SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=5)
-   -   ขับรถท่องเที่ยวเทียวไป ทั่วแคว้นแดนไกล...หนองคาย...ลาว...เลย...ภาคที่ 3 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=2033)

สายชล 14-06-2012 16:46




เช้าวันใหม่...สองสายตื่นนอนเตรีมตัวจะไปใส่บาตร ตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ พออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ลงไปนั่งดื่มกาแฟที่ระเบียงด้านล่าง เพื่อคอยคุณไสวที่กำลังเตรียมของใส่บาตร และรอแขกคนอื่นๆของบ้านตาหน่วม ที่จะไปใส่บาตรกับเราด้วย



http://i835.photobucket.com/albums/z...ai-Bart_01.jpg



ลมเย็นๆพัดโชยผ่านมา ให้รู้ว่าช่วงเวลานี้เป็นฤดูหนาวของเมืองเชียงคาน...เรานั่งคุยกับคุณไสวและแขกคนอื่นๆที่เริ่มทะยอยมารอเวลาใส่บาตร


http://i835.photobucket.com/albums/z...ai-Bart_02.jpg


เมื่อใกล้เวลาพระมา...เราเดินออกจากบ้านตาหน่วม ที่อยู่ริมน้ำโขง ออกมานั่งบนเสื่อที่คุณไสวนำไปปูไว้ให้นั่งใส่บาตร ที่ริมถนนชายโขง ขณะนั้นยังมืดอยู่เลยค่ะ..



http://i835.photobucket.com/albums/z...ai-Bart_05.jpg







ของที่คุณไสวเตรียมไว้ให้เราใส่บาตรนั้น มีข้าวเหนียวหนึ่งกระติบเล็กๆ ส้ม 2 ลูก ดอกไม้ 2 ช่อ น้ำ 2 ถ้วย และน้ำเปล่าสำหรับกรวดน้ำ 1 ขันเล็กๆ เมื่อถามว่าทำไมเตรียมของไว้น้อยจัง เพราะเราเคยเห็นภาพพระที่เชียงคาน ออกมาบิณฑบาตกันยาวเหยียด ของแค่นี้คงน้อยไป คุณไสวยิ้มและบอกว่า ที่ซอย 3 นี้ มีพระจากวัดใกล้ๆ ออกบิณฑบาตเพียงสองรูปเท่านั้น ถ้าจะตักบาตรมากๆ ต้องไปแถวซอย 6 จนถึงซอย 20 โน่น...





สายชล 14-06-2012 16:56



แห่ะๆ...ถ้าจะให้เดินหอบของหนักๆไปตักบาตรไกลๆ ก็ขอรอตักบาตรพระสองรูปอยู่ตรงนี้ดีกว่าค่ะ คิดแล้วก็นั่งรอพระต่อไป พอแสงเงินแสงทองเริ่มจับขอบฟ้า ผู้คนมากมายก็ออกมาเดินกันอยู่แถวถนน จะมีสักกี่คนที่รอใส่บาตรนะ หรือแค่เพียงมารอถ่ายภาพเท่านั้น..






พระเดินมาจากซอย 1 แล้วค่ะ...คุณสายน้ำที่ยืนถ่ายภาพอยู่ กระโดดแผล่วมานั่งพับเพียบเตรียมตัวใส่บาตร ที่นี้เราก็เลยไม่มีภาพตอนใส่บาตรให้ดูกัน พระอวยชัยให้พรแล้วนั่นแหล่ะ คุณสายน้ำจึงลุกขึ้นมาถ่ายภาพใหม่




หลังจากใส่บาตรแล้ว เราก็นำข้าวเหนียวที่เหลือจากการใส่บาตรไว้เล็กน้อย มาปั้นๆแล้วโรยไปแถวริมถนน ตามแบบที่ได้ทำที่หลวงพระบาง เพื่อแบ่งอาหารให้สัมพเวสี แล้วตามด้วยการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ให้กับญาติสนิทมิตรสหายและเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย...


อ้าววววว...คุณไสวแปลงกายเป็นเด็กวัด คอยถือเข่งใส่อาหารจากการรับบิณฑบาตของพระไปเสียแล้ว





สายชล 14-06-2012 20:05




ตักบาตรเสร็จ รู้สึกจะอิ่มบุญ แต่ไม่ยักจะอิ่มท้อง เราเลยต้องไปหาที่รับประทานอาหารเช้ากัน วันนี้ตั้งใจจะไปทาน "ไข่กระทะ" ที่ "สุวรรณรามา"...โรงภาพยนตร์เก่าแก่ของเมืองเชียงคาน ที่ถูกดัดแปลงมาทำเป็นร้านอาหาร และร้านกาแฟ



http://i835.photobucket.com/albums/z...an-Rama_02.jpg




ร้านสุวรรณรามา ตั้งอยู่ที่ถนนศรีเชียงคาน ซอย 10 ด้านเดียวกับตลาดสด หาไม่ยากเพราะตั้งอยู่เกือบปากซอย ป้ายหน้าร้านบอกว่าร้านนี้มีของดัง คือไข่กระทะ..กาแฟ...ไอศครีม...

http://i835.photobucket.com/albums/z...an-Rama_09.jpg




ทั้งหน้าร้านและในร้าน...พยายามรักษาความเป็น "โรงหนังต่างจังหวัด" ไว้ได้อย่างดี จึงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง นอกเหนือจากความอร่อยของไข่กระทะ จนเป็นร้านดังของเมืองเชียงคาน เช้าขึ้นมา จึงมีผู้คนเข้าแถวไปทานไข่กระทะ และถ่ายภาพกันแน่น จนถึงกับล้นออกมานอกร้าน




http://i835.photobucket.com/albums/z...an-Rama_03.jpg



โชคดีที่เราไปถึงเช้า จึงมีที่ให้นั่ง และสั่งไข่กระทะและกาแฟได้ก่อนที่คนจะแห่กันมา ระหว่างนั่งคอยอาหารและกาแฟ เราก็เลยกวาดสายตาและกล้องชมการตกแต่งในร้านและนอกร้านแก้เซ็ง



http://i835.photobucket.com/albums/z...an-Rama_05.jpg



สายชล 14-06-2012 20:19



แถวม้านั่งไม้แบบพับได้...ม้วนฟิล์ม...หนังแผ่นหน้าโรง...โปสเตอร์...ทำให้คิดถึงโรงหนังสมัยก่อนได้ดี



http://i835.photobucket.com/albums/z...an-Rama_06.jpg



จะดูชั้นบนหรือชั้นล่างดีนะ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...an-Rama_07.jpg



ป้ายชื่อร้าน แขวนอยู่คู่กับภาพของ "มิตร ชัยบัญชา" พระเอกดังสมัยสองสายยังเด็ก



http://i835.photobucket.com/albums/z...an-Rama_10.jpg



ป้ายบอกเวลาเปิดปิด และ รายการอาหาร จะสั่งอะไรก็ต้องมาดูที่ป้ายนี้ แล้วจดใส่กระดาษที่มีให้บนโต๊ะ เดินเอาไปส่งที่คนชงกาแฟเอง


จักรยานมีเครื่องที่เห็น เขามีป้ายบอกว่าเหลืออยู่คันเดียวในเชียงคาน



http://i835.photobucket.com/albums/z...an-Rama_11.jpg


สายชล 14-06-2012 20:32



ป้ายโปสเตอร์ที่เขาติดไว้หน้าโรงหนัง เป็นภาพของ "สรพงศ์ ชาตรี" ในเรื่อง "เสือภูเขา" ซึ่งสายชลเคยดูมานานกว่าสามสิบปีแล้ว จนจำไม่ได้ว่าเด็กที่เปลือยกายโชว์อยู่นั้นคือใคร ป่านฉะนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง...




http://i835.photobucket.com/albums/z...an-Rama_04.jpg


จากสุวรรณรามา มองลึกเข้าไปในซอย ก็เห็นตลาดสดเมืองเชียงคาน ทานอาหารเช้าเสร็จ จะไปเดินซื้อของในตลาดก็สะดวกสบาย


http://i835.photobucket.com/albums/z...an-Rama_01.jpg



ร้านสุวรรณรามานี้ไม่มีเด็กเสริฟนะคะ จะทานอะไร เราต้องบริการตัวเอง ในเช้าวันนั้น กว่าเราจะถูกเรียกไปรับไข่กระทะ และ กาแฟ มาเป็นอาหารมื้อเช้าได้ เวลาก็ผ่านไปกว่าสามสิบนาที ที่ช้านั้น เป็นเพราะแม่ครัวของร้านมีอยู่คนเดียว คนชงกาแฟกับแคชเชียร์ก็เป็นคนๆเดียวกัน


กว่าเราจะได้ทานได้ดื่ม ก็เกิดอาการหน้ามืดตาลาย ไม่ได้ถ่ายภาพอาหารมาให้ดู อาจจะเพราะหิวจัด และระหว่างทาน เราไพล่ไปคิดถึงไข่กระทะกับกาแฟที่ร้าน "ทานตะวัน" เมืองหนองคาย ที่น้องดื้อเคยพาไปทาน ซึ่งอร่อยกว่านี้มากมายนัก...




สายชล 15-06-2012 17:26




แม้อาหารเช้าของเราจะไม่อร่อยนัก แต่ก็ทำให้อิ่มท้อง....ที่นี้ ก็ได้เวลาเที่ยวชมเมืองเชียงคานกันต่อแล้วล่ะค่ะ


อ่านหนังสือท่องเที่ยวเมืองเชียงคานแล้ว ที่ผ่านมา เรายังไม่ได้ไปชมจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่แถวๆแก่งคุดคู้ เราจึงควบเจ้ากระต่ายขาววิ่งขึ้นไปทางเหนือ มุ่งหน้าสู่แก่งคุดคู้กันอีกครั้ง พอถึงเสาหลักกิโลเมตรอันใหญ่ที่แก่งคุดคู้แล้ว เราก็เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลียบแม่น้ำโขง ผ่านร้านอาหารริมโขงที่เราเคยมานั่งทานไม่นานนัก ก็ถึงจุดที่เราจะมาชมกัน นั่นคือ องค์จำลอง "อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(ย่าโม)" ของเมืองเชียงคาน


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Kudkoo_26.jpg



ตัวอนุสาวรีย์จำลอง ตั้งอยู่บนลานปูนกว้างด้านซ้ายของถนนเลียบริมโขง ด้านหน้าของอนุสาวรีย์เป็นรูปปั้นผีตาโขน



http://i835.photobucket.com/albums/z...-Kudkoo_25.jpg


เบื้องหลังอนุสาวรีย์ มีพระเจดีย์ประดิษฐานอยู่สามองค์ คือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีกัลยาณิวัฒนามิ่งมงคลสยาม (อยู่ตรงกลาง) พระบรมธาตุเจดีย์ทองศรีเชียงคานจุฬามณี (อยู่ด้านขวา) พระบรมธาตุเจดีย์เงินศรีเชียงคานจุฬามณี (อยู่ด้านซ้าย) ซึ่งทั้งสามเจดีย์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จัดสร้างขึ้นโดย มูลนิธิอุบลรังสีจุฬามณี (โดยอาจารย์ เกรียงไกร ชำนิการโกศล)



http://i835.photobucket.com/albums/z...-Kudkoo_27.jpg



ด้านข้างลานอนุสาวรีย์ มีบ้านพักเรือนไม้หน้าตาดูดี ให้เช่าพัก



http://i835.photobucket.com/albums/z...-Kudkoo_31.jpg

สายชล 15-06-2012 18:07



อีกฟากถนนของที่ตั้งอนุสาวรีย์ย่าโมจำลอง มูลนิธิอุบลรังสีจุฬามณีได้สร้างสวนสาธารณะเพื่อสุขภาพขึ้น โดยตั้งเลาะไปตามริมฝั่งแม่น้ำโขง สิ่งที่น่าสนใจก็คือ รูปปั้น "ผีขนน้ำแห่บั้งไฟ"



http://i835.photobucket.com/albums/z...-Kudkoo_29.jpg


ผีขนน้ำ (ไม่ใช่ผีตาโขน) เป็นประเพณีการละเล่นของชาวบ้านนาซ่าว ตำบลนาซ่าว อำเภอเชียงคาน ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ

http://travel.sanook.com/767374/%E0%...8%B2%E0%B8%A7/

ด้านซ้ายของรูปปั้นผึขนน้ำ เป็นอาคารกังหันลมแบบที่เราเห็น ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ทราบต่อมาว่านั่นคือ "ห้องหุ่นผีตาโขนบก และ ผึขนน้ำ" แต่วันที่เราไป ไม่ได้เปิดให้เข้าชม





ที่ชอบใจมาก คือบ้านทรงไทยซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ติดกับที่ตั้งอนุสาวรีย์แม่ย่าโม ชื่อ “บ้านเจ้าคำ” ซึ่งสวยงามและน่าพักอาศัยมากค่ะ


ภายในบริเวณบ้านเจ้าคำยังมี “อาคารห้องสมุดหอศิลป์เฉลิมพระเกียรติ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นห้องสมุดและหอศิลป์ สำหรับเด็กและเยาวชนที่สนใจ บรรจุจัดเก็บเอกสาร หนังสือ ตำราค้นคว้าที่ค่อนข้างจะหาได้ยากในพื้นที่ ภาพประวัติเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและพระราชวงศ์จักรี และ “ห้องเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิ วัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” ประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุ ซึ่งได้รับประทานจากสมเด็จพระสังฆราชฯ เพื่อให้ประชาชนผู้สนใจได้สักการบูชา


ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ สร้างโดย มูลนิธิอุบลรังสีจุฬามณี....







สายชล 18-06-2012 11:33



เราเดินเล่นและซื้อของ อยู่ที่แก่งคุดคู้อยู่จนบ่ายคล้อย แล้วก็เข้าไปเตร็ดเต็ดเตร่อยู่แถวริมน้ำโขงของเมืองเชียงคาน...


http://i835.photobucket.com/albums/z...n_River_04.jpg


มองจากฝั่งไทย เห็นท่าน้ำของเมืองสานะคาม หรือ ชนะคราม (ชนะสงคราม) ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ทางยุทธศาสตร์ สมัยราชอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งตามตำนาน บอกว่าเมืองเชียงคามของไทย ก็เคยตั้งอยู่ที่บริเวณเมืองนี้ ก่อนจะอพยพโยกย้าย ข้ามมาอยู่ฝั่งไทย


ตัวเมืองสานะคามจริงๆแล้ว ไม่ได้อยู่ตรงข้ามเมืองเชียงคามซะเลยทีเดียว แต่อยู่ห่างจากบริเวณท่าน้ำที่เห็น ลงไปทางใต้ราว 2-3 กิโลเมตร หรือแถวๆภูเขาที่เห็นในภาพ...



http://i835.photobucket.com/albums/z...n_River_05.jpg




อยากทราบว่าเมืองสานะครามเป็นอย่างไร ลองดูวีดีโอของ www.hotsia.com ดูนะคะ





สายชล 18-06-2012 11:44




พอตกตอนเย็นก็กลับไปนั่งเล่นบนห้องพัก ที่บ้านตาหน่วม ได้ทันเห็นนกกระยางบินจากฝั่งลาว กลับมานอนฝั่งไทยพอดี


http://i835.photobucket.com/albums/z...n_River_07.jpg



เวลาที่เชียงคานเดินช้าจริงๆค่ะ....เรานั่งเล่น นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงยามเย็นย่ำสนธยา แล้วก็พากันไปหาอะไรอร่อยๆ เดินไปทานไปอยู่ที่ถนนคนเดินชายโขง....



http://i835.photobucket.com/albums/z...n_River_08.jpg



สายชล 18-06-2012 16:56

2 Attachment(s)


ภูเรือ

เช้าวันใหม่...เราตื่นกันแต่เช้ามืด (อีกแล้ว) เพราะวันนี้เราจะไปเที่ยวกันไกลหน่อยค่ะ คือเราจะใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 201 สายเชียงคาน-เลย แล้วแยกไปเที่ยวภูเรือ โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 203 ส่วนขากลับ เราจะแวะเข้าไปเยี่ยมภูหลวงสักหน่อย แล้วค่อยขับรถวนกลับเชียงคานเป็นวงกลม โดยใช้เส้นทางภูหลวง-ท่าลี่ ซึ่งจะเลาะเรื่อยไปตามลำน้ำเหืองต่อกับลำน้ำโขง จนกลับถึงเชียงคาน



ทางหลวง 201 เป็นถนนไฮเวย์ 4 เลนส์ ทำให้การเดินทางระยะทาง 40 กว่ากิโลเมตร จนถึงทางแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 203 เป็นไปอย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว


เมื่อเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 203 ซึ่งแม้จะเป็นถนนสองเลนส์ที่รถวิ่งสวนกัน แต่ถนนก็ดีมากและสวยมาก เพียง 50 กิโลเมตร เราก็ถึงทางแยกเข้าภูเรือ เลี้ยวไปตามทางคดๆโค้งๆ ที่สองข้างทางเป็นรีสอร์ตสวยๆราว 3 กิโลเมตร เราก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ของที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ...

สายชล 18-06-2012 20:45



http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_06.jpg


เราจะขึ้นยอดภูเรือ ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพียง 5 กิโลเมตรเองค่ะ...รถเริ่มไต่ไปตามถนนสองเลนลาดยางแคบๆ แต่จะมีเวิ้งให้รถหลบเข้าข้างทาง เพื่อจะให้รถสวนกันได้อยู่เป็นระยะๆ ยิ่งรถขึ้นไปสูงมากเท่าไร เราก็ยิ่งเห็นต้นสนสองใบและสามใบมากขึ้นเท่านั้น และอากาศเริ่มเย็นขึ้นๆ จนเราตัดสินใจปิดแอร์รถและเปิดหน้าต่างแทน เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก....




http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_07.jpg




เกือบถึงยอดภูเรือ...ก็เจอที่ราบมีป่าสนเป็นดงทึบ สลับกับร้านขายของและลานจอดรถ เราไปต่อไม่ได้ เพราะถูกต้อนให้เข้าไปจอดรถที่ลานใต้ต้นสน


พอออกจากรถได้ เราก็ได้สัมผัสกับความหนาวเย็น เครื่องวัดอุณหภูมิในรถบอกว่าขณะนั้นอุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส เล่นเอาต้องหาถุงน่องรองเท้า เสื้อกันหนาว และผ้าพันคอออกมาใช้ เพื่อป้องกันความหนาวเย็นจากลมหนาว ที่พัดวีดหวิวมาต้องกาย





จากนั้น...เราก็ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯต้อนอีกครั้ง ให้ไปขึ้นรถกระบะสองแถวที่ทางอุทยานฯ จัดหามาให้ เพื่อนั่งขึ้นไปยอดภูเรือ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้รถราขึ้นไปวิ่งกันขวั่กไขว่บนยอดภู อันจะทำให้สภาพแวดล้อม ที่สวยงามและบริสุทธิ์ของยอดภูเรือต้องเสียไป







สายชล 18-06-2012 21:09



โชคดีที่สายชลได้นั่งด้านหน้าของรถสองแถว ทำให้มีโอกาสได้คุยกับคนขับ จึงทราบว่ารถสองแถวเหล่านี้ ทางอุทยานฯได้อนุญาตให้เจ้าหน้า ร่วมกันจัดหารถขึ้นมาให้บริการนักท่องเที่ยว และให้ลูกเมียญาติพี่น้องของเจ้าหน้าที่ ขึ้นมาขายสินค้าและอาหารบนนี้ได้ เพื่อนำรายได้จาการให้บริการและการจำหน่ายสินค้าและอาหาร มาเป็นสวัสดิการของเจ้าหน้าที่..







พอสองสายและนักท่องเที่ยวอื่นๆ นั่งจนเต็มรถสองแถวแล้ว คนขับรถซึ่งเป็นญาติพี่น้องของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็ออกรถไปตามทางดินแคบๆ ที่สองข้างทางเป็นป่าสน เพื่อมุ่งหน้าสู่ยอดภูเรือ...





รถสองแถววิ่งโคลงเคลงไปตามทาง ที่ลาดชันเล็กน้อยขึ้นสู่ยอดภู สองข้างทางมีต้นสนสองใบสามใบสูงตะหง่านขึ้นอยู่เต็ม รถวิ่งมาได้สักครึ่งกิโลเมตร รถก็จอด เพื่อให้เราเดินขึ้นสู่ยอดสูงสุดของภูเรือ...

เราจ่ายค่ารถไปคนละ 20 บาท คนขับรถบอกว่า เรามีเวลาที่ยอดภูเรือ 40 นาที เมื่อถึงเวลา รถสองแถวจะมารับเรากลับลงไปที่ที่เราจอดรถไว้




เมื่อลงจากรถมาได้ ลมหนาวก็พัดกระหน่ำมาประทะหน้าตาเนื้อตัวของเรา จนเย็นยะเยือกจับใจ เราเดินฝ่าลมหนาวไปตามทางเดิน ที่จะนำเราไปสู่หน้าผารูปหัวเรือ อันเป็นที่มาของชื่อ "ภูเรือ" ระยะทางอีกราว 200 เมตร จากจุดที่รถสองแถวจอดให้เราลง



สายชล 18-06-2012 21:13




เกือบสุดทางเดิน มีศาลาอันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป ที่มีลักษณะงดงาม


http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_24.jpg


เราเข้าไปกราบไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคล


http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_25.jpg


สาธุ...สาธุ...สาธุ...

http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_26.jpg


สายชล 18-06-2012 21:30



กราบพระเรียบร้อยแล้ว เราเดินขึ้นไปจนถึงป้ายชื่อ "ยอดภูเรือ"



http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_11.jpg



มาถึงทั้งที มีหรือที่จะไม่ขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก....



http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_12.jpg




ภูเรือ..ได้ชื่อว่า เป็นจุดที่หนาวสุดในเมืองไทย แม้จะมีความสูงเพียง 1365 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอภูเรือ และอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 16 ของประเทศ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2522 มีพื้นที่ประมาณ 120.84 ตร.กม. หรือ 75,525 ไร่





บริเวณยอดภูเรือ เป็นที่ราบกว้างใหญ่ เราจะพบป่าสนเขา สลับกับสวนหินธรรมชาติที่งดงาม นอกจกนี้ยังพบพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ ได้แก่ กุหลาบแดง กุหลาบขาว ดาวเรืองภูเฟิร์น กล้วยไม้ป่า เป็นต้น ซึ่งจะสลับกันออกดอกให้ชมกันตลอดทั้งปี





สายชล 18-06-2012 21:37



บนยอดภุเรือ มีจุดชมวิวทัศนียภาพได้โดยรอบ จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาโหล่นน้อย น้ำตกห้วยไผ่ สวนหินธรรมชาติ ฯลฯ ซึ่งแต่ละแห่งทางอุทยานได้จ้ดทำเส้นทางเดินเท้าเพื่อชมได้อย่างสะดวกสบาย



สายชล 18-06-2012 21:50



หินพระศิวะ ซึ่งเป็นหินซ้อนกันอยู่ตามธรรมชาติ


http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_28.jpg



เมฆฝนที่เห็นมืดครึ้มอยู่ทางด้านเหนือ ซึ่งสามารถมองเห็นทิวเขายาวเหยียดต่อเนื่องกัน ไปจนจดเขตประเทศลาว



http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_13.jpg



ลมบนยอดภูเรือแรงงมากค่ะ


http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_18.jpg


สายชล 18-06-2012 21:52





สายชล 18-06-2012 21:54



ดอกไม้งาม...ทำให้ชื่นใจยิ่งนัก



http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_35.jpg



http://i835.photobucket.com/albums/z...Phu-Rua_36.jpg




สายชล 04-07-2012 17:04

ภูหลวง



หลังลงจากภูเรือ...เราไปแวะชม ภูหลวง กันสักหน่อยดีกว่า อยากจะเห็นธรรมชาติของที่นี่ว่าเป็นอย่างไร ถ้าชอบใจ วันหน้าจะได้หาเวลามาชื่นชมธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์สักสองสามคืน


เมื่อออกมาถึงทางหลวงสายสาย 203 เราเลี้ยวซ้ายย้อนกลับไปทางเข้าเมืองเลย ไม่นานนัก ก็เห็นทางเข้าภูหลวงทางด้านขวามือ เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ ทางเข้าภูหลวงนึกว่าจะใกล้ๆเหมือนเข้าภูเรือ ที่ไหนได้ต้องวิ่งจากปากทางไปตามถนนคดๆเคี้ยวๆ อีกตั้ง 18 กิโลเมตร กว่าจะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง





เราเข้าไปขอแผนที่และรายละเอียดเกี่ยวกับภูหลวงที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติภูหลวง แล้วก็ได้หนังสือสวยๆ เนื้อหาดีๆชื่อ "พรรณไม้งาม ป่าภูหลวง" เขียนโดยคุณ นิพนธ์ ศรนคร อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่นี้ถึง 19 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519




จากนั้น...เราก็เริ่มขับรถลุยขึ้นภูหลวง เป้าหมายคือ หน่วยพิทักษ์ป่าโคกนกกระบา หรือที่เรียกว่า หลังภูหลวง ซึ่งเป็นยอดสูงที่สุดบนภูหลวง ระยะทางห่างจากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ราว 10 กิโลเมตร




สายชล 04-07-2012 19:33


ทางที่ขึ้นสู่ยอดภูหลวง เป็นถนนลาดยางเล็กๆ รถพอสวนกันได้ แต่อยู่ในสภาพที่ดี และเส้นทางที่สวย ด้วยผ่านไปในป่าลักษณะต่างๆ ตามลักษณะของพื้นที่และความสูงที่เริ่มจาก 400 เมตร ไปจนถึง 1,400 กว่าเมตร จากระดับน้ำทะเล จึงมีทั้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าไผ่ ป่าเบญจพรรณผสมป่าไผ่ และป่าดิบเขา ให้เห็นได้เป็นระยะๆ..

http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_05.jpg


ถนนขึ้นภูหลวงร่มรื่นด้วยแมกไม้ ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาจากสองข้างทาง จนเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ ทำให้อดใจไม่ได้ ต้องจอดรถเพื่อแวะจอดถ่ายภาพ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_06.jpg


เอ๊ะ...อะไรกองอยู่บนถนน เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ โอ๊ะโอ....มูลช้างกองใหญ่นี่เอง


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_34.jpg


ไม่ใช่มูลช้างกองเดียว แต่เรี่ยราดทั่วไป ทั้งบนถนนและข้างถนน...

เห็นอย่างนี้แล้ว เราก็ใจแป่ว ไม่กล้าจอดรถเพื่อลงไปถ่ายภาพกันอีก แต่รีบเร่งเร็วรี่ บึ่งรถขึ้นยอดภูหลวง ก่อนที่น้องช้างจะแวะมาทักทาย โดยมิได้นัดหมาย...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_35.jpg



สายชล 06-07-2012 14:29



ถึงแล้วค่ะ...โคกนกกระบา ยอดเขาภูหลวง ที่ความสูง 1,400 เมตร จากระดับน้ำทะเล


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_04.jpg

คำว่า "ภูหลวง" มีความหมายว่า "ภูเขาที่ยิ่งใหญ่" หรือหมายถึง "ภูเขาของพระเจ้าแผ่นดิน"


ภูหลวง เกิดจากการยกตัวของพื้นผิวโลก และดินส่วนที่อ่อนถูกพัดพาลงสู่พื้นที่ส่วนต่ำ คงเหลือหินซึ่งเป็นโครงสร้างที่แข็งไว้เป็นภูเขา


เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ได้รับการยกขึ้นเป็น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง มีเนื้อที่ประมาณ 848 ตารางกิโลเมตรหรือ ประมาณ 530,000 ไร่ ตั้งอยู่ในท้องที่วังสะพุง อำเภอภูเรือ อำเภอด่านซ้าย อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย

อ่านรายละเอียดอื่นๆได้ที่นี่ค่ะ... http://www.phuluang.org/webpage/data.html


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_07.jpg



เราเป็นรถนักท่องเที่ยวคันแรก ที่ขึ้นไปถึงยอดภูหลวงในวันนั้น เห็นบรรยากาศแล้ว เสียดายที่มีเวลาอยู่น้อยนิดบนยอดภูหลวงนี้



http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_09.jpg


สายชล 06-07-2012 15:22

บนยอดภูหลวงเป็นลานกว้าง ต้นไม้ที่เห็นหลักๆของที่นี่ น่าจะเป็น กุหลาบป่า (Rhododendron) ตั้งแต่เข้ามาที่ลานจอดรถ จนเดินเที่ยวไปตรงไหน ก็เห็นแต่ต้นกุหลาบป่าเต็มไปหมด มีทั้งดอกกุหลาบป่าที่บานแฉ่ง ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_10.jpg


และดอกตูมๆ ที่เจ้าหน้าที่บอกว่า พร้อมจะบานแฉ่งแข่งกัน ในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ต่อเดือนมีนาคม..


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_32.jpg

ไปอ่านพบใน http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...oup=2&gblog=18 เขาบอกว่า

"Rhodoendron นี้มาจากภาษากรีก 2 คำ คือ คำ "Rhode" ซึ่งแปลว่า "สีแดง (red) หรือ "ดอกยี่สุ่น" (rose) กับคำ "dendron" ซึ่งแปลว่า "ต้นไม้(tree)" โดยนัยจึงแปลได้ว่า "ต้นไม้(ดอก)สีแดง" หรือต้นยี่สุ่น"

แต่จริงๆแล้วกุหลาบป่าที่เห็น ไม่ได้มีแต่สีแดง สีขาวก็มีค่ะ แต่ไปคราวนี้ สีขาวยังไม่บาน คงต้องหาโอกาสกลับไปดูใหม่อีกครั้ง...


สายชล 06-07-2012 15:28



ข้างที่ทำการหน่วยโคกนกกระบา...เราเห็นต้นเมเปิลต้นผอมชะลูดอยู่ต้นหนึ่ง...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_14.jpg


ใบเมเปิลเริ่มจะออกแดงๆ แต่ยังไม่เต็มที่ เจ้าหน้าที่บอกกับเราว่า ใบเมเปิ้ลจะแดงเต็มต้น ต้องเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เขาบอกอีกว่า ใบเมเปิลจะแดงทั้งต้น อยู่สัก 5 วัน จากนั้นก็จะทิ้งใบจนเหลือแต่ต้นโด่เด่ ก่อนจะแตกใบอ่อน ในเวลาต่อมา...เอ... แต่ตอนที่เราไปถึงนั่น ก็ใกล้ปลายเดือนธันวาคมเข้าไปแล้วนี่นา แต่ใยใบของเจ้าเมเปิ้ลต้นนี้ จึงไม่ยอมแดงเสียทีหนอ..

http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_11.jpg



ใบเมเปิลแดงๆ คงจะสวยดีนะคะ...



http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_12.jpg





สายชล 06-07-2012 16:14



ทานข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหารสวัสดิการเจ้าหน้าที...อาหารง่ายๆ ข้าวสวยร้อนๆ รับประทานกับ ผัดกระเพราะหมู ไข่เจียว แกงจืดผักกาดขาวกับเต้าหู้และหมูสับ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_08.jpg


อิ่มแล้ว ไปเดินดูใกล้ๆที่ทำการ ไม่อยากไปไกล เพราะกลัวช้างจะมาเหยียบค่ะ เราเดินเข้าไปตามทางเดิน ที่เขียนบอกไว้ว่า "ลานสุริยัน"


ไม้ร่มครึ้มสองข้างทางเล็กๆ กับลมเย็นๆ ทำให้การเดินราวหนึ่งกิโลเมตรนั้น ช่างน่ารื่นรมย์มากค่ะ


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_28.jpg



ถึงแล้วลานสุริยัน...มีลานหินรูปร่างแปลกๆช้อนตัวกันอยู่ริมหน้าผา แต่ต้นไม้ที่ขึ้นสูงโด่เด่อยู่แถวริมผา ทำให้มองเห็นวิวสวยๆโผล่ให้เห็นแค่นี้เองค่ะ


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_15.jpg



ที่นี่..จะทำให้เห็นทิวทัศน์ทางด้านตะวันตกของภูหลวงได้ชัดเจน แต่ก็เห็นเพียงเทือกเขาไกลๆ โผล่อยู่เหนือยอดไม้เท่านั้น ถ้าเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธุ์-มีนาคม ที่นี่จะมีสีสันงดงาม ด้วยดอกกุหลาบป่าทั้งสีแดงและสีขาว


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_16.jpg



สายชล 06-07-2012 16:59



จากลานสุริยัน...เราเดินต่อไปตามทางที่ทำไว้ จนมาทะลุที่บริเวณเขตพระตำหนัก ซึ่งที่นั่นตัวพระตำหนัก รูปทรงทันสมัย มีหอคอยชมวิวสูงเหนือยอดไม้ ตั้งตระหง่านอยู่..

http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_22.jpg


ตัวพระตำหนัก ตั้งอยู่บนโขดหินสูง ด้านหลังพระตำหนักเป็นระเบียงกว้างใหญ่ เป็นจุดที่น่าจะชมพระอาทิตย์ตกได้งดงามจุดหนึ่ง...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_21.jpg



บนหลังคาพระตำหนัก มีมอส และเฟิร์นขึ้นอยู่ ดูสวยดีค่ะ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_33.jpg



สายชล 06-07-2012 17:02




เราเดินผ่านหน้าพระตำหนัก ลงไปตามทางเดิน มุ่งสู่พื้นล่างที่อยู่ต่ำลงไป และแล้วเราก็ถึงลานหินที่เรียกว่า "ผาเยือง" จุดชมวิวด้านตะวันตกของภูหลวง...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_19.jpg



เช่นเดียวกับลานสุริยัน...ต้นไม้จากผาสูงเบื้องล่าง โผล่ยอดมาบดบังวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้าเราเกือบหมด เมื่อมองลอดช่องออกไป ก็เห็นทิวเขาเทือกเดียวกับที่เราได้เห็นที่ลานสุริยัน


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_20.jpg


ใต้หน้าผาเยืองแห่งนี้มีน้ำซับไหลอยู่ตลอดปี เป็นที่อาศัยของเลียงผา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "เยือง" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อผาแห่งนี้ ด้านล่างเป็นป่า ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสามสาย คือแม่น้ำเลย น้ำสาน และ แม่น้ำป่าสัก


แม่น้ำเลยนั้นไหลขึ้นเหนือ ไปหล่อเลี้ยงผู้คนในอำเภอภูหลวง วังสะพุง อำเภอเมือง เชียงคาน ก่อนจะไหลไปลงแม่น้ำโขง ส่วนน้ำสาน จะไหลผ่านภูเรือ ด่านซ้าย แล้วลงสู่แม่น้ำเหือง ซึ่งจะไหลแม่น้ำโขงในที่สุด ส่วนแม่น้ำป่าสัก ไหลผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ สระบุรี และไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา



สายชล 06-07-2012 17:40



เราเดินออกมาทางถนนที่ก่อด้วยอิฐ ดูกว้างขวางและเดินสบายกว่าถนน ที่เราเดินมาจากลานสุริยัน แต่ตันไม้สองข้างทางที่ขึ้นสานกันเป็นอุโมงค์ ให้ความร่มรื่นที่ไม่ต่างกันนัก...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_17.jpg


มีทางแยกทางขวามือ ป้ายบอกว่าเป็นบ้านพักของทางเขตฯ...น่าสนใจดีค่ะ เพราะถ้าเราจะกลับมาเที่ยวที่นี่อีก คงจะต้องมาพักค้างแรม ลองเดินไปชมบ้านพักหน่อยก็ดีนะคะ


บ้านหลังแรกที่เราเห็น คือ "บ้านไก่ฟ้าพญาลอ" สร้างเป็นเรือนแถวไม้ ฝาขัดแตะ ดูน่าอยู่ดีค่ะ..

http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_31.jpg


ถัดไปเป็น "บ้านกุหลาบแดง" ลักษณะเป็นตึกปูนทันสมัย ต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตรงกลางเป็นลานกว้าง น่าพักเชียวค่ะ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_30.jpg


บ้านที่อยู่ไกลออกไป ชื่อ "บ้านกุหลาบขาว"...มาทราบที่หลังว่า ที่เราเห็นๆอยู่นั้น เป็น "เรือนรับรองพิเศษ" ถ้าเป็นคนธรรมดาๆอย่างเรา คงไม่มีสิทธิไปพักหรอกค่ะ


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_29.jpg


สายชล 06-07-2012 17:54



อยากจะไปเดินเที่ยวชมต่อ แต่พอเห็นมูลช้างกองอยู่ เราก็เดินย้อนกลับไปปากทาง เพื่อเดินกลับไปที่ทำการหน่วยโคกนกกระบา พอถึงถนนลูกรังรถยนต์วิ่งได้ เราก็ค่อยเบาใจหน่อยค่ะ


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_25.jpg





เราจากภูหลวงมา เพื่อมุ่งหน้ากลับเชียงคาน ที่พักของเราในคืนนั้น....


ความตั้งใจที่จะกลับมาเพื่อท่องเที่ยวให้ทั่วจุดสำคัญๆ ที่มีมากมายหลายแห่งบนภูหลวง ยังคงคุกรุ่นอยู่ในจิตใจของเราตลอดเวลา จนถึงบัดนี้...

http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_24.jpg


สายชล 07-07-2012 16:27



ออกจากภูหลวงได้เราไม่ย้อนกลับไปทาง(สบายๆ) เส้นทางเดิม แต่กลับใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2399 ซึ่งแยกจากถนนหลวงหมายเลข 203 ไปทางอำเภอท่าลี่ แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2195 เลียบลำน้ำเหือง ซึ่งไหลไปบรรจบลำน้ำโขง มุ่งหน้าสู่เชียงคาน...


ถนนหลวง 2399 อยู่ในสภาพค่อนข้างดี และวิวสองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ สูงๆต่ำๆ ไม่แน่ใจว่า ที่ดินบริเวณนี้ถูกหักล้างถางพง หรือว่าเป็นเขต "ทุ่งหญ้าสะวันนา" กันแน่...


วิ่งไปได้สักพักหนึ่ง ก็พบศาลาพักสำหรับนักเดินทาง จึงแวะเข้าไป เพื่อถ่ายภาพวิวทิวทัศน์แถวๆนั้น...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_40.jpg


โชคดีจริงๆค่ะ ที่ศาลาแห่งนั้น เราสามารถมองเห็นภาพภูเรือ ที่อยู่ทางด้านตะวันตกได้ชัดเจน



http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_37.jpg


หุบเขาที่อยู่เบื้องล่าง เขียวขจีด้วยนาข้าวขั้นบันได และสวนผลไม้และไม้ดอก ผิดกับยอดเขาที่เรากำลังยืนอยู่ซึ่งแสนจะแห้งแล้ง...


http://i835.photobucket.com/albums/z...u-Luang_38.jpg


รถของเราวิ่งลัดเลาะเขาสูงที่ค่อยๆลาดต่ำลงเรื่อยๆ จนถึง เมืองท่าลี่ อันเป็นที่ตั้งของ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ของไทย (รองจากสะพานที่หนองคาย) ซึ่งสะพานแห่งนี้ สร้างข้ามแม่น้ำเหือง ไม่ใช่แม่น้ำโขง อย่างสะพานที่หนองคาย หรือที่กำลังจะสร้างอีกหลายแห่ง เสียดายค่ะ ที่เราไม่มีเวลาแวะชม เพราะเย็นมากแล้ว เกรงจะไปมืดกลางทาง ที่เรายังไม่เคยผ่านมาก่อน...





เราบังคับรถเลี้ยวขวา ไปตามถนนหลวงสาย 2195 ซึ่งถนนบีบแคบ ไม่มีขอบทาง และแทบไม่มีรถสวนมา พอใกล้ถึงเชียงคาน ถนนก็กลายสภาพเป็นพื้นผิวโลกพระจันทร์ เราหายสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นไปได้ เมื่อได้เห็นรถเทรลเลอร์ใหญ่ยักษ์ ขนทรายเต็มกระบะหนักอึ้ง และไหลหกเรี่ยราดเลอะเทอะไปตลอดทาง


เย็นนั้นกว่าจะถึงเชียงคานได้ พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว....


สายชล 07-07-2012 17:00

วันสุดท้ายของการเดินทาง....


สองสายตื่นแต่เช้า ด้วยตั้งใจจะออกเดินทางจากเชียงคาน ไม่เกิน 7 โมงเช้า เพื่อจะได้กลับถึงบ้านในกรุงเทพฯ ไม่ดึกเกินไปนัก แต่ก็มีเหตุให้เราต้องออกเดินทางช้ากว่าที่ตั้งใจไว้เกือบชั่วโมง ทั้งนี้เพราะลูกสาวคุณไสว ได้มาแจ้งว่า คุณไสวขอให้เราคอยหน่อย เพราะกำลังจะไปนำพืชผักผลไม้ในสวนมาให้เรา นำกลับไปทานที่กรุงเทพฯ


น้ำใจของคุณไสว...ลูกเขยคุณตาหน่วม ที่ดูแลเราอย่างดีมาตลอด 4 วันในเชียงคาน ช่างประเสริฐนัก...ถ้าเราจะไม่คอยลาคุณไสว ก็ถือว่าเราใจจืดใจดำมากเกินไปหน่อย เราเลยนั่งดื่มกาแฟแกล้มปาท่องโก๋ คอยคุณไสวต่อไปอย่างสบายอารมณ์




คุณไสวมาถึง พร้อมกับมะละกอหลายลูก และกระหล่ำปลี จากสวนผักของคุณไสวเองอีกหลายหัว ซึ่งเป็นของฝากสำหรับเรา จากน้ำใจใสๆของคุณไสว เรานั่งคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขอบคุณและล่ำลาคุณไสว พร้อมกับส่งมอบมังคุดและมะขามหวาน อย่างละสองสามกิโล ที่เราซื้อมาจากตลาดสด ซึ่งตั้งใจจะนำมาฝากคุณไสวโดยเฉพาะ




การเดินทางมาเที่ยวเชียงคานครั้งนี้ เราได้ทั้งความสุขสนุกสนาน และได้ทั้งมิตรภาพและความจริงใจ จากคนเมืองเชียงคานแท้ๆอย่างคุณไสว ทำให้เราเกิดความประทับใจยิ่งนัก จนต้องสัญญากับคุณไสวว่า...


เราจะกลับมาเยี่ยมเยือนคุณไสว ณ.บ้านตาหน่วม แห่งเมืองเชียงคานอีกครั้งอย่างแน่นอน....


สายชล 07-07-2012 19:05

เราออกจากเชียงคาน โดยใช้ทางหลวงฯหมายเลข 201 มุ่งหน้าผ่านจังหวัดเลย เข้าสู่อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงฯหมายเลข 12 ซึ่งจะไปเชื่อมต่อถนนมิตรภาพ หรือทางหลวงฯหมายเลข 2


พอเข้าแขตอำเภอภูกระดึง...เราพยายามมองหาภูกระดึง ที่สายชลเคยปีนเขาขึ้นไปเที่ยวมาแล้วสองครั้ง และคุณสายน้ำเคยปีนขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่เมฆหมอกที่ลงหนาทึบ คลุมยอดภูกระดึงไว้จนมิด เราจึงได้แต่ภาพผานกเค้าที่อยู่ปากทางเข้าภูกระดึง มาเป็นที่ระลึกแทน...



ถนนที่เป็นไฮเวย์ชั้นดี ทำให้เราเดินทางถึงเมืองขอนแก่นภายในเวลาที่รวดเร็วมาก ครั้งแรกตั้งใจจะแวะทานข้าวเที่ยงในเมืองขอนแก่น แต่ความวุ่นวายในเมืองขอนแก่น ทำให้เราเปลี่ยนใจ เลยไปหาของทานและของฝากที่เมืองบ้านไผ่แทน


ได้ของฝากประเภท ไส้กรอก กุนเชียง หมูแผ่น หมหยอง ฯลฯ มาครบถ้วนแล้ว จากร้านดังของบ้านไผ่ (ที่เมื่อยี่สิบปีก่อนเล็กนิดเดียว ตอนนี้ใหญ่โตโอ่โถงมาก) ที่นี้ก็ถึงเวลาหาของอร่อยรับประทานแล้วค่ะ


ขับรถไปเรื่อยๆ สะดุดตากับร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ชื่อร้าน "เชียงใหม่โอชา" ซึ่งคนทานกันแน่น เลยสันนิษฐานว่า ต้องอร่อยแน่ๆ ต้องขอลงไปชิมสักหน่อยแล้วล่ะค่ะ..

http://i835.photobucket.com/albums/z...-Noodle_01.jpg


ไม่ผิดหวังเลยค่ะ...ก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านนี้ รสโอชาสมชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อตุ่น เนื้อสด หรือ ลูกชิ้น รสชาติกลมกล่อม ปรุงนิดหน่อยก็อร่อยได้ที่แล้ว...


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Noodle_02.jpg


หมี่น้ำทุกอย่างไปคนละสองชาแล้ว ยังไม่หนำใจ ต้องสั่งเกาเหลาแห้งมาทานกันอีกสองจาน และสั่งเกาเหลาน้ำกลับบ้านอีก 10 ชุด ลูกชิ้นอีก 200 ลูก...


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Noodle_03.jpg


สายชล 07-07-2012 20:11



อิ่มแล้ว...สบายใจ ขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงเมืองโคราช ราวๆบ่ายสามโมง แทนที่เราจะใช้ถนนมิตรภาพตรงไปออกสระบุรี แล้วใช้ถนนพหลโยธินวิ่งกลับกรุงเทพฯ เรากลับเลี้ยวซ้ายไปเข้าทางหลวงฯ หมายเลข 304 เพื่อจะไปวังน้ำเขียว เพื่อไปแอบชม "บ้านภูโอบ" ของน้องโป๋..น้องชายสุดที่รักและ Webmaster สุดหล่อ ของ SOS...


http://i835.photobucket.com/albums/z...mKeowMap_1.jpg


ฝ่าถนนสองเลนส์ที่รถติดมากๆ มาจนถึงทางยูเทริน เพื่อเข้าไปบ้านภูโอบ เวลาก็ใกล้จะห้าโมงเย็นเต็มที่ เราก็ใจตุ๋มๆต่อมๆว่าทางเข้าจะลึกแค่ไหน เพราะเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Phu-Ob_02.jpg

แต่โชคดี...เข้าไปจากถนนใหญ่นิดเดียว ก็ถึงบ้านภูโอบแล้วค่ะ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Phu-Ob_03.jpg


โอ้โฮ !!!...สวย น่ารัก และน่าพักจริงๆค่ะ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Phu-Ob_08.jpg


สายชล 07-07-2012 20:27



เราไปครั้งนี้...ไม่ได้บอกน้องโป๋ล่วงหน้า เพราะจะแอบไปชม และไม่อยากรบกวนน้องโป๋ให้ลำบากใจ และก็ไม่ได้หวังว่าจะได้พบน้องโป๋ ซึ่งทราบว่างานที่ทำอยู่ที่อรัญประเทศยุ่งมาก...


แต่พอเราผ่านไปทางห้องอาหารที่อยู่ด้านหน้าของบ้านภูโอบ ก็เห็นน้องโป๋นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านอะไรอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งของห้องอาหาร เราขับรถเข้าไปด้านหลังบ้าน น้องโป๋ได้ยินเสียงรถจึงเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็ไม่ทราบว่าใครมากันแน่...


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Phu-Ob_04.jpg


จนเราเดินไปหาจนใกล้ น้องโป๋ก็ยังจำไม่ได้ว่า เราเป็นใคร...จนเราต้องแสดงตัว น้องโป๋ ซึ่งคงคิดไม่ถึงว่าเราจะมาเยือนถึงถิ่น จึงร้องอ๋อ...จำเราได้...


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Phu-Ob_10.jpg


จากนั้น...น้องโป๋ก็พาเราเดินชมบ้านภูโอบ ซึ่งร่มรื่นด้วยแมกไม้ สนามเขียวขจี...และ มีบ้านพักที่มีหลายหลังหลายแบบ ให้เลือกพักได้ตามใจ..


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Phu-Ob_06.jpg


สายชล 07-07-2012 20:41



บ้านพักมีทั้งแบบนอนจู๋จี๋กันสองคน หรือ จะใช้เรือนนอนรวม ซึ่งนอนกันได้ 20-30 คน ก็มีให้เลือก...


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Phu-Ob_05.jpg


หากอยากจะนอนกลางดินกินกลางทราย...น้องโป๋ก็มีที่ให้กางเต๊นท์ หรือเช่าเต๊นท์ของบ้านภูโอบพักได้ค่ะ..


http://i835.photobucket.com/albums/z...-Phu-Ob_07.jpg


เราเห็นบ้านภูโอบแล้ว ก็อยากจะมาสูดอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ห้อมล้อมด้วยภูเขาใหญ่น้อย และนอนชมดาวชมเดือน ให้เพลิดเพลินเจริญใจ สักสองสามวัน


แต่คงไม่ใช่วันนี้แน่นอนค่ะ เพราะเราจากบ้านมานานร่วมสองอาทิตย์ และคิดถึงบ้านตัวเองเต็มแก่แล้ว แม้น้องโป๋จะคะยั้นคะยอให้นอนพักสักคืน เราจำใจต้องปฏิเสธไป แต่สัญญากับน้องโป๋ว่า สักวันหนึ่ง เราจะต้องมาพักหลับนอนที่บ้านภูโอบอย่างแน่นอน..




สายชล 07-07-2012 21:05


คืนนั้น...ด้วยเส้นทางวังน้ำเขียว-บ้านบึง- กรุงเทพฯ เรากลับถึงบ้านในกรุงเทพฯเอาเกือบสามทุ่ม แต่กลับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย หรือเมื่อยล้าแต่อย่างใด เรามีแต่ความสุขสนุกสนาน กระปรี้กระเปร่า เหมือนได้ไปเติมพลังมา ทั้งที่ เราได้เดินทางจากบ้านไปนานถึง 13 วัน และด้วยระยะทางที่นั่งอยู่บนรถยนต์นามเจ้า "กระต่ายขาว" เดินทางท่องเที่ยวไปไกลถึง 3,500 กิโลเมตร


การขับรถท่องเที่ยวเทียวไป ทั่วแคว้นแดนไกล...หนองคาย...ลาว...เลย...ของเรา ในครั้งนี้ ช่างประทับใจเรามากมาย...จนเราบอกกับตัวเองว่า การขับรถเที่ยวทางไกลครั้งนี้ จะไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเราแน่นอน เราจะวางแผน ที่จะขับรถเที่ยวทางไกลกันอีกหลายที่ ในหลายช่วงเวลา ข้างหน้านี้ เพื่อไปเติมพลังให้กับชีวิตในวัยเกษียณของเรา ให้กลับมาชุ่มช่ำใจ เสมือนได้ดื่มน้ำอมฤตอย่างไงอย่างงั้น...


เชิญติดตามการขับรถท่องเที่ยวของเราในครั้งต่อไป ได้อีกที่นี่นะคะ...






Super_Srinuanray 08-07-2012 19:15

ขอบพระคุณมากค่ะพี่น้อย พี่จ๋อม และกระต่ายขาว ถึงไม่ได้ไปด้วย แต่ก็รู้สึกว่า ได้มาแที่ยวด้วยทุกครั้งเลยค่ะ

อยากไปภูโอบ ๆๆๆๆๆๆๆๆ เมื่อไรดีหนา

สายน้ำ 08-07-2012 20:23


ขอบคุณด่าร์ลิ้งค์สายชลมากๆที่ขยันหาข้อมูลมาบรรยายประกอบภาพ มีความทรหดอดทน วิริยะ อุตสาหะ มาก ... ยังมี เปรู - เอกวาดอร์ และยูนนาน คาราวาน Fortuner Club อีกนะจ๊ะ

ทริปยาว หนองคาย - ลาวเหนือ - เชียงคาน - ภูเรือ - ภูหลวง เที่ยวนี้ เป็นการเดินทางที่สนุกและมีรสชาติมาก มีรถดีมีชัยไปกว่าครึ่ง พอดีได้รถใหม่ ทั้งอึด ทั้งถึก ทั้งซิ่ง เลยไม่รู้สึกเหนื่อยกับการขับรถ ... จริงๆอยากใช้เวลาตะลอนอยู่แถวๆนั้นนานกว่านี้ แต่จากบ้านมาตั้งครึ่งเดือน กลัวลูกจะตัดออกจากกองมรดกเสียก่อน จึงต้องกลับ กทม.อย่างเสียไม่ได้

แต่รอหนาวนี้ คงจะกลับไปเก็บรายละเอียดแถวๆนั้นอีกรอบครับ ... ใครสนใจจะร่วมวงคาราวาน ก็เตรียมลางานไว้ได้เลยนะครับ โดยเฉพาะที่หนองคาย น้อง Blue Day พร้อมที่จะลางานมาต้อนรับขับสู้กันเต็มที่

ถ้าชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยของสองสาย และชอบสำนวนการบรรยายที่ได้อรรถรสของคุณสายชล ก็ขอให้คอยติดตามผลงานกันต่อไปในห้อง "ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน" นี้นะครับ


สายชล 08-07-2012 23:01



เอิ้กกกก...จะเป็นลม...:(


กว่าจะเขียนเรื่องนี้เสร็จก็แทบจะเป็นจะตายแล้ว....เรื่องที่เหลือน่ะ ทั้งทริปเปรู-อิเกวดอร์-กาลาปากอส-สเปญ ต่อด้วยทริปเมืองจีน ที่ไปหลายที่ หลายเมือง และหลายวันกว่านี้อีก ดิฉันคงจะอ่อนเปลี้ย เพลียแรงกว่านี้แน่ๆ


ที่สรรเสริญเยินยอไว้นั้น เห็นทีจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก...มาช่วยกันเขียนเรื่องหน่อยดีกว่ามั๊งจ๊ะ คุณสายน้ำ...:p


สายน้ำ 09-07-2012 07:10


แค่นั่งจ้อง Monitor ทำรูปทั้งหมด ตาก็จะพังแล้ว ต้องทำไปพักไปทุกชั่วโมง จนบัดนี้ ยังเดินทางไปไม่ถึงกาลาปากอสเลย แล้วจะไปถึงยูนนานเมื่อไรกันนี่ ... ยิ่งตอนนี้ มีทริปปล่อยกุ้งตัวตลกมาแทรกคิวอีก โอ้! พระเจ้าช่วยกล้วยไข่เน่า ... ไม่อยากคิดเลย

ก็ช่วยๆกันไปนะจ๊ะ ด่าร์หลิง ... เอาแค่ ทริป เปรู-เอกวาดอร์-สเปน กว่าจะโพสต์จบก็คงหลายเดือน คงจะถึงยูนนานเอาปีหน้า แล้วคนอย่างสองสาย โพสต์รูปเฉยๆไม่เป็นด้วย ต้องนำเสนอข้อมูลเพียบพร้อมประกอบ ... คงต้องช่วยๆกันไปนะจ๊ะ สามัคคีคือพลัง ...


สายชล 09-07-2012 09:31



สามัคคีคือพลัง...มีกันอยู่สองคน ไม่ช่วยกันแล้ว ใครจะมาช่วยวยลเล่าจ๊ะ..อิๆ


ไม่มีใครมาอ่านก็ไม่เป็นไรเนาะ...เก็บไว้อ่านกันสองคนก็ได้นะจ๊ะ ที่รัก... :p



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:59

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger