SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   เรื่องเล่าชาวทะเล (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=4)
-   -   Maldives: Hanifaru... The trip of Mantasssssssss (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=1104)

koy 16-08-2010 19:57

Maldives: Hanifaru... The trip of Mantasssssssss
 
1 Attachment(s)
ในที่สุด ก็ได้มาเยือนมัลดีฟส์ จุดหมายปลายทางอีกแห่งที่ตั้งใจไว้เนิ่นนานมากแล้ว พอบอกใครๆว่าจะไปมัลดีฟส์เดือนสิงหาคม หลายคนก็มองหน้าและถามว่าจะไปทำไม เสียเงินไปตากฝนเล่นเหรอ ก็ทำใจไว้แล้วว่าไปมัลดีฟส์ช่วงหน้าฝนก็ต้องเปียกแน่ แต่หลังจากได้อ่านบทความ ชื่อ The Twister of Mantas โดย Michael Aw แล้วก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องไป แล้วความหวังอันสูงสุดของการเดินทางครั้งนี้ที่จะได้ดูฝูงกระเบนราหูหลายสิบรุมกินโต๊ะแพลงตั้น จะสมหวังหรือแห้ว ไปคอยติดตามกัน.......


(ภาพจากบทความ The Twister of Mantas, by Michael Aw: http://www.scubascuba.com/edit/pdf/w...erofmantas.pdf )

koy 16-08-2010 20:04

1 Attachment(s)
เพียงสามชั่วโมงครึ่งจากกรุงเทพ เราก็มาถึงโคลัมโบ และต่อเครื่องต่อไปยังกรุงมาเล่อีกชั่วโมงครึ่ง

มัลดีฟส์สูงกว่าระดับน้ำทะเลน้อยที่สุดในโลก พูดง่ายๆว่าเป็นประเทศที่ต่ำที่สุดในโลก ด้วยความสูงเฉลี่ย 1.5 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดตามธรรมชาติ ไม่นับตึกรามบ้านช่อง สูงเพียง 2.3 เมตรจากระดับน้ำทะเล ขณะร่อนลงสู่สนามบินของกรุงมาเล่ เห็นได้ชัดว่าพื้นผิวสนามบินอยู่แทบจะเรี่ยไปกับระดับน้ำทะเล

koy 16-08-2010 20:07

1 Attachment(s)
โลกร้อน ส่งผลให้น้ำทะเลสูงขึ้น หลายฝ่ายก็เป็นห่วงกันว่าอีกไม่นาน เกาะแก่งต่างๆของมัลดีฟส์จะจมลง เมื่อสองปีก่อน ประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด นาชีดของมัลดีฟส์ประกาศว่า จะหาซื้อที่ดินผืนใหม่ๆไว้รองรับ โดยเล็งไว้ที่อินเดีย ศรีลังกาและออสเตรเลีย เงินที่จะใช้ทุ่มซื้อที่ดินหล่านี้ก็มาจากการท่องเที่ยวนั่นเอง ประธานาธิบดีนาชีดอธิบายเหตุผลว่า “จริงๆแล้วเราไม่อยากละทิ้งมัลดีฟส์ แต่เราก็ไม่อยากเป็น”ผู้ลี้ภัยจากสภาพลมฟ้าอากาศ” ที่ต้องอาศัยพักพิงตามที่อยู่ชั่วคราวไปตลอดกาล” (ข้อมูลจาก The Guardian, 10/11/2008)

koy 16-08-2010 20:08

1 Attachment(s)
ตัวเมืองมาเล่เองดูเผินๆก็ไม่ต่างจากเมืองชายทะเลทั่วไป มีตึกรามหนาแน่นกว่าเกาะอื่น แต่พื้นที่เล็กมาก แค่ 2 ตารางกิโลเมตร แต่มีคนอยู่อาศัย 1 แสนคน ในขณะที่ประชากรของมัลดีฟส์ทั้งหมดราว 3 แสนคน เราใช้เวลาเดินเที่ยวมาเล่เพียงไม่นาน

koy 16-08-2010 20:10

1 Attachment(s)
ที่สุเหร่าเก่าแก่ของเมือง ป้ายหินบนหลุมฝังศพที่นี่ ป้ายของบุรุษจะมียอดแหลมๆ ส่วนของสตรีก็จะป้านๆ ป้ายหลุมศพยังบ่งบอกอายุของผู้วายชนม์ด้วย ใครที่ตายเมื่ออายุมาก ป้ายก็จะสูงใหญ่กว่า

koy 16-08-2010 20:11

1 Attachment(s)
เด็กสาวสวมชุดฮิยาบเดินผ่านมัสยิดกลาง กลางกรุงมาเล่...
ระบบการศึกษาที่นี่ มีถึงแค่ระดับมัธยมปลาย แยกเป็นโรงเรียนชาย และโรงแรมหญิง ใครที่อยากเรียนต่อระดับสูงก็ต้องไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างศรีลังกา อินเดีย....

อิสลามคือศาสนาประจำชาติของคนที่นี่ คนมัลดีฟส์เป็นมุสลิมที่เคร่งครัด พวกเราถูกสั่งห้ามเอาหมู และเครื่องดื่มแอลกฮอลล์เข้าไป แต่เขาก็ผ่อนปรนให้มีเครื่องดื่มเหล่านี้ได้ตามรีสอร์ทและเรือสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

koy 16-08-2010 20:13

1 Attachment(s)
ประมงคืออาชีพหลักอันดับสองรองจากการท่องเที่ยว

koy 16-08-2010 20:14

1 Attachment(s)
ตลาดปลาเป็นอีกจุดสนใจหลักของกรุงมาเล่

มัลดีฟส์ส่งออกปลาทูน่า ในตลาดแห่งนี้จึงมีปลาทูน่าหลากหลายขนาด พร้อมมือชำแหละพันศพประจำการรอรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า

koy 16-08-2010 20:21

1 Attachment(s)
ลูกค้ากำลังเลือกปลา ชอบตัวไหนก็ใช้เท้าชี้บอกคนขาย เพราะจะให้นั่งลงไปเลือกกับพื้น ก็ไม่สะดวก

koy 16-08-2010 20:23

1 Attachment(s)
ใครที่ขี้เกียจเอากลับไปจัดการเองที่บ้าน ก็ส่งไปให้ให้มือชำแหละจัดการ

koy 16-08-2010 20:25

1 Attachment(s)
ไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่ควรพลาดถ้ามามัลดีฟส์ คือการนั่งเครื่องบินน้ำชมวิวจากมุมมองของนก

koy 16-08-2010 20:27

1 Attachment(s)
เครื่องจุผู้โดยสารได้สิบกว่าคน ช่วงที่เราขึ้นเครื่องคือตอนเที่ยง พอเข้าไปนั่งข้างในก็รู้สึกเหมือนอยู่ในซาวน่า

สังเกตผู้โดยสารหน้ามันเยิ้มไปด้วยเหงื่อเพราะความร้อนอบอ้าว ยังดีที่พอเครื่องทะยานขึ้น ก็ได้ลมจากข้างนอกมาบรรเทาความร้อนรุ่มให้คลายลง

koy 16-08-2010 20:28

1 Attachment(s)
นักบินหลักและนักบินผู้ช่วยประสานมือกันช่วยดันตัวควบคุมอุปกรณ์ให้เครื่องทะยานขึ้นจากผิวน้ำ

koy 16-08-2010 20:30

1 Attachment(s)
จากมุมมองของนก ทำให้เราได้เห็นมัลดีฟส์ในมุมกว้างมากขึ้น และเข้าใจลักษณะภูมิประเทศของประเทศเล็กๆแห่งนี้ได้ดีขึ้น

koy 16-08-2010 20:32

1 Attachment(s)
หมู่เกาะของมัลดีฟส์เกิดจากการทับถมของหินปะการัง ประกอบไปด้วยเกาะปะการัง 1190 เกาะซึ่งเกาะกลุ่มกันเรียกว่า Atoll แต่ละ Atoll มีลักษณะเป็นรูปวง วงแหวนบ้าง วงรีบ้าง วงรูปไข่ และวงแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง มีอยู่ทั้งหมด 26 Atoll

koy 16-08-2010 20:33

1 Attachment(s)
Water Village หะรูหะราของรีสอร์ทต่างๆในมัลดีฟส์ ถ้าอยู่ไกล ก็ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินน้ำ

koy 16-08-2010 20:35

1 Attachment(s)
กรุงมาเล่จากมุมสูง เห็นตึกรามบ้านช่องหนาแน่นกว่าเกาะอื่นๆ

koy 16-08-2010 20:37

1 Attachment(s)
นักบินใช้เท้าเปล่าช่วยบังคับขับเคลื่อนเครื่องยนต์ เท่ห์ซะ

koy 16-08-2010 20:38

1 Attachment(s)
ใช้เวลาบินราวยี่สิบนาที ก็ร่อนลง รู้สึกเสียวนิดๆ แต่ก็ไม่น่ากลัวมาก เพราะรู้ว่า ถ้ามีอะไรขึ้นมา อย่างน้อยก็ไม่โหม่งพื้นดิน แต่โหม่งน้ำแทน ผิวน้ำช่วยให้เครื่องบินชะลอความเร็วได้นิ่มนวลกว่าเบรคบนพื้นดิน

koy 16-08-2010 20:40

1 Attachment(s)
จากนั้นเราก็ไปขึ้นเรือ liveaboard ที่เราจะใช้เป็นพาหนะและที่พักพิงตลอดเจ็ดคืนแปดวันข้างหน้า Maldivian Dream ลำขนาดใหญ่ ทุกห้องนอนก็มีห้องน้ำในตัว มีระบบทำน้ำจืดจากน้ำทะเลได้ จึงไม่ต้องห่วงว่าน้ำอาบจะหมด

koy 16-08-2010 20:42

1 Attachment(s)
ที่เด็ดคือมี อ่าง jaguzzi บนดาดฟ้า

koy 16-08-2010 20:43

1 Attachment(s)
เรือที่เราโดยสารไปตลอดทริปจะมีสองลำ ลำใหญ่เป็นที่นอนหลับพักผ่อนและกินข้าว ส่วนลำเล็กเรียกว่า Dhoniไว้เป็นที่เก็บอุปกรณ์ดำน้ำทุกอย่าง พอจะออกไปดำน้ำแต่ละครั้ง ก็มาลงเรือลำนี้กัน

koy 16-08-2010 20:47

1 Attachment(s)
กล้วยสองเครือแขวนอยู่ท้ายเรือ liveaboard ทุกลำ ใครหิวก็เด็ดไปกินได้ตลอดเวลา สังเกตว่าเรือลำอื่นกล้วยจะถูกเด็ดหมดในวันท้ายๆ แต่ลำของพวกเรา เหลือบานเบอะ

koy 16-08-2010 20:49

1 Attachment(s)
อาหารการกินบนเรือ ไม่ค่อยถูกปากนักดำน้ำจากไทยนัก เพราะออกรสชาติฝรั่ง จืด ยังดีที่พวกเราพกพาบรรดาน้ำพริกและเครื่องปรุงรสมาเพียบ ..............และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้ พวกเรากระเหี้ยนกระหือรือไปตามล่าหาฝูงแมนต้าร่อนถลากินแพลงตั้น จุดหมายปลายทางเพื่อการนี้คือเกาะเล็กเล้ก เน้นว่าเล็กมากชื่อ Hanifaru ซึ่งอยู่ในหมู่ Baa Atoll ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงมาเล่ (ภาพประกอบจาก http://travel.newarchaeology.com/map...ve_islands.php)

koy 16-08-2010 21:01

1 Attachment(s)
ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือจากมาเล่ประมาณแปดชั่วโมง ที่Hanifaru มีแอ่งลากูน โดยในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายนซึ่งเป็นหน้าฝน จะเป็นช่วงเวลาที่อิทธิพลจากกระแสน้ำขึ้นน้ำลง กระแสลม กระแสคลื่น ช่วยดึงดูดให้แพลงตั้นเข้าไปกระจุกตัวกันหนาแน่นในลากูนแห่งนี้ แน่นอนเมื่อมีลาภปากเข้ามาติดกับ ไม่มีวันที่บรรดาแมนต้าหรือกระเบนราหูจะปล่อยให้ผ่านเลยไป พวกเขาแห่กันเข้ามารุมสวาปามแพลงตั้นกันอย่างเมามัน

ระหว่างนั่งเรือไปยังจุดดำน้ำ ก็มีแมนต้าโผล่เหนือผิวน้ำมาเรียกน้ำย่อย

koy 16-08-2010 21:04

1 Attachment(s)
พอถึงจุดถีบตก เอ๊ย จุดดำน้ำ ไม่มีใครอิดออด เพราะเห็นนักดำน้ำของเรือลำอื่นลอยล่องกัน บ้างก็ดำผิวน้ำดูแมนต้า พวกเรารีบถลาพุ่งลงสู่ใต้น้ำ ภาพที่เห็นข้างล่างสุดแสนจะตะลึงงัน แมนต้าหลายสิบตัวบินโฉบผ่านพวกเราไปในระยะประชิด เสียดายที่แสงแดดน้อยมาก และน้ำค่อนข้างขุ่น ภาพที่ออกมาจึงไม่สดใสเท่าที่ควร แต่ลีดเดอร์ก็บอกว่า ต้องทำใจ เพราะถ้าน้ำใส ก็แสดงว่าแพลงตั้นน้อย

koy 16-08-2010 21:06

1 Attachment(s)
ระยะห่างระหว่างเรากับแมนต้าก็เอื้อมมือสัมผัสถึง แต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะลีดเดอร์ชาวมัลดีฟส์ย้ำนักย้ำหนาว่า ดูแต่ตามืออย่าต้อง ถ้าเห็นใครสัมผัสแมนต้า ก็จะให้ขึ้นเรือทันที ด้วยเกียรติของลูกเสือ ภาพที่เห็นนี้ไม่ได้ใช้ซูมแต่อย่างใด

นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฎการณ์แมนต้ารุมกินโต๊ะแพลงตั้นว่า Cyclone Feeding ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าพิศวง ได้เห็นของจริงก็ต้องยอมรับว่ามันน่าตะลึงงันจริงๆ แมนต้าร่อนมาดูดกินแพลงตั้นกันอย่างเมามัน

Hanifaru เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อช่วงหน้าฝนปี 2552 นี่เอง ไม่นานเท่าไหร่ แต่ก็มีนักดำน้ำจากทั่วโลกแห่กันมาชมปรากฎการณ์แมนต้าบ้ากินกันเป็นจำนวนมาก ตอนที่เราลงไปก็มีนักท่องเที่ยวนับร้อย รัฐบาลมัลดีฟส์ก็ประกาศให้ที่แห่งนี้เป็นสถานที่คุ้มครองทางทะเล

koy 16-08-2010 21:10

3 Attachment(s)
หลากหลายลีลา

koy 16-08-2010 21:12

1 Attachment(s)
นับเป็นการพานพบแมนต้าอย่างใกล้ชิดและเยอะที่สุดในชีวิตของการดำน้ำ ได้เห็นลีลาอันพลิ้วไหวในการเคลื่อนตัว โฉบบินเหมือนนก ร่อนไปมาเหมือนจานบิน ช่างเป็นเพื่อนร่วมโลกที่มีท่วงท่าสวยงามซะจริงๆ

photo credit:ปิ่นใจ วรรณพฤกษ์
Attachment 8551

koy 16-08-2010 21:23

1 Attachment(s)
พอลงไปข้างล่าง ต่างคนก็ตัวใครตัวมัน คว้ากล้องถ่าย ถ่าย ถ่าย บางคนก็ว่ายน้ำตามแมนต้าอย่างใกล้ชิด มีพี่หมอหญิงจากรพ.วิชัยยุทธใส่ขาสั้นดำน้ำ โดนปีกแมนต้าเฉี่ยวเลือดออกมาซิบๆ ได้แผลเป็นเป็นที่ระลึก
Attachment 8552

koy 16-08-2010 21:26

ดูภาพนิ่งอย่างเดียวคงจะไม่ได้บรรยากาศ งั้นมาดูคลิปวิดีโอกันดีกว่า และจะเห็นตัวประหลาดที่ไม่ใช่แมนต้าพันธุ์ใหม่ปะปนอยู่ด้วย ก็เพียงเพื่อจะให้เจ้าหลานชายตัวแสบได้เห็น เพราะมันมักจะถามตอนดูคลิปวิดีโอว่า แล้วกู๋ก้อยอยู่ตรงไหน

http://www.youtube.com/watch?v=yNEr0co7Ebo


koy 16-08-2010 21:28

ส่วนคลิปนี้คือแมนต้าสองตัวขณะว่ายวนรอบ cleaning station แห่งหนึ่ง

http://www.youtube.com/watch?v=LUADv89GGj0


koy 16-08-2010 21:30

3 Attachment(s)
แค่นั้นยังไม่พอ สองวันสุดท้ายก่อนเราจะจบทริปนี้ ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลสองตัวเขื่องก็แวะเวียนมาอวดโฉมที่ Hanifaru ร่วมวงกับฝูงแมนต้ารุมกินโต๊ะแพลงตั้นกันอย่างเมามัน พวกเขาลอยอ้อยอิ่งให้นักดำน้ำได้จ้องมองอย่างใกล้ชิดทั้งจากใต้ทะเล และบนพื้นผิวน้ำ รูปทรงเหมือนเรือดำน้ำ

koy 16-08-2010 21:31

และนี่คือวิดีโอของพี่ลายจุดขนาดไม่ต่ำกว่า 7 เมตร

http://www.youtube.com/watch?v=OGomXRjxh2E


koy 16-08-2010 21:32

นักดำน้ำว่ายคลอเคลียพี่ลายจุด

http://www.youtube.com/watch?v=mIGovFFaZxY


koy 16-08-2010 21:33

ยังมีภาพและวิดีโออีกเพียบ แต่คงอัพโหลดขึ้นอินเตอร์เน็ตไม่ไหว เืผื่อใครสนใจก็จะเอาไปเปิดให้ดูที่ชุมพรนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลประกอบเรื่องจาก www.wikipedia.org

http://www.scubascuba.com/edit/pdf/w...erofmantas.pdf ที่ยั่วยวนล่อลวงให้พวกเราได้ฝันหวาน ก่อนจะไปเยือนสถานที่จริง จนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ยากจะพานพบ

Super_Srinuanray 16-08-2010 22:03

ตระการตาจริง น้องก้อย แบบว่าอิจฉามากกกกกกกก

แต่รู้ไหมว่า แมนต้ามีกี่พันธุ์ อยากรู้ก็เริ่มทำการศึกษาทันที แล้วจะมาบอกวันหลังนะ

หรือถ้าใครทราบมาบอกก็ได้นะคะ อยากทราบเร็วๆๆ

-Oo- 16-08-2010 22:34

ต่อมอิจฉาแตกดังโพละไปเรียบโร้ยยยย

Birdie 16-08-2010 22:46

นั่งอมยิ้มไปเรื่องเท้านี่แหละ.. ขืนทำที่บ้านสงสัยจะโดนแม่ตีขาหัก.. ขอบคุณพี่ก้อยที่เอามาแบ่งปันจ้า.. เด๋วตามไปดูวีดีโอแล้วจะเอามาเม้าท์ต่อ..

Super_Srinuanray 17-08-2010 00:05

2 Attachment(s)

ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/ปลากระเบนราหูน้ำเค็ม

"นกยักษ์แห่งท้องทะเล" หรือกระเบนราหู เป็นปลากระดูกอ่อนเช่นเดียวกับฉลาม เป็นกระเบนที่ ใหญ่ที่สุดในโลก อาจมีความกว้างช่วงปีก(ครีบหู) ได้ถึง 6.7 เมตร หรือ 22 ฟุต มีน้ำหนักได้ถึง 1,350 กิโลกรัม หรือ 3,000 ปอนด์ อาศัยอยู่ในน่านน้ำเขตร้อนทั่วโลก โดยเฉพาะรอบๆแนวปะการัง

โดยทั่วไปกระเบนราหูจะมีหลังสีดำและท้องสีขาว แต่อาจพบกระเบนราหูหลังสีฟ้าได้บ้าง ตาของกระเบนราหูอยู่บริเวณข้างหัว และต่างจากกระเบนทั่วไป ปากของกระเบนราหูอยู่ทางด้านหน้าของหัว มีช่องเหงือก 5 คู่ เหมือนกระเบนทั่วไป

ครีบหูพัฒนาเป็น ติ่งลักษณะคล้ายเขา หรือที่เรียกว่าครีบหัว (ลักษณะดังกล่าวทำให้กระเบนชนิดนี้มีอีกชื่อว่ากระเบนปิศาจ-Devil Ray) อยู่บริเวณด้านหน้าของหัวแบนๆ ครีบดังกล่าวเจริญขึ้นในช่วงตัวอ่อน เลื่อนมาอยู่รอบปาก ทำให้เป็นหนึ่งในสัตว์มีกระดูกสันหลังมีขากรรไกร ที่มีรยางค์พิเศษอันเป็นที่รู้จักมากที่สุดชนิดหนึ่ง (อีกชนิดคือ เต่าหก-Manouria emys) เขาที่อ่อนนุ่มมีไว้สำหรับโบกพัดเอาน้ำเข้าปาก เพื่อกินแพลงก์ตอน และเพื่อจะฮุบน้ำจำนวนมากต้องว่ายอ้าปากและพัดอาหารเข้าปากอยู่เสมอ

กระเบนราหูเคยเป็นผู้หาอาหารตามพื้นท้องทะเลมาก่อน ก่อนที่จะวิวัฒนาการมาเป็นผู้กรองกินตามทะเลเปิดในปัจจุบัน ทำให้สามารถเจริญเติบโตได้จนมีขนาดใหญ่มากกว่ากระเบนอื่นๆ

ลักษณะการกรองกินทำให้ฟันลดขนาดลงเป็นซี่เล็กๆ ส่วนใหญ่แอบอยู่ใต้ผิว คล้ายกับกระเบนทั่วไป กระเบนราหูมีหางเป็นเส้นยาว แต่หากปราศจากเงี่ยงที่ส่วนหาง และเกล็ดแหลมหุ้มลำตัวก็มีขนาดเล็กลง แทนที่ด้วยเมือกหนาหุ้มร่างกาย ส่วน spiracle มีขนาดเล็กและไม่ทำหน้าที่ น้ำทั้งหมดไหลเข้าสู่ปากแทน

เพื่อการว่ายน้ำที่ดี กระเบนราหูวิวัฒนาการรูปร่างร่างกายให้เป็นรูปเพชร และมีการพัฒนาครีบให้คล้ายปีกสำหรับโบยบินในท้องทะเล ขนาดตัวยักษ์ใหญ่และความเร็วชนิดใกล้เคียงจรวด ทำให้กระเบนราหูมีศัตรูตามธรรมชาติน้อย ศัตรูในทะเลไทยกลุ่มเดียว คือวาฬเพชรฆาตและวาฬเพชรฆาตเทียม แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่นอน

โดยปกติกระเบนราหูกินแพลงก์ตอน ตัวอ่อนปลา และสิ่งมีชีวิตเล็กๆทั่วไปโดยการกรองน้ำที่ไหลเข้าสู่ปากโดยใช้ซี่เหงือก เรียกการกรองกินแบบนี้ว่า ram-jet

ในเชิงอนุกรมวิธาน กระเบนราหูยังมีการจัดจำแนกที่ไม่ชัดเจน โดยมีกระเบนราหูถึง 3 ชนิดที่มีการจัดนำแนกไว้ ได้แก่ Manta birostris, Manta ehrenbergii และ Manta raya โดยชนิดแรกสุดมีขนาดเล็กกว่า และสองชนิดหลังนั้นอาจเป็นเพียงประชากรที่แยกตัวกันมานานแสนนาน เดิมทีแล้ว สกุลของกระเบนราหูถูกจัดอยู่ในวงศ์ Mobulidae แต่ในปัจจุบันอาจมีการจัดไว้ในวงศ์ Myliobatidae ซึ่งมีกระเบนอินทรีย์เป็นเพื่อนร่วมวงศ์

สามารถถูกพบเห็นได้บ่อยตามแนวปะการังของมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะหมู่เกาะมัลดีฟส์ หมู่เกาะสุรินทร์ รวมไปถึงหมู่เกาะสิมิลันของ ไทย โดยเฉพาะ หินแดง เกาะบอน เกาะตอรินลา และเกาะตาชัย พบได้บ่อยในทางด้านอ่าวไทยเช่นกัน เช่น หินใบ เกาะพงัน และกองหินโลซินอันห่างไกล

กระเบนราหูเป็นปลาอีกชนิดที่นักดำน้ำต้องการที่จะพบเห็นมากที่สุด ซึ่งมักจะถูกพูดถึงร่วมกับฉลามวาฬเสมอ

นอกจากนี้ กระเบนราหูเป็นปลากระเบนเพียงชนิดเดียว ที่ไม่มีเงี่ยงพิษเหมือนปลากระเบนชนิดอื่นๆ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:32

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger