SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 15 กรกฏาคม 2565 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5981)

สายน้ำ 15-07-2022 03:20

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 15 กรกฏาคม 2565
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 15 ? 17 ก.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านบริเวณประเทศเมียนมา ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร บริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 18 ? 20 ก.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงอีก ทำให้ประเทศไทยมีฝนน้อย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร



https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

สายน้ำ 15-07-2022 04:05

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


นักวิทยาศาสตร์ค้นพบฟอสซิลของสัตว์คล้ายกุ้ง 3 ตา เมื่อ 500 ล้านปีก่อน



การค้นพบซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลเนื้อเยื่ออ่อนนั้นหายาก เพราะฟอสซิลส่วนใหญ่จะเป็นกระดูกหรือส่วนต่างๆของร่างกายที่มีความแข็ง เช่น ฟัน โครง กระดูกภายนอก ในขณะที่สมองและเส้นประสาท จะประกอบด้วยสาร คล้ายไขมันที่ปกติแล้วจะไม่รอดกลายมาเป็นฟอสซิลได้ แต่การศึกษาซากสิ่งมีชีวิตประหลาดชนิดหนึ่งที่พบในแหล่งสะสมฟอสซิลในเทือกเขาร็อกกี้ รัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 ได้ไขความกระจ่างใหม่เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสมองอาร์โธรพอด (arthropod)

ทีมวิจัยนำโดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ในแคนาดา เผยว่า ซากดังกล่าวเป็นฟอสซิลเนื้อเยื่อสมองของสิ่งมีชีวิตคล้ายกุ้ง 3 ดวงตา ปากกลม มีฟันเรียงราย มีกรงเล็บด้านหน้าและมีหนาม แหวกว่ายในมหาสมุทรเมื่อ 500 ล้านปีก่อน เป็นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สูญพันธุ์ไปแล้วของลำดับวิวัฒนาการอาร์โธรพอด ชื่อว่า Stanleycaris มีความเชื่อมโยงกับแมลงและแมงมุมยุคปัจจุบัน รูปลักษณ์ของ Stanleycaris แม้จะดูแปลกประหลาด แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ดึกดำบรรพ์สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เผยว่า การมีดวงตาที่ 3 ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางศีรษะเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นคือการพบเนื้อเยื่อสมองที่ถูกเก็บรักษาได้อย่างน่าอัศจรรย์

ทั้งนี้ ในการศึกษาตัวอย่างฟอสซิลของ Stanleycaris กว่า 250 ตัวอย่าง ที่มีอายุย้อนหลังไป 506 ล้านปี ทีมวิจัยพบว่าสมองและระบบประสาทส่วนกลางยังคงถูกเก็บรักษาไว้ในฟอสซิล 84 ตัว การค้นพบนี้จึงเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจว่าพวกมันมีหน้าตาเป็นอย่างไรและอาศัยอยู่อย่างไรเมื่อในอดีต.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2443742


สายน้ำ 15-07-2022 04:09

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


นักท่องเที่ยวแตกตื่น เจอ 'ช้างน้ำ' ลุยหาด เผ่นหนีแทบไม่ทัน

ครอบครัวนักท่องเที่ยวที่กำลังนั่งชมวิวริมทะเล ถึงกับต้องลุกหนีเมื่อจู่ ๆ ก็มี 'ช้างน้ำ' ขึ้นจากทะเลมาโดยไม่สาเหตุและมุ่งตรงมาหาพวกเขา

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2565 เพจข่าว 'Noticias CD Constituci?n bcs' ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ความยาว 30 วินาที ซึ่งบันทึกภาพของครอบครัวนักท่องเที่ยวที่กำลังนั่งชมวิวอยู่ริมหาดในรัฐบาฮาคาลิฟอร์เรียซูร์ ประเทศเม็กซิโก ต้องประสบเหตุไม่คาดฝันจากสัตว์ขนาดใหญ่ที่บุกขึ้นมาจากทะเล

สัตว์ที่ปรากฏในคลิปคือแมวน้ำช้างหรือที่คนทั่วไปมักเรียกกันว่า 'ช้างน้ำ' ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมาก แต่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มันพุ่งเข้าหาบริเวณที่ครอบครัวนักท่องเที่ยวกำลังนั่งอยู่จนพวกเขาต้องรีบลุกหนี เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน โดยมีเสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้น ขณะที่เด็กน้อยในกลุ่มมีท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ และหลบไปด้านข้าง แต่ก็มองสัตว์ตัวยักษ์แบบไม่วางตา

เหตุการณ์ในคลิปจบลงที่เจ้าแมวน้ำช้างนอนนิ่งอยู่บนหาด เพจของ Noticias CD Constituci?n bcs ไม่ได้ให้รายละเอียดประกอบคลิปมากนัก แต่สันนิษฐานว่า แมวน้ำช้างตัวนี้เพียงแต่มองหาสถานที่พักผ่อนที่ถูกใจเท่านั้นเอง

แมวน้ำช้างสายพันธุ์ซีกโลกเหนือเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดของวงศ์แมวน้ำในแถบซีกโลกเหนือ เมื่อโตเต็มที่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำที่หากินอยู่ในทะเลชนิดนี้อาจมีน้ำหนักตัวมากถึง 5,000 ปอนด์หรือประมาณ 2,260 กก. ถิ่นที่อยู่ของมันมีอาณาบริเวณกว้างมาก ตั้งแต่มหาสมุทรแปซิฟิกเขตกลางและเขตตะวันออก จากอลาสกาไปจนถึงบาฮากาลิฟอร์เนีย

นอกเหนือจากฤดูผสมพันธุ์ซึ่งกินเวลาตั้งแต่เดือน ธ.ค. ไปจนถึงเดือน มี.ค. ของอีกปี แมวน้ำช้างเหล่านี้จะใช้เวลาหากินส่วนใหญ่อยู่ในทะเล สัตว์ประเภทนี้สามารถดำน้ำได้ลึกถึง 2,500 ฟุต หรือประมาณ 760 เมตรเพื่อล่าเหยื่อ ซึ่งได้แก่ ปลาและปลาหมึกเป็นหลัก แต่พวกมันก็สามารถกินปลาฉลามหรือปลากระเบนได้ด้วย


https://www.dailynews.co.th/news/1246926/


สายน้ำ 15-07-2022 04:12

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


'ดร.ธรณ์' ทึ่ง! ชวนเที่ยว 'ป่าในเมืองระยอง' ทางเดินป่าชายเลน 7 กม. ยาวสุดในโลก

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

14 ก.ค.2565 - ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ภาพป่าชายเลน จังหวัดระยอง พร้อมระบุข้อความว่า เพื่อนธรณ์รู้ไหมครับ เมืองระยองมีทางเดินในป่าชายเลน mangrove boardwalk ที่อาจจะยาวสุดในโลก

ป่าแห่งนี้อยู่ในการดูแลของกรมทะเล ใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำโครงการนี้เสร็จสิ้นทั้ง 4 ส่วน จนถึงปีนี้เปิดเต็มรูปแบบ ทางเดินยาว 7 กิโลเมตร

7 กม. ! ผมพยายามค้นว่ามีที่ไหนในโลกยาวกว่าที่นี่ คำตอบคือยังไม่เจอครับ ขนาดออสเตรเลียยังแค่ 2.5 กม. ถ้าใครฟิตเดินครบทั้งเส้นทางไป/กลับ 14 กิโลเมตร สตรองเลยครับ

ที่แจ่มสุดๆคือทางเดินตั้งอยู่ในเมือง ไม่ต้องขับรถไปไหนไกล รอบด้านมีทั้งหาดทั้งโรงแรมทั้งร้านอาหารทั้งคาเฟ่สารพัด กรมทะเลจึงตั้งชื่อว่า "ป่าในเมือง" แต่เป็นป่าชายเลน จึงเต็มไปด้วยพืชสัตว์นานาชนิด มีแม้กระทั่งปลาตีนตัวโตเท่าแขนเด็กสิบขวบ

ผอ.ภุชงค์ กรมทะเล (ระยอง/จันท์/ตราด) กรุณานำชมโครงการ อธิบายให้ฟังตั้งแต่ภาพรวม เส้นทางต่างๆ ยังพาผมลงเรือไปล่องป่าด้วยฮะ

ผมใช้เรือกรมทะเล แต่ที่นี่มีเรือพี่ๆ ชาวบ้านคอยให้บริการ สำหรับนักท่องเที่ยวเหมาลำแค่ 300 บาท หารกันแล้วเหลือคนละไม่กี่สิบ แต่ถ้าไม่ลงเรือ แค่เดินอย่างเดียวล่ะ ? คำตอบคือไม่เสียตังเลยสักบาท มีที่จอดรถอย่างดี ห้องน้ำสะอาด เดินบนทางดูนี่นั่น อะไรๆ ก็ไม่เสียเงิน ขอบคุณกรมทะเลครับ

กลางคืนเขาว่ามีหิ่งห้อยเยอะเลย แต่ยังไม่เปิดให้ชม เพราะต้องปิดตอน 18.30 น. เนื่องจากค่ำมืดดูแลยาก

เนื่องจากเป็นของฟรี จึงไม่มีคำติอะไร มีแต่คำชม ปิดตอนไหนก็ตามเหมาะสมครับ

ผมถามผอ. คนเยอะไหมฮะ คำตอบคือวันหยุดเกิน 2 พันคน แต่ไม่แออัดเพราะยาว 7 กม. เดินไปตรงไหนก็ได้ ทุกคนมีมุมของตัวเอง หนุ่มสาวถ่ายภาพ พ่อแม่สอนลูกดูสัตว์ ฯลฯ น่าเสียดายที่ป้ายสื่อความหมายน้อยไปหน่อย แต่เข้าใจได้เพราะงบจำกัด

จึงอยากฝากข้อความถึงเพื่อนธรณ์ที่ทำบริษัทต่างๆ หากอยากสนับสนุนเรื่องเรียนรู้ธรรมชาติ ที่นี่แหละใช่เลย

ทางเดินยาวสุดๆ คนเพียบ ทุกอย่างมีอยู่แล้ว ขาดแต่สื่อความรู้ที่สาสมศักดิ์ศรีทางชั้นดีปานนี้ ไม่ต้องคิดอีเวนต์ให้มากมาย ไม่ต้องตั้งกลุ่มเป้าหมายทีละร้อยสองร้อย วันเดียว 2 พัน ป้ายดีๆ อยู่ได้ 2-3 ปี เป็นแสนๆ คนเลยนะ

ผมเองยังกะว่าจะเอาป้ายคณะประมง มาลงสักป้ายเลยฮะ เล็งเป้าไว้เรียบร้อย จึงเชิญชวนเพื่อนธรณ์ที่ไปมาผ่านเมืองระยอง ลองแวะมาป่าในเมือง

มาเดินฟรีๆ บน mangrove boardwalk ที่อาจยาวที่สุดในโลก !

มาทางไหน แค่เสิร์ช ?ป่าในเมือง ระยอง? แค่นี้ก็เจอแล้วครับ มีที่จอดรถฮะ


https://www.thaipost.net/general-news/181018/


สายน้ำ 15-07-2022 04:19

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


สายพันธุ์ฉลามในน่านน้ำไทย "ยังวิกฤต" คนไทยยังนิยม "เมนูหูฉลาม"

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

ไวล์ดเอดเผยฉลามในน่านน้ำไทยกว่าครึ่งยังอยู่ในสภาวะ "มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์-ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง" ในขณะที่ความนิยมเมนูหูฉลามในเมืองไทย "ยังไม่ลด"

ดึงคนดัง "มารีญา-ป้อง ณวัฒน์" ร่วมรณรงค์ย้ำ #ฉลองไม่ฉลาม รับวันรักษ์ฉลาม (Shark Awareness Day) 14 ก.ค. ซึ่งปีนี้เน้นประเด็นผลกระทบต่อระบบนิเวศทะเลหากสายพันธุ์ฉลามน้อยลงหรือหายไป

ด้านกรมประมงเผยกำลังจัดทำและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการฉลามของประเทศไทย (NPOA-Sharks)


สายพันธุ์ยังวิกฤต-ประมงเกินขนาดเพื่อหูฉลาม

"การประเมินสถานภาพทางการอนุรักษ์ของฉลามในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2563 โดยสำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พบว่า ฉลามที่พบได้ในน่านน้ำไทยกว่าครึ่ง หรือ 47 ชนิด จาก 87 ชนิด มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable) ไปจนถึงใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically endangered) จากการทำประมงเกินขนาดและการถูกจับเป็นสัตว์น้ำพลอยได้

ส่วนการประเมินความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของปลาฉลามและปลากระเบน ทั่วโลกครั้งใหม่ โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ที่เผยแพร่ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว พบว่า 1 ใน 3 ของสายพันธุ์ฉลามและกระเบนทั่วโลก กำลังเสี่ยงสูญพันธุ์จากการจับปลาเกินขนาดเพื่อนำทุกชิ้นส่วนไปบริโภค? องค์กรอนุรักษ์ "ไวลด์เอด ประเทศไทย" เปิดเผยวันนี้ (14 ก.ค.) เนื่องในวาระShark Awareness Day (วันรักษ์ฉลาม)


แผนชาติ "อนุรักษ์ฉลาม"

"ฉลามไม่ใช่สัตว์น้ำเศรษฐกิจ และไม่ใช่สัตว์น้ำเป้าหมายหลักในการทำประมง จึงไม่มีเครื่องมือประมงประเภทใดในประเทศไทยที่มุ่งจับฉลาม แต่ในทางกลับกัน ฉลามเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญอย่างมากในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล

กรมประมงตระหนักถึงความสำคัญนี้ จึงเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการฉลามของประเทศไทย (NPOA-Sharks) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานด้านบริหารจัดการทรัพยากรและการอนุรักษ์ฉลามร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน พร้อมทั้งแสวงหาความร่วมมือกับภาคประชาชนโดยการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ฉลาม" เฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง กล่าว

"การอนุรักษ์ฉลามนอกจากจิตสำนึกแล้วยังต้องเร่งผลักดันด้านกฎหมายเพื่อคุ้มครองฉลามที่ใกล้สูญพันธุ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความรู้ความเข้าใจต่อเยาวชนคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าที่ยังมีค่านิยมผิดๆที่คิดว่าเมนูจากฉลามคือสุดยอดของอาหารซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ประชากรฉลามในปัจจุบันอีกต่อไป กรม

ทช.ขอเน้นย้ำความสำคัญของการเลิกบริโภคทุกๆ เมนูและผลิตภัณฑ์จากฉลามในทุกๆโอกาสเพื่อรักษาความสมดุลแห่งท้องทะเลไทยสืบไป" โสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าว


เมนูหูฉลาม "ยังได้รับความนิยม"

"ผลการสำรวจความต้องการบริโภคหูฉลามในไทย พ.ศ. 2561 ขององค์กรไวล์ดเอดพบ คนไทยเขตเมืองมากกว่า 60% ยังต้องการบริโภคหูฉลามในอนาคต โดยบริโภคบ่อยที่สุดในงานฉลองต่างๆ นั่นคือ งานแต่งงาน งานรวมญาติ และงานเลี้ยงธุรกิจ ซึ่งเป็นที่มาของโครงการรณรงค์ #ฉลองไม่ฉลาม" ไวล์ดเอดกล่าว

"การเปลี่ยนแปลงค่านิยมการบริโภคต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของฉลามที่มีต่อทะเล งานวิจัยในระยะหลังชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากการหายไปของฉลามหรือการที่ฉลามเหลือน้อย จนนำมาซึ่งการสูญพันธุ์ของสัตว์กลุ่มรองๆและกระทบถึงความสมบูรณ์ของปะการัง การฟื้นฟูระบบนิเวศต้องอาศัยห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์ ดังนั้นฉลามหรือกระเบนที่เป็นสัตว์ผู้ล่าที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้ระบบนิเวศทำงานได้ตามปกติ" ดร.เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ และที่ปรึกษาองค์กรไวล์เอด ในประเทศไทย กล่าว


ชูประเด็น "ผลกระทบระบบนิเวศทะเล"
ดึงคนดังร่วมรณรงค์ "เลิกกินหูฉลาม"


"วันนี้ (14 ก.ค. 2565) องค์กรไวล์ดเอดได้เผยแพร่โฆษณารณรงค์ชิ้นล่าสุด "ทะเลคลั่ง" เนื่องในวันรู้จักฉลาม (Shark Awareness Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคมของทุกปี ตอกย้ำความสำคัญของฉลามที่มีต่อทะเล และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับระบบนิเวศจากความต้องการบริโภคฉลาม

พร้อมเปิดตัวคุณมารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2017 นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และผู้ชื่นชอบการดำน้ำ เป็นทูตฉลามคนล่าสุดร่วมกับคุณป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษฺ์ เพื่อช่วยขับเคลื่อนโครงการรณรงค์ #ฉลองไม่ฉลาม ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและกรมประมง

เนื้อหาโฆษณารณรงค์ 'ทะเลคลั่ง' แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคเมนูจากฉลาม โดยเมื่อฉลามซึ่งเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารหายไปกลายเป็นเมนูอาหาร ท้องทะเลอาจปั่นป่วน เพราะสัตว์ทะเลระดับรองๆที่เหลืออยู่ไม่อยู่กับร่องกับรอยจนทำให้ทะเลเสียสมดุล

ซึ่งเนื้อหาของโฆษณาได้รับแรงบันดาลใจจากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2548 ที่พบว่า เมื่อฉลามในแนวปะการังทะเลแคริบเบียนถูกจับมากเกินไปและมีจำนวนลดน้อยลงจะเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ และอาจทำให้แนวปะการังฟื้นตัวจากปัจจัยคุกคามอื่นๆ ที่เกิดจากมนุษย์ได้ยากลำบาก" ไวล์ดเอดเปิดเผย

"เมื่อก่อนมารีญาเคยกลัวฉลาม เพราะภาพจำของฉลามในสื่อต่างๆ แต่เมื่อได้เริ่มดำน้ำทำให้มารีญาเข้าใจในบทบาทของฉลามที่มีต่อทะเลและรับรู้ภัยคุกคามจากมนุษย์ที่ทำให้ฉลามหลายชนิดกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์ ทะเลที่ไม่มีฉลามจะขาดความสมดุลและเป็นสิ่งที่เราควรจะกลัวมากกว่าเหมือนอย่างในโฆษณาชิ้นนี้ ทุกวันนี้หมดยุคเมนูฉลามแล้ว และมารีญาหวังว่าจะช่วยสื่อสารให้คนทั่วไปเข้าใจบทบาทของฉลามในระบบนิเวศมากขึ้น" มารีญา พูลเลิศลาภ ทูตฉลามองค์กรไวล์ดเอด กล่าว

"เราทุกคนมีส่วนร่วมปกป้องฉลามได้ง่ายๆ ด้วยการแชร์โฆษณาชิ้นใหม่นี้ให้ทุกคนเห็นช่วยกันบอกเพื่อนและคนในครอบครัวให้เข้าใจถึงความสำคัญของฉลามเพราะเมื่อเรารู้บทบาทหน้าที่ของเค้าในธรรมชาติแล้ว เราจะอยากปกป้องเค้ามากขึ้น" ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์? ทูตฉลามซึ่งได้ร่วมรณรงค์ในโครงการ #ฉลองไม่ฉลาม มาครบ 4 ปีแล้ว




https://greennews.agency/?p=29685



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:24

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger