SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5079)

สายน้ำ 20-03-2020 03:32

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2563
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไป และมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน และระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 20 - 23 มี.ค. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น

ส่วนในช่วงวันที่ 24? 25 มี.ค. 63 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก สำหรับภาคใต้มีฝนน้อย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 20-23 มี.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 23 มีนาคม 2563)" ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2563

ในช่วงวันที่ 20-23 มีนาคม 2563 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้

ในช่วงวันที่ 20-21 มีนาคม 2563

ภาคเหนือ: จังหวัดตาก กำแพงเพชร สุโขทัย แพร่ ลำพูน ลำปาง น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทุบรี และตราด

ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล


ในช่วงวันที่ 22-23 มีนาคม 2563

ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทุบรี และตราด

ภาคกลาง: จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี

ทั้งนี้เนื่องจากคลื่นอากาศในกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุม ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น



https://i1198.photobucket.com/albums...psrv6w8cys.jpg

https://i1198.photobucket.com/albums...pspq6h4erq.jpg

https://i1198.photobucket.com/albums...psuepc1uzx.jpg

https://i1198.photobucket.com/albums...psre2auymb.jpg

สายน้ำ 20-03-2020 04:15

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


แนะวิธีแยก "แมงดาทะเลมีพิษ"

https://i1198.photobucket.com/albums...psgg4ysgfh.jpg

นักวิชาการแนะวิธีแยก "แมงดาทะเลมีพิษ" และช่วงนี้ให้งดบริโภค "ไข่แมงดา" เหตุเสี่ยงพิษ โดยในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานแมงดาที่มีพิษอยู่ไม่น้อย

จากกรณีมีผู้หญิงในจังหวัดสระแก้ว ซื้อไข่แมงดาทะเลจากตลาดไปประกอบอาหารรับประทานในครอบครัว แต่ภายหลังรับประทานไปได้ไม่นาน เกิดอาการปากชา มือเท้าชา หายใจลำบาก ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แพทย์ระบุเหตุจากพิษของไข่แมงดาทะเลที่รับประทานเข้าไปโดยไม่ทราบว่ามีพิษ

เพื่อให้ความรู้ในการจำแนกชนิดของแมงดามีพิษกับไม่มีพิษ รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องแมงดาทะเล ในโครงการการใช้ฐานทรัพยากรชีวภาพอ่าวปัตตานี สู่การใช้ประโยชน์โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพยั่งยืนและมั่นคง ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ออกมาแนะนำให้ความรู้เกี่ยวกับแมงดาทะเล รวมถึงข้อสังเกตในการเลือกดูว่าแมงดาทะเลชนิดพันธุ์ใดที่มีพิษ

https://i1198.photobucket.com/albums...ps7jakjawa.jpg
แมงดาถ้วยที่กินไม่ได้

รศ.ดร.ซุกรี ให้ข้อมูลว่า แมงดาทะเลที่มีพิษ คือ "แมงดาถ้วย" โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงฤดูวางไข่ของแมงดาถ้วย ซึ่งจะพบมากในฝั่งอ่าวไทย โดยแมงดาถ้วยเริ่มวางไข่มาตั้งแต่เดือนธันวาคม และมีความหนาแน่นของไข่ที่พร้อมกินแต่มีความเป็นพิษสูง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน

"ใครที่รับประทานไข่แมงดาช่วงนี้ไปจนถึงเดือนเมษายนให้รู้ไว้ว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นไข่แมงดาถ้วย ซึ่งมีพิษอันตรายถึงชีวิต ในอดีตชาวบ้านไม่นิยมกิน แต่เข้าใจว่าระยะหลังเริ่มมีชาวประมงนำแมงดาถ้วยมาขาย ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีราคา แต่เพราะไข่ของแมงดาจานไม่มีพิษเริ่มถูกจับมาขายมากขึ้น จนจำนวนเริ่มลดน้อยลง จนบางพื้นที่ของไทยนำเข้าแมงดาจาน จากประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก ทำให้ไข่แมงดาจานมีราคาแพง จึงอาจจะมีการนำแมงดาถ้วยมาผสมขายและบริโภคแทนก็ได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมาก"

รศ.ดร.ซุกรี กล่าวว่า แมงดาถ้วยหรือ แมงดาไฟ หรือ เหรา โดยเรียกชื่อต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ พบได้เยอะในประเทศไทย อาศัยอยู่ตามหาดโคลนปนทราย ลักษณะภายนอกจะมีกระดองโค้งกลมเหมือนถ้วย ตัวสีเข้มวางไข่ตามป่าชายเลย วิธีสังเกตง่ายๆ จากลักษณะกายภาพให้ดูที่ โคนหางถึงกลางหาง จะมีลักษณะกลมเหมือนแท่งดินสอ เป็นแมงดาที่มีพิษไม่นิยมนำไข่มารับประทาน เนื่องจากกินแล้วเมา ผู้มีอาการแพ้จะมีอาการปากชา พูดไม่ได้ แขนขาชา หายใจไม่ออก บางรายอาจมีอาเจียนร่วมด้วยและเสียชีวิต

https://i1198.photobucket.com/albums...pspqiln3ks.jpg
แมงดาจานที่กินได้

"สำหรับแมงดาชนิดที่นำไข่มารับประทานได้ คือ "แมงดาจาน" ในอดีตพบมากในประเทศไทยทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย แต่ระยะหลังนี้เริ่มน้อยลงจนและเสี่ยงสูญพันธุ์ในฝั่งอ่าวไทย ลักษณะทางกายภาพลำตัวแบนกว้างเหมือนจาน หากสังเกตที่หางจะเป็นสามเหลี่ยมตั้งแต่โคนถึงกลางหาง ส่วนปลายหางจะแหลม"

รศ.ดร.ซุกรีกล่าวอีกว่า ไข่แมงดาจานก็มีพิษอยู่บ้าง แต่ถือว่าน้อยมากจนไม่เกิดอันตราย คนจึงนิยมนำไข่แมงดาจานมารับประทาน โดยเฉพาะคนจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ทำให้จำนวนประชากรแมงดาจานเริ่มเหลือน้อยมากในประเทศไทย จนกระทั่งในระยะหลังเริ่มมีการนำเข้าไข่แมงดาจานจากเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้ในแง่ของการอนุรักษ์ประชากรแมงดาจาน อยากให้ประชาชนลดการรับประทานไข่แมงดาจานเพื่อเป็นการอนุรักษ์ประชากรแมงดาจานให้อยู่ในระบบนิเวศทางทะเลต่อไปด้วย

"แมงดาเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนจานคว่ำหรือชามขนาดใหญ่ ซึ่งสัตว์จำพวกอื่นที่มีอวัยวะแบบเดียวกันนี้ คือ แมงมุม และแมงป่อง อาหารของแมงดามีหลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นพวกหอย ปู กุ้ง ปลา รวมถึงสาหร่ายทะเล ขาของแมงดามีความสามารถใช้สำหรับจับการเคลื่อนไหวหรือดมกลิ่นได้ แม้แมงดาจะมีรูปร่างดูเทอะทะ แต่ร่างกายของแมงดากลับยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี โดยแมงดาเพศเมียภายในร่างกายจะมีการผลิตไข่อยู่ตลอดเวลาเพื่อรอเวลาผสมพันธุ์และวางไข่"

อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.ซุกรีแนะนำว่า ไม่ควรซื้อไข่แมงดาทะเลมาปรุงอาหารรับประทานเอง หากอยากรับประทานไข่แมงดาทะเลมาก แนะนำให้ไปที่ร้านอาหารทะเลที่ปรุงสำเร็จจะดีกว่า เพราะร้านอาหารทะเลจะมีความชำนาญในการสังเกตและเลือกไข่แมงดาที่ปลอดภัยมาขายได้ดีกว่าผู้บริโภคทั่วไป


https://mgronline.com/science/detail/9630000027999



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:47

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger