Bryde's Whale Watching Near Bangkok...!!!
|
ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการศึกษาวาฬบรูด้าในอ่าวไทยตอนบน อยู่เป็นประจำ เมื่อปีที่แล้ว สองสายเองก็เคยได้รับการเชิญชวน ให้ไปร่วมสังเกตการณ์และถ่ายภาพวาฬบรูด้า ที่วังตะบูน เขตจังหวัดเพชรบุรี มาแล้วหลายครั้ง... |
เมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา...เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่สองสายได้รับการเชิญชวนจาก น้องตึก (ดร.กาญจนา อดุลยานุโกศล) หรือ น้องแม่หมูน้ำ ของพวกเราชาว SOS และ น้องหนึ่ง (สุรศักดิ์ ทองสุกดี) ผู้เชี่ยวชาญด้านวาฬบรูด้าและโลมาอิรวดี แห่ง ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน ให้ออกไปร่วมสังเกตการณ์การสำรวจ และร่วมถ่ายภาพวาฬบรูด้า ที่กำลังหากินอยู่แถวๆปากแม่น้ำเจ้าพระยา คราวนี้..เราจะใช้เรือเร็วของ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลโคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งสองสายคุ้นเคยดี เพราะชาว SOS ได้เคยไปปลูกป่าชายเลนและทัศนศึกษาที่นี่มาแล้วเมื่อสองสามปีก่อน... เมื่อไปถึงจุดที่จอดเรือ...น้องตึก น้องหนึ่ง และทีมงาน เตรียมพร้อมอยู่ที่ท่าเรือแล้ว เรือแล่นออกไปตามคลอง ที่มีไม้ชายเลนขึ้นหนาแน่นกว่าที่เคยได้เห็น จนเรือทะลุออกไปที่ชายทะเล ซึ่งบัดนี้ มีไม้ไผ่ปักเรียงรายอยู่เป็นแถวเป็นแนว เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งจากคลื่นลมทะเล และช่วยกักเก็บตะกอน เพื่อเพิ่มพื้นแผ่นดิน ซึ่งดูจะได้ผลดีเกินคาด |
เช้าวันนั้น....ท้องฟ้าแจ่มใสและไร้ฝน ช่างผิดกับการสำรวจในหลายๆวันที่ผ่านมา ที่เจอทั้งฝนทั้งลมอย่างหนัก... จึงนับเป็นโชคดีของทีมงาน และสองสายจริงๆค่ะ อย่างไรก็ตาม...แม้ลมจะอ่อน แต่ในยามน้ำลงต่ำมากเช่นขณะนั้น คลื่นหรือเดิ่งก็สูงเอาเรื่อง น้องแป๊ะ (ที่เคยทำงานอยู่ที่ศูนย์วิจัยฯ สมุทรสาคร และสองสายเคยพบมาแล้วหลายครั้ง เมื่อครั้งได้มาปลูกป่าชายเลนในเขตมหาชัย) บังคับเรือเร็วของศูนย์อนุรักษ์ฯ ฟันคลื่นปังๆ ผ่านออกไปทางบริเวณหน้าที่ทำการศูนย์อนุรักษ์ฯ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปากคลองนัก พลันก็เห็นเรืออวนรุนเล็กๆ กำลังลงรุนอวนอยู่ โดยไม่รู้ว่า บริเวณนี้ห้ามทำประมงอวนรุน สิ่งที่เราได้เห็น จึงเป็นการทำประมงผิดกฎหมาย ต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่แบบเต็มเปา... เรือเร็วโฉบเข้าไปหาเรืออวนรุน น้องแป๊ะ และ เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ฯ ได้แจ้งให้ชาววประมงเรืออวนรุนที่มีอยู่ในเรือเพียงคนเดียว หยุดปฏิบัติการอันผ่าฝืนกฎหมาย และให้เคลื่อนย้ายเรือออกไปจากพื้นที่นี้โดยเร็ว เราเห็นชาวประมงพลัดถิ่นคนนั้น หน้าเหลือสองนิ้ว และเริ่มยกอวนรุนขึ้นมาอย่างเร็วรี่...ไม่ถูกจับปรับและขังคุกนี่ก็ถือเป็นบุญแล้วนะคะ |
เรือเร็วเริ่มแล่นไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโคกขาม เป้าหมายคือ แท่นสกุณา หรือ บางทีก็เรียกว่า Pilot ซึ่งเป็นแท่นที่ตั้งอยู่กลางทะเล ห่างจากปากแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางใต้ราว 18 กม. http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_21.jpg แต่เรือแล่นฟันคลื่นตูมๆออกไป ไม่ทันจะถึงเขตบางขุนเทียนดี ก็มีเสียงตะโกนบอกมาจากหัวเรือว่า "วาฬกำลังแทงปลา...ที่ 12 นาฬิกา"...พวกเราเริ่มขยับตัว เตรียมกล้องที่เก็บไว้ในกล่องกันน้ำ บางกล้องก็ติดเสนส์กระบอกยาวๆ บางกล้องก็เป็นกล้องเล็กๆ ชนิดพกพาได้ พอเตรียมกล้องพร้อมแล้ว ต่างคนต่างก็แยกย้ายไปยืนตามมุมต่างๆของเรือ แล้วแต่ถนัดและมีที่ว่างพอ เมื่อแล่นไปใกล้จุดที่เห็นวาฬโผล่ขึ้นมา เรือก็เริ่มลดความเร็ว เสียงเรือที่ดังแสบแก้วหูพลันเเบาลง จนพอจะพูดคุยกันได้โดยไม่ต้องระโกน ไม่นานนัก วาฬตัวเขี่องก็โผล่ขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำ เรือที่โคลงเคลงไปมา ตามแรงคลื่นที่สูงราวครึ่งเมตร ทำให้ยากจะถ่ายภาพด้วยกล้องที่ติดเลนส์กระบอกยาวๆได้ วาฬไม่ได้มีตัวเดียว แต่มีถึงสองสามตัว ว่ายวนเเวียนไปมา เหมือนกำลังว่ายไล่เล่น หรือออกกำลังกายยามเข้า เสียงกล้องรั่วลั่น อย่างกับปืนกล แข่งกับเสียงของน้องตึก น้องหนึ่ง น้องขาว และน้องตอง ต่างเริ่มต้นพูดคุยกันว่าวาฬที่เห็นนั่น เป็นตัวไหน ชื่ออะไรกันแน่ โดยใช้ลักษณะของครีบหลังเป็นตัวบอก http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_05.jpg น้องตึกบอกว่า หนึ่งในวาฬสองสามตัวที่เห็นนั้น เป็น "เจ้าบันเทิง"...วาฬขี้เล่น ที่สองสายเคยพบมาแล้วแถวๆบางตะบูน http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_06.jpg |
วาฬที่เราได้เห็น เป็นวาฬพันธุ์บรูด้าล้วนๆ วาฬมารวมตัวกันไกลจากบางตะบูนที่เราเคยได้เห็น เป็นเพราะแถวนี้มีปลากะตัก ซึ่งเป็นอาหารโปรดของวาฬ มารวมตัวกันมากมาย บางวันที่คณะทำงานได้ออกสำรวจ สามารถพบวาฬสูงสุด 16-17 ตัวในวันเดียว
ว่านพ่นน้ำฟู่ๆ ได้ยินเสียงดังถนัดหู ตัวหนึ่งเฉียดเข้ามาใกล้หัวเรือ และพ่นน้ำกระเด็นเป็นฝอย เล่นเอาพวกเราที่ยืนอยู่หัวเรือเร็วหลบกันไม่ทัน พากันเปียกปอนไปทั้งคนและกล้อง ตามปกติถ้าวาฬกินอาหารเต็มท้อง เวลาพ่นน้ำใกล้ๆเราอย่างนี้ จะมีกลิ่นเหมือนปลาเน่าโชยออกมาฉุยๆ แต่นี่ไม่มีกลิ่น แสดงว่าวันนี้ วาฬยังไม่ได้กลิ่นอาหารเช้า.... http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_17.jpg วาฬอีกคู่หนึ่ง ว่ายวนเวียนไปมารอบๆเรือ เหมือนไล่จีบกัน.... http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_08.jpg เรือแล่นเข้าไปอยู่ใกล้ๆเขตบางขุนเทียน เราเห็นกนางนวลสองสามตัว บินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้า นั่นแสดงว่ามีวาฬกำลังหากินอยู่แถวๆนั้น และแล้ว...วาฬตัวหนึ่งก็โผล่หัวสูงขึ้นมางับปลากะตัก ซึ่งเราเรียกอาการนี้ของวาฬอีกอย่างหนึ่งว่า "แทงปลา" http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_09.jpg แต่ความที่น้ำตื้นเพียง 5 เมคร...วาฬตั้งตัวกินอาหารอยู่ได้เพียงแปร๊บเดียว ก็ลงไปนอนตะแคงงับปลากะตักกิน... http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_10.jpg |
น่าตื่นเต้น อยากเห็นจริงๆ สักครั้ง
|
:)...น้องติ่ง บอกตัวเองไว้จ้ะว่า...สักวัน ต้องได้เห็นน้องวาฬตัวจริงของจริง แล้วความฝันของน้องจะเป็นจริง |
กัปตันแป๊ะดับเครื่องเรือ ให้เราได้ถ่ายภาพน้องวาฬ ที่เริ่มโผล่ที่นั่นที่นี่ เราต้องแพนกล้องถ่ายภาพตามไปเรื่อยๆ....ผ่านไปพักเดียว เราก็ปวดเมื่อยแขนกันน่าดูเลยล่ะค่ะ http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_19.jpg เรือที่เอียงซ้ายเอียงขวา กระดกหน้าหระดกหลัง ด้วยเหตุเพราะคลื่นสูง...เป็นอุปสรรรคในการถ่ายภาพมากค่ะ การยืนบนเรือ และถือกล้องหนักๆให้อยู่นิ่งๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง ฉะนั้น การจะให้กล้องจับโฟกัสให้ได้นั้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยจังหวะ และโชคต้องช่วยจริงๆ http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_20.jpg คลื่นเริ่มสูงขึ้นเป็นเมตรกว่าๆ และใกล้จะเที่ยงแล้ว...ทีมงานตัดสินใจนำเรือ เข้าไปหลบคลื่นลมอยู่ข้างเรือลำใหญ่ ที่จอดนิ่งอยู่กลางทะเลที่มีความลึกเพียง 4-5 เมตร และอยู่ห่างจากปากแม่น้ำเจ้าพระยาราว 5 กิโลเมตร เพื่อพักรับประทานอาหารเที่ยงกัน อาหารคาวหวานที่เตรียมติดตัวมาลงเรือ ถูกนำมาจัดวาง ทุกคนลงมือรับประทานอาหารกันอย่างอเร็จอร่อย ยกเว้น คุณสายน้ำ ที่งัดยาดมมาจ่อจมูก รับประทานอะไรไม่ลง เพราะเกิดอาการเมาเรือ ที่จอดบังคลื่นลมอยู่ข้างเรือใหญ่แท้ๆ แต่เรือก็ยังโคลงเคลงซ้ายขวา ก่อให้เกิดอาการวิ่งเวียน ผะอืดผะอม...เวรกรรมแท้ๆ |
รับประทานอาหารกันเสร็จสรรพ...เราตั้งใจจะไปมองหาวาฬกันแถวๆแท่นสกุณา แต่คลื่นที่สูงมากกว่าเมตร ทำให้เสี่ยงเกินไปที่จะแล่นเรือตัดคลื่นไปยังแท่นสกุณาซึ่งอยู่ไกลออกไปกว่าสิบกิโลเมตร น้องแปีะ กัปตันเรือจึงตัดสินใจหันหัวเรือ กลับมาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงนี้เอง ที่เรามองเห็นภาพพาโนรามาของกรุงเทพเมืองฟ้าอมร ได้ถนัดตา... http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_18.jpg เรือย้อนกลับไปทางบ้านขุนสมุทรจีน ที่อยู่ทางทิศตะวันตำ แต่แล้วจู่ๆ เราก็เห็นวาฬตัวหนึ่งขึ้นมาแทงปลาเหนือผิวน้ำ ไม่ห่างจากชายฝั่งเมืองพระประแดง ปากแม่น้ำเจ้าพระยาเลยค่ะ... http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_25.jpg น้องวาฬขึ้นมาแทงปลาอยู่ครั้งละนานๆ แสดงว่าบริเวณนั้น น่าจะมีน้ำลึกกว่าบริเวณที่เรือลำใหญ่จอดอยู่ เมื่อเรือแล่นเข้าไปใกล้ เครื่องวัดความลึกบอกว่า แถวๆนั้นมีความลึกของน้ำราว 7-8 เมตร http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_22.jpg น้องตึกบอกว่าวาฬตัวนี้ชื่อว่า "เจ้าสุขใจ"...ท่าทางจะสุขใจสบายกายเต็มที่ เพราะเจ้าสุขใจแทงปลาหาอาหารเพลิดเพลินเจริญใจมากๆ ไม่สนใจเลยว่าตัวเองอยู่ใกล้ฝั่งเพียงใด น้ำทะเลแถวนั้นเป็นอย่างไร อันตรายหรือไม่ และมีใครมาแอบดูตัวเองอยู่บ้าง... http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_11.jpg |
|
น้องวาฬอ้าปากงับปลากะตักได้ครั้งละนานๆอย่างนี้ แสดงว่าเขาแข็งแรงสมบูรณ์ มีอาหารให้กินเยอะแยะมากมาย และ น้ำก็น่าต้องลึกทีเดียวค่ะ http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_26.jpg พอได้อาหารมากพอ ก็ขอกลืนกินอาหารสักหน่อยนะคะ... http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_15.jpg งั่มๆ... http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_23.jpg |
น้องสุขใจ ยังคงหากินอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนต่อไปเรื่อยๆ... http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_24.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_27.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_28.jpg |
น้องวาฬเริ่มว่ายหากินไปทางบ้านขุนสมุทรจีน เราก็แล่นเรือตามน้องวาฬไปเรื่อยๆ http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_32.jpg และ นกนางนวล ก็ยังตามน้องวาฬไปเรื่อยๆเช่นกัน... http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_33.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_34.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_35.jpg |
นกนางนวลกับวาฬบรูด้าในอ่าวไทย ดูจะเป็นของคู่กันนะคะ...บางตัวกล้าหาญชาญชัย ขนาดบินเข้าไปขโมยปลากะตักในปากวาฬ.. http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_37.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_38.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_39.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...e_Jul55_40.jpg |
ได้เห็นวาฬบรูด้าและนกนางนวลอยู่ด้วยกันอย่างนี้...ทำให้สายชลคิดถึงลูกวาฬบรูด้านาม "อีเด็นน้อย" และนกนางนวลแกลบ ที่ชื่อ "เจ้าว่อน" ในหนังสือนิทานเรื่อง "อีเด็นน้อยกับทะเลแห่งความสุข" ของกรมทรัพยกรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เขียนเนื้อเรื่องโดย น้องตึก (ดร.กาญจนา อดุลยานุโกศล) และน้องหนึ่ง (นายสุรศักดิ์ ทองสุกดี) วาดภาพโดย นางสาวนันทพร อัฉริยะศิลป์ หนังสือการ์ตูนเล่มนี้ เป็นสื่อให้เด็ก ๆ และเยาวชนได้ตระหนักถึงธรรมชาติ อันงดงามของท้องทะเลไทย ระบบนิเวศทางทะเลที่มีความเชื่อมโยงกันระหว่างสิ่งแวดล้อม แหล่งอาหารสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ และคน โดยผ่านตัวดำเนินเรื่อง คือ ลูกปลาวาฬบรูด้าตัวน้อยชื่อ “อีเด็น” นกนางนวลชื่อ “เจ้าว่อน” โลมาอิรวดี ชื่อ “วันดีดี” และโลมาหลังโหนก ชื่อ “คุณตาฮัม” ที่ต้องอาศัยอยู่ในท้องทะเลที่เริ่มเสื่อมโทรมและมีอาหารน้อยลง จนต้องอพยพโยกย้ายถิ่นไปแสวงหาทะเลแห่งความสุข ที่ห่างไกลออกไป |
แต่วันนี้...เรายังได้เห็นภาพวาฬบรูด้า และนกนางนวล ซึ่งอาศัยหากินอยู่ในทะเลแถวปากแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก... ภาพที่เห็น ล้วนเป็นภาพที่งดงาม และน่าประทับใจยิ่งนัก... สองสายจึงยังเชื่อว่า....ณ.ทะเลไทยที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ แห่งนี้ ยังคงเป็น "ทะเลแห่งความสุข" ที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก วาฬบรูด้าและนกนางนวลจึงยังคงอาศัยหากินอยู่ด้วยกัน ไม่จำต้องไปแสวงหา "ทะเลแห่งความสุข" ที่ไหนอีก แต่ถ้าวันใดก็ตาม...มนุษย์และสรรพชีวิตทั้งหลายในท้องทะเลแห่งนี้ มิได้อยู่แบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีการโหมทำประมงแบบล้างผลาญ มีการทิ้งขยะ น้ำเสีย สารเคมี และสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำ ลำคลอง และท้องทะเลต่อไป และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในวันนั้น...ทะเลไทยของเราก็จะกลายเป็น "ทะเลที่ไร้สุข" และเราคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นวาฬ รวมทั้งสรรพชีวิตทั้งหลายในท้องทะเลอีกต่อไป รักทะเล...และช่วยกันรักษาทะเลไว้ให้สรรพชีวิตทั้งหลายในท้องทะเล ได้อยู่อาศัยอย่างมีความสุข และ เพื่อให้ลูกหลานของเราได้เห็นสรรพชีวิตเหล่านั้น ได้ต่อไปในอนาคตนะคะ |
เป็นภาพที่เห็นแล้วประทับใจจริงๆ ครับ ใกล้ๆ กรุงของเรานี้เอง
|
ขอขอบคุณ น้องตึก...น้องหนึ่ง...น้องขาว...น้องตอง แห่งศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน ที่ได้เชิญชวนสองสาย และขอบคุณ ทีมงานของ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 2 (มหาชัย) ที่ให้นั่งเรือเร็วไปร่วมสังเกตการณ์ และถ่ายภาพการสำรวจวาฬบรูด้าครั้งนี้ค่ะ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีโอกาส ได้ร่วมเดินทาง ไปสังเกตการณ์ร่วมกับทีมงานอีก ในอนาคตอันใกล้นี้นะคะ... |
หวังว่า โอกาสนั้น คงจะอยู่ไม่ไกลค่ะ พี่น้อย
|
น้องหมอเมธ...ภาพวาฬที่พี่สองสายได้เห็น ช่างเป็นภาพที่งดงาม และน่าประทับใจมากๆค่ะ และเรามีความสุขทุกครั้ง ที่ได้ไปเยี่ยมเยือนน้องวาฬค่ะ..:) น้องติ่ง SNR ....ขอให้น้องได้รับโอกาส ในเร็ววันนี้นะจ๊ะ ..;) |
สวยมากครับ
|
เรื่องนี้ได้นำไปลงไว้ในห้อง Blue Planet/Scuba ใน Pantip...ซึ่งขณะนี้ ได้กลายเป็น "กระทู้แนะนำ" ที่มีผู้สนใจเข้าไปชื่นชม และแสดงความคิดเห็นกันมากมาย มันน่าแปลกใจ พอๆกับน่าน้อยใจเหลือเกิน...ที่สมาชิก SOS เอง กลับไม่ค่อยจะได้เข้ามาอ่าน หรือ ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ...:( ลองไปดูกันนะคะว่าคนอื่น เขาแสดงความชื่นชมและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กันว่าอย่างไรบ้าง... http://topicstock.pantip.com/bluepla...E12381221.html |
เห็นแล้วรู้สึกถึง
ความสง่างาม และความสงบสุข เพลิดเพลินดีจัง หวังว่าจะได้มีโอกาสไปดูมั้งคะ |
สวยจัง ดูเพลิดเพลินใจจังเลย ^^ ...
|
การชมวาฬที่บ้านเรา ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดค่ะ...อย่างไรก็ตาม กัปตันเรือที่จะพาคนไปชมวาฬ ควรจะเป็นผู้มีประสบการณ์ ยิ่งนานเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น เป็นผู้มีความระมัดระวังในการบังคับเรือ ไม่นำเรือเข้าใกล้วาฬมากจนเกินไป ไม่ไล่ตามวาฬกระชั้นชิด หรือตัดหน้าวาฬ ดับเครื่องเรือเมื่อวาฬมาอยู่ใกล้ๆ และที่สำคัญ มีจิตสำนึก รักและเมตตาวาฬ ไม่เห็นการพาคนไปดูวาฬเป็นการค้า ที่จะต้องแข่งขันห่ำหั่นกัน จนทำให้เป็นอันตรายกับวาฬและผู้ที่นั่งเรือไปชมวาฬ อย่างไรก็ตาม.....เป็นการสมควรอย่างยิ่ง ที่ทางราชการจะต้องเข้ามาควบคุมดูแลการออกเรือไปชมวาฬ ให้เป็นกิจลักษณะและเข้มงวดกวดขัน โดยออกกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆขึ้นมา ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัย ทั้งตัววาฬเอง และผู้ไปชมวาฬด้วย เหมือนที่ประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลายเขาปฏิบัติกันนะคะ |
สายชลเข้าใจดีค่ะว่า เมื่อท่านใดได้เห็นภาพน้องวาฬน่ารักน่าเอ็นดูแล้ว ก็อยากจะได้เห็นตัวเป็นๆของน้องวาฬกันทั้งนั้น เพราะน่าจะตื่นเต้น ให้ความสุข ความประทับใจได้มากกว่าการได้เห็นเพียงภาพถ่ายของน้องวาฬ.. การที่เราจะไปชมวาฬกันมากๆ ในขณะที่ ยังไม่มีการจัดการเรื่องการไปชมวาฬ อย่างมีระเบียบแบบแผนที่ดี และเป็นเรื่องเป็นราวเลยนั้น จะเป็นการรบกวนวาฬมากเกินไป และอาจจะก่อให้เกิดอันตรายทั้งกับวาฬและผู้ไปชมวาฬได้ด้วย สองสายเองนั้น เราไม่เคยคิดที่จะไปดูวาฬด้วยตัวของเราเอง โดยไม่มีนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเรื่องวาฬ ไปด้วยเลยสักครั้งเดียวค่ะ ทั้งที่เราสามารถจะเช่าเรือหรือใช้เรือของเพื่อนๆ ไปดูวาฬเองได้ โดยไม่ต้องรบกวนท่านนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย... เหตุผลก็คือ เรามีความคิดว่า การได้ไปดูวาฬกับนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายนั้น ท่านจะรู้ดี และสามารถจะบอกกัปตันเรือได้ว่า ควรจะแล่นเรือติดตามเฝ้าดูวาฬอย่างไรและไปทางไหน โดยที่เรือจะไม่ไปรบกวนวาฬ และไม่เป็นอันตรายกับวาฬ นอกจากนี้ เรายังจะได้เห็นวิธีการทำงาน แนวความคิด และความรู้มากมายเกี่ยวกับวาฬ จากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น ทำให้การชมวาฬของเรา มีอรรถรส สนุกและประทับใจขึ้นมาอีกมากมายค่ะ. |
|
ในการลงเรื่องนี้....สายชลตั้งใจจะเล่าถึงวิธีการทำงานของผู้เชี่ยวชาญด้านวาฬ ที่ต้องใช้ความรู้ ความชำนาญ และ ความอดทนอย่างมาก โดยได้สอดแทรกความน่ารักน่าเอ็นดูของวาฬ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านมีความสุข และความประทับใจในตัววาฬ จนเกิดเป็นความรักความหวงแหน อยากจะทำให้วาฬได้อยู่หากินในน่านน้ำของไทยไปนานๆ หากอ่านและชมภาพแล้ว เกิดอยากจะไปชมวาฬขึ้นมา สายชลได้บอกวิธีการชมวาฬที่ถูกวิธีไว้ให้ด้วย อีกทั้งยังให้ข้อคิดแก่ผู้จะไปชมวาฬ ในสถานการณ์ที่ไม่พร้อมเช่นในขณะนี้นั้น จะส่งผลเสียเช่นไรกับวาฬและตัวผู้ไปชมวาฬไว้ด้วย หากผู้อ่านเข้าใจลึกซึ้งถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของสายชล ในการนำเรื่องนี้มาลง ก็พอจะอุ่นใจได้ว่า ผู้ที่รักและคิดจะช่วยกันดูแลรักษาวาฬให้อยู่คู่ทะเลไทยของเรา และทำให้ทะเลไทยสวยงาม และคงความอุดมสมบูรณ์ไว้เพื่อลูกหลานเราในอนาคต ก็จะมีเพิ่มมากขึ้น แต่ในทางตรงข้าม...ถ้าผู้อ่านไม่รู้ไม่เข้าใจ หรือทำเป็นไม่รู้ไม่เข้าใจในเจตนาของสายชล ผลที่ตามมา ก็อาจจะทำให้เกิดการแห่ไปรบกวนวาฬ และสร้างพิษภัยให้กับวาฬ อันจะส่งผลให้วาฬหนีไปจากทะเลไทยได้ไม่ยากเลย เมื่อมาบวกลบคูณหาร ถึงผลดีและผลเสียที่จะเกิดขึ้นแล้ว...สายชลเลือกที่จะลงเรื่องนี้ ในเวบไชท์ www.SaveOurSea.net (SOS) และ ในห้อง Blue Planet ของ Pantip ซึ่งสายชลคุ้นเคยมานาน และจากการลองลงเรื่องการไปสำรวจวาฬของทางการ ที่บางตะบูนเมื่อปีที่แล้ว ผลที่ตามมา ก็เป็นไปในทางบวก คือ มีผู้เข้ามาอ่านกระทู้พากันชื่นชม ในความน่ารักของน้องวาฬบรูด้ากันมากมาย แต่การออกเรือไปชมวาฬบรูด้าแถวบางตะบูน ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นกว่าปกติ ที่เคยเป็นมาเมื่อสองสามปีก่อนหน้านั้น (ที่มีการลงข่าวการพบวาฬ ทั้งทางหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ทีวี และเวบไซท์ต่างๆ จนผู้คนแตกตื่น ยกขบวนไปชมวาฬกัน ตั้งแต่เขตเพชรบุรีไปจนถึงชุมพร) นั่นแสดงว่า ผู้อ่านของทั้งสองเวบไซท์นี้ มีความรู้ความเข้าใจ และ เป็นผู้มีจิตสำนึก ในการอนุรักษ์ และเห็นในเจตนารมณ์ของสายชลที่นำเรื่องวาฬมาลงได้เป็นอย่างดี และในปีนี้...สายชลก็เชื่อว่า การนำเรื่องการไปชมวาฬหรือสำรวจวาฬของทางการมาลงอีกครั้ง ก็น่าจะให้ผลในทางงบวกเช่นเดียวกันกับเมื่อปีที่แล้ว แม้เรื่องออกจะเป็นที่น่าสนใจมากกว่า เพราะบังเอิญเราไปพบวาฬ ในบริเวณที่ใกล้กรุงเทพฯ มากกว่าเมื่อปีที่แล้ว ทั้งที่วาฬฝูงนี้ ก็หากินวนเวียนไปมาอยู่แถวอ่าวรูปตัว ก มาช้านาน แต่ไม่ค่อยมีใครนำเรื่องการพบเห็นวาฬในบริเวณนี้มาลงเท่านั้นเอง... |
ขอให้เจตนาของพี่น้อย พี่จ๋อม สำหรับการลงเรื่องราว ในทุกเวป ประสบความสำเร็จ และ มีผู้ติดตามไปเรื่อยๆ ค่ะ
สังเกตว่า ทีวี หลายช่อง เริ่มเข้ามามีส่วนในการสนับสนุน และ สร้างสรรค์สื่อที่เกี่ยวกับอนุรักาษ์ใต้น้ำมากขึ้นนะคะ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี และได้สาระพอควร สอนเด็กๆ แล้วผู้ใหญ่ก็อย่าลืมเรื่องจิตสำนึกของตัวเองด้วยนะคะ ต้องขอบพระคุณพี่น้อยพี่จ๋อมมากๆ ค่ะ ที่เป็นแรงผลักดัน โดยที่ลงทุนทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งนั้น มีใครสักกี่คนที่สามารถทำแบบนี้ได้บ้างค่ะ นับว่า พี่น้อยพี่จ๋อม เดินตามรอยเท้าพ่อ ได้ดีทีสุดค่ะ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกน้องๆ ในเวปด้วยค่ะ ปลื้มมากๆค่ะ |
อ้างอิง:
พี่สองสายไม่ได้ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่นักหนา เราพยายามทำเท่าที่กำลังความสามารถ และโอกาสจะอำนวยให้ ถ้าขาดการสนับสนุนจากสมาชิก (ไม่ใช่เรื่องเงิน) ทุกอย่างก็จบ เดิม SOS เราเริ่มกันที่ พยายามกระตุ้นจิตสำนึกในการรักทะเลและสิ่งแวดล้อมให้กับสังคม ผ่านการนำเสนอภาพถ่ายผ่านทางหน้าเว็บเท่านั้น ต่อมา เราได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานราชการบ้าง เช่น ปล่อยหอยมือเสือ ซึ่งมาจากการที่ได้รู้จักกับแม่หอยโดยบังเอิญ โดยเฉพาะเมื่อสึนามิเข้ามาเยือนทะเลไทย เรายิ่งได้มีโอกาสทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการหลายๆหน่วยงานมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน ทำให้พวกเรา SOS และกลุ่มอื่นๆอีกหลายกลุ่มได้เข้าร่วมเครือข่ายการอนุรักษ์และรักษ์ทะเลร่วมกับหน่วยงานราชการอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่าน อจ.สุรพล สุดารา อยากเห็นมาตลอดชีวิตการทำงานของท่าน การที่ SOS ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากหน่วยงานราชการ ไม่ใช่เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างสองสายกับบุคคลากรของหน่วยราชการเท่านั้น แต่เป็นเพราะทุกกิจกรรมของเรานั้น เกิดขึ้นจากใจ จากจิตสำนึกของสมาชิก จากเงินจากกระเป๋าของสมาชิกเอง โดยไม่ต้องรบกวนงบประมาณของหน่วยราชการใดๆเลย และที่สำคัญคือ เรา Clean ทุกสิ่งที่ทำมาจากใจล้วนๆ ไม่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจใดๆเข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้เกิดขึ้นมาได้จากเม็ดเงินของ sponsor สักบาทเดียว SOS ยังยืนหยัดทำเว็บ ทำกิจกรรม อยู่ได้จนทุกวันนี้ เพราะเรารักษาหลักการนี้อย่างมั่นคง และเดินตามรอยเท้าของ "พ่อ" ตลอดมา โดยเฉพาะ "ความพอเพียง" เราไม่คิดทำอะไรให้ใหญ่เกินตัว เกินกำลังความสามารถ เราทำแบบเล็กๆ แต่ทำไปได้เรื่อยๆ งานก็ได้ เรื่องสร้างจิตสำนึกก็ได้ผลดี และอีกอย่างคือ เราทำงานกันแบบ "ปิดทองหลังพระ" ก้มหน้าก้มตาทำกันไป ไม่สนใจว่าใครจะสรรเสริญหรือไม่ ใครจะด่าว่าอย่างไร เรารู้ในใจเราเองว่าเราทำอะไรกันอยู่ เราภูมิใจอยู่ลึกๆในใจของเราเองก็พอแล้วครับ สองสายก็อายุพอสมควรแล้ว และไม่ทราบว่าสังขารจะอำนวยให้ทำไปได้อีกนานเท่าไร ตอนนี้ ก็เตรียมจะส่งไม้ต่อให้กับน้องๆรับกันต่อไปแล้ว เตรียมตัวรับกันให้ดีนะครับ ..... |
น้องขอเป็นอีกแรงที่พอจะรับช่วงไม้ ต่อจากพี่น้อย พี่จ่อม ได้ เท่าที่ความสามารถน้อยนิดทำได้นะคะ.. หากอยู่เมืองไทย คงทำได้มากกว่านี้ค่ะ
ตอนนี้ หน้าที่ความรับผิดชอบ ไม่อำนวยเลยค่ะ ท่าทางจะยาว ไม่รู้กำหนดกลับเลยค่ะ ถามนาย นายบอกว่า จะไปไหน อยู่ช่วยกันก่อน (น้องอยากจะบอกนานว่า เหนื่อยโว้ยยยยยยยยยย...ค่ะ) คริคริ |
5555...ตะโกนบอกนายดังๆไปเลยค่ะ น้องติ่ง ไม่อย่างนั้นหนูก็ต้องกัดฟันและทำตัวเป็น "ศรีนวลเร....ทนได้" ต่อไปจ้ะ |
............
................... ทนแล้ว รวยทรัพย์สิน เพื่อเก็บไว้ตอนแก่ อาจจะต้องทนใช่ไหมค่ะพี่น้อย... เดี๋ยวตอนแก่ไป อยู่กันสองคน ไม่มีลูก อาจจะไม่มีคนเลี้ยง เพราะฉะนั้น ต้องทนไปก่อนค่ะ.... วันหลัง จะตะโกนในใจก็แล้วกันค่ะ....คริ คริ |
mmb
ผมยังไม่มีโอากาสได้ไปดูของจริง แต่จากรูป และ ข้อความบรรยาย ของพี่สองสาย ได้รับทั้งความรุ้ และได้ดูรูปสวย ๆ คมชัดมากครับ
|
ห่างกันเพียง 11 วัน สองสายก็ได้ออกไปดูวาฬอีกครั้ง ... ในครั้งนี้ ออกไปกับทีมงานข่าวของช่อง 9 อสมท. โดยมีนักวิชาการติดตามไปให้ข้อมูลด้วย อากาศไม่เป็นใจเลย ฟ้าหลัว ลมแรง คลื่นปานกลาง .... แต่ออกพ้นปากคลองไปได้ไม่ไกล น้องแป๊ะ กัปตันเรือสปีดโบ๊ตของศูนย์อนุรักษ์ฯ ก็ส่งเสียงสัญญาณให้มองตรงไปข้างหน้า วาฬบรูด้านั่นเอง ครั้งนี้ ตามอาหารมาอยู่แถวมหาชัยใกล้ๆท่าเรือ http://i835.photobucket.com/albums/z...24Jul55_01.jpg |
เมื่อเข้าไปใกล้ๆจึงพบว่า ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แต่อยู่ด้วยกัน 2 ตัวแม่ลูก http://i835.photobucket.com/albums/z...24Jul55_02.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...24Jul55_03.jpg |
น้องขาว เจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยฯ สมุทรสาคร รีบขยายรูปในกล้องเพื่อดูตำหนิของ 2 แม่ลูกวาฬที่อ้าปากกินอาหารอยู่ข้างหน้า จึงรู้ว่า เป็นวาฬที่ตามเก็บข้อมูลอยู่แล้ว คือ "แม่สาคร กับ เจ้าท่าจีน" http://i835.photobucket.com/albums/z...24Jul55_05.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...24Jul55_06.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...24Jul55_07.jpg |
ด้วยคลื่นลมที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆจนน้ำกระเซ็นสาดเข้ามาในเรือ ทำให้เราไม่ได้ตามวาฬออกไปไกลถึงบางขุนเทียนหรือปากแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเคย แต่ลอยลำคอยสังเกตวาฬอยู่แถวชายฝั่งมหาชัยนั่นเอง เก็บภาพทั้ง VDO และภาพนิ่งกันอยู่สักประมาณ 2 ชั่วโมง จึงตัดสินใจกลับเข้าฝั่ง ... http://i835.photobucket.com/albums/z...24Jul55_04.jpg |
สองสายเองไม่สามารถเก็บภาพมาได้มากนัก สภาพการณ์ไม่อำนวย เรือที่โล้คลื่นอยู่ ทั้งโยกทั้งแกว่ง แค่จะทรงตัวก็ลำบากแล้ว ไหนจะต้องแบกกล้องและเลนส์ทั้งยาวทั้งใหญ่ วุ่นวายเอาการ หลังจัดการกับเสบียงที่ติดตัวมากันที่ท่าเรือของศูนย์อนุรักษ์ฯเรียบร้อย ขบวนของเราจึงเคลื่อนย้ายไปดูโครงกระดูกวาฬบรูด้าที่ตายมาเกยฝั่งหน้า "วัดกระซ้าขาว" ที่อยู่ที่ ต.บางกระเจ้า สมุทรสาคร ห่างจากศูนย์วิจัยฯไปประมาณ 6-7 กม. ถ้าเคยสังเกตภาพที่สองสายเคยลงไปเมื่อปีที่แล้ว บางภาพที่เราถ่ายวาฬ จะมีพระอุโบสถของวัดกระซ้าขาวเป็น background อยู่ด้วย http://i835.photobucket.com/albums/z...24Jul55_13.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z..._09_070654.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...gtaboon_64.jpg |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:20 |
vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger