SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 13 ตุลาคม 2564 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5694)

สายน้ำ 13-10-2021 03:20

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 13 ตุลาคม 2564
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่พายุโซนร้อนกำลังแรง "คมปาซุ" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง "คมปาซุ" มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 13-14 ต.ค. 64 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 13-16 ต.ค. 64 ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนน้อย ในขณะที่ร่องมรสุมจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง

อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง "คมปาซุ" มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าใกล้เกาะไหหลำในช่วงวันที่ 12-13 ต.ค. 64 และคาดว่า จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 13-14 ต.ค. 64


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 13-16 ต.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดจากฝั่ง



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุ "คมปาซุ"" ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2564

เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (13 ต.ค. 2564) พายุโซนร้อนกำลังแรง "คมปาซุ" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.9 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 13-14 ตุลาคม 2564 หลังจากนี้จะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงวันดังกล่าว

อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้



https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

สายน้ำ 13-10-2021 03:52

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


กร่างเต็มอ่าว! กลุ่มประมงเถื่อนขับเรือล้อม จนท.ขัดขวางการยึดลอบไอ้โง่

นครศรีธรรมราช - ประมงเถื่อนวางลอบไอ้โง่กลางอ่าวปากพนัง จนท.บุกยึดได้นับพันลูกมูลค่ากว่า 1 ล้านบ้าน สร้างความไม่พอใจขับเรือล้อมเจ้าหน้าที่ขัดขวางการยึด ด้านกำนัน ผู้ใหญ่บ้านสุดทนขนชาวประมงถูกกฎหมายช่วยเจ้าหน้าที่ ก่อนกลุ่มประมงเถื่อนจะล่าถอยไป

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

วันนี้ (12 ต.ค.) น.อ.สมเกียรติ ทรงสวัสดิ์ รองผู้อำนวยการ ศรชล.นครศรีธรรมราช ได้รายงานผู้บังคับบัญชาระดับสูงถึงเหตุการณ์กลุ่มเรือประมงเถื่อนประเภทใช้เครื่องมือผิดกฎหมายชนิดลอบพับ หรือลอบไอ้โง่ ซึ่งเป็นเครื่องทำลายล้างต้องห้ามนำมาใช้ทำประมงโดยเด็ดขาด ได้ร่วมกันนำเครื่องมือชนิดนี้มาทำประมงกว่า 1,000 ลูก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยเกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ขณะที่เจ้าหน้าที่ ศรชล.นครศรีธรรมราช นายพรศักดิ์ ศักดิ์ธานี ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช ตำรวจน้ำปากพนัง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้สนธิกำลังเข้าปฏิบัติการกวาดล้างเครื่องมือประมงผิดกฎหมายในพื้นที่ทะเลชายฝั่งเขต ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

โดยเจ้าหน้าที่พบการลักลอบวางเครื่องมือชนิดลอบไอ้โง่จำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงเข้าปฏิบัติการตรวจยึดเก็บเป็นของกลางในการดำเนินคดี โดยได้กวาดเก็บเป็นระยะทางยาวกลายกิโลเมตร มีลอบไอ้โง่กว่า 1,000 ลูก ขณะที่ทำการตรวจยึดนั้น ปรากฏว่า มีกลุ่มประมงเถื่อนซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าของเครื่องมือผิดกฎหมายที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึด พยายามเข้าปิดล้อมขัดขวางก่อกวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพไว้ได้จำนวน 12 ลำ มีชาวประมงอยู่ภายในเรือซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นเจ้าของลอบไอ้โง่ที่ถูกลักลอบทำประมงผิดกฎหมายประมาณ 24 คน พยายามแสดงท่าทีคุกคามและขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

อย่างไรก็ตาม ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ประสานกับ นายประยุทธ ฐานะวัฒนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านอีกหลายคนในพื้นที่ ได้ช่วยกันนำเรือประมงพร้อมชาวประมงที่ต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายออกมาอีกราว 40 คน เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดลอบพับ หรือลอบไอ้โง่ เพื่อแสดงให้กลุ่มประมงผิดกฎหมายเห็นว่า แม้แต่ชาวประมงด้วยกันในพื้นที่ได้แสดงเจตนาร่วมกันปฏิเสธการทำประมงผิดกฎหมาย ก่อนที่กลุ่มประมงลอบไอ้โง่จะล่าถอยไป

ส่วนลอบไอ้โง่ที่เจ้าหน้าที่ยึดได้นั้นมีมากกว่า 1,000 ลูก มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกตรวจยึดและนำเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากพนัง ท้องที่ที่เกิดเหตุดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว


https://mgronline.com/south/detail/9640000101031


สายน้ำ 13-10-2021 03:57

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


วิจัยเผย 'โลกร้อน' กระทบชาวโลกกว่า 85%

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds
แฟ้มภาพ เอเอฟพี

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ว่าบทวิเคราะห์ของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์กว่า 10,000 ชิ้นระบุว่า ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ส่งผลกระทบต่อประชากรโลกถึง 85% แล้ว

ทางทีมนักวิจัยจากสถาบันวิจัยเมอร์คาเตอร์และศูนย์วิเคราะห์อุณหภูมิในเบอร์ลินได้ใช้เครื่องมือที่มีความสามารถในการค้นหาข้อมูลหลักฐานของผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มีต่อโลกผ่านงานวิจัยที่เผยแพร่ระหว่างปี 1951 ? 2018 โดยได้พบหลักฐานมากถึง 100,000 หน้า

นายแม็กซ์ คัลลาฮัน หัวหน้าผู้จัดทำกล่าวว่า พวกเราได้พบหลักฐานเป็นจำนวนมากที่ว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศส่งผลกระทบต่อทุกทวีปทั่วโลก

ทั้งนี้นักวิจัยได้ทำให้คอมพิวเตอร์ระบุการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ โดยจัดทำรายการเอกสารในหัวข้อต่างๆ ตั้งแต่การย้ายถิ่นของผีเสื้อ การเสียชีวิตของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับความร้อน ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้ และใช้ข้อมูลตำแหน่งจากการศึกษาต่างๆ ในการแบ่งโลกออกเป็นตาราง และทำแผนที่ซึ่งข้อมูลผลกระทบของสภาพอากาศตรงกับแนวโน้มของอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนที่ขับเคลื่อนด้วยสภาพอากาศ นอกจากนี้ในแต่ละช่องจะป้อนข้อมูลถามคอมพิวเตอร์ว่า ที่ตรงนี้ร้อนขึ้นหรือเย็นลงหรือเปียกขึ้นหรือแห้งลง ก่อนที่จะเช็คว่าความร้อนแบบนี้ตรงกับสิ่งที่คาดไว้จากแบบจำลองสภาพภูมิอากาศหรือไม่

ทีมผู้วิจัยพบว่า พื้นที่ 80% ของโลกซึ่งเป็นบ้านของประชากรโลกถึง 85% ได้รับผลกระทบที่ตรงกับการคาดการณ์ของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนซึ่งมีผลมาจากภาวะโลกร้อน อย่างไรก็ตามงานวิจัยได้รวบรวมผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศอย่างไม่สมดุลย์กัน โดยงานวิจัยในภูมิภาคที่มีความเปราะบางสูงมีน้อยกว่าในประเทศที่ร่ำรวย กล่าวคือ ไม่มีงานวิจัยในแอฟริกามากพอที่จะยืนยันได้ว่าอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนในแอฟริกามีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ


https://www.matichon.co.th/foreign/news_2987741



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:53

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger