SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 21 กรกฏาคม 2563 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5224)

สายน้ำ 21-07-2020 04:19

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 21 กรกฏาคม 2563
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 21 - 23 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 24 - 26 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกจะเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 21 - 22 และในช่วงวันที่ 25 - 26 ก.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้



https://lh3.googleusercontent.com/QY...-no?authuser=0


https://lh3.googleusercontent.com/IC...-no?authuser=0


https://lh3.googleusercontent.com/iv...-no?authuser=0

สายน้ำ 21-07-2020 05:40

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


คาดการณ์ปรากฏการณ์มหาสมุทรที่ซับซ้อน

https://lh3.googleusercontent.com/hF...-no?authuser=0

ปรากฏการณ์ทางมหาสมุทรขนาดใหญ่ มักเต็มไปด้วยความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางธรรมชาติมากมาย อย่างเช่น Tropical Instability Waves (TIW) ที่มีลักษณะเป็นคลื่น เกิดขึ้นจากอิทธิพลของปรากฏการณ์ลานีญา ก็เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางมหาสมุทรที่ซับซ้อน ซึ่งปรากฏการณ์ TIW ในมหาสมุทรแปซิฟิกก็นับเป็นเหตุการณ์ทางทะเลที่โด่งดังไม่น้อย

เมื่อเร็วๆนี้ ทีมวิจัยนำโดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันมหาสมุทรศาสตร์แห่งสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน ได้ศึกษาปรากฏการณ์ทางมหาสมุทรที่ซับซ้อนประเภทนี้ผ่านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (Artificial Intelligence-AI) มาสร้างแบบจำลองการเรียนรู้เชิงลึกสำหรับการพยากรณ์อุณหภูมิพื้นผิวทะเล (Sea Surface Temperature-SST) ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมเพื่อคาดการณ์ปรากฏการณ์ TIW ขนาดพันกิโลเมตรที่สุดซับซ้อนเป็นครั้งแรกในโลก วิธีนี้ทำให้หลีกเลี่ยงปัญหาที่ต้องเผชิญกับแบบจำลองเชิงตัวเลขแบบดั้งเดิม

การทดสอบพยากรณ์อุณหภูมิพื้นผิวทะเลเป็นเวลา 9 ปี ชี้ให้เห็นว่ารูปแบบทำนายวิวัฒนาการและพยากรณ์อุณหภูมิพื้นผิวทะเล ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ การศึกษานี้บ่งบอกว่าผลสำเร็จทางวิทยาศาสตร์และเอไอเป็นวิธีที่แข็งแกร่งและอาจนำไปสู่การสร้างแบบจำลองคาดการณ์ปรากฏการณ์ทางมหาสมุทรที่ซับซ้อนในดาวเทียมระยะไกลต่อไป.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1892807


*********************************************************************************************************************************************************


ปลานกแก้ว สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่มี 'รอยยิ้มสุดเกรียน' สร้าง 'บาเรีย' ป้องกันตัวได้

https://lh3.googleusercontent.com/KU...-no?authuser=0
ภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=y6tdGVTgmm4

รู้หรือไม่? ปลานกแก้วไม่ได้มีดีแค่รอยยิ้ม แต่พวกมัน ยังสามารถสร้างเกาะป้องกันตัวเองจากเหล่านักล่าได้อีกด้วย

หลายคนคงสงสัยว่า ปลานกแก้ว คือปลาอะไร? ทำไมถึงสร้างบาเรียได้? ในขณะที่หลายคนคงอาจคุ้นหูกันอยู่บ้างว่า ปลานกแก้วเป็นหนึ่งในปลาน้ำเค็มที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะนักดำน้ำ ที่อาจจะใกล้ชิดหรือพบเห็นปลาชนิดนี้อยู่บ่อยครั้ง เพราะจุดเด่นของมันนั้น มีสีสันสวยงาม อีกทั้งยังเป็นเจ้าของฉายา ปลาที่มี "ฟันและรอยยิ้มสุดเกรียน" อีกด้วย


ทำความรู้จักปลานกแก้วกันก่อน

ปลานกแก้ว หรือ Parrotfish เป็นปลาทะเลขนาดกลาง ส่วนใหญ่มีความยาวอยู่ที่ 40-70 เซนติเมตร ซึ่งมีอยู่ใต้ท้องทะเลมากกว่า 60 สายพันธุ์ โดยเฉลี่ยแล้วมีอายุขัยอยู่ที่ราว 5-7 ปี และด้วยสีสันที่โดดเด่นสะดุดตาของพวกมันนั้น ทำให้เป็นที่ล่อตาล่อใจต่อเหล่านักล่าสุดๆไปเลย

นอกจากนี้ ลักษณะพิเศษเฉพาะของพวกปลานกแก้วคือ ฟันและขากรรไกรของพวกมัน ที่มีฟันอยู่ด้วยกัน 2 ชุด ได้แก่ ฟันหน้า ทำหน้าที่ช่วยแทะเล็ม และฟันในคอหอย ซึ่งจะช่วยบดของแข็ง

ทั้งนี้การที่ดูเหมือนพวกปลานกแก้วยิ้มตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะพวกมันอารมณ์ดี แต่ลักษณะปากของมันที่มีขากรรไกรเหมือนปากนกแก้ว ทำให้ไม่สามารถหุบปากลงได้ และดูเหมือนเผยอปากอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ฟันของมันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ นั่นหมายความว่า ยิ่งตัวไหนอายุเยอะ รอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้นตามนั้นเอง ก็ไม่แปลกที่พวกมันจะกลายเป็นเจ้าของฉายา ปลารอยยิ้มแสนเกรียน

https://lh3.googleusercontent.com/F8...-no?authuser=0
ภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=y6tdGVTgmm4


รู้ไหม ปลานกแก้วสร้าง 'บาเรีย' ได้

มามองดูในส่วนของความสามารถเฉพาะสุดพิเศษของปลานกแก้ว ที่สามารถสร้าง บาเรีย ได้ ซึ่งหลายคนคงไม่เข้าใจว่า บาเรีย คืออะไร?

บาเรีย อาจเข้าใจได้ว่าเป็น สนามพลังงาน เกราะพลังงาน หรือ โล่มหัศจรรย์ ที่เราพบเห็นในการ์ตูนคอมมิค หนังไซไฟ หรือแม้แต่ในเกมจำพวกสงครามอวกาศต่างๆ ที่ปล่อยพลังงานโดยใช้อนุภาคบางอย่างออกมาป้องกัน อาวุธหรืออันตรายต่างๆ ไม่ใช้ผ่านเข้ามาทำร้ายเราได้

แต่บาเรียของเจ้าปลานกแก้วที่พูดถึงอยู่นี้ คือ Bubble Mucus หรือ เมือกกันภัย ซึ่งถือเป็นความสามารถพิเศษของปลานกแก้วที่สร้างขึ้นโดยการ ?พ่นเมือกออกมาจากปาก? ให้เป็นฟองเมือกเล็กๆ และเชื่อมต่อกันจนกลายเป็นฟองเมือกขนาดใหญ่ โดยรวมแล้วพวกมันใช้เวลาสร้างบาเรียนี้นานราวกว่า 1 ชั่วโมง และเมื่อสร้างเสร็จ พวกมันก็จะเข้าไปนอนหลับอยู่ข้างใน เพราะนอกจากจะช่วยปกปิดกลิ่นและป้องกันตัวจากเหล่านักล่าได้แล้ว เมือกกันภัยยังช่วยป้องกันเหล่าแอมฟีพอดตัวจิ๋ว หรือ ตัวไรทะเล ที่มักกินเลือดของพวกปลาได้อีกด้วย

แต่ถึงแม้ว่า ปลานกแก้วจะสามารถสร้างบาเรีย หรือ เหยื่อเมือก มาเป็นเกราะป้องกันตัวเองเหมือนเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ตามการ์ตูนคอมมิคได้ แต่พวกมันก็ยังไม่สามารถป้องกันชีวิตตัวเองให้รอดพ้นจากเนื้อมือมนุษย์ได้อยู่ดี

https://lh3.googleusercontent.com/Dg...-no?authuser=0
ภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=zdzAUQ4juH4


ความสำคัญของปลานกแก้ว ทำไมต้องปกป้อง

ปลานกแก้วถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสัตว์คุ้มครอง หากใครจับมาขายหรือจับมากินจะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

สิ่งที่น่าตกใจก็คือ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในโลกโซเชียลมีการแชร์รูปปลานกแก้ว ที่ถูกนำมาตั้งวางจำหน่ายบนแผงขายปลาอยู่เต็มไปหมด ทำให้กลุ่มนักอนุรักษ์สัตว์และธรรมชาติต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากปลานกแก้วถือเป็นอาหารอันโอชะและเป็นที่ต้องการในตลาดของหลายๆประเทศ ทำให้ความต้องการจับปลานกแก้วเพิ่มมากยิ่งขึ้น จนทำให้ปลานกแก้วหัวจุกในแถบฟิจิ ซามัว ปาปัวนิวกินี และส่วนอื่นๆ ของหมู่เกาะโซโลมอน ลดจำนวนลงมากจนน่ากังวล

ด้านองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติชั้นนำระดับโลกอย่าง The Nature Conservancy กำลังหาทางแก้ไขปัญหาโดยการร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมรณรงค์ เพื่อให้สาธารณชนรับรู้ถึงผลที่ตามมาของการรับประทานปลานกแก้ว

เนื่องจาก ปลานกแก้วนั้น เป็นปลาที่สำคัญอย่างมากต่อระบบนิเวศในทะเล พวกมันมีหน้าที่กินซากปะการังที่ตายแล้ว และยังช่วยป้องกันการระบาดของปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ทำให้ปะการังตัวอ่อนที่กำลังจะเติบโตมีพื้นที่ในการขยายอาณาเขตได้ สามารถกล่าวได้ว่า หากไร้ซึ่งปลานกแก้ว อาจทำให้เกิดการระบาดของโรคติดต่อของพืชในท้องทะเลก็ว่าได้

แต่มาถึงตรงนี้ ดูท่าว่าหายนะภายใต้ท้องทะเล อาจไม่ได้เป็นเพราะโรคระบาดในพืช แต่เห็นทีคงเป็นเพราะฝีมือมุนษย์ ที่มีพฤติกรรมและความเชื่อในการบริโภคปลานกแก้วแบบผิดๆ ก็ว่าได้.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1893389


สายน้ำ 21-07-2020 06:14

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


หน่วยยามฝั่งอิตาลีเร่งช่วย วาฬหัวทุยติดอวนชาวประมง

นักดำน้ำของหน่วยยามฝั่งอิตาลีและนักชีววิทยาเร่งทำงานเพื่อช่วยเหลือวาฬหัวทุยติดอวนของชาวประมงใกล้กับเกาะเล็กๆในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

https://lh3.googleusercontent.com/33...-no?authuser=0

สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงโรมประเทศอิตาลีเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ว่า ในคลิปวิดีโอที่นำออกเผยแพร่โดยหน่วยยามฝั่งของอิตาลีแสดงให้เห็นว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานักประดาน้ำของหน่วยยามฝั่งอิตาลีสามารถตัดตาข่ายของอวนเรือประมงที่มีวาฬหัวทุยว่ายเข้าไปติดอยู่ในนั้น ออกมาได้เพียงบางส่วน ในทะเลใกล้กับหมู่เกาะเอโอเลียนเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หลังจากที่มีชาวเรือแจ้งมายังหน่วยยามฝั่งอิตาลีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า พบวาฬหัวทุยตัวหนึ่งกำลังหาทางดิ้นรนให้หลุดออกจากตาข่ายของอวน ในทะเลไทรีเนียนบริเวณนอกชายฝั่งทางตะวันตกของอิตาลี
หน่วยยามฝั่งอิตาลีแถลงว่า ปฏิบัติการช่วยเหลือวาฬหัวทุยตัวนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะอาการอยู่นิ่งไม่ได้ของวาฬ ทำให้การเข้าไปทำงานอย่างต่อเนื่องไม่เป็นผล และงานนี้มีนักชีววิทยาเข้ามาช่วยด้วย

https://lh3.googleusercontent.com/Ox...-no?authuser=0

สามสัปดาห์ก่อนหน่วยยามฝั่งอิตาลีเคยช่วยเหลือวาฬหัวทุยตัวหนึ่งไว้ได้หลังติดอวนชาวประมงเช่นกันและอยู่นอกฝั่งหมู่เกาะเอโอเลียนเช่นกัน

ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาหน่วยยามฝั่งอิตาลีได้ยึดอวนเรือประมงลักลอบจับปลาโดยผิดกฎหมายรวมความยาวของอวนแล้วกว่า 100 กม. และเร่งดำเนินการเพื่อปราบปรามการลักลอบจับปลาโดยผิดกฎหมาย


https://www.dailynews.co.th/foreign/785842


สายน้ำ 21-07-2020 06:20

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


อุทยานฯ เชื่อป่ายังอุดมสมบูรณ์ หลังกล้องดักถ่ายอัตโนมัติจับภาพ "เสือโคร่ง" ได้

อุทยานแห่งชาติคลองลาน เผยคลิปภาพเสือโคร่ง จากกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติ พร้อมวลี "จ้าวป่ามาแล้ว" ชี้การได้พบเสือโคร่งในพื้นที่นั่นหมายความว่าสัตว์ป่าและผืนป่ายังมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก

https://lh3.googleusercontent.com/S-...-no?authuser=0

วันนี้ (20 ก.ค. )เพจ "อุทยานแห่งชาติคลองลาน-Khlong Lan National Park" โพสต์คลิปวีดีโอความยาวกว่า 0.16 วินาที เป็นภาพเสือโคร่ง โดยเผยรายละเอียดว่า "จ้าวป่ามาแล้ว หลังจากพบเสือดาว และเสือดำในอุทยานแห่งชาติคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร เป็นที่น่าตื่นเต้นดีใจของทีมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าและเจ้าหน้าที่ WWF ประเทศไทยในการเข้าไปเก็บข้อมูลชุดที่สอง กับการได้มาซึ่งภาพของเสือโคร่ง เจ้าแห่งพงไพรจากการทำงานร่วมกันมาเกือบ 10 ปี ระหว่างอุทยานแห่งชาติคลองลานและองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย (WWF Thailand) โดยได้รับการอนุมัติจาก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อศึกษาการกระจายพันธุ์ของเสือโคร่งและสัตว์ป่าในพื้นที่ ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ครั้งนี้เป็นรอบที่ 5 ในการติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติ

ทั้งนี้ เสือโคร่ง เป็นสัตว์ผู้ล่าที่อยู่ในอันดับสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร การได้พบเห็นเสือโคร่งในพื้นที่ นั่นหมายความว่า สัตว์ป่าและผืนป่ายังมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมากซึ่งแน่นอนที่สุด ต้องได้รับการปกป้องดูแลอย่างดีที่สุดเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตร่วมชมคลิปมากมาย และขอส่งกำลังใจชื่นชมเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลป้องป้องฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติป่าไม้ในประเทศไทย โดยมียอดกดไลก์โพสต์แล้วกว่า 490 ครั้ง และแชร์ไปกว่า 190 ครั้งด้วยกัน


https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000074372

*********************************************************************************************************************************************************


ศรชล.เขต 2 งัดกฎหมายจัดการเด็ดขาดคอกหอยแครงเถื่อน ปปง.พร้อมยึดทรัพย์

สุราษฎร์ธานี - ศรชล.เขต 2 เดินหน้าจัดการเด็ดขาด คอกหอยแครงเถื่อนต้องรื้อภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการจะรื้อเอง ขณะที่ ปปง. เดินหน้าเอาผิดข้อหาฟอกเงิน พร้อมยึดทรัพย์เข้าหลวงต่อไป

https://lh3.googleusercontent.com/xl...-no?authuser=0

เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (20 ก.ค.) ที่กองกำกับการตำรวจน้ำจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผบ.ทร.ภาค 2 ในฐานะ ผอ.ศรชล.ภาค 2 เป็นประธานประชุมวางมาตรการดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงิน กฎหมาย หรือ พ.ร.บ.อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ปปง. และอำนาจของเจ้าพนักงานสรรพากร ในการดำเนินการต่อผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณะอ่าวบ้านดอน และก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำ ร่วมกับนายวิชวุทย์ จินโต ผอ.ศรชล.จังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการประชุม ในการประชุมครั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อเข้าร่วมฟัง

หลังจากนั้น ผอ.ศรชล.ภาค 2 พร้อมคณะได้ลงมาแถลงถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่อ่าวบ้านดอน โดยระบุ ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ไปแล้วจำนวน 93 คดี ส่วนพื้นที่อำเภอพุนพิน ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พุนพิน ไปแล้วจำนวน 83 คดี และในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผอ.ศลชล.ภาค 2 จะนำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ดีเดย์ปิดหมายคำสั่งทางคดีที่ขนำในพื้นที่ อำเภอเมืองและอำเภอพุนพิน โดยมีกรอบเวลาให้ผู้ประกอบการเร่งรื้อขนำออกจากพื้นที่ภายในเวลา 15 วันนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ทั้ง 176 คดี หากเลยเวลากำหนด ทาง ศรชล.จะนำทหารเรือจากฐานทัพสัตหีบ และฐานทัพเรือสงขลา พร้อมกำลัง ศรชล.ในพื้นที่เข้าทำการรื้อถอน หากผู้ประกอบการรายใดที่จะแสดงตนขอยื่นอุธรณ์ก็สามารถทำได้ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งทางผู้แสดงตนจะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเสียก่อน

ขณะที่นางชลธิชา ดาวเรือง ผอ.กองคดี 3 สำนักงาน ปปง. กล่าวว่า หากในสำนวนการสืบสวนสอบสวนมีการระบุตัวบุคคลที่ชัดเจนทาง ปปง.ก็จะเข้าดำเนินการตรวจเส้นทางการเงินและทรัพย์สินเพื่อเข้าสู่กฎหมายฟอกเงินที่มีความผิดทั้งทางอาญาและแพ่ง เนื่องจากเป็นการบุกรุกครอบครองแสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่สาธารณะ ตามความผิดกฎหมาย ปปง.


https://mgronline.com/south/detail/9630000074419


*********************************************************************************************************************************************************


ขยะอิเล็กทรอนิกส์ อันตรายต่อชุมชน ! เหตุไม่คัดแยก และกำจัดไม่ถูกวิธี

https://lh3.googleusercontent.com/rS...-no?authuser=0

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เตือนขยะอิเล็กทรอนิกส์ยังอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในชุมชน ปัจจุบันพบปริมาณมากขึ้น ชี้เหตุสำคัญของการปล่อยสารพิษจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง "สารปรอท" คือ ไม่คัดแยกขยะก่อนทิ้ง และนำไปกำจัดอย่างไม่ถูกต้อง

ดร.หทัยรัตน์ การีเวทย์ ผู้อำนวยการกลุ่มอากาศ เสียงและความสั่นสะเทือน ศูนย์วิจัยและการฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในชุมชนในปัจจุบัน เกิดจากการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกวิธีของชุมชน เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ จอ LCD โทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่ หลอดไฟ ภาชนะบรรจุสารเคมี เป็นต้น เมื่อถูกทิ้งเป็นขยะโดยไม่คัดแยก หากนำไปกำจัดไม่ถูกวิธี ซึ่งหมายถึงการนำไปฝังกลบ แต่กลับนำไปเข้าเตาเผา สารโลหะหนัก เช่น ปรอท (Mercury) ที่ปนในขยะอิเล็กทรอนิกส์ เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ จอ LCD ซึ่งมีจุดหลอมเหลวต่ำก็จะระเหยกลายเป็นไอและแขวนลอยอยู่ในอากาศที่คนหายใจเข้าไป และตกตะกอนลงสู่ดินและแหล่งน้ำเมื่อฝนตก สารปรอทก็เคลื่อนย้ายไปได้ไกลในสิ่งแวดล้อม พิษของปรอทมีตั้งแต่เล็กน้อยจนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต อย่างเช่นการที่คนไปกินปลาที่มีการสะสมของสารปรอทผ่านทางห่วงโซ่อาหารจะส่งผลต่อระบบการทำงานของไต ระบบทางเดินหายใจ


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000074478


สายน้ำ 21-07-2020 06:25

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


หนุนสุดลิ่ม 'ขุดคลองไทย' มุ่งดันศก.เท่าเกาะไหหลำ แบ่งโซนกลุ่มอุตฯ

https://lh3.googleusercontent.com/oQ...-no?authuser=0

20 กรกฎาคม 2563 ที่ห้องประชุมโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ (อบจ.กระบี่) นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานคนที่ 1 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะ เปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นเรื่องการขุดคลองไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางการค้าโลก แหล่งอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวระดับโลก และการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ โดยมีพันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการโรงแรม ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรม และด้านการเกษตรกรรม ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน รวมถึงประชาชนะผู้สนใจทั่วไป ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดตรัง เข้าร่วม 300 คน

ทั้งนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และซักถามประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการขุดคลองไทย ในการรวบรวมประเด็นและข้อสรุปความคิดเห็นของชาวจังหวัดกระบี่และชาวจังหวัดตรัง ว่าประชาชนในพื้นที่เป้าหมายมีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวอย่างไร ตามแนวเส้นทางสาย 9 เอ จากจังหวัดสงขลา ผ่านจังหวัดพัทลุง จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดตรัง และจังหวัดกระบี่ รวมระยะทาง 135 กิโลเมตร ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ จะเป็นภาพที่สะท้อนความต้องการในการดำเนินงานโครงการหรือไม่ ในการวิเคราะห์และประกอบการทำรายงานนำเสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าวต่อไป

จากการรับฟังความคิดเห็นส่วนใหญ่ทั้ง 2 จังหวัดมีความคิดเป็นแนวทางเดียวกัน คือ การขุดคลองไทยเป็นโครงการมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ 300 ? 400 ปีมาแล้ว ควรยึดการศึกษาวิจัยได้แล้ว ให้หันมาเดินหน้ากันอย่างจริงจังและจริงใจ เพราะผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นประชาชนและประเทศไทย ขอให้ลงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่มีการจุดคลองผ่านอย่างถึงลูกถึงคน ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้เกิดขึ้นซึ่งจะทำให้มีอาชีพที่มั่นคงมีรายได้ที่เพียงพอ แต่ทำไมโครงการใหญ่ของประเทศไทยถึงไม่เกิดขึ้น สาเหตุหลักมาจากเกมการเมือง การขุดคลองไทยผู้ที่เสียผลประโยชน์จริงๆคือประเทศเพื่อนบ้านไม่ใช่ประเทศไทย ดังนั้นขอให้รัฐบาลปัจจุบันหรือรัฐบาลในอนาคต หันมาใส่ใจให้ความสำคัญโครงการนี้ผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง

นายพิเชษฐ์ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจขวานทองจะต้องเป็นแกนของโลกและระดับโลก คือ มาเปรียบเทียบกับเกาะไหหลำ เท่ากับเกาะไหหลำ ใน 5 จังหวัดภาคใต้ที่เราจะเป็นเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง เท่ากับเกาะไหหลำ แต่เรายังมีพื้นที่ที่เป็นไข่แดง 8,100 ตารางกิโลเมตร กว้าง 60 คูณ 185 กิโลเมตร อันนี้จะเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจพิเศษ คือ เป็นแนวคลองนี้คือขอบเขตที่วางไว้ ส่วนธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นไข่แดงของไทย ตรงไข่แดงนี้จะเป็นอุตสาหกรรมสะอาด คือ อุตสาหกรรมการเงิน ศูนย์การศึกษา ซึ่งจะไม่มีมลพิษ โดยจะวางโซนนิ่งของอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมต่อเรือ จะอยู่ฝั่งทะเลอ่าวไทยด้านจังหวัดสงขลา อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะอยู่ฝั่งทะเลอันดามัน ช่วงกลางคลองจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีการเชื่อมคลองทั้ง 2 คลอง คลองเล็กเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อการประมง ถือว่าใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษของไทยจะสู้พื้นที่เศรษฐกิจเพื่อนบ้านได้หรือไม่ ของประเทศไทยจะได้เปรียบเขามาก วันนี้ถ้าเกิดคลองไทยขึ้นมา ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ จะต้องร่วมมือกับเรา ซึ่งการร่วมมือระหว่างประเทศเป็นยุทธศาสตร์ทางทะเลที่ร่วมมือกัน 3 ประเทศ ก็จะกลายเป็นศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์ของโลก คือ มาเลเซียเขาชอบ สิงคโปร์อยู่ทางท้าย คลองไทยอยู่ทางเหนือ มันจะกลายเป็นศูนย์กลางทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันนี้ก็คืออนาคตที่เราจะต้องมาเจราจากันระหว่างประเทศ เรื่องของประเทศมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาและจีน เราไม่มองเพราะว่าการขุดคลองไทย การลงทุน การร่วมทุนทั่วโลกจะต้องมาที่นี้ก็แล้วแต่ว่ามหาอำนาจไหนถนัดทางไหนก็เขามาเลือกลงทุน ซึ่งขณะนี้มีการติดต่อมาเยอะมาก

นายพิเชษฐ์ กล่าวในตอนท้ายว่า จากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ที่คลองไทยผ่าน หลังจากผ่านวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ความเห็นต่างก็จะไม่ค่อยมี เพราะว่าความยากจนที่ทุกคนมองเห็นว่าทางรอดของประเทศไทย คือ เมกะโปรเจ็กต์อันนี้ ก็เลยคิดว่าวันนี้ไม่มีการค้านเลย ส่วนรัฐบาลจะเห็นด้วยหรือไม่นั้น จะต้องดูอย่างรอบคอบ ซึ่งทางสภาผู้แทนราษฎรจะไม่รอรัฐบาล จะนำเสนอพระราชบัญญัติคลองไทยและเขตเศรษฐกิจพิเศษหลังจากนี้ ต่อรัฐบาลพิจารณา


https://www.naewna.com/local/506597


สายน้ำ 21-07-2020 06:31

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


ขยะติดเชื้อ? แผลใหม่จากอุบัติโรคระบาด หรือแค่เปิดแผลเก่า? ...................... โดย ณิชา เวชพานิช

State Quarantine ดันปริมาณขยะติดเชื้อพัทยาเพิ่มขึ้น 3 เท่า ผอ.สำนักสิ่งแวดล้อม ย้ำปลอดภัยทุกขั้นจัดการ ด้านบริษัทเก็บขยะเผย ต้องขนไปเผาไกลระยองและนครสวรรค์ เพิ่มความเสี่ยงเชื้อระบาด สะท้อนปัญหารากลึกขยะติดเชื้อไทย

"กล่องข้าว ถุงแกง ซองเครื่องปรุง แพ็คเกจจิ้งใส่ผลไม้ ช้อนส้อม ของทุกอย่างใส่ถุงพลาสติกมาวางหน้าห้อง อาหาร 3 มื้อ ส่งถึงหน้าประตู 14 วัน"

พีร์ สุทธิศรีปก โพสรูปกล่องพลาสติกตั้งสูงเป็นหอคอยอวดเพื่อนบนเฟซบุ๊ก เขาเข้ากักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเปิดเป็นพื้นที่กักกันตัวแห่งรัฐ (State Quanrantine) หลังจากเดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกา

14 วันผ่านไปด้วยดี เขาทิ้งความกังวลต่อ "โรค" ไว้ข้างหลัง แต่ไม่วายอดเป็นห่วงถึง "โลก" ข้างหน้า เพราะระหว่างนั้น เขาได้สร้างขยะไม่ต่ำกว่า 300 ชิ้น

ภาชนะบรรจุอาหารที่ผ่านมือพีร์และผู้กักตัวคนอื่นๆ จะถูกตีว่าเป็น "ขยะติดเชื้อ" และไม่ได้นำไปรีไซเคิลเหมือนขยะพลาสติกทั่วไป แต่ถูกจัดเก็บแบบพิเศษเพื่อส่งสู่เตาเผา ตามหลักป้องกันไว้ก่อน เป็นการป้องกันการปนเปื้อนสารคัดหลั่งของผู้สุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

สำนักสิ่งแวดล้อมพัทยาเผยว่า ผู้กักตัว 1 คน จะสร้างขยะติดเชื้อวันละ 0.7-0.9 กิโลกรัม

มีผู้ทยอยเดินทางเข้ากักตัวเรื่อยๆ วันหนึ่งมีผู้เข้าพักสูงถึง 3,000 คน กล่าวได้ว่า วันนั้น มีขยะติดเชื้อราว 3,000 กิโลกรัมที่ต้องจัดการ ? เทียบเท่ากับปริมาณที่เมืองพัทยาผลิตในภาวะปกติ 1 เดือน หรือเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 3 เท่า

https://lh3.googleusercontent.com/tM...-no?authuser=0
ปริมาณมูลฝอยติดเชื้อจากการกักตัวใน State Quarantine พัทยา / สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม / พรเทพ จันทร์ยม

ปริมาณขยะติดเชื้อทั่วประเทศก็มีสัดส่วนสูงขึ้นเช่นกัน ข้อมูลจากกรมอนามัยเผยว่า ช่วงล็อคดาวน์ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอัตราการก่อขยะติดเชื้อราว 147,770 กิโลกรัมต่อวัน หรือสูงขึ้นจากช่วงเวลาปกติ 1,900 กิโลกรัม

ในด้านการรับมือขยะติดเชื้อ ประเทศไทยเรายังชนะอยู่หรือเปล่า

https://lh3.googleusercontent.com/qY...-no?authuser=0
ปริมาณมูลฝอยติดเชื้อช่วงโควิด-19 ระบาด พ.ศ.2563 / สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม / พรเทพ จันทร์ยม


ขยะติดเชื้อ ? ห้ามเปิด ห้ามคัด ห้ามลัดขั้นตอน

ปัจจุบัน เพราะประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อท้องถิ่นเลยติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 State Quarantine ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจึงทยอยปิดทำการ ย้ายศูนย์กลางการเฝ้าระวังเชื้อโรคมาอยู่ที่พัทยาตั้งแต่กลางเดือนเมษายน มีโรงแรม 12 แห่งเปิดให้บริการเป็นศูนย์พัก

"ขยะติดเชื้อเป็นขยะที่น่ากลัว เพราะหากมีเชื้อโรคอยู่จะเป็นแหล่งแพร่กระจาย เลยจะส่งไปฝังกลบเหมือนกับมูลฝอยชุมชนไม่ได้ ต้องส่งไปเผาทำลายเท่านั้น"

สุธีร์ ทับหนองฮี ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อมเมืองพัทยา ชี้แจ้ง พร้อมให้ความมั่นใจว่า ชาวไทยไม่ต้องกังวล ขยะจาก State Quarantine ถูกจัดการด้วยดี

ทุกวัน ผู้กักตัวจะได้รับแจกถุงสีแดงสำหรับใส่ขยะ 2 ใบ ใส่ขยะนำมาวางไว้หน้าห้องให้แม่บ้านรวบรวมใส่ถังที่มีสีแดงเช่นกันเพื่อแสดงว่าเป็นขยะอันตราย ถังจะถูกปิดฝาทองแดง เอากระดาษกาวคาด ขนขึ้นรถขนถ่าย ส่งไปที่เตาเผา เมื่อขยะเดินทางถึงแหล่งกำจัด จึงเอามีดกรีดเทป ส่งถังขึ้นระบบเตาเผาทำลายซึ่งทำงานอัตโนมัติ และทำความสะอาดฆ่าเชื้อถัง ส่งกลับมาเข้าสู่กระบวนการอีกครั้ง ทั้งหมดนี้ เรียกว่า ?ระบบขนแบบเปลี่ยนถัง? ที่เจ้าหน้าที่เก็บขยะไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงสัมผัสสารคัดหลั่งคนกักตัว 100%

ขั้นตอนขนส่งเป็นจุดเสี่ยงสำคัญที่ต้องคำนึง สุธีร์ ยืนยันว่า ไม่เคยมีเจ้าพนักงานเก็บขยะที่ติดโควิด-19 ระหว่างปฏิบัติงานอย่างที่หลายคนกังวล

เช่นเดียวกับคำตอบของ ณัฐวุฒิ บุรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทรับจัดการขยะติดเชื้อเอกชนประจำจังหวัดชลบุรี "มีสไนติงเกล" ที่ได้เข้ามาร่วมดูแลงานเบื้องหลังของสงครามโควิด

"ช่วงโควิดขยะติดเชื้อถูกทำให้ดูน่ากลัวกว่าปกติไป แต่จริงๆ แล้วเรารับมือกับมันเหมือนกับการจัดการขยะติดเชื้อที่ทำประจำอยู่ทุกวัน เวลาจัดเก็บ เจ้าหน้าที่ของเราจะทำงานอย่างรัดกุม ผ่านการอบรมวิธีจัดเก็บและทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน จะสวมชุด PPE (อุปกรณ์ป้องกันตัวเอง) เปลี่ยนใหม่ทุกครั้ง"

ขยะจาก State Quarantine พัทยาจะถูกส่งไปเผากำจัดที่ระยองและนครสวรรค์ ปัจจุบัน แม้ยังไม่พบปัญหาอะไร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าระยะทางขนที่ไกลขึ้น ย่อมเพิ่มความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อโรคมากขึ้นตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกระบวนการป้องกันต่างๆ บกพร่อง เช่น รถขนส่งไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศควบคุมอุณหภูมิในรถให้ต่ำกว่า 10 องศา เพื่อกันการแพร่ระบาดเชื้อ นำมาสู่คำถามว่า?ทำไมไม่จัดการให้จบกระบวนการเลยในพื้นที่?

https://lh3.googleusercontent.com/md...-no?authuser=0
เจ้าหน้าที่เก็บขยะห้างหุ้นส่วนจำกัดมีสไนติงเกลกำลังเก็บขยะติดเชื้อ ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระราชเทวี ณ ศรีราชา ชลบุรี / สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม / ณิชา เวชพานิช


การเดินทางไกลของขยะติดเชื้อ

กรมอนามัย กำหนดว่าขยะติดเชื้อโควิด รวมถึงขยะติดเชื้อทางการแพทย์อื่นๆ นั้นต้องเผากำจัดในเตาเผาเพราะว่าเป็นวิธีทำลายเชื้อโรคที่ดีที่สุด โดยผ่านเตาเผา 2 ห้อง ได้แก่ ห้องเผาขยะติดเชื้อ (อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 760 องศาเซลเซียส) และห้องเผาควัน (อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 1,000 องศาเซลเซียส) หลังจากเผาเสร็จจะได้ขี้เถ้าที่ไร้เชื้อโรคแล้ว สามารถนำไปฝังกลบเหมือนกับขยะทั่วไป

โรงเผาที่มีใบอนุญาตให้เผาขยะติดเชื้อในไทยได้นั้นมีอยู่จำกัด ขยะติดเชื้อเลยต้องเดินทางไกล เช่น ภาคใต้ตอนล่าง โรงกำจัดที่ยะลาเพิ่งเปิดทำการเมื่อปีพ.ศ.2562 ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้จึงต้องขนใส่รถมาโรงเผาที่นครสวรรค์ ส่วนภาคตะวันออกมีที่เดียว คือ เตาเผาขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นระยอง

ก่อนหน้านี้ หลายพื้นที่มีเตาเผาของตนเอง ทว่าเมื่อพิจารณาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนรอบข้างและต้นทุนการดำเนินการที่สูง ทำให้หลายพื้นที่ตัดสินใจปิดประตูลงกลอนเตาเผา ทั้งหน่วยงานท้องถิ่นและโรงพยาบาล

"สมัยก่อนเมื่อสิบปีก่อน โรงพยาบาลก็เผาเอง ค่าใช้จ่ายน้อย แต่มันลำบาก เพราะต้องมีการตรวจมาตรฐานและชุมชนรอบข้างบ่นเลยต้องยกเลิก ใจจริงผมอยากให้ทุกจังหวัดมีเตาเผาของตนเอง เพื่อลดต้นทุนของแต่ละโรงพยาบาล โรงบาลต้องจ่ายค่าจัดการขยะติดเชื้ออย่างเดียว 4 ล้านบาททุกปี"

พงศ์ธรรม นวมานกร ฝ่ายบริหารอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม โรงพยาบาล ชลบุรี กล่าว มูลฝอยติดเชื้อโรงพยาบาลมีทุกวัน และสถานพยาบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตามหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (PPP: Polluters Pay Principle) เป็นทั้งประเภทขยะติดเชื้อทั่วไป (ต้นทุนจัดเก็บกิโลกรัมละ 15 บาท) และขยะอันตรายทางการแพทย์ซึ่งเป็นขยะที่เสี่ยงปนเปื้อนโรคยิ่งกว่า (ต้นทุนจัดเก็บกิโลกรัมละ 50 บาท) เงินส่วนนี้ มองดูเป็นหลักกิโลกรัมอาจไม่มาก หากคำนวณเป็นรายจ่ายทั้งหมดประจำปี สามารถนำไปใช้จ่ายกับงานส่วนอื่นๆ ได้ เช่น นำไปซื้อเครื่องกระตุกหัวใจใช้ในการแพทย์

เมืองพัทยาเองก็เคยมีเตาเผาขยะติดเชื้อของตนเองเช่นกัน แต่ได้ยกเลิกไป เพราะต้นทุนจัดการสูง สุธีร์ ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อมพัทยา อธิบายถึงแนวทางพัฒนาระบบขยะติดเชื้อของไทย

"ทุกจังหวัดไม่ได้ผลิตขยะติดเชื้อปริมาณมาก จึงสามารถรวมกับพื้นที่รอบข้างเพื่อจัดการรวมกัน เป็นระบบจัดการขยะแบบรวมศูนย์ในภูมิภาค (Cluster) สอดคล้องกับแผนแม่บทปีพ.ศ.2563 ของกรมควบคุมมลพิษ ที่วางไว้ว่าจะแบ่งพื้นที่จัดการออกเป็น 21 ศูนย์ให้ครอบคลุมการบริหารจัดการมูลฝอยติดเชื้อทั่วประเทศ เช่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นระยองเป็นศูนย์รวมขยะภาคตะวันออก ทั้งประหยัดงบ ทั้งควบคุมผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมง่าย แต่ปัจจุบันยังดำเนินการได้ไม่สมบูรณ์"


(มีต่อ)


สายน้ำ 21-07-2020 06:35

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


ขยะติดเชื้อ? แผลใหม่จากอุบัติโรคระบาด หรือแค่เปิดแผลเก่า? ............. ต่อ

ขยะติดเชื้อในไทยถูกกำจัดที่ไหน?

ขยะติดเชื้อจะถูกขนจากแหล่งกำเนิดทั่วประเทศไปแหล่งกำจัด ได้แก่ เตาเผา 10 แห่ง เตานึ่งฆ่าเชื้อด้วยไอน้ำ (Autoclave) 6 แห่ง

https://lh3.googleusercontent.com/as...-no?authuser=0
*TDRI รายงานว่ามีเตาเผาอีก 67 แห่งที่เผากำจัดขยะในแหล่งกำเนิดเอง
Map: GreenNews Source: สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย



เพราะเรื่องขยะคือเรื่องเงิน

.อาจเป็นภาพสวยหรูที่อาจซุกซ่อนปัญหาไว้. ณัฐวุฒิ ผู้จัดการทั่วไปจากบริษัทจัดเก็บขยะติดเชื้อเอกชน ตั้งคำถามเกี่ยวกับแผนการรวมศูนย์ดังกล่าวว่า การจัดการขยะติดเชื้อไทยไม่สามารถปฏิรูปได้อย่างสิ้นเชิงด้วยแผนการนั้น เพราะเจ้าของเตาเผามีหลากหลาย บ้างเป็นหน่วยงานรัฐ บ้างเป็นเอกชนที่อาจมีการปิดกั้นไม่ให้บริษัทจัดเก็บส่งขยะไป อีกทั้งยังติดข้อกฎหมายต่างๆ ที่ไม่เอื้อ เช่น กฎหมายปัจจุบันอนุญาตให้เตาเผาแห่งเดียวที่สมุทรปราการ เผาขยะอันตรายทางการแพทย์ได้ แม้ว่าจะมีโรงผลิตปูนหลายแห่งที่มีเตาเผาศักยภาพเดียวกัน

เขาเชื่อว่า ยิ่งมีตัวเลือกหลายแห่ง ต้นทุนในการกำจัดขยะติดเชื้อจะยิ่งถูกลง ลดปัญหาที่สถานพยาบาลหรือบริษัทฯ ขนส่งขยะติดเชื้อแอบลักลอบทิ้งขยะติดเชื้อได้ ซึ่งพบเห็นข่าวบ่อย เช่น เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบถุงล้างไตจำนวนมากถูกทิ้งอยู่ข้างถนนที่นครศรีธรรมราช ทำให้คนในพื้นที่หวาดหวั่นว่าจะแพร่กระจายเชื้อโรคสู่สิ่งแวดล้อม

สำหรับกรณีโควิด-19 คราวนี้ ค่าใช้จ่ายจัดการขยะติดเชื้อจาก State Quarantine ราว 45,000 บาทต่อวัน กระทรวงกลาโหมเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย หากแต่ในขยะติดเชื้อในภาวะปกตินั้นยังเป็นต้นทุนราคาแพงที่สถานพยาบาลต้องแบกรับ

เขาชวนคิดว่า สังคมอาจมองขยะเป็นแค่ขยะ แต่จริงๆ แล้วเรื่องขยะคือเรื่องของเงิน ในทางหนึ่งมันอาจเป็นต้นทุนราคาสูงของสถานพยาบาล แต่ในอีกทางหนึ่งมันอาจเป็นช่องทางธุรกิจที่สร้างรายได้ หากบริษัทต่างๆ จะหันมาลงทุนเรื่องนี้ โดยแข่งกันที่มาตรฐานจัดการและเทคโนโลยี เช่น นำเทคโนโลยีเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อด้วยความร้อนไมโครเวฟมาใช้ในไทย

.ผมอยากให้กฎหมายเปิดโอกาสให้เอกชนมีเตาเผาขยะติดเชื้อมากขึ้นและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ จากต่างประเทศเข้ามาใช้ได้ มันไม่ใช่การแข่งขันเรื่องเงินว่าใครเสนอราคาจัดการขยะติดเชื้อได้ถูกกว่าใคร แต่เป็นการแข่งขันเรื่องสิ่งแวดล้อม.

https://lh3.googleusercontent.com/3q...-no?authuser=0
ขยะขวดน้ำเกลือและเข็มฉีดยาพบที่หาดในระยอง / สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม / ณิชา เวชพานิช


ขยะติดเชื้อ .. แผลใหม่จากอุบัติโรคระบาด หรือแค่เปิดแผลเก่า?

สำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เจอการแพร่ระบาดโควิด-19 หนัก ปริมาณขยะติดเชื้อแต่ละวันสูงถึง 2,000 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าศักยภาพที่เตาเผาขยะติดเชื้อที่มีอยู่รองรับได้ถึง 4 เท่าตัว ทำให้ขยะจำนวนมากไม่ได้ถูกกำจัดอย่างถูกวิธี เพิ่มความเสี่ยงทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

สำหรับประเทศไทย ปัญหาเรื่องขยะติดเชื้ออาจจะไม่ได้ระเบิดออกพร้อมกับวิกฤติโควิดเหมือนประเทศอื่น กระนั้น ขยะติดเชื้อนั้นมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) ชี้ว่า โควิด-19 ทำให้คนหันมาใช้หน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นจาก 800,000 ชิ้น เป็นราว 1,500,000 ชิ้น ต่อวัน สอดคล้องกับข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเผยเมื่อปี พ.ศ.2553 ว่า สถานบริการสาธารณสุขทั้งของรัฐและเอกชนมีปริมาณมูลฝอยติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันยังมีการจัดการไม่เพียงพอ จึงเป็นปัญหาสำคัญที่ทวีความรุนแรงและต้องจัดการเร่งด่วน

ขยะติดเชื้อจึงอาจไม่ใช่แผลใหม่จากอุบัติโรคระบาด แต่เป็นการเปิดแผลเก่าที่มีมานานแล้ว ว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอจะดูแลสังคมให้ปลอดภัย ไร้โรคจากขยะติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นหรือไม่

รายงานพิเศษชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสนับสนุนสำนักข่าวขนาดย่อยในเอเชีย Splie Lights On สนับสนุนโดย Splice Media


https://greennews.agency/?p=21437


สายน้ำ 21-07-2020 06:42

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


ปลาทะเลลึกพรางตัวด้วยผิวดำระดับ "แวนตาแบล็ก" สีมืดมิดที่สุดในโลก

https://lh3.googleusercontent.com/oo...-no?authuser=0
"มังกรดำแปซิฟิก" เป็นสัตว์ทะเลลึกที่ถ่ายภาพได้ยากมากที่สุดตัวหนึ่ง
Idiacanthus antrostomus (c) Karen Osbornที่มาของภาพ,KAREN OSBORN/SMITHSONIAN


สัตว์ทะเลลึกอย่างน้อย 16 ชนิดพันธุ์ ถูกค้นพบว่ามีผิวหนังสีดำเข้มเป็นพิเศษในระดับที่ใกล้เคียงกับสี "แวนตาแบล็ก" (Vantablack) ซึ่งจัดเป็นสีที่มีความมืดมิดมากที่สุดในโลก จนช่างภาพไม่อาจจะถ่ายรูปของพวกมันได้ด้วยเทคนิคการจัดแสงแบบธรรมดา

รายงานการค้นพบดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสาร Current Biology โดยทีมนักชีววิทยาจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรได้ระบุว่า สัตว์ทะเลลึกเหล่านี้อาศัยอยู่ตรงก้นทะเลที่มืดมิด ในระดับความลึกมากกว่า 200 เมตรขึ้นไป โดยผิวที่ดำสนิทยิ่งกว่าเฉดสีดำอื่น ๆ ช่วยพรางตัวพวกมันให้รอดจากสัตว์ผู้ล่า

ดร. คาเรน ออสบอร์น หนึ่งในสมาชิกของทีมวิจัยจากสถาบันสมิธโซเนียนบอกว่า เธอเคยประสบปัญหาขณะพยายามบันทึกภาพปลาทะเลลึกบางชนิด เนื่องจากผิวหนังของพวกมันดูดซับแสงสว่างจากดวงไฟของช่างภาพเอาไว้ได้เกือบทั้งหมด ทำให้ภาพออกมาไม่คมชัดและมืดมัว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นสู่การศึกษาวิธีพรางตัวของสัตว์ทะเลลึกกลุ่มนี้ ซึ่งบางตัวมีผิวดำสนิทจนดูดซับกักเก็บแสงไว้ได้มากถึง 99.956% เทียบเท่าความดำมืดของสีแวนตาแบล็กที่ดูดซับแสงได้ราว 99.96%

https://lh3.googleusercontent.com/hM...-no?authuser=0
สัตว์ทะเลลึกหลายชนิดพันธุ์ต่างแยกกันมีวิวัฒนาการ เพื่อสร้างผิวที่สามารถดักจับและเก็บแสงสว่างได้เกือบ 100% Poromitra crassiceps (c) Karen Osbornที่มาของภาพ,KAREN OSBORN/SMITHSONIAN

ผลการวิเคราะห์ผิวหนังของสัตว์ทะเลลึกดังกล่าวพบว่า พวกมันมีอนุภาคของเม็ดสีเรียงติดกันแน่นขนัดโดยไม่มีช่องว่าง ซึ่งอนุภาคเหล่านี้ก่อตัวเป็นชั้นบางในผิวหนังเพียงชั้นเดียว โดยเม็ดสีมีขนาดและรูปร่างที่เหมาะสมในการกระจายให้แสงผ่านเข้าไปใต้ผิวหนังได้พอดี ทั้งยังดักจับแสงเอาไว้ไม่ให้สะท้อนกลับออกมาด้วย

https://lh3.googleusercontent.com/p-...-no?authuser=0
ผิวสีมืดสนิทที่ดักจับและเก็บแสงสว่างได้ดี เป็นวิธีการพรางตัวที่มีประสิทธิภาพสูงใต้ทะเลลึก Anoplogaster notkept (c) Karen Osbornที่มาของภาพ,KAREN OSBORN/SMITHSONIAN

โครงสร้างของเม็ดสีแบบพิเศษดังกล่าว ช่วยให้พรางตัวในที่โล่งใต้ทะเลลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีแสงจากสัตว์ผู้ล่าเช่นปลาตกเบ็ด (anglerfish) ฉายส่องมา หรือเมื่อต้องอำพรางไม่ให้ตนเองกลายเป็นจุดเด่นหากกลืนกินปลาหรือสัตว์เรืองแสงเข้าไป

https://lh3.googleusercontent.com/tP...-no?authuser=0
Idiacanthus antrostomus (c) Karen Osbornที่มาของภาพ,KAREN OSBORN/SMITHSONIAN

ความรู้เรื่องดังกล่าวทำให้ ดร. ออสบอร์น สามารถคิดค้นวิธีจัดแสงให้ถ่ายภาพปลาทะเลลึกผิวมืดได้คมชัดขึ้น และความรู้นี้อาจนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อคิดค้นวัสดุสีดำพิเศษเคลือบด้านในของกล้องถ่ายภาพหรือกล้องโทรทรรศน์ได้

ส่วนความคืบหน้าล่าสุดของวิทยาการด้านนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยสถาบันเทคโนโลยีเอ็มไอที (MIT) ของสหรัฐฯ เปิดตัววัสดุชนิดใหม่ที่ดูดกลืนแสงได้มากกว่า 99.995% ดำมืดยิ่งกว่าสีแวนตาแบล็กถึง 10 เท่า


https://www.bbc.com/thai/features-53462845



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:30

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger