier Reef ซึ่งมีการพูดถึงโลกร้อนทำให้เกิดปะการังฟอกขาว


มีคำพูดหนึ่งที่ทำให้แปลกใจคือ ได้มีการค้นพบว่า กรณีที่สภาพน้ำร้อนขึ้นในอดีตนั้น ปะการังสามารถปล่อยสารเคมีออกมาแล้วทำให้เกิดเมฆขึ้นในท้องฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิของน้ำลดลง ทำให้ปะการังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ผิดกับปัจจุบัน ที่เกิดกรณีโลกร้อนพุ่งสูงขึ้นมาก จนปะการังไม่สามารถช่วยตัวเองได้เหมือนเดิม...


สิ่งที่เขาพูดจนน่ากลัวก็คือ....ในอนาคต ปะการังอาจจะทำอะไรสักอย่างเพื่อหาทางป้องกันตัวเอง ซึ่งอาจจะมีผลกระทบที่ร้ายแรงต่อมนุษย์บนโลกนี้....


เรื่องนี้ฟังแล้วเหมือนขู่.....ดูน่ากลัวจังค่ะ....


มีท่านใดพอที่จะขยายความในเรื่องนี้ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร กรุณาขยายความให้เราได้รับทราบ เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับพวกเราด้วยค่ะ

NAMPUENG
01-06-2010, 12:26
อู้ว์ฟังเรื่องที่พี่น้อยเล่า และนำมาแชร์เกี่ยวกับปะการังแล้วอยากรู้ต่อจังเลยค่ะ

มานั่งเกาะกำแพงบ้านติดตามฟังนะคะ

ปล..ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยอธิษฐานตามคำพูดของคุณ Sea addict นะคะ "ขอให้ทะเลของเราโชคดี"

sea addict
01-06-2010, 13:20
กรณีที่พี่น้อยได้รับรู้มาจาก Discovery channel ผมยังไม่เคยทราบมาก่อนครับ แต่ก็เป็นไปได้ครับ แต่จากที่พอจะมีความรู้มานิดๆหน่อยๆคือแนวปะการัง (รวมถึงสาหร่ายขนาดเล็ก

ในมหาสมุทร) เป็นแหล่งที่ตรึงคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศลงสู่ทะเลที่สำคัญอีกแหล่งนึงของโลก ซึ่งหากมันยังสามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์ปริมาณการตรึง

คาร์บอนของกลุ่มสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็มีผลเพียงพอต่อสมดุลย์ของคาร์บอนในชั้นบรรยากาศครับ แต่ปัจจุบันการปลดปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศสูงขึ้นกว่าอัตราที่เกิดขึ้นเองตาม

ธรรมชาติมาก( เช่น ควันจากการเผาไร่นา ป่าไม้ ควันรถยนต์ ควันโรงงาน (เผาCTW ?!?)เป็นต้น) ตลอดจนการที่ แหล่งดูดซับ และตรึงคาร์บอนที่มีอยู่ตามธรรมชาติลดน้อยถอยลงไปมาก

เช่น ป่าไม้ แนวปะการัง เป็นต้น จึงทำให้มีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศมากขึ้น (รึป่าว?)


ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นที่มาส่วนหนึ่งของสภาวะที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ..ส่วนที่เหลืออาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของชั้นเปลือกโลกที่เกิดขึ้นเนื่องจากสถานะที่ยัง

ไม่เสถียรจวบจนปัจจุบัน โดยที่กิจกรรมของมนุษย์นั้นอาจจะเป็นส่วนนึงที่เข้าไปช่วยเร่งให้ปรากฎการณ์เหล่านี้เกิดเร็วขึ้น(รึป่าว?)

ผมคิดว่า การกระทำใดๆที่ขาดความระมัดระวังก็ส่งผลถึงสิ่งต่างๆได้หมด การปลูกต้นไม้บนยอดเขา ก็อาจช่วยชีวิตปะการังในทะเลได้ การตัดไม้เผาป่าก็อาจฆ่าปะการังได้เช่นกัน สิ่งที่เกิด

ขึ้นในทะเล แต่การแก่ไขเพียงในทะเลอาจไม่เพียงพอ อาจต้องเริ่มตั้งแต่ ชั้นบรรยากาศ ป่าเขา แผ่นดิน แม่น้ำ จนถึงทะเล และที่สำคัญที่สุดครับ "ตัวเราเองและคนรอบข้าง" เพราะไม่มีคนก็

(คง)ไม่มีเรื่อง

ตุ๊กแกผา
01-06-2010, 13:24
....เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว.....

สายชล
01-06-2010, 13:59
โลกร้อน....เกิดจากฝีมือมนุษย์ทั้งนั้นนะคะน้อง sea addict


แล้วผู้ที่รับผลกระทบตรงๆ....ก็คือมนุษย์นั่นเอง....


เกรงจะเป็นอย่างที่เขาว่า.....สักวัน.....ธรรมชาติจะเอาคืน

Super_Srinuanray
02-06-2010, 12:22
[quote=สายชล;16037]

สักวัน.....ธรรมชาติจะเอาคืน


เกรงว่าจะเอาคืนแบบ ไม่ต้องมีการแก้ตัวนี่สิคะพี่น้อย มหันตภัยเลยที่เนี่ย....

ดอกปีบ
07-06-2010, 00:24
เปลี่ยนโลก .. เป็นเรื่องที่ยากจริงๆครับ ..
ซึ่งจริงๆแล้วที่ยากก็คือต้องเริ่มจากการเปลี่ยนทัศนคติและความเชื่อของคนบนโลกนี้ก่อน
เราอาจทำอะไรไม่ได้มากนักในส่วนนี้ หากเพียงแต่ แสดงให้เห็น "เป็นตัวอย่างเชิงสัญลักษณ์" เหมือนที่เรากำลังทำกันอยู่ ..

แต่สิ่งที่พวกเราทำได้คงเป็นแค่ส่วนเล็กๆเท่าั้นั้น ..
คงต้องใช้ทั้งเวลา และความร่วมไม้ร่วมมือในทุกๆด้านจากทุกฝ่ายครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าเราต้องรอให้ความวิบัติมาถึงก่อนหรือเปล่า ความร่วมไม้ร่วมมือดังกล่าวถึงจะเกิดขึ้นได้ในสังคมนี้ ..

LuFaus
07-06-2010, 23:13
ช่วงนี้คงต้องงดลงทะเล ตามที่คนอื่นๆ และผู้รู้หลายๆ ท่านแนะนำ

-Oo-
08-06-2010, 12:24
เปลี่ยนโลก .. เป็นเรื่องที่ยากจริงๆครับ ..
ซึ่งจริงๆแล้วที่ยากก็คือต้องเริ่มจากการเปลี่ยนทัศนคติและความเชื่อของคนบนโลกนี้ก่อน
เราอาจทำอะไรไม่ได้มากนักในส่วนนี้ หากเพียงแต่ แสดงให้เห็น "เป็นตัวอย่างเชิงสัญลักษณ์" เหมือนที่เรากำลังทำกันอยู่ ..

แต่สิ่งที่พวกเราทำได้คงเป็นแค่ส่วนเล็กๆเท่าั้นั้น ..
คงต้องใช้ทั้งเวลา และความร่วมไม้ร่วมมือในทุกๆด้านจากทุกฝ่ายครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าเราต้องรอให้ความวิบัติมาถึงก่อนหรือเปล่า ความร่วมไม้ร่วมมือดังกล่าวถึงจะเกิดขึ้นได้ในสังคมนี้ ..

เห็นด้วยกับดอกปีบค่ะ
เราต้องช่วยกันเปลี่ยนทัศนคติและความเชื่อของคนบนโลกนี้ก่อน

เริ่มง่ายๆ จากตัวเรา และคนในครอบครัว
ไปสู่เพื่อน และคนรอบข้าง
เปลี่ยนแบบให้เขา...เข้าใจ จะได้ยั่งยืน

เราไม่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้
แต่เมื่อเราลุกขึ้นมาทำ
แม้เป็นเพียงจุดเล็กๆ บนโลกนี้
มันก็ยังดีกว่าที่เราเพิกเฉย และละเลยไป

สายชล
24-06-2010, 10:07
ได้พบบทความใน Sport Diving Magazine ฉบับที่ 140 ประจำเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2010 พูดเกี่ยวกับ "ปะการังสร้างเมฆ" ไว้ว่า

"ปะการังน้อยลง....เมฆก็น้อยลง ? (Less Coral, Less Clound?)"


ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Southerm Cross พบว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นในมหาสมุทร ส่งผลกระทบต่อป่าฝนตลอดชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย ผลการวิจัยดังกล่าว ได้แสดงให้เห็นว่า การผลิตก๊าซธรรมชาติของปะการังได้ช่วยทำให้เกิดเมฆขึ้นเหนือทะเล


ถ้าอุณหภูมิของน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส การผลิตก๊าซ sulphur-aerosol ของปะการังจะหยุดลง และการสร้างเมฆขึ้นบนท้องฟ้าก็จะหยุดลง


ปริมาณของเมฆที่หุ้มห่อโลกอยู่นั้น มีส่วนช่วยควบคุมอุณหภูมิของโลกได้ดี ถ้าขบวนการที่ปะการังสร้างก๊าซแล้วทำให้เกิดเมฆดำเนินไปได้อย่างปกติ ก็จะส่งผลให้อุณหภูมิของโลกลดลงเป็นลำดับเมื่อเทียบกับการไม่เกิดขบวนการนี้


แล้วถ้าไม่มีขบวนการนี้เลย....จะเกิดอะไรขึ้นหนอ...