SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2565 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5911)

สายน้ำ 02-05-2022 03:21

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2565
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อน โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และมีฝนตกหนักบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากภัยดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง ซึ่งอาจเกิดอันตรายจากลมกระโชกแรงและฟ้าผ่าได้ เกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนแล้ว ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าว และมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศกัมพูชา สำหรับอ่าวไทยและภาคใต้มีลมฝ่ายตะวันตกพัดปกคลุม ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 1 ? 2 พ.ค. 65 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากในช่วงวันที่ 1 ? 4 พ.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน และมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศกัมพูชา

ส่วนในช่วงวันที่ 5 ? 7 พ.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทสไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดช่วง เนื่องจากในช่วงวันที่ 1 - 2 พ.ค. 65 มีลมฝ่ายตะวันตกพัดปกคลุมบริเวณทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย และในช่วงวันที่ 3 - 7 พ.ค. 65 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง และทะเลอันดามันตอนบน มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนบน


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 1 ? 2 พ.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่า ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน" ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 02 พฤษภาคม 2565

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีน ได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้แล้ว ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าว และมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศกัมพูชา ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และมีฝนตกหนักบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากภัยดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง และขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนองซึ่งอาจเกิดอันตรายจากลมกระโชกแรงและฟ้าผ่าได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้

วันที่ 2 พฤษภาคม 2565

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดนครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร กาญจนบุรี และราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด



https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

สายน้ำ 02-05-2022 04:07

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


สำรวจแผนระยะสั้น-ยาว ปกป้อง 'โลมาอิรวดี' 14 ตัวสุดท้ายในไทย

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยถึงแผนการดูแลโลมาอิรวดี 14 ตัวสุดท้ายในทะเลสาบสงขลา ทั้งระยะสั้นและระยะยาวว่า โลกนี้มีโลมาอิรวดีในแหล่งน้ำจืดเหลือเพียง 5 แห่ง ได้แก่ อินเดีย 140 ตัว อินโดนีเซีย 90 ตัว เมียนมา 80 ตัว กัมพูชา 90 ตัว และไทย 14 ตัว ????

"ผมได้รับรายงานจากคณะทำงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงสถานการณ์ของโลมาอิรวดี 14 ตัวสุดท้ายในทะเลสาบสงขลาที่เสี่ยงสูญพันธุ์ และรับทราบถึงกระแสความกังวลใจของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ห่วงใยในสถานการณ์ ผมขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงและแนวทางการทำงานเพื่อรักษาโลมาอิรวดีฝูงสุดท้ายฝูงนี้เอาไว้ครับ

"โลมาอิรวดี จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และยังเป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองตามข้อตกลงระหว่างประเทศ จากการประชุม CITES ครั้งที่ 13 เมื่อปี พ.ศ.2546 ที่ประเทศไทยได้เสนอให้โลมาอิรวดีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองบัญชีที่ 1 ส่งผลให้โลมาอิรวดีได้รับความคุ้มครองสูงสุดในระดับนานาชาติด้วย

?ทั้งนี้ จากการสำรวจเมื่อ 30 ปีก่อน พบว่ามีโลมาอิรวดีในประเทศไทยมากกว่า 100 ตัว แต่ในปัจจุบัน พบเหลือเพียงแค่ 14 ตัว เป็นโลมาฝูงสุดท้ายที่ยังรอดชีวิตในทะเลสาบสงขลา โดยจากรายงานการเกยตื้นของโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา ตั้งแต่เดือน เม.ย.2549-มี.ค.2565 มีโลมาอิรวดีเกยตื้นตายทั้งหมด 94 ตัว สาเหตุมาจากการติดเครื่องมือประมง ไม่ทราบสาเหตุ และป่วย โดยพื้นที่ที่พบส่วนใหญ่อยู่ใน จ.สงขลา และ จ.พัทลุง

"ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่างจึงได้สำรวจประชากรโลมาอิรวดี ทั้งโดยวิธีทางเรือ สำรวจทางอากาศโดยเครื่องบินเล็ก และอากาศยานไร้คนขับ (Drone) เพื่อคอยดูแลและเฝ้าระวัง มาตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds
แผนที่แนวเขตควบคุมพิเศษ เพื่อการอนุรักษ์โลมาอิรวดี

"ในช่วงปี 2561 มีการประกาศแนวเขตพื้นที่คุ้มครองโลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา แต่แนวโน้มประชากรยังคงลดลง โดยในปี 2558 มีรายงานการพบ 27 ตัว แต่ปัจจุบัน ปี 2565 เหลืออยู่ 14 ตัว จึงจำเป็นต้องเพิ่มการตรวจตราเฝ้าระวัง ป้องกันการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย หรือหยุดการใช้เครื่องมือที่เป็นภัยคุกคามเข้มงวดมากขึ้น

"ในด้านการดูแลความปลอดภัยของโลมาอิรวดี 14 ตัวที่เหลืออยู่ตอนนี้ ในระยะสั้น พวกเราจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องระบบการลาดตระเวนเชิงคุณภาพของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการออกทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงในพื้นที่ถึงความสำคัญของ 14 ชีวิตที่เหลืออยู่

ทั้งนี้ ความเคยชินในวิถีการทำประมงที่ยังหมิ่นเหม่ต่อการดำรงชีวิตของโลมาอิรวดีของผู้คนในพื้นที่บางคน และบางส่วนมาจากนอกพื้นที่ที่อาจจะยังไม่รู้ถึงความสำคัญตรงนี้ พวกเราจะหาแนวทางปรับความเข้าใจกันใหม่ให้เข้มงวดและเข้าใจให้ตรงกัน เชื่อว่าเมื่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าใจ เขาจะต้องรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นสมบัติของพวกเขาแน่นอนครับ

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds
รูปถ่ายทางอากาศ โลมาอิรวดี ในทะเลสาบสงขลา โดย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

"นอกจากนี้ ในระยะยาว เราจำเป็นต้องสำรวจศึกษา วิจัย เกี่ยวกับการผสมพันธุ์แบบเลือดชิดในกลุ่มโลมาทะเลสาบสงขลา การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในทะเลสาบ การแก้ปัญหามลพิษ การตื้นเขิน และเร่งเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำซึ่งเป็นอาหารของโลมาอิรวดี รวมทั้งสร้างศูนย์ช่วยเหลือและพยาบาลสัตว์ทะเล เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือพร้อมอุปกรณ์การปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการดูแลจัดการถิ่นที่อยู่ของโลมา และการจัดการสภาพแวดล้อมของทะเลสาบสงขลาอย่างระมัดระวังครับ"


https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_3320343


สายน้ำ 02-05-2022 04:11

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


กษ.เร่งตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น เบื้องต้น 2,600 องค์กร ใน 50 จังหวัด

เกษตรฯ เร่งตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นดำเนินการเบื้องต้นแล้ว 2,600 องค์กร ใน 50 จังหวัด พร้อมเดินหน้าพัฒนาหมู่บ้านประมงท่องเที่ยวฟิชเชอร์แมนวิลเลจ รีสอร์ต 53 โครงการ ตั้งเป้าอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2565ว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายสำคัญในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนประมงให้เกิดการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืนและเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอาชีพเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวโดยล่าสุด ได้มอบหมายให้กรมประมงได้ดำเนินการโครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนประมงระหว่างปี 2563 - 2565 โดยจัดตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นแล้ว จำนวน 2,600 องค์กร มีการบริหารจัดการร่วมกัน ส่งเสริมการอนุรักษ์ ฟื้นฟู การบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม เพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้กับชุมชน การส่งเสริมการแปรรูปสัตว์น้ำ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สินค้าประมงและส่งเสริมด้านการตลาดเพื่อจำหน่ายสินค้า รวมถึงพัฒนาต่อยอดกิจกรรมจากอาชีพการประมงทำให้เกิดมั่นคงในการประกอบอาชีพประมง ชุมชนเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้อนุมัติโครงการพัฒนาอาชีพและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนประมง ปีงบ 2565 (องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น) เพื่อสร้างรายได้ความมั่นคงในการประกอบอาชีพการทำประมง ให้กับองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในพื้นที่ 50 จังหวัด (พื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเล และในพื้นที่ 28 จังหวัดแหล่งน้ำจืด) รวม 200 ชุมชน ซึ่งผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกรมประมงตามเป้าหมายที่ได้รับจัดสรรครบเรียบร้อยแล้ว เป็นองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น ด้านชายฝั่ง 81 องค์กร ด้านประมงน้ำจืด 83 องค์กรและด้านแปรรูป 36 องค์กรๆละ 100,000 บาท เพื่อให้ชุมชนนำไปดำเนินการพัฒนาอาชีพด้านประมงตามความต้องการและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละชุมชน

โดยกิจกรรมประกอบด้วย 1) กิจกรรมพัฒนาอาชีพประมง อาทิ การปรับเปลี่ยนเครื่องมือที่เหมาะสมและถูกกฎหมาย การสนับสนุนอุปกรณ์ซ่อมแซมเครื่องมือทำการประมงและเรือประมง การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การผลิตอาหารสัตว์น้ำเพื่อจำหน่าย การเลี้ยงปลาในกระชังเพื่อจำหน่ายและแปรรูป 2) กิจกรรมเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ อาทิ การพัฒนาแหล่งอาศัยสัตว์น้ำ การสร้างแปล่งอาการสัตว์น้ำธรรมชาติ การจัดตั้งและพัฒนาธนาคารสัตว์น้ำ (ธนาคารปูม้า) การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ การจัดตั้งโรงเพาะฟักพันธุ์สัตว์น้ำเคลื่อนที่ (Mobile hatchery) จัดสร้างกระชังอนุบาลสัตว์น้ำก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ 3) เพิ่มมูลค่าสัตว์น้ำ อาทิ การพัฒนารูปแบบการแปรรูปสัตว์น้ำตามมาตรฐานและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค การส่งเสริมการตลาดเพื่อจัดจำหน่ายสินค้า 4) การถ่ายทอดเทคโนโลยีและเพิ่มทักษะการทำการประมง อาทิ การอบรมให้ความรู้การทำการประมงถูกกฎหมายและศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากพื้นที่ต้นแบบ และ 5) กิจกรรมอื่นๆ เช่น ซ่อมแซมอาคารที่ทำการประมง ปรับปรุงแพชุมชน เป็นต้น

ขณะเดียวกันยังได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณในการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านประมงให้กับชุมชนประมงท้องถิ่น รวม 594 ชุมชน คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 22 จากองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นทั้งหมด เป็นเงินอุดหนุนทั้งสิ้น 59,400,000 บาท ซึ่งผลจากการดำเนินงานพัฒนาอาชีพด้านประมงและส่งเสริมด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยการบริหารจัดการร่วมกันของชุมชน เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังดำเนินการ พบว่า ชาวประมงมีความพึงพอใจกับทรัพยากรสัตว์น้ำที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ที่ประชุม คณะกรรมการฯ ยังได้รับทราบรายงานถึงเรื่องความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน 6 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการพัฒนาประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ ประมงนอกน่านน้ำ และประมงเพาะเลี้ยงเช่น แนวทางช่วยเหลือโดยการอุดหนุนน้ำมันให้กับประมง, แนวทางการจัดสรรวันทำการประมง, การเตรียมความพร้อมระบบการขนส่งทางรถไฟของสินค้าสัตว์น้ำ เป็นต้น การฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้ได้ผลผลิต 4 แสนตัน ภายในปี 2566 ,การรับรองการปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกระบวนการผลิตเพื่อส่งออก

โดยประธานการประชุมฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ นัดหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สมาคมผู้เพาะเลี้ยง อุตสาหกรรมประมง และหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อประชุมหารือในแนวทางการจัดระบบสินเชื่อและแหล่งทุน เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้ได้ผลผลิต 4 แสนตัน ภายในปี 2566 ความก้าวหน้าโครงการฟิชเชอร์แมนวิลเลจรีสอร์ต ( Fisherman?s Village Resort )มีการส่งเสริมชุมชนประมงชายฝั่งที่มีศักยภาพ 22 จังหวัด สามารถสร้างแหล่งท่องเที่ยวได้ 53 แห่ง เป็นการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งชุมชนประมงด้วย โดยให้นำแนวทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (wellness tourism)มาประยุกต์ใช้ และให้ส่งเสริมการตลาดแบบออนไลน์ (Online Market) เพื่อช่วยสนับสนุนการขายและการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับหมู่บ้านประมงมากขึ้น

รวมทั้งความก้าวหน้าของคณะทำงานส่งเสริมและพัฒนาการกระจายสินค้าประมงจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค ในการขยายช่องทางการกระจายสินค้าประมงผ่านศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ และการเพิ่มช่องทางการค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ความก้าวหน้าโครงการนำเรือออกนอกระบบ เรื่องการสาธิตเรือฝึกปลาลัง ณ ท่าเทียบเรือศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia Fisheries Development Center : SEAFDEC) รวมทั้งความก้าวหน้าการดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 65 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ด้วย


https://www.naewna.com/local/650842



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:10

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger