SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน 2563 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5339)

สายน้ำ 10-11-2020 03:22

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน 2563
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกจากประเทศจีนได้แผ่ลงมา ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็นและมีลมแรง ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภู มีอากาศหนาว ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ขอให้ประชาชนบริเวณบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

อนึ่ง พายุโซนร้อน "เอตาว" (พายุระดับ 3) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ในวันนี้ (วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563) หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน (พายุระดับ 2) และหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศกัมพูชา ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออก มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 10 ? 15 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็นและมีลมแรง ในขณะที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบนและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง พายุโซนร้อน "เอตาว" (พายุระดับ 3) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางมีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 10 พ.ย. 63 ทำให้ในช่วงวันที่ 10 ? 12 พ.ย. 63 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก มีฝนบางแห่งกับมีลมแรง สำหรับพายุดีเปรสชัน (พายุระดับ 2) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่า จะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 11 ? 12 พ.ย. 63 และแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน (พายุระดับ 3)


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนไว้ด้วย และประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุโซนร้อน "เอตาว" (พายุระดับ 3) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 10 ? 11 พ.ย. 2563)" ฉบับที่ 6 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563

เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (10 พฤศจิกายน 2563) พายุโซนร้อน "เอตาว" (พายุระดับ 3) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากทางด้านตะวันออกของเมืองนาตรัง ประเทศเวียดนาม ประมาณ 200 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 12.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 111.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ในวันนี้ (วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563) หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน (พายุระดับ 2) และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศกัมพูชา ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง ขอให้เกษตรกรบริเวณดังกล่าวเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย



https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

สายน้ำ 10-11-2020 03:26

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ทช.เร่งตรวจสอบกระดูกวาฬโบราณที่บ้านแพ้ว ยาวกว่า 15 เมตร มีอายุหลายพันปี



สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 3 ลุยตรวจกระดูกวาฬที่ขุดค้นพบในที่ดินไกลทะเล ใน อ.บ้านแพ้ว เบื้องต้นคาดว่าขนาดยาวกว่า 15 เมตร และอายุหลายพันปีแน่นอน ทั้งนี้จะเร่งขุดกระดูกมาเข้าเฝือกไปเก็บรักษา

หลังจากที่ เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา ได้มีข่าวปรากฏว่า พบโครงกระดูกขนาดใหญ่ ในพื้นที่บ่อดินของบริษัท ไบรท์ บลู เวอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตั้งอยู่ที่ ม.5 ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และหลังจากนั้น ทางสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 ศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก กลุ่มวาฬไทย ได้ลงสำรวจเบื้องต้น โดยคาดว่าน่าจะเป็นกระดูกวาฬโบราณ แต่ยังไม่ทราบสายพันธุ์

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 9 พ.ย.2563 ทางสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 3 กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกรมศิลปากร และหน่วยงานอื่นๆ ก็ได้ลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อเตรียมกู้ซากขึ้นมา และจะได้สำรวจหาสายพันธุ์ ขนาด อายุ ที่แท้จริง

นายทินกร ทาทอง ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 3 กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงในเบื้องต้นว่า ตอนนี้เท่าที่สันนิษฐานจากชิ้นส่วนที่พบ ก็คาดว่าน่าจะเป็นวาฬที่มีขนาดใหญ่ เพราะส่วนที่เห็นนั้นเป็นกระดูกที่ค่อนมาทางหาง ส่วนตัวน่าจะอยู่ใต้ดินที่เป็นถนน และหลังจากนี้ต้องรีบทำการขุดกู้ซากให้เร็วที่สุด เพราะถ้าปล่อยไว้จะเสียหายมากกว่านี้ เพราะกระดูกหากอยู่ในดินจะถูกรักษาตามธรรมชาติ แต่ถ้าเมื่อใดถูกขุดขึ้นมา สภาพอากาศ และปัจจัยต่างๆ จะทำให้ชำรุด อย่างไรด็ตามเวลาที่จะใช้กู้ซากนั้นก็ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 3 กล่าวต่อว่า หากสังเกตคร่าวๆ วาฬตัวนี้น่าจะยาวประมาณ 15 เมตรขึ้นไป และเมื่อขุดแล้วก็ต้องเข้าเฝือกกระดูกเป็นส่วนๆ ซึ่งวันหนึ่งน่าจะขุดและเข้าเฝือกโครงกระดูกได้วันละประมาณ 1 เมตรเท่านั้น เพราะต้องค่อยๆ ทำ เพื่อป้องกันการเสียหาย และเมื่อขุดแล้วก็จะต้องนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ในห้องที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่อย่างนั้นตัวกระดูกก็จะเสียหาย สำหรับการวิเคราะห์คร่าวๆ นั้น วาฬตัวนี้น่าจะมีอายุมากกว่า 1,000 ปีแน่นอน เพราะดูจากหลักฐานทางธรณีวิทยาควบคู่แล้วพื้นที่ตรงที่พบนี้เคยเป็นทะเลเมื่อหลายพันปีที่ผ่านมา เพราะจุดนี้อยู่ห่างจากทะเลเข้ามาประมาณ 15.3 กิโลเมตร และอยู่ลึกจากผิวดินลงไป 6 เมตร

สำหรับการพบกระดูกวาฬในพื้นที่ตรงนี้ และขนาดลำตัวใหญ่เท่านี้ เพิ่งจะพบเป็นครั้งแรกของไทย ที่ผ่านมาที่เคยพบก็เป็นวาฬในยุคปัจจุบันที่พบในพื้นที่ที่ไม่ห่างจากทะเลมากนัก ซึ่งการพบซากกระดูกในพื้นที่ต่างกันก็บ่งบอกถึงสภาพทางธรณีวิทยาได้ต่างกันด้วย และตอนนี้สิ่งที่นักสำรวจต้องการพบมากที่สุดก็คือส่วนหัว เพราะจะบอกได้ว่าเป็นวาฬสายพันธุ์ไหน และอายุเก่าแก่มากเท่าใด.


https://www.thairath.co.th/news/local/central/1973317

สายน้ำ 10-11-2020 03:28

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


สุดตื่นเต้น! ครั้งแรกในรอบ 10 ปี พบฝูงวาฬโอมูระโผล่อวดโฉม

พังงา - สุดตื่นเต้น! ครั้งแรกในรอบ 10 ปี พบฝูงวาฬโอมูระกว่า 15 ตัว โผล่อวดโฉม คาดพิษโควิด-19 ทำธรรมชาติฟื้นตัว

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

วันนี้ (9 พ.ย.) นายธีรโชติ ซุ่ยรักษา หรือไกด์โอม ไกด์นำเที่ยวหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา จากบริษัท เช็คอินอันดามัน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (8 พ.ย.) หลังจากพานักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมความงามที่หมู่เกาะสิมิลัน ระหว่างเดินทางกลับ ก่อนถึงท่าเทียบเรือเช็กอินอันดามัน ประมาณ 20 ไมล์ทะเล ได้พบเห็นปลาขนาดใหญ่ว่ายโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ จึงจอดเรือเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงดงามของธรรมชาติ โดยพบว่าฝูงปลาดังกล่าว คือ วาฬโอมูระ

ซึ่งเป็นวาฬขนาดใหญ่ที่สามารถพบเห็นได้ในเขตทะเลอันดามัน แต่ที่น่าแปลกใจ คือ การพบเห็นฝูงวาฬโอมูระ ในครั้งนี้มีมากกว่า 15 ตัว ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่ตนเองทำงานเดินทางไปกลับหมู่เกาะสิมิลัน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้พบเห็นฝูงวาฬจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งทำให้ตนเองและนักท่องเที่ยวดีใจมากที่มีโอกาสพบเห็นฝูงวาฬดังกล่าวนานกว่า ครึ่งชั่วโมง

สำหรับการออกมาว่ายน้ำอวดโฉมของฝูงวาฬดังกล่าว น่าจะเกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้หมู่เกาะสิมิลัน ต้องปิดการท่องเที่ยวกว่า 9 เดือน ทำให้ธรรมชาติเริ่มกลับคืนเหมือนในอดีต จึงอยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่อยากชมความงามทางท้องทะเลตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวยังหมู่เกาะสิมิลัน เพื่อชมธรรมชาติหลังมีการพักฟื้นก่อนใคร


https://mgronline.com/south/detail/9630000115730


สายน้ำ 10-11-2020 03:30

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ปลาพญานาคประหลาด ยาว 5 เมตร โผล่หลังแผ่นดินไหวที่ไต้หวัน

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

เกิดเหตุแผ่นดินไหวถึง 2 ครั้งภายในวันเดียวที่ไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมาชาวประมงสามารถจับ Oarfish หรือ คนไทยคุ้นหูกันในชื่อ "ปลาพญานาค" ซึ่งมีความยาวกว่า 5 เมตร น้ำหนัก 45 กิโลกรัม

ปลาตัวดังกล่าวถูกจับได้บริเวณชายฝั่ง Dong'ao in Yilan ของไต้หวัน ปลาพญานาคตัวนี้ได้ถูกขายให้เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในราคา 16,000 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือราวๆ 17,000 บาท โดยเจ้าของร้านอาหารได้บอกว่า เนื้อปลาพญานาคนั้นเมื่อเอาไปนึ่งแล้วจะมีรสชาตินุ่มนวลและแน่มากกว่าเต้าหู้ซะอีก

โดยปกติแล้วปลาพญานาคจะมีความยาวเพียง 100 - 200 เซนติเมตร ซึ่งความยาว 5 เมตรถือว่าเป็นขนาดที่พบได้ยากมาก อย่าไรก็ตามปลาพญานาคถือว่าเป็นสัตว์น้ำที่หายาก เพราะเป็นปลาทะเลน้ำลึก จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวมีความแรง 4.9 แมกนิจูด และ 4.8 แมกนิจูดห่างจากชายฝั่ง 14 กิโลเมตร จึงทำให้ปลาพญานาคโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำนั่นเอง


https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_5287211


สายน้ำ 10-11-2020 03:34

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


THE EXIT : ฟื้นชีพ "ตะรุเตา" ตอน 1

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

หลังปิดฤดูการท่องเที่ยวและปิดต่อเนื่องจาก COVID-19 รวม 7 เดือน อุทยานแห่งชาติตะรุเตา พบการฟื้นตัวของปะการังที่เคยเสียหายจากการเปิดจุดดำน้ำตื้น และการกลับมาของสัตว์ทะเลหากยาก ถูกมองเป็นโอกาสที่ดีในการกำหนดทิศทางจัดการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความยั่งยืน

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ซึ่งเป็นทีมสำรวจใต้น้ำ บอกว่า การลาดตระเวนสำรวจเก็บข้อมูล พบว่าสถานการณ์ระบาด COVID-19 ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติมีระยะเวลาพักฟื้นยาวนานกว่าช่วงปิดฤดูการท่องเที่ยวแบบปกติถึง 2 เดือน ซึ่งมากพอที่จะทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลง

จุดดำน้ำเกาะยาง มีความโดดเด่นของปะการังจาน หรือปะการังผักกาด ด้วยรูปทรงคล้ายช่อผักกาดสีน้ำตาล ความกว้างของช่อเป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำ ปะการังชนิดนี้เจริญเติบโตอยู่ทั่วไปในแนวปะการัง ตั้งแต่เขตน้ำขึ้นน้ำลง ระดับน้ำ 2-3 เมตร ทำให้นักท่องเที่ยว มีโอกาสสัมผัสถูกปะการังและเป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมโทรมได้ง่าย

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

เจ้าหน้าที่ บอกว่า บริเวณนี้เพิ่งเปิดให้เป็นจุดดำน้ำราว 4 ปี ทดแทนจุดดำน้ำเดิมอีกด้านของเกาะที่ปิดไป ผลจากการเก็บข้อมูลสำรวจเดือนละ 1 ครั้ง ในช่วงปิดอุทยานฯ 7 เดือน พบว่า ปะการังบริเวณนี้มีการฟื้นตัว เช่นเดียวกับจุดอื่น ๆ

นายอัสลัม สะกะแย นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล อุทยานแห่งชาติตะรุเตา อธิบายว่าปะการังจานเมื่อซ้อนกันจะเป็นช่อง ทำให้สัตว์ขนาดเล็กหลบภัยได้

ทีมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เดินทางต่อมายังด้านทิศตะวันตกของเกาะยาง ซึ่งเป็นจุดที่ปิดจุดดำน้ำ ไม่ให้มีการท่องเที่ยวมานานกว่า 4 ปี เพื่อให้ปะการังอ่อนได้ฟื้นตัว หลังพบว่าเรือและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากเกินไป ทำให้ปะการังอ่อนในแนวน้ำตื้นบริเวณนี้ตายเกือบทั้งหมด

เจ้าหน้าที่นำกล้องไปวางบนพื้นทราย ที่ความลึกระดับ 3 เมตร พบปะการังอ่อนที่เคยได้รับความเสียหายชูช่อสวยงาม เป็นดัชนีชี้วัดว่า ธรรมชาติสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ ขณะที่บนพื้นทรายหลายจุด พบปะการังอ่อนเกิดใหม่

นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล บอกว่า เหตุผลสำคัญที่ต้องเก็บข้อมูลและประเมินผลกระทบ เพื่อทำรายงานเสนอไปยังกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สลับการเปิดปิดแหล่งดำน้ำแต่ละจุด ให้ทรัพยากรธรรมชาติได้มีช่วงเวลาพักฟื้น

เกาะหินงามถูกกำหนดขีดความสามารถในการรองรับการท่องเที่ยวไว้ที่ 80 คนต่อช่วงเวลา โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ควบคุมดูแลประจำจุด ปีนี้นอกจากจะต้องควบคุมจำนวนคนให้เป็นไปตามความเหมาะสมกับทรัพยากรแล้ว สถานการณ์ระบาด COVID-19 ยังทำให้เกิดการท่องเที่ยวในรูปแบบ New Normal มีระบบเช็คอินผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ ขณะที่ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว ตระหนักถึงความแออัดหนาแน่นของแต่ละจุดท่องเที่ยวมากขึ้น

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

กาญจนพันธุ์ กำแพง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา มองว่า เรื่องนี้เป็นโอกาสที่ดีต่อการจัดการท่องเที่ยวในอนาคต โดยเฉพาะหากเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาได้

แม้ช่วงเวลา 7 เดือนของการประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จะทำให้ทรัพยาธรรมชาติถูกรบกวนจากกิจกรรมการท่องเที่ยวลดลง จนเห็นการฟื้นตัวเกิดขึ้นชัดเจน พบเห็นสัตว์ทะเลหายากได้บ่อยครั้งขึ้น เช่น ฉลามวาฬ เต่าทะเล

อย่างไรก็ตาม การลาดตระเวนอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ ยังพบการลักลอบกระทำความผิดในเขตอุทยานฯ เช่น ไซขนาดใหญ่ที่ถูกลักลอบทิ้งไว้ในแนวปะการัง แต่การกำหนดแผนลาดตระเวนและออกปฏิบัติการอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ในช่วงหลายปีมานี้ ทำให้การกระทำความผิดลดลงอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อวิกฤตทำให้ความสวยงาม ความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติฟื้นกลับคืนมา จึงเป็นห้วงเวลาสำคัญที่ทุกฝ่ายเริ่มมองเห็นทิศทางเปลี่ยนแปลงรูปแบบการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นบนพื้นฐานความยั่งยืน สอดคล้องกับที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีนโยบายให้อุทยานแห่งชาติแต่ละแห่ง ปิดพักฟื้นอย่างน้อย 2 เดือน




https://news.thaipbs.or.th/content/298186



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:29

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger