![]() |
รายงานผลการปฏิบัติงานตามโครงการเก็บขยะ/ตัดอวน ที่โลซิน กันยายน 2565
รายงานผลการปฏิบัติงานตามโครงการเก็บขยะ/ตัดอวน ที่โลซิน กันยายน 2565 โดยสมาชิกอาสาสมัคร wwwSaveOurSea.net วันที่ 1- 5 กันยายน 2565 https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ในระหว่างวันที่ 1- 5 กันยายน 2565 สมาชิกอาสาสมัครชาว www.SaveOurSea.net หรือ SOS ได้วางแผนที่จะร่วมลงแรงใจ แรงกาย และแรงทรัพย์ ไปดำน้ำทำงานเก็บขยะและตัดอวนกันที่โลซิน และลอปี ที่เป็นเกาะเล็ก ๆ ในจังหวัดปัตตานี และเลยไปดำน้ำทำงานกันที่ปะการังเทียมรถถัง ตู้รถไฟ และถังขยะ ที่หน้าเมืองนราธิวาสด้วย หลังจากได้ไปทำงานที่จุดดำน้ำเหล่านี้เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา สองสายได้ออกเดินทางล่วงหน้าไปพักที่ชุมพร ในวันที่ 31 สิงหาคม และในเช้าวันศุกร์ที่ 1 กันยายน ก็ออกเดินทางต่อไปสงขลา เพียงบ่ายสามโมงกว่าๆ เราก็เดินทางถึงท่าเรือ Southern ที่ตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณท์เมืองสงขลา อากาศที่สงขลายังแจ่มใสดี แม้จะมีเมฆฝนกระจายเป็นหย่อมๆ อยู่บนท้องฟ้า ลมก็พัดเฉื่อยๆ คืนนี้เรือคงแล่นตามลมไปได้แบบสบายๆ เพราะคลื่นไม่น่าจะสูงนัก น่าจะเป็นไปตามที่สำนักพยากรณ์อากาศทั้งหลายรายงานว่า วันนี้และพรุ่งนี้ลมจะอ่อน คลื่นไม่สูง แต่ลมแะคลื่นจะไปแรงและสูงขึ้นในวันเสาร์ หรืออีกสองวันข้างหน้า |
ห้าโมงเย็น - สมาชิกอาสาสมัคร sos เริ่มทยอยเดินทางมาลงเรือวีนัสที่จอดเทียบท่ารออยู่ จนสามทุ่มกว่าๆ สมาชิกทั้งหมดรวม 25 คน ก็ลงเรือและจัดเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำให้พร้อมไว้ สำหรับการทำงานในวันรุ่งขึ้น จากนั้น น้องพัทเคาะระฆังเรียกระดมพลที่บริเวณที่พักรับประทานอาหาร เพื่อให้สมาชิกได้ฟังน้องติ๊ก หัวหน้าไดฟ์ลีดเดอร์ของเรา ได้กล่าวเปิดโครงการ แนะนำตัวเองและลีดเดอร์ แล้วให้สมาชิกแนะนำตัวเอง พร้อมกับการแบ่งกลุ่มดำน้ำ และได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรือ และความปลอดภัยในการใช้ชีวิตยู่บนเรือ ในขณะที่เรือเริ่มแล่นออกจากท่าเรือ มุ่งหน้าสู่กลางอ่าวไทย มุ่งตรงไปยังจุดดำน้ำทำงานแรก คือโลซิน เกาะเล็กๆ กลางอ่าวไทยที่ติดชายแดนมาเลเซียทางด้านใต้ ส่วนทางด้านตะวันออกไกลออกไปหน่อย คือเขตแดนของเวียตนาม ทะเลที่ราบเรียบทำให้การบรี๊ฟครั้งแรกในคืนนั้น ผ่านไปอย่างราบรื่น หลังจากนั้น ทุกคนก็เข้าห้องพัก ชำระล้างร่างกาย และนอนหลับกันสนิทไปตลอดทั้งคืน |
เช้าวันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 สองสายตื่นกันตั้งแต่ตีสี่ตามความเคยชินเมื่ออยู่ที่บ้าน ทะเลยังราบเรียบอยู่ แต่พอพระอาทิตย์เริ่มทอแสงที่ขอบฟ้าด้านตะวันออก เราก็เห็นเมฆดำทะมึนเต็มฟ้า แต่ลมไม่แรง และคลื่นไม่สูงนัก เจ็ดโมงเช้า - น้องพัทเดินถือกระดิ่งรัวไปตามหน้าห้องต่างๆ ทั้งสามชั้นของเรือ ใครที่ยังไม่ยอมตื่นก็ต้องเป็นคนหูตึงแน่ๆ สมาชิกรุ่นใหญ่ที่ตื่นและทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ก็ขึ้นไปรวมที่โต๊ะอาหารชั้นบนเพื่อหากาแฟ ขนมปัง และผลไม้ทานรองท้อง ปล่อยให้เด็กหญิงบุ้งกี๋ ลูกสาววัยเกือบ 9 ขวบของน้องปี๊บและน้องย้ง นอนเล่นต่อไปในห้อง แปดโมงเช้า - น้องพัทรัวกระดิ่งอีกครั้งเพื่อระดมพลที่โต๊ะอาหาร เมื่อสมาชิกมาอยู่กันพร้อมแล้ว น้องติ๊กเริ่มทักทายทุกคน ต่อด้วยการบรี๊ฟเกี่ยวกับวิธีดำน้ำและทำงานอย่างปลอดภัยตามสไตล์ชาว sos ต่อด้วยการบอกเล่าถึงวิธีการตัดอวน และการนำอวนขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างถูกวิธี รวมถึงการแยกขยะที่นำขึ้นมาบนเรือ ก่อนจะเก็บใส่ถุงดำ ประเมินน้ำหนัก และส่งให้เด็กเรือเก็บ โดยระหว่างนั้นมีน้องพัทเป็นผู้ช่วยคอยเสริมและเพิ่มเติมข้อมูล |
ฟังบรี๊ฟไม่ทันเสร็จ เรือวีนัสที่มีลมส่งท้ายก็เดินทางถึงโลซินเร็วกว่าที่คาดไว้ กระโจมไฟที่ตั้งอยู่บนกองหินที่โผล่พ้นน้ำเพียงเล็กน้อย เป็นสัญลักษณ์ที่เห็นเด่นเป็นสง่าแต่ไกล เคียงคู่อยู่กับเรือที่ใช้ดำน้ำอีก 4 ลำ ที่เดินทางออกจากฝั่งมาก่อนเรือวีนัส
หลังหายตื่นเต้นกับโลซินแล้ว สายชลเริ่มพูดเกี่ยวกับกฎระเบียบของการอยู่ร่วมกันอย่างสุขใจในระหว่างออกมาทำงานของชาว SOS ซึ่งประกอบด้วย 5 NOs คือ No Logo / No Ego / No Decom / No Alcohol / No Gambling (ถ้าช่วงการเมืองรุนแรง ก็ต้อง No Political ด้วย) จากนั้น น้องติ๊กก็ปิดท้ายด้วยการบรี๊ฟเรื่องจุดดำน้ำของโลซินในภาพรวม และเน้นจุดดำน้ำไดฟ์แรก ที่เราจะลงดำน้ำทางด้านตะวันตกของกองหินกระโจมไฟ แล้วไหลตามน้ำไปทางด้านเหนือ เพื่อสำรวจ เก็บขยะ/ตัดอวน และนำพวงมาลัยไปไหว้พี่ไมโล สมาชิกอาวุโสของ SOS ที่รักโลซินมาก และเมื่อท่านจากพวกเราไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เราได้ขอนำอังคารของท่านบางส่วนมาโปรยไว้ทางด้านเหนือของกองหินกระโจมไฟ |
กองหินกระโจมไฟด้านตะวันตก และ ด้านเหนือ ได้เวลาลงดำน้ำแล้วค่ะ ไดฟ์แรกของทริปนี้ เราให้เรือไปส่งที่บรเวณใกล้ๆ กับกระโจมไฟด้านตะวันตกตามแผนการดำน้ำที่วางไว้ ก่อนกระโดดลงดำน้ำ เราสัมผัสกับลมที่เริ่มแรงขึ้น ผิวน้ำทะเลเริ่มเป็นริ้วๆ คลื่นหัวแตกเริ่มก่อตัวขึ้น ชักจะไม่ค่อยดีแล้วล่ะค่ะ ถ้าลมยังไม่ลด ตอนจะขึ้นเรือเห็นทีจะลำบากเป็นแน่ เมื่อกระโดดลงน้ำ เรามองลงไปเห็นความใสของน้ำที่มองได้ไกลกว่า 20 เมตร แล้วดีใจ น้ำก็ไหลเอื่อยๆ จากใต้ไปเหนือ ไม่เหมือนตอนมาดำน้ำที่นี่เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่น้ำทั้งขุ่นทั้งแรง แต่พอลงไปถึงพื้น น้ำตาก็ซึมออกมา เมื่อเห็นดงปะการังที่เคยสวยงามและสมบูรณ์ กลับแหลกราญเกือบหมดตั้งแต่เมื่อปี 2562 จนบัดนี้ยังไม่ฟื้นคืนดี แถมยังมีเศษสายเบ็ดและเศษเชือกเส้นยาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 มิลลิเมตร พันอยู่ตามกอปะการังเล็กๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ในบริเวณนี้ |
บริเวณข้างยอดหินกระโจมไฟด้านตะวันตกนี้ เป็นจุดที่เราชอบมาก เพราะเป็นจุดที่เคยมีซากกระโจมไฟล้มลงมาอยู่ที่พื้นใต้ท้องทะเล ความลึกเพียง 12 เมตร ไม่นานก็กลายเป็นที่ให้ตัวอ่อนปะการังกะหล่ำปลีลงมาเกาะ ที่ละเล็กทีละน้อย จนผ่านไปสิบปี เราก็ได้ปะการังเทียมที่สวยงามและสมบูรณ์มากมาชื่นชม ลองชมภาพของปะการังเทียมกระโจมไฟ ที่สองสายได้ถ่ายไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2560 ดูนะคะว่างดงามเพียงใด |
ชมภาพปะการังเทียมกระโจมไฟที่งดงามมาแล้ว
ลองเปรียบเทียบกับที่เราได้เห็นในวันนี้ดูนะคะว่าแตกต่างกันเพียงใด |
ตรงจุดหนึ่งที่เคยมีปะการังกะหล่ำเกาะคิดอยู่บนโครงเหล็กสี่เหลี่ยมเล็กๆ บัดนี้ ก็มีแผงเครื่องมือที่นักวิทยาศาสตร์นำมาใช้เก็บข้อมูลใต้น้ำ มาวางให้ดูต่างหน้าปะการัง สายชลม้วนเก็บสายเอ็นเบ็ดและเชือกไป เศร้าใจจนน้ำตาซึม |
เราผ่านซากปะการังเทียมกระโจมไฟและอดีตทุ่งเขากวางที่แหลกราญ ตีฟินออกไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือที่ลึกลงไปถึงระดับ 20 เมตร ทุ่งปะการังที่งดงามและสมบูรณ์กลับมาให้เห็นอีกครั้ง มองไม่เห็นฝูงปลากะมงที่เคยจับคู่หากินอยู่ในบริเวณนี้ มีแต่ฝูงปลาสลิดหินตัวดำๆ เล็กๆ ที่ว่ายขึ้นว่ายลงอยู่แถวยอดกิ่งปะการังเขากวาง |
ยิ้มได้หน่อยที่ได้เห็นดงปะการังและฟองน้ำขึ้นประชันความงามกัน |
อ้าว! แนวปะการังโดนฤทธิ์เดชของอะไรเข้าอีกแล้ว ฝีมือธรรมชาติหรือมนุษย์กันคะ? กิ่งปะการังเขากวางหักกระจาย เราต้องจับกิ่งที่ดูเหมือนหักได้ไม่นาน มาปักและตั้งให้รับแสง ระหว่างก้มๆ เงยๆ ปลูกปะการังอยู่นั้น น้องปลาหมอทะเลตัวเขื่อง ว่ายออกจากโพรงใต้ปะการังโขด แล้วมาจ้องมองดูเราอย่างสนอกสนใจและไม่กลัวเกรง ไม่แน่ใจว่านิสัยน้องปลาเป็นมิตรมากกว่าปกติ หรือว่าน้องปลาตาไม่ดี หรือสมองได้รับความกระทบกระเทือน จนไม่รู้ว่าที่เห็นนั้นมนุษย์หรือว่าปลาพะยูนกันแน่ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
กระเสน้ำพาเราไหลเรื่อยๆ ไปทางทิศเหนือ ใต้ทะเลช่วงนี้สะอาดสะอ้าน ไม่มีงานให้ทำ เราจึงได้ชื่นชมความงามของใต้ทะเลโลซินอย่างสบายใจ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ลอยตัวไปเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงจุดที่เราจะต้องไปไหว้พี่ไมโล จู่ๆ กระแสน้ำก็พัดอู้ๆ อย่างแรง จนเราว่ายต่อไปข้างหน้าไม่ไหว จึงตัดสินใจไหว้พี่ไมโลด้วยพวงมาลัยดอกมะลิ ดอกรัก และดาวเรือง ที่น้องจอม แม่ครัวเรือวีนัสจัดเตรียมไว้ให้ แล้วใช้เศษซากปะการังวางทับไว้จนมิด เพื่อไม่ให้ลอยไปให้เป็นอันตรายกับปลาหรือสัตว์ทะเลอื่นๆ ที่อาจจะมากัดกินเชือกพลาสติกที่ร้อยพวงมาลัย น่าแปลกที่จุดที่เราไหว้พี่ไมโล อยู่ใกล้ ๆ กับเชือกปากอวนยัดไส้เหล็กสลิง ยาวหลายสิบเมตร มีขนาดใหญ่เท่าข้อมือ และมีตุ้มเหล็กขนาด 5 กก. ถ่วงไว้เป็นระยะๆ ที่เคยทำความเสียหายให้กับแนวปะการังบริเวณนี้จนราบเรียบเป็นบริเวณกว้าง เราเคยพาพี่ไมโลมาดูเชือกปากอวนเส้นนี้ ที่ทำให้พี่ไมโลถึงกับอึ้งกับพลังทำลายล้างแนวปะการังจนเสียหายยับเยิน พี่ไมโลถามเราว่าจะนำเชือกเส้นนี้ขึ้นสู่ผิวน้ำไหม เราต้องห้ามไว้ เพราะมันหนักเกินกำลังที่เราจะนำขึ้นสู่ผิวน้ำ และนำไปเก็บบนเรือได้ เชือกปากอวนยังคงอยู่ที่เดิม แต่น่าดีใจที่เริ่มมีปะการังแข็งนานาชนิดเติบโตปกคลุมเส้นเชือกไปบางส่วนแล้ว ลดอุจาดทัศน์ที่ไม่น่าดูไปได้มากโข https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ใกล้หมดเวลาดำน้ำสำหรับไดฟ์แรกแล้ว เราเปลี่ยนระดับความลึกไปที่ตื้นขึ้น ปะการังด้านตะวันตกเฉียงเหนือของกองหินกระโจมไฟ ในช่วงความลึก 10-15 เมตร ยังสวยงามและสมบูรณ์อยู่มาก ไม่เหมือนช่วงน้ำที่ลึกกว่านั้น ที่มีร่องรอยการถูกทำลายอย่างชัดเจน ระหว่างเราพักทำ Safety Stop แล้วเงยขึ้นไปที่ผิวน้ำนั้น ก็เห็นคลื่นสูงและปั่นป่วนที่ผิวน้ำ ถ้าคลื่นสูงอย่างนี้ เราคงจะขึ้นเรือลำบากแน่ๆ จริงดังคาดค่ะ กว่าเราจะขึ้นเรือได้ ก็ทุลักทุเลและเหนื่อยกันมากๆ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
โลซินกองจม
รายงานอากาศของแต่ละสำนัก ที่แจ้งว่าคลื่นลมจะพัดผ่านแถวอ่าวไทยตอนใต้ ในวันเสาร์ที่ 3 กันยายน นั้น เห็นท่าว่าจะไม่แม่นยำเสียแล้ว เพราะลมเริ่มเข้าตั้งแต่เช้าวันศุกร์ คลื่นก็ดูจะสูงกว่าจะเป็นคลื่นจากแรงลม เราจึงวางแผนกันว่า ถ้คลื่นยังมีแนวโน้มจะสูงขึ้นแล้ว หลังการลงดำน้ำไดฟ์ที่สองที่กองจมแล้ว เราจะให้น้องนี ผู้จัดการเรือวีนัส สั่งกัปตันใหนำเรือเข้าไปจอดหน้าเมืองนราธิวาสทันทีที่ทุกคนขึ้นจากน้ำแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการขึ้นลงเรือ เที่ยงเศษ เรากระโดดลงน้ำ เหนือกองจมที่กัปตันทำหมายไว้แล้ว ทัศนวิสัยใต้น้ำที่กองจมน้อยกว่าที่กองหินกระโจมไฟ เข้าใจว่า น่าจะเป็นตะกอนจากซากปะการังที่ตายและเริ่มย่อยสลายกลายเป็นทราย ลอยขึ้นมาตามกระแสน้ำที่พัดมาจากกองหินกระโจมไฟ แต่แนวปะการังที่นี่ยังคงสวยงามและสมบูรณ์อยู่เช่นเคย https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ปะการังอ่อนยังมีให้เห็นได้ที่โลซิน แต่สีหวานๆอย่างสีม่วง สีส้ม หรือสีโอลด์โรส (Old Rose) นั้น ไม่ค่อยจะเห็นแล้ว มีแต่สีแดงหรือสีชมพูให้เห็นเท่านั้น ปะการังโต๊ะใหญ่ๆ สีเขียวเข้ม สลับสีเขียวอ่อน ตัดกับฟองน้ำครกสีแดงอมชมพู ยังมีให้เห็นได้ทั่วไป https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังที่โลซินกองจมอยู่ในอัตราเกือบเต็มร้อย เมื่อเทียบกับช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่พูดถึงปริมาณปลาต้องเรียกว่า ?ติดลบ? ไม่ว่าจะเป็นฝูงปลา หรือปลาที่อยู่โดดเดี่ยว หรือว่ายเป็นคู่ๆ ฝูงปลากลางน้ำ ก็เหลือเพียงปลาค้างคาวไม่กี่ตัว ปลากะพงเหลืองฝูงเล็กๆ ก็ไปหลบอยู่ใต้กอปะการังโต๊ะ ฝูงปลาสากยักษ์ และปลากะมง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ปลาใหญ่ๆ ที่เคยพบเป็นประจำ ทั้งฉลามวาฬ โรนัน โรนิน แมนตาเรย์ หรือแม้แต่นกแก้วหัวโหนก หรือ กระเบนนก ซึ่งมักพบเป็นประจำ ไปคราวนี้ก็ไม่ได้เห็นเลยสักตัว ที่น่าขำคือ ปลาหมอทะเลที่ได้เห็นสองตัว ท่าทางเซื่องๆ ซึมๆ เชื่องช้า มึนงง และดูเหงาๆ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ดีหน่อยที่ดาวมงกุฏหนามลดน้อยลงไปมาก เมื่อเทียบกับที่ผ่านๆ มา ปะการังซีดขาวจากดาวมงกุฏหนามจึงไม่มีน้อยมาก และปะการังฟอกขาวจากอุณหภูมิน้ำที่ร้อนขึ้นก็ไม่มีเลยสักกอ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
กระแสน้ำก็แรง งานก็ไม่ค่อยจะมีให้ทำ ปลาก็ไม่มีให้ดู พวกเราเลยลอยไปก็ลอยมาอยู่ใต้น้ำกันจนเบื่อ พอขึ้นมาบนผิวน้ำก็เจอคลื่นลูกโตๆ ขึ้นเรือก็ลำบาก เลยตัดสินใจได้ไม่ยาก ขอลาจากโลซิน ไปหางานทำแถวปะการังเทียมที่นราธิวาสดีกว่า? https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
1 Attachment(s)
ก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า เรือวีนัสแล่นโต้คลื่นจากโลซิน มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉัยงใต้ เป้าหมายคือ หน้าชายหาดเมืองนราธิวาส |
เช้าวันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2565 ณ. กลางทะเลหน้าเมืองนราธิวาส ช่วงตะวันขึ้น ท้องฟ้ายังมีเมฆเกลื่อน แต่คลื่นลมสงบ ทะเลเรียบ พอแปดโมงเช้า ถึงเวลาบรี๊ฟก่อนจะลงดำน้ำทำงานเป็นไดฟ์ที่สามของทริปนี้ แสงแดดก็แผดจ้า พวกเราก็เริงร่า พร้อมจะกระโดดดำน้ำทำงานกันแล้ว แต่เรือยังวนหาจุดที่ปะการังเทียมรถถังไม่เจอ กว่าเรือจะหาจุดดำน้ำเจอ เวลาก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ปะการังเทียมรถถัง
เมื่อเรือแล่นวนจนเจอหมายดำน้ำ ที่จอดใต้น้ำของรถถังทั้ง 25 คัน แล้ว เราก็โล่งอก และกระโดดลงตามสายทุ่นที่ถูกโยนลงไป วันนี้น้ำทะเลเป็นสีฟ้าครามใสแจ๋วแถมไร้ตะกอน ผิดธรรมชาติของบริเวณนี้ที่มักจะเจอแต่น้ำขุ่นๆ หรือไม่ก็ตะกอนลอยฟ่อง หรือไม่ก็ทั้งขุ่นที้งตะกอนรวามดันเหมือนน้ำก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ถ้าใสๆ ไร้ตะกอนอย่างนี้ เราน่าจะเห็นรถถังที่อยู่ที่ความลึกราว 21 เมตร ได้ลางๆ ตั้งแต่กระโดดลงน้ำไปแล้ว แต่ลงไปจนถึงพื้นทรายที่ทัศนวิสัยลดลงเหลือเพียง 10 เมตร ก็มองไม่เห็นรถถังสักคัน สนุกละสิคะ เราเจอน้องๆ กลุ่มอื่น ที่ก็หารถถังยังไม่เจอเช่นกัน แต่มีวานเก็บเชือกกองโตให้ทำ เพลิดเพลินกันอยู่ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
น้องๆ 3-4 คน ยังวุ่นอยู่กับเชือกกองนั้นกันอยู่ สายชลตัดสินใจว่ายแบบสุ่ม ๆ ไปทางด้านตะวันออก โชคดีที่ไปเจอรถถังเข้าคันหนึ่ง แถมมีเศษอวนและเชือกให้ตัดเก็บด้วย ที่นี้ก็สนุกสิคะ ก่อนลงมือตัดอวน ไม่ลืมที่จะเคาะถังเรียกน้องๆ คนอื่น เพื่อแจ้งว่าเจอรถถังแล้ว 5555 https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
พอเก็บกวาดตัดอวนบนรถถังคันแรกเสร็จ เราจะว่ายไปรถถังคันต่อไป อ้าวววว?เชือกที่โยงรถถังจากคันหนึ่งไปยังอีกคันหนึ่งจนครบ 25 คันนั้น มาคราวนี้เชือกหายไปหมด คงจะมีมือดีมาตัดทิ้งซะเกลี้ยง แล้วเอาไปกองไว้ที่พื้นทราย อย่างที่เราได้เห็นตอนลงมาถึงแน่ๆ คราวนี้ก็เลยต้องเดาสุ่มอีก ว่ารถถังคันใกล้ๆ จะอยู่ตรงไหน ดีว่าพอจะเห็นตะคุ่ม ๆ ว่ามีอยู่ข้างหน้าหนึ่งคัน พอไปถึง รถถังคันนี้มีเชือกพันอยู่รุงรัง คาดว่าจะเป็นเชือกผูกลอบอันโตที่มีปลาอยู่เต็ม ทั้งปลาเป็นปลาตาย ซึ่งแสดงว่าเป็นลอบเก่าที่เจ้าของคงหาไม่เจอเพราะทุ่นที่ผูกเชือกลอบขาดแล้วตกมาพันรถถังจนรกรุงรัง https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ได้เชือกมาหนึ่งขยุ้ม มีน้องๆมารับไปใส่ถุงตาข่ายใส่ขยะให้ ไม่ต้องถือเอง เบาตัวเบาใจได้เมื่อทำงานกีบน้องๆ ที่รู้งาน เข้ามือเข้าขากันดี เราว่ายหางานกันต่อไป คราวนี้ไปเจอถุงปุ๋ยใส่ทรายหนักอึ้ง ถูกทิ้งลงบนรถถัง ถ้าไม่ใช่เหล็กแท้ที่แข็งแรง รถก็คงยุบไปแล้ว กรณีนี้ เราต้องตัดถุงให้ขาด แล้วเททรายออก จากนั้นก็เก็บถุง เพื่อนำขึ้นไปเก็บรวบรวมไว้บนเรือ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
นอกจากถุงปุ๋ยใส่ทรายแล้ว รถถังคันนี้ยังมีทั้งอวนทั้งเชือกให้เก็บอีก มีน้องๆ มาช่วยกันลงแขกทำงาน เพียงครู่เดียวก็สะอาดเรายบร้อย https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ที่ตั้งรถถังปะการังเทียมนั้น เป็นพื้นทรายราบเรียบ ที่มีความลึกเฉลี่ย 21 เมตร จึงเป็นข้อจำกัดที่ทำให้เราดำน้ำทำงานกันได้ราว 25 นาที ก็ต้องเตรียมขึ้นสู่ผิวน้ำกันแล้ว รถถังทั้ง 25 คัน และรถแบ็คโฮที่ถูกนำมาจมอยู่นั้น ผ่านไปหลายปี สภาพยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก เพียงแต่ตามตัวถังรถ จะมีสัตว์เกาะติดประเภทหอย และเพรียงเกาะอยู่เต็ม เรายังไม่เห็นสัตว์ประเภทปะการังหรือกัลปังหามาเกาะอาศัย ที่นี่เคยมีปลาเศรษฐกิจประเภทปลากะมง และปลากะพงมาอาศัยอยู่มาก แต่ครั้งนี้ แทบไม่เห็นเลย แม้แต่ปลาสลิดหินที่เคยมีอยู่มากมาย ก็มีให้เห็นน้อยกว่าเคย เราจบการดำน้ำไดฟ์นี้ ที่รถถังคันพิเศษ ที่หงายท้องล้อชี้ฟ้าท้าดินอยู่ใต้ทะเล ซึ่งเห็นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
เราขึ้นมาบนเรือ มีน้องๆ จัดการคัดแยกขยะ ก่อนจัดใส่ถุงดำและชั่งขยะแต่ละแระเภท เสร็จแล้วถึงแยกย้ายกันไปล้างเนื้อตัว ก่อนจะขึ้นไปทานอาหารเช้ากัน อาหารยังไม่ทันเรียงแถวดี น้องติ๊กก็เชิญน้องหมออุทัยขึ้นบรรยายให้ความรู้กับพวกเรา ว่าด้วยเรื่องยาที่ช่วยในการเคลียร์หู ทำให้คนที่มีปัญหาเคลียร์หูยากระหว่างการดำน้ำ หมดปัญหาลงไปได้ ขอบคุณน้องหมออุทัยสำหรับความรู้ที่เป็นประโยชน์ แทนสมาชิกทุกคนด้วยค่ะ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ฟังบรรยายของหมูอุทัยเสร็จได้ไม่นานนัก ก็ถึงเวลาลงดำน้ำไดฟ์ที่ 4 ของทริป ที่เราตั้งใจจะลงดำน้ำทำงานกันที่ปะการังเทียมตู้รถไฟ ที่มีเศษอวนมากมายให้เราเก็บเสมอ กัปตันขับเรือวนหาตู้รถไฟที่อยู่ใต้น้ำ วนอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง แล้วกัปตันก็ให้เด็กเรือโยนทุ่นลงแล้วให้เรากระโดดลงไป เหมือนเคย เราลงไปแล้วก็มองไม่เห็นตู้รถไฟ ดำน้ำวนหาสักพัก ก็มองเห็นกระกอกปืนใหญ่ เกิดความสงสัยทำไมตู้รถไฟถึงมีปืนใหญ่ เข้าไปดูใกล้ๆ จึงได้รู้ว่าทิ้งทุ่นลงผิดที่ ลงซ้ำรถถังอีกรอบ เราถึงกับปล่อยก๊ากด้วยความขัน https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
อวนไม่ค่อยจะมีให้ทำมากนัก เราเลยดำน้ำสำรวจรถถังกันเพลิน https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
|
|
ขี้นมาบนเรือแล้ว พวกเราก็จัดการแยกขยะ เก็บสิ่งมีชีวิตรวมทั้งเศษซากปะการังคืนกลับทะเล และชั่งน้ำหนักขยะ ระหว่างนั้นก็คุยกันเรื่องรถไฟกลายเป็นรถถังกันอย่างเฮฮาประสาชาว sos เป็นการคลายเหนื่อยและคลายเครียดได้ดีเชียวค่ะ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
น้องบุ้งกี๋ เป็นหลานคนที่สองของชาว sos ที่พ่อปี๊บและแม่ย้งพาเข้าร่วมกิจกรรมกับ sos มาตั้งแต่เพิ่งเดินได้ ครั้งนี้พ่อกับแม่พามาร่วมกิจกรรมและหวังเต็มที่ที่จะได้เห็นฉลามวาฬที่โลซิน แต่คลื่นลมที่แรงทำให้ต้องผิดหวังทั้งไม่ได้เห็นฉลามวาฬและไม่ได้ลงเล่นน้ำที่โลซิน ระหว่างพักพักรอเวลาลงดำน้ำที่ปะการังเทียมโบกี้รถไฟ จึงเป็นโอกาสดีที่น้องบุ้งกี๋จะลงเล่นน้ำกับพ่อปี๊บ เพียงแค่นี้ก็ทำให้หลานสาวของเราหัวเราะได้อย่างมีความสุขสนุกสนานแล้ว https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
หลังจากลงดำน้ำทำงานที่ปะการังเทียมรถถังไปสองไดฟ์ซ้อน เราตั้งใจจะลงดำน้ำทำงทำงานที่ปะการังเทียมตู้รถไฟ เพราะห่วงว่าซากอวนที่มักจะมีมากมายจะเป็นอันตรายกับปลาและสัตว์ทะเลอื่นๆได้ แต่ต้องผิดหวัง เพราะเรือหาหมายไม่เจอทั้งที่ได้พิกัดมาแล้ว เราจึงตัดสินใจให้ย้ายเรือไปที่เกาะลอปีแทน แต่เมื่อไปถึงเกาะลอปีก็เย็นมากแล้ว และทุกคนหมดอารมณ์จะดำน้ำยามโพล้เพล้ สโลแกน ดำน้ำวันละ 2 ไดฟ์ กินวันละ 5 ไดฟ์ ที่น้องหมอศักดิ์ใช้ จึงบังเกิดขึ้นจากทริปนี้ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2565?วันสุดท้ายของการทำงาน เราตื่นมารับแสงแดดยามเช้าที่สดใส อากาศเย็นสบาย สดชื่น มองไปที่ฝั่ง ที่เป็นรอยต่อระหว่างอำเภอสายบุรี และ อำเภอไม้แก่น เขตจังหวัดปัตตานี เราเห็นทะเลหมอกขาวเหมือนปุยฝ้าย ตัดกับสีเขียวของขุนเขาที่อยู่เบื้องหลัง และทะเลสีครามที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนแปดโมงเช้า เรือเริ่มหาหมายกองหินใต้น้ำที่อยู่ห่างจากเกาะลอปี จือลาปี หรือเกาะเญอลาปี (Pulau Jelapi) มาทางด้านใต้ราวครึ่งกิโลเมตร ระหว่างนั้น น้องติ๊กก็บรี๊ฟจุดดำน้ำนี้ให้เราทราบ และเตรียมตัวลงดำน้ำ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
กองจมเลาปี กัปตันเรือสั่งโยนทุ่นลงทะเล พวกเราเริ่มทยอยกระโดดลงน้ำ โดยมีสองสายลงน้ำเป็นคู่สุดท้าย น้ำใสดีค่ะ แต่ก้มหน้าลงไปดูใต้น้ำก็ชักจะหวั่นใจ เพราะไม่เห็นยอดหินเหมือนที่เคยเห็นทุกครั้งที่ลงดำที่นี่ แต่ก็ยังปลอบใจตัวเองว่าอาจจะมาลงแถวพื้นทรายชายกองหินก็ได้ แต่ลงไปจนถึงพื้นทรายความลึก 25 เมตร ก็ยังมองไม่เห็นกองหิน ตีฟินตามหากองหินอยู่ ยี่สิบนาที มองไปทางไหนก็เห็นแต่พื้นทราย หาหินไม่เจอสักก้อน สายชลอดหัวเราะใต้น้ำไม่ได้ เห็นทีจะได้ดำทรายเล่นกันอีกแล้วเรา สิ่งที่เราเจอมีเพียงลอบเก่าๆ พังๆ ที่มีไข่หมึกเป็นพวงติดอยู่ เลยไม่ได้เก็บขึ้นมา จากนั้นก็เห็นแต่ปลาบู่ (Gobies) อยู่ในรูกับกุ้ง และมีเห็ดหลุบตัวโตบ้านของปลาการ์ตูนอานม้า มีกุ้งดอกไม้ทะเลตรอบครัวใหญ่ขออาศัยอยู่ด้วย เสียดายที่ไม่ได้ใช้กล้องติดเลนส์มาโคร เลยไม่ได้ภาพน่ารักๆ ของปลาและกุ้งมาให้ชมค่ะ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
เมื่อขึ้นมาบนเรือ เราพบว่า ไม่มีใครเห็นกองหินใหญ่ใต้น้ำเลยสักคน มีเพียงกองหินเล็กๆ ที่มีเศษอวนให้เก็บนิดหน่อยเท่านั้น เราพักทานอาหารเช้าแล้ว ก็ให้เรือวนหาหมายกองหินใต้น้ำใหม่อีกครั้ง จนกัปตันแจ้งว่าพบแล้ว คราวนี้ไม่พลาดแน่ จริงอย่างที่กัปตันว่า กองหินใต้น้ำเป้าหมายของเรา อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เราลงดำครั้งแรกนัก พอพักกันจนหายเหนื่อยแล้ว เราก็กระโดดลงดำน้ำกันทันที มองลงไปใต้น้ำ เราก็เห็นยอดหินที่อยู่ลึกไปเพียง 12 เมตร ได้อย่างชัดเจน ที่นี่ยังคงสวยงามด้วยปะการังแข็งและฟองน้ำครก เสียดายที่ปะการังอ่อนสีม่วงที่เคยคลุมยอดหินหายไปหมดแล้ว เราไม่พบอวนผืนใหญ่อย่างที่มีผู้แจ้งมา แต่พบเชือกมากมายทั้งเส้นเล็กเส้นใหญ่และซากอวนเก่าๆ ให้เก็บกันแบบมือเป็นระวิง https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ลงไปแป๊บเดียว ถุงตาข่ายใส่ขยะก็เต็มไปหลายถุง ต้องใช้ถุงก๊อบแก๊บมาช่วยยิงเศษอวนหนักๆ ขึ้นสู่ผิวน้ำ https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
| เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:29 |
vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger