SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2567 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=6906)

สายน้ำ 06-04-2024 02:17

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2567
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานานไว้ด้วย ในขณะที่ลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 8?11 เม.ย. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในระยะแรก โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวมีกำลังอ่อน


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 27-29 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 6 ? 7 เม.ย. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 8 ? 11 เม.ย. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในระยะแรก โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป

ในช่วงวันที่ 6 ? 9 เม.ย. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ส่วนลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 11 เม.ย. 67 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามัน ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 8 ? 11 เม.ย. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย



https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

สายน้ำ 06-04-2024 03:07

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ขนลุก ซากแมงกะพรุนนับพัน ตายเกลื่อนหาดเกาะผักเบี้ย กระบี่

พบซากแมงกะพรุนลอดช่องนับพัน ตายเกลื่อนหาดเกาะผักเบี้ย และลอยในทะเล เขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ ชี้ไม่มีพิษ แต่ไม่ควรไปสัมผัส อาจมีอาการแพ้ได้

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ วันที่ 4 เม.ย. ภาพของฝูงแมงกะพรุนหลายพันตัวที่ถูกคลื่นซัดเข้าไปตามเกาะต่างๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ ทำให้มีแมงกะพรุนลอยเต็มทะเล จนทางอุทยานฯ ต้องออกมาประกาศเตือนให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังขณะลงเล่นน้ำ อย่าไปสัมผัสเพราะเกรงจะแพ้พิษ

ล่าสุด เช้าวันเดียวกัน บริเวณชายหาดบนเกาะผักเบี้ย ในเขตอุทยานฯ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พบซากแมงกะพรุนนับพันตัว ถูกคลื่นซัดมากองเรียงรายเต็มแนวชายหาด โดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ถ่ายไว้ขณะนำเรือตรวจการณ์ออกสำรวจความเรียบร้อยในพื้นที่ ซึ่งแมงกะพรุนดังกล่าวเรียกว่า แมงกะพรุนลอดช่อง ลักษณะเป็นวุ้นใส ขนาดตั้งแต่ 3-5 นิ้ว กองเรียงรายตามริมชายหาด ระยะทาง 200-300 เมตร โดยเช้านี้พบมากที่เกาะผักเบี้ยหลังน้ำทะเลลด ขณะตามจุดเล่นน้ำที่เกาะเหลาลาดิง และเกาะห้อง ยังมีแมงกะพรุนจำนวนมากเช่นกัน ทางอุทยานฯ ต้องคอยประชาสัมพันธ์เตือนนักท่องเที่ยวเพื่อความปลอดภัย ขณะที่บางส่วนเลี่ยงที่จะลงเล่นน้ำ แต่นอนอาบแดดตามชายหาดแทน เพราะกลัวจะไปสัมผัสแมงกะพรุนแล้วเกิดอาการแพ้

นายศิริวัฒน์ สืบสาย หน.อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เผยว่า ภาพซากแมงกะพรุนดังกล่าว ตรวจพบเช้าวันนี้ที่เกาะผักเบี้ย ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลลด เจ้าหน้าที่ต้องเร่งจัดเก็บนำไปฝังกลบ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะส่งกลิ่นเหม็นเน่า คาดว่าในช่วงบ่ายแมงกะพรุนจำนวนมากจะเปลี่ยนทิศทางไปตามกระแสน้ำไปเข้าที่เกาะห้อง แม้แมงกะพรุนลอดช่องชนิดนี้ไม่มีพิษรุนแรง แต่ก็ไม่ควรไปสัมผัสหรือจับเล่น เพราะบางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้ ช่วงนี้จึงยังไม่เหมาะจะลงเล่นน้ำ เพราะยังมีแมงกะพรุนลอยเข้ามาอีกจำนวนมาก สถานการณ์น่าจะดีขึ้นเมื่อกระแสลมเปลี่ยนทิศ.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2775983


สายน้ำ 06-04-2024 03:14

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ผลศึกษาประเมิน "ขยะพลาสติก" เกลื่อนพื้นมหาสมุทรมากถึง 11 ล้านตัน

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

การศึกษาของทีมจากองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (ซีเอสไออาร์โอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิทยาศาสตร์ของออสเตรเลีย และมหาวิทยาลัยโทรอนโตของแคนาดา คาดว่า มีขยะพลาสติกมากถึง 11 ล้านตันอยู่บนพื้นมหาสมุทร จากการใช้แบบจำลองคาดการณ์สองแบบ เพื่อประเมินปริมาณและการกระจายตัวของพลาสติกบริเวณพื้นมหาสมุทร

สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ว่านายเดนิส ฮาร์เดสตี นักวิจัยอาวุโสประจำซีเอสไออาร์โอ กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นการประเมินจำนวนขยะพลาสติกที่จมลงสู่พื้นมหาสมุทร และตำแหน่งที่ขยะกองรวมกันครั้งแรกของโลก พร้อมทั้งเสริมว่า เรารู้ว่ามีขยะพลาสติกหลายล้านตันถูกทิ้งลงสู่มหาสมุทรทุกปี แต่ไม่เคยทราบว่า จำนวนขยะที่จมลงสู่พื้นมหาสมุทรนั้นมีมากเท่าใด

ฮาร์เดสตีกล่าวว่า พื้นมหาสมุทรได้กลายมาเป็นแหล่งกักเก็บขยะพลาสติกส่วนใหญ่ โดยคาดว่ามีพลาสติก 3-11 ล้านตันจมลงสู่พื้นมหาสมุทร ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าว อ้างอิงข้อมูลจากยานยนต์ใต้น้ำควบคุมระยะไกล และการตรวจสอบบริเวณด้านล่างพื้นมหาสมุทร

ข้อมูลจากยานยนต์ใต้น้ำควบคุมระยะไกล ระบุว่า มวลพลาสติกบนพื้นมหาสมุทรกระจุกตัวอยู่ตามทวีปต่าง ๆ โดยร้อยละ 46 กองอยู่ที่ระดับความลึกไม่ถึง 200 เมตร ส่วนอีกร้อยละ 54 อยู่ที่ระดับความลึกระหว่าง 200-11,000 เมตร

ทั้งนี้ การวิจัยดังกล่าวคาดการณ์ว่า ทะเลภายในแผ่นดินซึ่งครอบคลุมร้อยละ 11 ของพื้นผิวโลก มีมวลพลาสติกมากเทียบเท่ากับมหาสมุทร ซึ่งครอบคลุมร้อยละ 56 ของพื้นที่ผิวโลก.

ข้อมูล : XINHUA


https://www.dailynews.co.th/news/3320523/


สายน้ำ 06-04-2024 03:17

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ประมงรุดตรวจคุณภาพน้ำโขงหลังรถสารเคมีคว่ำในลาว พบปลอดภัยไม่มีสารเคมีตกค้าง

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

หนองคาย-ประมงจังหวัดหนองคาย นำเจ้าหน้าที่รุดตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง หลังเกิดเหตุรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำในลาว ทำกรดซัลฟิวริกไหลลงแม่น้ำโขง ผลตรวจปลอดภัยดี ไม่มีสารเคมีตกค้าง แจ้งประชาชนสบายใจ เหตุระยะทางกว่าจะมาถึงหนองคาย 400 กิโลเมตร น้ำโขงระดับต่ำสารเคมีตกตะกอนก่อนและเจือจางแล้ว น้ำโขงยังใช้ประโยชน์ในทุกด้านตามปกติ

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ออกประกาศแจ้งเตือนเฝ้าระวังผลกระทบจากคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง จากการที่ สปป.ลาว แจ้งเตือนประชาชนเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 กรณีรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำ ทำให้กรดซัลฟิวริกไหลลงสู่แม่น้ำคาน บริเวณแขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2567 ซึ่งระยะทางจากจุดเกิดเหตุห่างจาก อ.เชียงคาน จ.เลย ประมาณ 293 กิโลเมตร

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำโขงพบว่าสารเคมีจะเคลื่อนตัวผ่านเขื่อนไชยะบุรี วันที่ 5 เมษายน 2567 ซึ่งจะทำให้สารเคมีเจือจางลง จากนั้นจะเคลื่อนตัวลงสู่ประเทศไทย ด้าน จ.เลย ช่วงวันที่ 8-10 เม.ย.2567 จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำแม่น้ำโขงในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (5 เม.ย.67) ดร.สุทัศน์ เผือกจีน ประมงจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดหนองคาย, ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย, ทหารชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีที่ 205 และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำโขง และชาวบ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันติดตามสถานการณ์น้ำโขง

ดร.สุทัศน์ เผือกจีน ประมงจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดหนองคาย ได้ทำการตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง โดยการเก็บตัวอย่างและนำมาวิเคราะห์คุณภาพของน้ำ ด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ด้านประมง ตัวที่บ่งบอกสารเคมีกรดซัลฟิวริกจะมีค่าเป็นกรดสูง ค่าpH (ค่าความเป็นกรดด่าง) ประมาณ 3-4 แต่ค่า pH ในแหล่งน้ำทั่วไปในแม่น้ำโขงจะอยู่ที่ 7-9 เป็นตัวเลขปกติ

ผลการวิเคราะห์ในวันนี้พบว่า ค่าpH อยู่ที่ 8 เป็นค่าปานกลาง ปกติ ส่วนคุณภาพน้ำตัวอื่น เช่น ค่าออกซิเจน ค่าแอมโมเนีย ค่าไนไตรไนเตรท ซึ่งเป็นค่าตัวเลขเหมาะสมกับการเลี้ยงสัตว์น้ำมีค่าเป็นศูนย์ คือไม่มีสารพิษ ส่วนค่าความเป็นกรดอัลทิลิตี้ อยู่ในค่าเหมาะสม ดังนั้นภาพรวมคุณภาพน้ำแม่น้ำโขงปกติ ยังปลอดภัยดี จุดที่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ มีระยะทางห่างจาก จ.หนองคาย ประมาณ 400 กม. และมีเขื่อนกั้นอีก

ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนได้สบายใจ เพราะระยะทางห่างไกล สารเคมีที่ไหลลงจะตกตะกอนจากตอนบนหมดแล้ว เมื่อน้ำไหลมาถึงหนองคายแทบจะไม่มีสารเคมีหลงเหลือหรือถ้ามีก็เล็กน้อยมากซึ่งไม่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต อีกประการหนึ่งคือช่วงนี้หน้าแล้ง น้ำโขงจะน้อย น้ำไหลช้า สารเคมีจะตกตะกอน ไหลช้า โอกาสมาถึงหนองคายแทบไม่มีเลย ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นห่วง

กระนั้นก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดหนองคายไม่ได้นิ่งนอนใจ จะเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความปลอดภัยและจะยังคงเฝ้าติดตามประมาณ 1 สัปดาห์ ตอนนี้ปลอดภัยและมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อประชาชนลุ่มน้ำโขงที่หนองคายแต่อย่างใด.


https://mgronline.com/local/detail/9670000030193


สายน้ำ 06-04-2024 03:21

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


"ปะการังฟอกขาว" ขยายคุกคามแนวปะการังหลักในเขตร้อน NOAA ชี้โอกาสเกิด 90%

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds
เครดิตภาพ : รอยเตอร์

องค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ NOAA ส่งสัญญาณเตือนมาตั้งแต่ต้นมี.ค.ที่ผ่านมาว่า โลกจวนจะเกิดเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่เป็นรอบที่ 4 อาจส่งผลต่อแนวปะการังเขตร้อนตายเป็นวงกว้าง นั่นรวมถึงบางส่วนของแนวปะการังใหญ่ที่สุดในโลก "เกรตแบร์ริเออร์รีฟ" ด้วย

พร้อมกับคาดการณ์ว่าการฟอกขาวของปะการังจะยังคงดำเนินต่อไปในบริเวณแนวปะการังหลักๆ หลายแห่ง เนื่องจากคลื่นความร้อนในทะเลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีระบบนิเวศแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ Great Barrier Reef ของออสเตรเลีย ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด

ตามการคาดการณ์ของ NOAA ระบุพื้นที่แนวปะการังในเส้นศูนย์สูตรตอนกลางและแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ และมหาสมุทรอินเดียตะวันตก อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุด นั่นรวมถึงแนวโน้มของแนวปะการัง Great Barrier Reef ในออสเตรเลีย ซึ่งภายในระยะ 4 เดือนข้างหน้า (มี.ค.-มิ.ย.2024) มีโอกาสเกิดการฟอกขาวสูงถึง 90%

เหตุใดจึงสำคัญ : แนวปะการังมีอยู่ในกว่า 100 ประเทศและดินแดน และสนับสนุนพันธุ์สัตว์ทะเลอย่างน้อย 25% ทำให้เกิดความมั่นคงด้านอาหารและเศรษฐกิจสำหรับผู้คนหลายร้อยล้านคน

ระดับภัยคุกคาม : "เรามั่นใจที่จะบอกว่าเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวขนาดใหญ่ที่แพร่หลายกำลังเกิดขึ้น" เดเร็ก แมนเซลโล นักนิเวศวิทยา ผู้ประสานงานโครงการ Coral Reef Watch (CRW) ของ NOAA กล่าวในแถลงการณ์

แนวโน้มในระยะ 4 เดือนข้างหน้า (มี.ค.-มิ.ย.2024) ของ CRW : ชี้ให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมแนวปะการังเกือบทั้งหมดในซีกโลกใต้มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเครียดจากความร้อนในระดับการฟอกขาว

"หากสิ่งนี้เกิดขึ้น มีเพียงหมู่เกาะออสตราล (ในเฟรนช์โปลินีเซีย) เท่านั้นที่มีแนวโน้มที่จะรอดพ้นจากความเครียดจากความร้อนในระดับการฟอกขาวในปีนี้" แมนเซลโลกล่าว

"หากสภาวะปัจจุบันยังคงมีอยู่และรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ CRW คาดการณ์ไว้ในช่วง 4 เดือนข้างหน้า เราอาจจะได้เห็นเหตุการณ์ฟอกขาวทั่วโลกในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้านี้"

สถิติอันน่าทึ่ง: จากการค้นพบใหม่จาก Copernicus Climate Change Service ก็คือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมามีอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกร้อนที่สุด เท่าที่บันทึกไว้ในข้อมูลย้อนหลังไปถึงปี 1940


"เกรทแบร์ริเออร์รีฟ" ก็ยากที่จะรอด

ในออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอุทยานทางทะเลเกรทแบร์ริเออร์รีฟ ได้ออกมายืนยัน (เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา) ว่า "เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวที่แพร่หลายเป็นวงกว้างกำลังเกิดขึ้นทั่วแนวปะการังแห่งนี้แล้ว"

หน่วยงานได้รับการแจ้งเตือนเรื่องการฟอกขาวจากบริเวณแนวปะการังอื่นๆ ทั้งหมด และนักวิจัยยังคงดำเนินการสำรวจใต้น้ำทั่วทั้งระบบนิเวศ ซึ่งทอดยาวประมาณ 1,400 ไมล์

นี่เป็นเหตุการณ์ฟอกขาวครั้งที่ 5 ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา และกำลังเกิดเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ปี 1998 (เหตุการณ์ฟอกขาวครั้งใหญ่เกิดขึ้น ปี 1998, 2002, 2016, 2017, 2020 และ 2022)

เทอร์รี ฮิวจ์ ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาทางทะเลที่มหาวิทยาลัยเจมส์ คุกของออสเตรเลีย กล่าวว่าความเครียดจากความร้อนที่สะสมตามแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา (มีนาคม 2024)

"หากสิ่งนี้ดำเนินต่อไปอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ มันจะเกินระดับความร้อนเช่นเดียวกับ 6 เหตุการณ์ก่อนหน้านี้" เขากล่าว

กรณีตัวอย่าง: แนวปะการังของรัฐฟลอริดา "น่าเสียดายที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่สร้างความเครียดหลายอย่าง โดยความเครียดจากความร้อนที่สร้างสถิติล่าสุดคือผลกระทบล่าสุด? แมนเซลโล กล่าว

NOAA ได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูแนวปะการังเพื่อตอบสนองต่อการใช้ "เทคนิคการฟื้นฟูที่ล้ำสมัยเพื่อให้แน่ใจว่าปะการังสายพันธุ์หลักยังคงมีส่วนสำคัญต่อไป" ต่อระบบนิเวศและเศรษฐกิจของฟลอริดา เขากล่าว

วิธีการทำงาน: โดยเฉพาะปะการังน้ำอุ่นถือเป็นสายพันธุ์แนวหน้าที่กำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน เนื่องจากมีช่วงอุณหภูมิที่แคบมากซึ่งพวกมันสามารถดำรงชีวิตและอยู่รอดได้

เมื่อน้ำอุ่นเกินไป ปะการังจะไล่สาหร่ายที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อออกมา ซึ่งทำให้พวกมันกลายเป็นสีขาวน่ากลัวในกรณีที่เรียกว่า "การฟอกขาวของปะการัง"

ทั้งนี้ปะการังฟอกขาวมีความเสี่ยงต่อโรคและการตาย NOAA ระบุว่าสิ่งนี้สามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ผู้สังเกตการณ์ของสหประชาชาติได้พิจารณาให้แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟเป็นสถานที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกแห่งแรกที่ถูกเพิ่มเข้าใน "รายชื่อที่ตกอยู่ในอันตราย" เนื่องจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศภายหลังเหตุการณ์การฟอกขาวครั้งใหญ่

เมื่อปีที่แล้วตัดสินใจไม่ทำเช่นนั้น แต่เตือนว่าแนวปะการังอันโด่งดังแห่งนี้ยังอยู่ภายใต้ ?ภัยคุกคามร้ายแรง? เนื่องจากน้ำทะเลที่ร้อนจัดบางแห่งทั่วโลกเกิดจากเหตุการณ์เอลนีโญที่รุนแรงในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนบริเวณเส้นศูนย์สูตร แต่เหตุการณ์นั้นเริ่มลดลงแล้ว

อย่างไรก็ตาม NOAA คาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ลานีญา จะก่อตัวขึ้นในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง เหตุการณ์นี้มีน้ำเย็นกว่าปกติในเขตร้อนแปซิฟิกตะวันออก และหากเกิดเหตุการณ์ใหม่ขึ้น ก็สามารถช่วยลดความเครียดจากความร้อนในมหาสมุทรสำหรับบางส่วนได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด สำหรับแนวปะการังที่มีความร้อนสูงเกินไป ณ ปัจจุบัน

อ้างอิง
-https://www.axios.com/2024/03/07/coral-reef-bleaching-great-barrier-ocean-warming-noaa
-https://www.reuters.com/business/environment/world-brink-fourth-mass-coral-reef-bleaching-event-noaa-says-2024-03-05/



https://mgronline.com/greeninnovatio.../9670000029972


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:54

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger