![]() |
ยังคงตามอ่านอยู่ด้วยความกังวล แต่น่าจะไม่มีอะไร
|
จมเรือสร้างปะการังเทียม คืนธรรมชาติสู่อ่าวมหาชัย "เมืองแม่กลอง" จ.สมุทรสาคร ทุ่มงบ 19 ล้าน จัดทำโครงการสร้างปะการังเทียม คืนธรรมชาติสู่ทะเล ร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อม หวังใช้พื้นที่ 25 ตารางกิโลเมตร ให้เป็นที่อยู่อาศัยของพันธุ์ปลาและสัตว์ทะเลชนิดต่างๆ ทั้งนี้ นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ส.ส. จังหวัดสมุทรสาคร ในนามภาคเอกชนและเป็นเจ้าของกิจการประมง ได้มอบเรือประมงชื่อ มณฑลชัยนาวี 1674 02751 ซึ่งเป็นเรืออวนล้อม ขนาดความยาว 23 เมตร กว้าง 10 วา ในการสร้างปะการังเทียมของ จ.สมุทรสาคร เพื่อคืนธรรมชาติสู่ทะเล นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า จ.สมุทรสาคร ได้ร่วมกันพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาและทิศทางการพัฒนา โดยจัดทำโครงการสร้างปะการังเทียมในครั้งนี้ขึ้น มีวัตถุประสงค์ 5 ประการ คือ 1.ทรัพยากรธรรมชาติ กุ้ง หอย ปู ปลา ขณะนี้น้อยลงมาก 2.ประมงชายฝั่ง มีเรือ 400-500 ลำ เริ่มหาปลาไม่ได้ ต้องเลิกอาชีพ 3.กระแสอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4.เพื่อร่วมกันสร้างปะการังเทียมหรือสร้างบ้านปลาให้ปลาอยู่ และ 5.เพื่อเป็นแหล่งการท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ ตรงกับนโยบายจังหวัด โดยเริ่มดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 ถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2554 ด้วยงบประมาณของจังหวัดสมุทรสาครจำนวน 19 ล้านบาท เริ่มสัญญาเดือนมกราคมด้วยการสร้างเป็นรูปบล็อกขนาด 1.5x1.5 เสร็จแล้วจะเอาไปทิ้งลงทะเลตามจุดที่กรมประมงอนุญาต พื้นที่ 25ตารางกิโลเมตร ณ ละติจูดที่ 13 องศา 18.320 ลิปดาเหนือและ ลองติจูดที่ 100 องศา 22.482 ลิปดาตะวันออก ส่วนภาคเอกชนเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2554 ลักษณะให้ความร่วมมือระดมทุนจากภาคเอกชน โดยจะมีการประเมินภายใน 3-5 เดือน เพื่อจะดูว่าจะมีปลาจำนวนมากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งภาคเอกชน ประชาชน สามารถร่วมสมทบทุนสร้างปะการังเทียมได้ในราคาบล็อกละ 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดการร่วมระดมทุนในการสร้างปะการังเทียมได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาคร หมายเลขโทรศัพท์ 034-411-846 จาก .............. แนวหน้า วันที่ 12 มกราคม 2554 |
บ้านใหม่ใต้ท้องทะเล เพราะเหตุใดปลาน้อยใหญ่จึงหลงเสน่ห์ ซากเรือ รถถัง หรือแม้แต่ตู้รถไฟใต้ดิน ....................... เรื่องโดย สตีเฟน แฮร์ริแกน เพียงสองนาทีเศษๆ เรือตรวจจับขีปนาวุธ เจเนอรัลฮอยต์ เอส. แวนเดนเบิร์ก ก็จมลงสู่ก้นมหาสมุทร เช้าอันแจ่มใสวันหนึ่งของเดือนพฤษภาคม ปี 2009 ในน่านน้ำห่างจากชายฝั่งเมืองคีย์เวสต์ รัฐฟลอริดา ไป 11 กิโลเมตร เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากภายในตัวเรือที่มีการฝังระเบิดไว้ 46 ลูกใต้เส้นแนวน้ำ กลิ่นฉุนของดินปืนโชยมาตามลม และกลุ่มควันสีดำทะมึนเริ่มลอยสูงขึ้น แต่กว่าที่แรงระเบิดจะสร้างความสะทกสะท้านแก่เรือลำนี้ก็กินเวลานานทีเดียว เรือปลดประจำการสนิมเขรอะความยาว 159 เมตร พร้อมจานเรดาร์ที่ใช้การไม่ได้สองจาน ยังคงลอยลำนิ่งราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาว และแล้ว ขณะที่เฮลิคอปเตอร์บินวนรายงานข่าวอยู่ด้านบน และท่ามกลางสายตาของสักขีพยานอีกนับพันที่จับจ้องจากเรือน้อยใหญ่ที่จอดลอยลำห่างจากรัศมีการระเบิด เรือแวนเดนเบิร์ก ก็ค่อยๆจมลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกโดยลำเรือยังคงทอดตัวขนานกับเส้นขอบฟ้า จนกระทั่งในที่สุดหัวเรือก็ดิ่งลงและท้ายเรือชี้ขึ้นฟ้า เหลือไว้เพียงพรายฟองสีขาวที่ผุดพลุ่งขึ้นมา "ฝูงปลาจะมาอาศัยอยู่ในซากเรือบ่ายวันนี้!" โจ เวเทอร์บี ประกาศ ชายผู้นี้เป็นหัวหอกของอภิมหาโครงการจมเรือแวนเดนเบิร์ก ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปจะกลายเป็นปะการังเทียมที่ดึงดูดนักดำน้ำและชาวประมงจากทั่วสารทิศให้มายังคีย์เวสต์ แน่นอนว่าเรือแวนเดนเบิร์ก ไม่ใช่เรือลำแรกที่ถูกจมเพื่อทำเป็นปะการังเทียม น่านน้ำนอกชายฝั่งหมู่เกาะฟลอริดาคีส์กลายเป็นสุสานของเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ดวนและบิบบ์ รวมถึงเรือยกพลขึ้นบก สปีเกิลโกรฟ ของกองทัพเรือสหรัฐฯ และบนพื้นทรายก้นสมุทรห่างออกไปราว 30 กิโลเมตรจากเมืองเพนซาโคลา เป็นที่จอดของเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งลำที่ชื่อ ยู.เอส.เอส. โอริสเคนี ซึ่งเป็นเรือลำใหญ่ที่สุดในโลกที่ถูกจมลงเพื่อให้เป็นปะการังเทียม ผู้คนทั่วโลกรู้กันมานานแล้วว่า ซากเรืออับปางเป็นแหล่งประมงชั้นยอด วัสดุที่นิยมใช้ในการทำปะการังเทียมมักได้แก่ของเหลือทิ้ง ตั้งแต่ตู้เย็นเก่า รถเข็นของในซูเปอร์มาร์เก็ต ไปจนถึงซากรถยนต์ และตู้ขายสินค้าแบบหยอดเหรียญที่เลิกใช้แล้ว พูดง่ายๆก็คือ อะไรที่จมน้ำได้ล้วนมีศักยภาพที่จะเป็นปะการังเทียมได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นตู้รถไฟใต้ดินปลดประจำการ รถถังโบราณ รถหุ้มเกราะ หรือแท่นขุดเจาะน้ำมัน รวมไปถึงมอดูลรูปร่างคล้ายรวงผึ้งซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษเรียกว่า รีฟบอล (Reef Ball) ปะการังเทียมส่วนใหญ่ดึงดูดสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลโดยแบ่งเป็นระยะต่างๆที่ค่อนข้างคาดเดาได้ ในระยะแรกเมื่อกระแสน้ำปะทะกับโครงสร้างแนวตั้งอย่างเรือ แวนเดนเบิร์ก จะก่อให้เกิดการลอยตัวขึ้นของสารอาหารและแพลงก์ตอนที่เป็นแหล่งอาหารของปลาเล็กปลาน้อยอย่างซาร์ดีนและปลามินนาว ซึ่งจะล่อสัตว์นักล่าอย่างปลาทูน่าครีบน้ำเงินและฉลามเข้ามาอีกทอดหนึ่ง จากนั้นสัตว์ทะเลน้อยใหญ่ที่แสวงหาแหล่งหลบภัยกลางห้วงสมุทรจะพากันอพยพเข้ามา ได้แก่ปลาที่อาศัยในโพรงและรอยแยกอย่างปลากะรัง ปลากะพง ปลากระรอก ปลาไหล และปลาวัว ส่วนนักล่าจอมฉวยโอกาสอย่างปลาแจ็กและปลาสากก็รีบจับจองพื้นที่ในห้วงน้ำไว้ ดักรอเหยื่อที่เผยตัวออกมา และเมื่อเวลาผ่านไป โครงสร้างเหล็กกล้าแปลกปลอมขนาดมหึมาจะปกคลุมไปด้วยสาหร่าย ปะการังทั้งอ่อนและแข็ง เพรียงหัวหอม และฟองน้ำ มองไปทางไหนก็มีแต่สรรพชีวิตที่ก่อกำเนิดขึ้น นักชีววิทยาบางคนกังวลว่าปะการังเทียมจะดึงดูดปลามาจากปะการังธรรมชาติ เจมส์ เอช. โคแวน จูเนียร์ อาจารย์ประจำภาควิชาสมุทรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ชายฝั่งที่มหาวิทยาลัยลุยเซียนาสเตต ให้ความเห็นว่า "หากความสำเร็จตัดสินจากปริมาณปลาที่จับได้มากขึ้นเพียงอย่างเดียว ปะการังเทียมก็ถือว่าได้ผลพอใช้ครับ แต่หากโครงสร้างเหล่านั้นซึ่งมักมีการทิ้งลงในน่านน้ำตื้นเพื่อประโยชน์ในการทำประมง ดึงปลาจากปะการังธรรมชาติที่อยู่ห่างจากชายฝั่งออกไป นั่นอาจเป็นการซ้ำเติมปัญหาการทำประมงเกินขนาดโดยเฉพาะชนิดพันธุ์ที่อยู่ในภาวะวิกฤติอยู่แล้ว" ปะการังเทียมบางประเภทเป็นอันตรายต่อการเดินเรือและก่อมลพิษให้มหาสมุทร โดยสิ่งปนเปื้อนจะค่อยๆรั่วไหลออกมาเป็นเวลาหลายปี มลพิษนี้เองเป็นเหตุผลที่งบประมาณเกือบร้อยละ 70 จากทั้งหมด 8.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ใช้ในการจมเรือแวนเดนเบิร์ก หมดไปกับการทำความสะอาด ซึ่งรวมถึงการนำแร่ใยหินหรือแอสเบสทอสกว่าสิบตันและสายไฟกว่า 243,000 เมตรออกจากตัวเรือ ปะการังเทียมไม่ได้เป็นเพียงสุสานของยางรถยนต์และเรือเท่านั้น หลายบริษัทเริ่มให้บริการแก่ผู้ที่ปรารถนาจะอุทิศร่างกายตนเองเป็นปะการังเทียม แต่ธุรกิจสุสานปะการังยังเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มขนาดเล็กมาก เช้าวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ จิม ฮัตสลาร์ หนึ่งในสามหุ้นส่วนของบริษัทเนปจูนเมโมเรียลรีฟ ชวนผมดำน้ำลงไปชมการบำรุงรักษาสุสานใต้น้ำที่เขาสร้างขึ้นลึกลงไป 12 เมตร ห่างจากชายฝั่งเมืองไมแอมีบีชไป 7 กิโลเมตร ขณะที่ฮัตสลาร์ง่วนกับการใช้มีดขูดสาหร่ายออกจากป้ายหลุมศพ ผมก็แหวกว่ายสำรวจโครงการระยะแรกของสวนอนุสรณ์สถานใต้น้ำที่เมื่อเสร็จสมบูรณ์จะครอบคลุมพื้นที่ 65,000 ตารางเมตร สายน้ำขุ่นมัวช่วยสร้างบรรยากาศขรึมขลังให้การค้นพบโครงสร้างใต้น้ำอันน่าพิศวงนี้ได้เป็นอย่างดี ภาพที่ผมเห็นคือกลุ่มเสาแตกหักพร้อมด้วยเสาบริวารทอดตัวเป็นแนวออกไปทั้งสองข้าง และราชสีห์สำริดขนาดยักษ์สองตัวทำหน้าที่ทวารบาลเฝ้าประตูเหล็กอยู่ เดิมทีแนวปะการังเนปจูน (Neptune Reef) ตั้งใจให้เป็นงานศิลปะ ทว่าต่อมาธุรกิจบริการด้านหลุมศพได้กลายเป็นช่องทางหารายได้เพื่อสนับสนุนโครงการนี้ และจนถึงปัจจุบันมี "หลุมศพ" อยู่ที่นั่นราว 200 หลุม ผู้ที่ทอดร่างลง ณ แนวปะการังเนปจูนจะได้รับการฌาปนกิจ อัฐิของพวกเขาจะถูกนำมาผสมกับปูนซีเมนต์ และถ้าไม่บรรจุไว้ในเสาหิน ก็อาจนำไปหล่อเป็นประติมากรรมรูปดาวทะเล ปะการังสมองหรือรูปทรงอื่นๆ ผมแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางปลาสลิดหินบั้ง ปลาสร้อยนกเขา ปลานกแก้ว และปลาสินสมุทรฝรั่งเศส ขณะทำความเคารพและไว้อาลัยแด่ผู้อุทิศร่างเป็นแหล่งอาศัยของสรรพชีวิตใต้ ทะเล ผมดำน้ำผ่านหน้าราชสีห์ยักษ์ตัวหนึ่งซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนแท่นสูงลิ่วกว่า 4.5 เมตร ภาพที่ผมเห็นนั้นพร่าเลือนเป็นช่วงๆ เพราะฝูงปลาที่ว่ายผ่านไปมา ราชสีห์ตัวนี้มาอยู่ที่นี่ได้เพียงหกปี แต่ดูราวกับว่ามันเร้นกายจากสายตามนุษย์มาหลายชั่วอายุคน สาหร่ายสีแดงงอกงามอยู่ตามกรงเล็บ ส่วนปะการังก็รุกคืบยึดครองทั่วแผงคอ จนดูประหนึ่งประจักษ์พยานแห่งพลานุภาพของมหาสมุทรที่สามารถกลืนกินวัสดุแทบทุกประเภท รวมถึงร่างกายมนุษย์ และเปลี่ยนสรรพสิ่งเหล่านั้นให้กลายเป็นอุทยานแห่งชีวิต. จาก .............. ไทยโพสต์ วันที่ 29 มกราคม 2554 |
ภูเก็ตทุ่มงบ 7 ล้าน-สร้างปะการังเทียม สร้างคอนกรีต 1.6 พันแท่งกลางทะเลอ่าวบางเทา ภูเก็ต - นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกอบจ.ภูเก็ต กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการจัดสร้างแนวปะการังเทียมเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 2 บริเวณอ่าวบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง และบริเวณอ่าวกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ ว่า อบจ.ภูเก็ตร่วมกับศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทัพเรือภาคที่ 3 กรมประมง กรมขนส่งทางน้ำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำโครงการนี้ขึ้น ใช้งบประมาณ 7.9 ล้านบาทสร้างแท่งคอนกรีต 1,630 แท่งวางในเขตพื้นที่อ่าวบางเทา และอ่าวกมลา รอบแนวชายฝั่ง 3,000 เมตร เพื่อป้องกันและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดยเฉพาะแนวปะการังและระบบนิเวศชายฝั่ง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งประกอบอาชีพประมง อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นแหล่งดำน้ำของจังหวัดภูเก็ตในอนาคต นายไพบูลย์กล่าวว่า โครงการจัดวางแนวปะการังเทียมของอบจ.ภูเก็ตในครั้งนี้ เป็นโครงการระยะที่ 2 ที่ทางอบจ.ภูเก็ตจัดทำขึ้นเพื่อร่วมกันฟื้นฟูและรักษาแนวปะการังธรรมชาติให้มีความสมบูรณ์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกจนได้รับสมญานามว่า "ไข่มุกอันดามัน" เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีชายหาดสวยงาม มีน้ำทะเลที่ใสสะอาด ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย เพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำนานาชนิด ทั้งที่เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ สัตว์สวยงาม และสร้างรายได้ให้แก่ประเทศจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี แต่เนื่องจากการใช้ประโยชน์จากแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ผ่านมายังขาดการจัดการในการวางแผน ควบคุมอย่างเหมาะสม ทำให้การรักษาความสมดุลทางธรรมชาติไม่ดีพอ จนส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแนวปะการังชายฝั่งทะเลที่ถูกทำลายลงไปเรื่อยๆ จาก ....................... ข่าวสด วันที่ 2 มีนาคม 2554 |
นราฯฟื้นฟูทะเล ทำปะการังเทียม http://www.khaosod.co.th/view_resizi...360&height=360 ปะการัง- จังหวัดนราธิวาสจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล หรือปะการังเทียม หนึ่งในโครง การไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 3 จำนวน 1,100 แท่ง นราธิวาส - นายสามารถ วราดิศัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล หรือปะการังเทียมว่า หนึ่งในโครงการไทย เข้มแข็ง 2555 เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 3 จำนวน 1,100 แท่ง นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นรา ธิวาส เผยว่า เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเลตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และถือเป็น การช่วยเหลือชาวประมงเรือเล็กในพื้นที่ เพราะไม่สามารถที่จะออกเดินเรือในระยะไกลได้ โดยใช้งบประมาณในการดำเนินการทั้งสิ้น 33,650,000 บาท จัดทำปะการังเทียมจำนวน 6,600 แท่ง ด้านนายสันธนะ จันทร ผู้อำนวยการเจ้าท่าจังหวัดนราธิวาส เผยถึงบริเวณในการปล่อยปะการังเทียมดังกล่าวว่า มาจากการพิจารณาเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายแล้ว ว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือของชาวประมง รวมถึงยุทธศาสตร์การเดินเรือของเจ้าหน้าที่ทหารเรือ จาก ....................... ข่าวสด วันที่ 11 เมษายน 2554 |
แหล่งปะการังเทียมสัตว์น้ำเพิ่ม ปี 54 เดินหน้าวางต่อเนื่อง http://www.dailynews.co.th/content/i...aper/p6url.jpg ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการอนุรักษ์แหล่งทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเล กรมประมงได้จัดทำโครงการจัดสร้างปะการังเทียมขึ้น เพื่อนำไปจัดวางในท้องทะเลไทยทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2554 กรมประมงได้จัดวางปะการังเทียม หรือแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลครบจำนวน 377 แห่งแล้ว ประกอบด้วยแหล่งใหญ่ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 20 ตารางกิโลเมตรจำนวน 33 แห่ง และแหล่งเล็กครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1 ตารางกิโลเมตรจำนวน 344 แห่ง โดยใช้แท่งคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ขนาด 1.5X1.5X1.5 เมตร และ 2X2X2 เมตร เป็นวัสดุในการจัดทำปะการังเทียม ผลของการจัดสร้างปะการังเทียมตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี จวบจนถึงปัจจุบันได้ก่อให้เกิดผลดีต่อทรัพยากรสัตว์น้ำ และระบบนิเวศในบริเวณที่มีการจัดวางปะการังเทียม และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำต่างๆ เช่น ฟองน้ำ เพรียง หนอนทะเล และหอย รวมทั้งแพลงก์ตอนและสาหร่าย ตลอดจนปลาและสัตว์น้ำชนิดต่างๆ เข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ปลากะพงแดง ปลาเหลืองขมิ้น ปลาสลิดหิน ปลากะรัง ปลานกแก้ว หมึก ปู และกุ้ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่าปลาที่หายากกลับมาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ เช่น ปลาจะละเม็ดเทา ปลาช่อนทะเล ปลากุเลา ปลาหมอทะเล และปลาตะลุมพุก เป็นต้น ทำให้ชาวประมงมีแหล่งทรัพยากรสัตว์น้ำสำหรับทำการประมงเพิ่มขึ้นและไม่ห่างจากฝั่ง เป็นผลดีต่อชาวประมงพื้นบ้าน ช่วยประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ร้อยละ 10-20 และมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20-30 นอกจากนี้ยังเป็นผลพลอยได้ในการป้องกันเครื่องมืออวนลากและอวนรุนไม่ให้เข้ามาทำการประมงในบริเวณใกล้ฝั่ง จึงช่วยลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวประมงอีกทางหนึ่งด้วย และที่สำคัญคือกลายเป็นแหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อมทางทะเล อธิบดีกรมประมง ยังได้กล่าวถึงโครงการเกี่ยวกับการสร้างปะการังเทียมหรือแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลที่สำคัญยิ่งอีกโครงการหนึ่งภายใต้โครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปัตตานี และนราธิวาส โดยนำวัสดุเหลือใช้ ได้แก่ ตู้รถไฟ รถขนขยะ รถถัง รถยนต์ และท่อน้ำทิ้ง ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร กองทัพบก กองทัพไทย และกรมทางหลวง ในการสนับสนุนวัสดุที่ไม่ใช้งานแล้ว มาปล่อยวางในทะเลเพื่อสร้างปะการังเทียม โดยมีกองทัพเรือ กรมเจ้าท่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสนับสนุนการจัดวาง และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงาน ผลของโครงการนี้ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ เป็นแหล่งประมงที่สำคัญของพี่น้องชาวประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี นราธิวาส และใกล้เคียง มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีแผนจะจัดสร้างปะการังเทียมในปีงบประมาณ 2554 อีก 15 แห่ง ตามแนวชายฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ซึ่งคาดหวังว่าการสร้างปะการังเทียมจะช่วยให้ทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นเพียงพอกับความต้องการของประชาชน สำหรับปะการังเทียมนั้นนับเป็นวัตกรรมอย่างหนึ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อทดแทนปะการังแท้ที่กำลังถูกคุกคามอย่างหนักในขณะนี้ “ความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำจะมีอยู่ได้นั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับพี่น้องชาวประมงและประชาชนในพื้นที่ ในการร่วมมือร่วมใจกันอนุรักษ์ และใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ปฏิบัติตามมาตรการและข้อกฎหมายต่างๆในการทำการประมงเพื่อให้มีสัตว์น้ำเหลือไว้สำหรับลูกหลานของเราในอนาคต” อธิบดีกรมประมงกล่าว. จาก ...................... เดลินิวส์ วันที่ 9 พฤษภาคม 2554 |
ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ปะการังเทียม....แต่ปะการังธรรมชาติ กลับไม่ดูแลรักษา ปล่อยให้ลากอวนและระเบิดปลา กันจนวินาศสันตะโร.... น่าเศร้าจริงๆค่ะ... |
สร้างบ้านหลังใหม่ใต้ทะเล http://www.khaosod.co.th/view_resizi...360&height=360 ปะการังเทียม- โครงการสร้างบ้านใหม่ใต้ทะเล ปล่อยปะการังเทียม จ.นครศรีธรรมราช ใช้ตู้คอนเทนเนอร์ เป้าหมายจัดวางตู้คอนเทนเนอร์ เป็นการสร้างแนวปะการังเทียมให้กับสัตว์น้ำได้อาศัยและหลบภัยจำนวน 99 ตู้ ระหว่างปี 2550-2555 ที่ชายหาดริมทะเลในบริเวณโรงไฟฟ้าขนอม อ.ขนอม นครศรีธรรมราช - นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เผยถึงโครงการสร้างบ้านใหม่ใต้ทะเล ปล่อยปะการังเทียมใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ว่า มีเป้าหมายจัดวางตู้คอนเทนเนอร์เป็นการสร้างแนวปะการังเทียมให้กับสัตว์น้ำได้อาศัยและหลบภัยจำนวน 99 ตู้ ระหว่างปี 2550-2555 สำหรับการจัดวางปะการังเทียมโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ได้ดำเนินการปีละ 18 ตู้ และในปีนี้เป็นปีที่ 4 ที่มีการจัดวางปะการังเทียมตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 28 ตู้ กำหนดวางพิกัดบริเวณอ่าวขนอมห่างจากชายฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร วัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติใต้ท้องทะเลขนอม เป็นแนวปะการังเทียมสำหรับเป็นบ้านใหม่ของสัตว์น้ำทางทะเล โดยเฉพาะปลาโลมาสีชมพู สัญลักษณ์ของอำเภอขนอม ตลอดจนเป็นการส่งเสริมแหล่งประมงให้มีความอุดมสมบูรณ์พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จาก ............... ข่าวสด วันที่ 4 กรกฎาคม 2554 |
โครงการพระราชดำริ ปะการังเทียม จากการดำเนินการโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เป็นผลให้คนในชุมชนแห่งนี้มีวิถีชีวิตริมฝั่งชายทะเลอย่างมีความสุข และพร้อมถวายความจงรักภักดีในการรักษาความสมดุลของทะเลให้คงอยู่ต่อไป เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วที่ชาวบ้านในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี มีชีวิตสุขสบายริมฝั่งทะเลที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ อันเป็นผลมาจากการดำเนินโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยชาวประมงพื้นบ้านชายฝั่งทะเลอ่าวไทยที่จับปลาและสัตว์ทะเลได้น้อยลง จากความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ก่อเกิดเป็นโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล ที่เรียกว่า ปะการังเทียม โดยว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เล่าว่า นับจากปี 2545 เป็นต้นมา จังหวัดปัตตานี และกรมประมง ได้เริ่มนำปะการังเทียม ที่ได้จากซากโบกี้รถไฟ แท่งคอนกรีตเสริมเหล็ก รวมถึงซากรถยนต์มาทิ้งในท้องทะเล เป็นบ้านหลังน้อยให้ประชากรปลาได้อยู่อาศัย "โครงการปะการังเทียมนี้ ถือเป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อทรัพยากรทางทะเล ต่อชาวบ้านชาวประมง ตลอดจนชาวปัตตานี ทำให้วิถีชีวิตของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้รับการพัฒนาดีขึ้น จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่สิ่งที่รัฐบาลและพวกเราทุกคนมุ่งหวังคือคำว่าสันติสุขในพื้นที่ 3 จังหวัด" ผลดีจากการนำปะการังเทียมไปทิ้งยังท้องทะเลให้กับปลาและสัตว์น้ำ คุณลุงประเสริฐ เกียรติภักดี รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตะลุบัน เล่าว่า ทุกวันนี้พบปลา และสัตว์น้ำน้อย-ใหญ่เพิ่มมากขึ้น บางพื้นที่สัตว์น้ำที่เคยหายไป อย่างเช่น ปลาช่อนทะเล ปลาผีเสื้อ ปลาโฉมงาม ก็กลับมาให้เห็นอีกครั้ง ชาวบ้านออกเรือไปไม่นานก็ได้ปลามาขายสร้างรายได้ให้คนในหมู่บ้านเป็นอย่างดี และทุกคนตั้งใจที่จะสนองพระราชดำริในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และมีส่วนร่วมในการสร้างบ้านปลาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน “อยากจะสนองพระราชดำริที่ท่านได้มอบให้ชาวอำเภอสายบุรี โดยเฉพาะโครงการปะการังเทียม เราก็ได้ทำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านด้วยการสร้างบ้านปลา ซึ่งบ้านปลานี้ ถ้าหากว่าเราไม่ดูแล มันก็จะมีพวกอุปสรรค ประมงที่ใหญ่ มีเครื่องมือที่ทันสมัย พวกอวนที่คลุมบ้านปลา ถ้าเราทำความสะอาดบ้านปลา จะทำให้บ้านปลาสะอาดปลาก็จะมาอยู่อาศัยมากขึ้นถือเป็นโครงการสานต่อพระองค์ท่าน ” การก่อเกิดโครงการปะการังเทียม อันเนื่องมาจากพระราชดำรินี้ ใช่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประชากรสัตว์น้ำในผืนทะเลให้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า พสกนิกรในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้แห่งนี้ พร้อมถวายความจงรักภักดีด้วยการดูแลรักษาทรัพยากรธรรรมชาติเหล่านี้ให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน จาก ................ สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ วันที่ 10 สิงหาคม 2554 |
ได้รับทราบจากน้องโรจน์...ตากล้องช่อง 9 อสมท. ที่ได้ไปสำรวจรถถังปะการังเทียม เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ว่า รถถังมีเศษอวนคลุมอยู่มากมาย ไม่น่าดูเอาเสียเลย ไปโลซินเดือนกันยายนนี้...เราจะเลยไปช่วยกำจัดอวนที่รถถังให้ด้วยค่ะ..;) |
ต่อยอดผลสำเร็จ ปะการังเทียม http://www.dailynews.co.th/content/i...er/p10url1.jpg ทรัพยากรชายฝั่งทะเลในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและนราธิวาส เป็นพื้นที่หนึ่งที่ประสบปัญหาความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศทางทะเล ส่งผลให้ทรัพยากรสัตว์น้ำมีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเดือดร้อนที่ได้รับเป็นปัญหาใหญ่และสะสมมายาวนาน กระทั่ง เมื่อปี 2544 ชาวประมงบ้านละเวง อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานความช่วยเหลือจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงพิจารณาช่วยฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบถึงเรื่องนี้ จึงได้พระราชทานคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องด้านต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและทรงมีพระราชวินิจฉัยให้จัดตั้งโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปัตตานีและนราธิวาสขึ้น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้ราษฎร ส่วนราชการ และหน่วยงานต่างๆ ได้สนองพระราชดำริ หาหนทางแก้ไขปัญหาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของราษฎร กิจกรรมหลักในโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลฯ คือ การจัดสร้างปะการังเทียม โดยกรมประมงได้ทำการจัดวางแท่งคอนกรีตเพื่อทำเป็นปะการังเทียมทุกปี และได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานให้การสนับสนุนวัสดุที่ไม่ใช้งานแล้ว จากการรถไฟแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง กรุงเทพมหานคร และกองทัพบก และได้รับความร่วมมือจากกองทัพเรือ กรมเจ้าท่า ในการพิจารณาพื้นที่จัดวางที่มีความเหมาะสม ส่วนการสนับสนุนงบประมาณได้รับจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อร่วมฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้อุดมสมบูรณ์ มีแหล่งทำการประมงสำหรับชาวประมงขนาดเล็กเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน ทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น ชาวประมง มีรายได้ดีจากปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้ และบางรายมีรายได้จากการท่องเที่ยวตกปลาหรือดำน้ำ จนเป็นที่ยอมรับทั้งในหมู่ชาวประมง ประชาชน และนักวิชาการอย่างแพร่หลาย ว่ากิจกรรมนี้เป็นปัจจัยหนึ่งในการเพิ่มพูนทรัพยากรประมง และสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของชาวประมงในพื้นที่ให้ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ทางกรมประมง ยังได้ส่งเสริมให้สตรีและแม่บ้านชาวประมง รวมกลุ่มกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ประมงโดยนำสัตว์น้ำที่จับได้มาแปรรูป เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าแก่ผลผลิตและใช้ประโยชน์ทรัพยากรประมงอย่างคุ้มค่า อีกทั้งยังมีการส่งเสริมให้ใช้ภูมิปัญญาของชุมชนประมงท้องถิ่นทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ข้าวเกรียบปลาสมุนไพร ข้าวเกรียบปลาเสริมวิตามิน ปลาหวานสมุนไพร ปลากะตักอบสมุนไพรรสต้มยำ น้ำบูดู น้ำพริกปลา ฯลฯ โดยเจ้าหน้าที่จะเข้าไปสอนและสาธิตให้เห็นจริง ควบคู่กับการเชิญวิทยากรจากกลุ่มที่ประสบความสำเร็จมาให้ความรู้ในด้านการทำบัญชี การตลาด รวมทั้งจัดทัศนศึกษา เพื่อให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาต่างๆ กลุ่มของตนเองต่อไป และผลผลิตจากกลุ่มประมงพื้นที่เหล่านี้ปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ในหัวเมืองใหญ่และในห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในกรุงเทพมหานครด้วย นับเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรได้มีโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับตนเองอย่างมั่นคงทีเดียว. จาก ..................... เดลินิวส์ วันที่ 30 กันยายน 2554 |
มารู้จัก “ประภาคารปลา” สถาปัตยกรรมแบบใหม่ใต้ทะเล http://www.dailynews.co.th/sites/def...cover/6875.jpg “สถาปัตยกรรมใต้น้ำจากปะการังเทียม” สร้างสมดุลธรรมชาติท้องสมุทร ป้องกันชายฝั่ง ฟื้นระบบนิเวศ ขยายพันธุ์ปลา และสัตว์น้ำต่างๆสู่แหล่งดำน้ำใหม่ในอนาคต ณ “ทะเลแหลมฉบัง” “ประภาคาร” ที่เรารู้จักกันนั้น คือ หอคอย หรือ สิ่งก่อสร้างที่สูงเด่น มองเห็นได้ไกล มีไฟสัญญาณส่องสว่างตั้งอยู่บนยอด โดยใช้แสงไฟแสดงที่หมายในการนำเรือเข้าร่องน้ำ อ่าว เขตท่าเรือ หรือ เตือนตำบลที่ ป้องกันเรือวิ่งเข้าหากองหิน ที่ตื้น และสิ่งกีดขวางที่เป็นอันตรายต่อการเดินเรือ ด้วยลักษณะดังกล่าว การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จึงปิ๊งไอเดีย “สร้างบ้านให้ปลา” ในรูปแบบ “ประภาคาร” หวังเป็น “สถาปัตยกรรมใต้น้ำจากปะการังเทียม” ที่ไม่เพียงอนุรักษ์ชีวิตสัตว์ทะเล แต่ยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเลได้ เนื่องจาก “กิจการท่าเรือ” เป็นธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัย ขยายพันธุ์ของปลา และสัตว์น้ำภายในอาณาบริเวณท่าเรือ เพื่อเป็นการชดเชยผลกระทบดังกล่าว กทท.จึงจัดทำโครงการปะการังเทียม “ประภาคารปลาการท่าเรือฯ เฉลิมพระเกียรติ” โดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรมของรัฐบาล ให้เข้าร่วมเป็นโครงการ/กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เผยว่า ยังเป็นประโยชน์เชิงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเล สร้างแหล่งหลบภัย อยู่อาศัย ขยายพันธุ์ของปลา และสัตว์น้ำ เพิ่มพื้นที่ในการลงเกาะของตัวอ่อนปะการัง เป็นแนวกีดขวางการทำประมงอวนลาก อวนรุน ที่ทำลายพืช และสัตว์น้ำหน้าดิน ซึ่งเป็นระบบนิเวศสำคัญ และป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ลดความแรงของคลื่น และกระแสน้ำ ทั้งยังหวังจะช่วยเพิ่มแหล่งทำประมงพื้นบ้าน รวมถึงชุมชนใกล้เคียงพื้นที่โครงการมีโอกาสพบปะปรึกษาการบริหารจัดการ ใช้ประโยชน์ร่วมกัน สร้างความร่วมมือ และสภาพสังคมที่ดี ขณะเดียวกัน ยังเป็นประโยชน์เชิงส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ สร้างเสริมรายได้ให้ชุมชนใกล้เคียงพื้นที่โครงการ จึงได้สร้างปะการังเทียมให้มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม ทั้งการประกอบตัวปะการัง และการจัดวาง สู่ที่มาของ “ประภาคารปลา” ปะการังเทียมจะทำหน้าที่คล้ายแนวหิน หรือ แนวปะการังที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยสร้างขึ้นในรูปแบบต่างๆอย่างมีแบบแผน เพื่อดัดแปลง ปรับปรุง เสริมแต่งสภาพพื้นที่ท้องทะเลให้เหมาะสมกับลักษณะที่สัตว์น้ำชอบอาศัย โดยเลียนแบบบริเวณที่มีกองหินใต้น้ำ ซากเรืออับปาง มักใช้วัสดุแข็งแรง ทนทาน มีน้ำหนัก ต้านทานกระแสน้ำ ไม่ถูกกัดเซาะจากน้ำเค็ม มีช่องเงาให้สัตว์น้ำใช้กำบัง หรือ ซ่อนตัว ถือเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน รวมถึงพื้นที่ลงเกาะของตัวอ่อนปะการัง หอย ฟองน้ำ เพื่อแพร่ขยายพันธุ์ อีกทั้ง สิ่งมีชีวิตพวกสาหร่าย สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และสัตว์หน้าดิน มักมาจับจองเป็นที่อยู่ กลายเป็นแหล่งอาหารสมบูรณ์สำหรับปลาอีกต่อหนึ่ง ด้าน เรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกูล นักบริหาร 16 ประจำผู้อำนวยการการท่าเรือฯ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานโครงการปะการังเทียม “ประภาคารปลาการท่าเรือฯ เฉลิมพระเกียรติ” กล่าวถึง ขั้นตอนการดำเนินโครงการว่า เริ่มจากคัดเลือกพื้นที่เป้าหมาย สำรวจ กำหนดพิกัดภูมิศาสตร์ และรูปแบบการวางปะการังเทียมร่วมกับชุมชนใกล้เคียงพื้นที่เป้าหมาย จัดทำแบบแปลนจัดสร้าง และจัดวาง ขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากนั้น จัดสร้างปะการังเทียม และจัดวางตามรูปแบบ-ตำบลที่กำหนด ตรวจสอบความถูกต้องของตำบล-ความลึกน้ำ ทำเครื่องหมายแสดง-ประกาศพิกัดพื้นที่จัดสร้างปะการังเทียม และรายงานผลดำเนินโครงการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ โดยพื้นที่โครงการอยู่ฝั่งตะวันตกของชายเขาแหลมฉบังด้านทิศใต้ พิกัดละติจูด 13 04' 36" N ลองจิจูด 100 52' 10" E ซึ่งเป็นพื้นที่ภายในอาณาบริเวณทางน้ำของ กทท. ณ ท่าเรือแหลมฉบัง อยู่นอกทุ่นกำกับร่องน้ำทางเดินเรือของเรือสินค้า ระยะห่างจากฝั่ง 1,000 เมตร และมีความลึก 11-12 เมตร “ปะการังเทียมดังกล่าว กทท.จัดสร้างขึ้นเป็นโครงคอนกรีตเสริมเหล็ก ทรงลูกบาศก์โปร่ง ขนาด 1.5 เมตร น้ำหนัก 1,060 กิโลกรัม น้ำหนักเมื่ออยู่ในน้ำ 600 กิโลกรัม จำนวน 150 แท่ง ออกแบบผังการจัดวาง และประกอบเป็น 6 ชุด ชุดละ 17-29 แท่ง จัดวางขนานชายฝั่งทะเลแหลมฉบังขึ้นไปทางทิศเหนือเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 2 ชุด เป็นแนวปะการังกว้าง 9 เมตร ยาว 53.50 เมตร โดยจินตนาการให้เหมาะกับการอยู่อาศัยของปลา และสะดวกปลอดภัยในการดำชมพื้นที่โครงการ โดยมีตำแหน่งอยู่นอกเส้นทางการเดินเรือ และมีลักษณะเป็นพื้นราบต่อเนื่องจากพื้นที่ลาดชัน พื้นทะเลไม่เป็นโคลนเหลว เหมาะสำหรับวางปะการังเทียม สะดวกในการใช้ประโยชน์ และสามารถขยายโครงการระยะต่อๆไป ซึ่งหลังจากเปิดโครงการวันที่ 23 ธ.ค.54 และดำเนินการจัดวางปะการังเทียมตามจุดพิกัดพื้นที่เป้าหมายแล้วเสร็จ เมื่อครบ 1 ปี กทท.จะประเมินผลโครงการด้านทรัพยากรสัตว์น้ำ เศรษฐกิจ และสังคมของชุมชนในพื้นที่ เพื่อพัฒนาขยายโครงการต่อเนื่องจากพื้นที่เดิม” เรือเอกอิทธิชัยกล่าว การจัดสร้างแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเล หรือ ปะการังเทียม ถือเป็นหนึ่งหนทางช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล ช่วยเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ รวมไปถึงพัฒนาเป็นแหล่งประมง ขณะเดียวกัน การดูแลสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นให้มีความอุดมสมบูรณ์ร่วมด้วย ยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเลได้เช่นกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น คือ จุดเริ่มต้นที่ดีในการรักษาสมดุลของธรรมชาติให้อยู่คู่ท้องทะเลไทยต่อไป. จาก ........................ เดลินิวส์ วันที่ 10 มกราคม 2555 |
1 Attachment(s)
ประมาณเดือนมิถุนายน จะมีการวางตู้คอนเทนเนอร์บริเวณอ่าวโรงไฟฟ้าขนอมเพื่อเป็นแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลครับ ปีนี้เป็นโครงการปีสุดท้ายแล้วครับ
|
ชาวประมงพื้นบ้านคงชอบใจ ที่ได้ปะการังเทียมเพิ่มขึ้นนะคะ แต่ทำไมจะทำเป็นปีสุดท้ายแล้วเล่าคะ...น่าเสียดาย.. |
วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2555 วางตู้คอนเทนเนอร์ทำบ้านให้ปลา บริเวณอ่าวโรงไฟฟ้าขนอมครับผม
|
ขอบคุณที่แจ้งมาค่ะ..ขอให้มีปลามาอยู่แถวปะการังเทียมเยอะๆนะคะ... |
ศูนย์อนุรักษ์ทางทะเลฯ ดึงมวลชน เติมความรู้สร้างปะการังเทียมเพิ่มสัตว์น้ำใต้ทะเล http://www.dailynews.co.th/sites/def...s/176462/0.jpg ปะการังเทียม เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นในรูปแบบต่างๆอย่างมีแบบแผน เพื่อดัดแปลงสภาพของพื้นที่ท้องทะเลให้อุดมสมบูรณ์ให้เหมือนสมัยก่อน โดยปะการังตามธรรมชาติมีการถูกทำลายและเหลือจำนวนน้อยลง โดยการจัดทำสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยหรือเรียกง่ายๆ ว่า “บ้านปลา” เลียนแบบบริเวณที่มีกองหินใต้น้ำ ซากเรืออับปาง หรือแนวปะการังธรรมชาติ โดยการใช้วัสดุที่แข็งแรง ทนทาน มีน้ำหนัก สามารถต้านทานกระแสน้ำได้ ราคาไม่แพง มีรูปแบบที่มีช่องเงาให้สัตว์น้ำกำบังหรือหลบซ่อนตัวได้ และนำไปวางรวมกลุ่มกันในบริเวณต่างๆตามแนวชายฝั่งที่เหมาะสม ซึ่งทางศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 จึงได้มีแนวแผนจัดทำปะการังเทียมระดับจังหวัดและให้ความรู้เกี่ยวกับปะการังเทียมแก่ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด โดยมีนายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 1 เป็นหัวเรือใหญ่ในการประชุมเชิงปฏิบัติการภารกิจโครงการจัดทำแผนปะการังเทียม ซึ่งยังมี นายมนตรี หามมนตรี หัวหน้าฝ่ายป้องกันปราบปรามอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 และนายจักรพล นรินทรางกูร ณ อยุธยา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 ประสานงานให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชาวบ้าน นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 ได้กล่าวว่า ด้านนายนพพล ศรีสุข อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้มีแนวความคิดให้ประชาชนนั้นรับรู้ข้อมูลข่าวสารถึงการสร้างปะการังเทียมไว้ใต้ท้องทะเล จึงได้มีการจัดทำปะการังเทียมระดับจังหวัดและให้ความรู้เกี่ยวกับปะการังเทียมแก่ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนั้นทางศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 ได้รับมอบนโยบายจากอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจึงรีบเร่งดำเนินงานอย่างเร่งด่วน นายภุชงค์ กล่าวต่ออีกว่า สถานการณ์และสถานภาพปะการังจากแหล่งธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง จากอดีตถึงปัจจุบันได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น กรณีเหตุภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิถล่มแหล่งปะการัง และปรากฏการณ์ฟอกขาวครั้งรุนแรง เมื่อปี 2553 เกิดความเสื่อมโทรมเสียหายเป็นอันมาก อีกทั้งขาดจิตสำนึกที่แสดงออกถึงความรับผิดชอบในการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน ของผู้ประกอบการท่องเที่ยว การประมง และชุมชนชายฝั่ง รวมถึงขาดการบูรณาการอย่างเป็นเอกภาพและไม่ประสบความสำเร็จที่ชัดเจนจากหน่วยงานของภาครัฐ ในการดำเนินมาตรการ และการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวดและสอดคล้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อความสมบูรณ์และยั่งยืน http://www.dailynews.co.th/sites/def...s/176462/2.jpg การจัดวางปะการังเทียมโดยมีการร่วมมือในกลุ่มจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งประกอบทุกภาคส่วนในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนชายฝั่ง ร่วมมือให้การสนับสนุนจัดทำแผนปะการังเทียม คัดเลือกพื้นที่ กำหนดรูปแบบตามความเหมาะสม และสภาพพื้นที่ และตรงตามวัตถุประสงค์ของพื้นที่ที่ชุมชนชายฝั่งต้องการ คาดว่าสามารถสร้างความสมดุลแก่ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง และส่งผลดีต่อชุมชนชายฝั่งและกลุ่มที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานที่บริหารจัดการในการใช้ประโยชน์ทางทะเลและชายฝั่งทั้งมวล เพื่อจัดให้มีเวทีประชุมเปิดโอกาสให้องค์กรภาคประชาชน ชุมชน หน่วยงานเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องพื้นที่ในจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ร่วมกันประชุมปรึกษาหารือระดมความคิดเห็น เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกัน อย่างไรก็ตามการที่นำปะการังเทียมมาไว้ใต้ท้องทะเลนั้นได้เพิ่มสัตว์น้ำทะเลน้อยใหญ่มากขึ้น และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ชอบดำน้ำเพื่อชมธรรมชาติเหมือนความงามเพชรใต้ท้องทะเลไทย!!. ******************************************************************************************** "ตรัง" ทิ้งปะการังเทียมเป็นของขวัญชาวเล http://www.dailynews.co.th/sites/def...ver/176539.jpg หลายหน่วยงานในจังหวัดตรัง ร่วมกันวางปะการังเทียม ( แหล่งอาศัยสัตว์น้ำ) บริเวณพื้นที่เกาะลิบง เพื่อสร้างแหล่งอาศัยให้สัตว์น้ำทะเลตรัง มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ชาวเลตรัง เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ ( 6 ม.ค.) ที่บริเวณบ้านเกาะมุก หมู่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง นายไชยยศ ธงไชย รองผวจ.ตรัง พร้อมนางอารีย์ อินทรสมบัติ ประมงจังหวัดตรัง ร่วมกับศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลฝั่งอันดามัน และเครือข่ายประมงพื้นบ้าน นำปะการังเทียม ซึ่งป็นแท่งคอนกรีต 520 แท่ง และทุ่นลอย 8 แท่ง งบประมาณ 3 ล้านบาท มีการผูกโบว์สีแดงทำเป็นกล่องของขวัญปีใหม่ มอบให้แด่ชาวเลตรัง ออกไปวางในทะเลตรังที่ความลึกลงไปถึง 17 เมตร ตามโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลขนาดเล็ก (ปะการังเทียม) บริเวณพื้นที่หมู่ 2 และหมู่ 5 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง จำนวนทั้งหมด 33,387 แท่ง เป็นเงินไม่ต่ำกว่า 90 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานประมงจังหวัดตรัง ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา จนสามารถสร้างปะการังเทียมได้กระจาย 39 แหล่ง ในชายฝั่งทะเล ครอบคลุมพื้นที่ 77.5 ตารางกิโลเมตร ( คิดเป็น 50.70 % ของพื้นที่ปะการังของจังหวัดตรัง ) ของชายฝั่งอำเภอสิเกา อำเภอกันตัง อำเภอปะเหลียน และอำเภอหาดสำราญ โดยผลจากการดำเนินโครงการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พบว่าปะการังเทียมก่อให้เกิดประโยชน์ทางทะเลในด้านต่างๆเพิ่มขึ้น นอกจากเป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจของชาวประมง เป็นแหล่งประมงหน้าบ้านของชาวประมงชายฝั่งพื้นบ้านแล้ว ปะการังเทียมยังช่วยป้องกันการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมายในเขตอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเลได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณ 55 ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ยังได้งบประมาณจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอีกจำนวน 7 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างปะการังเทียมจำนวน 1,188 แท่ง สำหรับจัดวางในทะเลตรังในช่วงเดือนมีนาคม 56 นี้. จาก ....................... เดลินิวส์ วันที่ 7 มกราคม 2556 |
| เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:01 |
vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger