SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 8 กันยายน 2564 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5660)

สายน้ำ 08-09-2021 02:51

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 8 กันยายน 2564
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคแหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย

อนึ่ง พายุโซนร้อน "โกนเซิน" (CONSON) ที่ปกคลุมตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย คาดว่าจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันที่ 9 กันยายน 2564 และเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำลงสู่อ่าวตังเกี๋ยในช่วงวันที่ 12-13 กันยายน 2564


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 8 ? 10 ก.ย. 64 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 11 - 13 ก.ย. 64 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นมาพาดภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง

สำหรับในช่วงวันที่ 8 ? 13 ก.ย. 64 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง พายุโซนร้อน "โกนเซิน" (CONSON) ที่ปกคลุมตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย คาดว่าจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันที่ 9 กันยายน 2564 และจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำลงสู่อ่าวตังเกี๋ยในช่วงวันที่ 12-13 กันยายน 2564


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 8 - 13 ก.ย. 64 ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง



https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

สายน้ำ 08-09-2021 03:05

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


วอนเจ้าหน้าที่เร่งล่า! ภูเก็ตผวาจระเข้โผล่อาบแดด ชายหาดเกาะกะทะ

ผวาจระเข้ ยาว 1 เมตร ตัวดำเข้ม โผล่อาบแดดหาดทรายเกาะกะทะ ภูเก็ต ชี้จุดเดียวกับที่เคยจับได้ 2 ตัวเมื่อ 5 ปีก่อน วอนเจ้าหน้าที่เร่งล่าตัว หวั่นนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

เมื่อเย็นวันที่ 7 ก.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หาดเกาะกะทะ หมู่ 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตรวจสอบ หลังเจ้าหน้าที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ภ.จว.ภูเก็ต รับแจ้งพบจระเข้ ขึ้นมานอนอาบแดดบริเวณหาดทรายใกล้โขดหิน เมื่อไปถึงพบ นายสมชาย ชุมรักษ์ อายุ 55 ปี ชาว อ.ถลาง พาไปชี้จุดที่พบจระเข้นอนอาบแดด พร้อมเผยว่า ช่วงบ่ายออกมาหาปลาตามปกติทุกวัน กระทั่งเดินมาถึงจุดที่พบจระเข้ ความยาวประมาณ 1 เมตร ลำตัวมีสีดำเข้ม ตอนแรกไม่คิดว่าเป็นจระเข้ คิดว่าเป็นท่อนไม้ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ จระเข้พุ่งลงทะเลเสียงน้ำกระจาย เห็นเงาใต้น้ำว่ายไปทางปากคลองเชื่อมทะเล

นายสมชาย เล่าอีกว่า บริเวณที่พบจระเข้วันนี้ จำได้ว่าเมื่อประมาณ 5 ปีก่อนก็เคยพบจระเข้มาแล้ว 2 ตัว ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับจระเข้ได้ จึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับผิดชอบรีบเข้ามาตรวจค้นหาจับจระเข้ตัวดังกล่าวให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ไปทำร้ายนักท่องเที่ยว ซึ่งบริเวณนี้จะมีนักท่องเที่ยวพาลูกหลานเด็กๆ มาเดินเล่นเป็นประจำ ช่วงน้ำลงถ้าไม่รู้ว่าในคลองมีจระเข้อาจลงเล่นน้ำแล้วถูกจระเข้กัดได้ หรืออาจจะสูญเสียบุคคลที่รักไป ขณะที่ตนได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไปก็ได้รับคำบอกเล่าว่าเมื่อประมาณ 2 วันที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเล่นวินด์เซิร์ฟอยู่ในทะเลก็ได้เห็นเงาสัตว์คล้ายกับจระเข้ ลอยตัวอยู่ในทะเลเหมือนกัน


https://www.dailynews.co.th/news/247242/


*********************************************************************************************************************************************************


ฮือฮา!หินหนัก3โลลอยทะเลตรัง หนุ่มอุ้มเข้าฝั่งเก็บกลับบ้าน-วอนผู้รู้ตรวจสอบ

ฮือฮา หินลอยน้ำ หนุ่มใหญ่ ตกปลาริมหาดราชมงคล ตรัง พบก้อนหินหนัก 3 กิโลกรัม ลอยอยู่กลางทะเล คิดว่าอ้วกวาฬ เก็บกลับบ้านดันไม่ใช่ วอนผู้รู้ตรวจสอบ คาดเป็นหินภูเขาไฟ ไม่ได้พบเห็นได้บ่อย

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจาก นายอมร แสงศรีจันทร์ อายุ 57 ปี เจ้าของธุรกิจตัดหญ้าและไถ่สวน ชาว อ.สิเกา จ.ตรัง ว่าพบก้อนหินประหลาดลอยน้ำได้ บริเวณหาดราชมงคลตรัง หมู่ 3 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบเป็นก้อนหินสีน้ำตาล ขนาดความยาว 11 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว หนัก 3 กก. โดยรอบก้อนหินจะมีลักษณะเป็นรูขนาดเล็กจำนวนมากคล้ายฟองน้ำและมีซากเปลือกหอยจำนวนหนึ่งติดอยู่ และความประหลาดคือลอยน้ำได้ไม่ว่าในน้ำจืดหรือน้ำเค็ม สอบถามนายอมร เล่าว่า ไปตกปลาที่หาดราชมงคล ระหว่างกำลังเก็บคันเบ็ดเตรียมตัวกลับบ้านได้หันไปเห็นวัตถุลอยน้ำอยู่ในทะเลยืนมองอยู่พักหนึ่งรู้สึกเหมือนสิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตกำลังลอยมาหาตนพอมองดูคิดว่าเป็นฟองน้ำ

นายอมร เล่าอีกว่า แต่พอเห็นดูชัดๆ ก็เหมือนก้อนหิน แต่สงสัยว่าถ้าเป็นหินทำไมถึงลอยน้ำได้ จึงเดินลงไปดูใกล้ๆ น้ำมีความลึกประมาณ 50 ซม. ก่อนลองใช้เท้ายกขึ้นก็รู้สึกหนักมาก จึงยกขึ้นมาไว้บนรถกระบะ คิดว่าอาจเป็นอ้วกวาฬที่เคยเป็นข่าว มีราคาดีเนื่องจากเป็นก้อนหินลอยอยู่ในน้ำได้คลื่นซัดก็ไม่จม พอเก็บกลับมาตรวจสอบในข่าวระบุว่าอ้วกวาฬจะนิ่มคล้ายก้อนไขมัน ส่วนวัตถุที่ตนเก็บมาเป็นลักษณะแข็งคล้ายหินแถมมีน้ำหนักมากถึง 3 กก. จึงอยากให้มีผู้ที่มีความรู้เรื่องหินมาช่วยดูว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่กล้าเอาเข้าบ้านเกิดมาไม่เคยเจอก้อนหินนี้มาก่อน เลยตั้งใจว่าจะเก็บไว้เผื่อใครอยากมาดูเพราะเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าหินลอยน้ำได้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นหินก้อนนี้จะนำโชคหรือไม่ แต่ก็ตั้งใจจะเก็บไว้ไม่อยากทำลาย

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวตรวจค้นข้อมูลเบื้องต้นพบว่า เมื่อปี พ.ศ.2549 เคยมีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 4 บ้านเกาะเคี่ยม ต.กันตังใต้ อ.กันตัง จ.ตรัง พบก้อนหินลักษณะเดียวกันในป่าโกงกาง พื้นที่หมู่ 5 บ้านเตะหลำ ต.กันตังใต้ น้ำหนักมากถึง 120 กก. และเคยเป็นข่าวมาแล้วโดยขณะนั้นมีนักนักธรณีวิทยาตรวจสอบคาดว่าเป็นหินอัคนีพุ หรือหินพัมมิช หรือหินภูเขาไฟ เกิดจากลาวา และน้ำ ผสมกัน จากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้ลาวาเย็นตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการลดลงของแรงดันอย่างรวดเร็ว เกิดมีรูพุรนเล็กกระจายตัวกันเต็มเนื้อหิน จึงทำให้หินลอยน้ำได้


https://www.dailynews.co.th/news/246881/


สายน้ำ 08-09-2021 03:11

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


สุดล้ำ! จีนส่ง "หุ่นยนต์กระเบนปีศาจ" ทดสอบว่ายน้ำลึกกว่า 1,000 เมตร

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคตะวันตกเฉียงเหนือ (NPU) ในนครซีอัน เมืองเอกของมณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ประสบความสำเร็จในการทดสอบหุ่นยนต์ชีวประดิษฐ์รูปร่างคล้ายปลากระเบนราหูหรือปลากระเบนปีศาจ (devilfish) ที่ว่ายและดำน้ำลึกด้วยวิธีกระพือปีกราวกับนก บริเวณหมู่เกาะซีซาในทะเลจีนใต้

โดยหุ่นยนต์อ่อนนุ่ม (soft robot) รุ่นต้นแบบ มีน้ำหนัก 470 กิโลกรัม สามารถดำน้ำลึกสูงสุด 1,025 เมตร ถูกสร้างโดยจำลองรูปร่างและการเคลื่อนไหวของปลากระเบนราหู หนึ่งในนักว่ายน้ำทรงประสิทธิภาพที่สุดในธรรมชาติ

หุ่นยนต์ดังกล่าวเคยถูกนำไปใช้สังเกตการณ์สภาพแวดล้อมมหาสมุทรและดำเนินการสำรวจเรือดำน้ำในแนวปะการังที่สำคัญในหมู่เกาะซีชาแล้ว

เครดิตคลิปและข้อมูลจาก สำนักข่าวซินหัว


https://mgronline.com/travel/detail/9640000088554


*********************************************************************************************************************************************************


สะเทือนใจ! โซเชียลแชร์ภาพเด็กจับปลาดาวยักษ์จำนวนมากมาถ่ายรูป

กระบี่ - สะเทือนใจ! ภาพเด็กถ่ายรูปปลาดาวยักษ์สีจำนวนมากที่ถูกนำมาวางเรียงบนชายหาดเพื่อถ่ายรูปลงโซเชียล ห่วงกระทบระบบนิเวศ แหล่งหญ้าทะเล ขณะที่ หน.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เผยสั่งตรวจสอบแล้ว เชิญผู้ปกครองมาให้ข้อมูลและตักเตือน

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

วันนี้ (7 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลมีการโพสต์เรื่องราวของนักท่องเที่ยว จับปลาดาวยักษ์สีหลายสิบตัวตัวมาวางเรียงกันแล้วถ่ายรูป โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเป็นช่างภาพอาวุโส ประจำจังหวัดกระบี่ โพสต์ในเฟซบุุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า "เศร้าใจ เห็นภาพกองปลาดาวยักษ์เก็บมาเรียงถ่ายภาพโดยไม่รู้เรื่อง" หลังข้อความดังกล่าวเผยแพร่ออกไปมีชาวโซเชียลส่งภาพกองปลาดาวหลากสี โดยมีเด็ก 4 คน ยืนล้อมถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน ทำให้ชาวโซเชียลเข้ามาวิพากษ์วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม พร้อมแสดงความเป็นห่วง สงสารเด็ก การสอนให้เด็กรักธรรมชาติที่ผิด และความรู้สึกอาจติดตัวเด็กไปก็ได้ และอาจจะทำให้ปลาดาวได้รับบาดเจ็บและตายได้

นายนิวัฒน์ วัฒนยมนาพร ที่ปรึกษาหน่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดกระบี่ ระบุว่า "เป็นการสอนแบบอย่างที่ไม่ถูกต้องให้เด็ก อีกอย่าง สัตว์ ปะการังน้ำตื้นบางชนิดมีพิษร้ายแรง ถ้าถูกตามร่างกายอาจทำให้เสียชีวิตได้" และจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ภาพที่ปรากฏเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จุดเกิดเหตุเป็นบริเวณชายหาดอ่าวทึง หมู่ที่ 2 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นแหล่งอาศัยของปลาดาวหลากสี สวยงาม เป็นจุดเช็กอินที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ มีแหล่งหญ้าทะเล ซึ่งเป็นอาหารของพะยูนที่อุดมสมบูรณ์ เนื้อที่กว่า 100 ไร่ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหวั่นพฤติกรรมเลียนแบบและกระทบต่อระบบนิเวศแหล่งท่องเที่ยว

ด้านนายประยูร พงศ์พันธ์ หน.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวได้สั่งการให้ จนท.ชุดสายตรวจอุทยานฯ ตรวจสอบแล้ว พบว่า ตามภาพที่ปรากฏเป็นบริเวณชายหาดอ่าวทึง อยู่ในเขตอุทยานฯ ตามภาพเป็นเด็กๆ 4 คน พร้อมกองปลาดาวหลากสีหลายสิบตัว ซึ่งคาดว่าเด็กๆ เหล่านี้ไปพร้อมกับผู้ปกครอง ซึ่งการจับปลาดาวขึ้นมาถ่ายรูป หรือเคลื่อนย้ายจากที่เดิมที่เขาอยู่ปกติไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำเด็กๆ

อีกทั้งการกระทำดังกล่าวมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ มาตรา 16 ฐานทำลายธรรมชาติ ห่วงโซ่อาหาร พร้อมฝากเตือนไปยังผู้ปกครอง นักท่องเที่ยวไม่ควรหยิบจับสัตว์ทะเลขึ้นมาจากน้ำ และไม่เหยียบแนวปะการัง เพราะเป็นการทำลายธรรมชาติ เบื้องต้นจะนำป้ายเตือนไปติดตั้งอีกครั้ง ในส่วนตามภาพที่ปรากฏพบที่มาแล้ว ซึ่งในวันนี้จะเชิญตัวผู้ปกครองของเด็กๆ ตามภาพมาให้ข้อมูลและว่ากล่าวตักเตือนต่อไป

ความคืบหน้าล่าสุด ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง ทางผู้ปกครองเด็กได้เดินทางมาพบกับนายประยูร พงศ์พันธ์ หน.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พร้อมยอมรับว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนและครอบครัว ประกอบด้วย ผู้ใหญ่ 3 คน และเด็กอีก 3-4 คน ได้ไปท่องเที่ยวที่บริเวณชายหาดอ่าวทึง บ้านคลองม่วง ต.หนองทะเล ซึ่งเป็นช่วงเวลาน้ำลง ตนและครอบครัวจึงลงไปเดินเล่นบนชายหาด และ พบดาวทะเลจำนวนมาก เด็กๆ ที่ไปด้วยจึงได้จับขึ้นมาวางเรียงกันแล้วถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพราะไม่เคยเห็น เมื่อถ่ายรูปเสร็จนำกลับไปวางไว้ที่เดิม ไม่ได้พากลับที่พัก หรือนำออกนอกเขตอุทยานแต่อย่างใด

ทาง จนท.จึงได้ทำการว่ากล่าวตักเตือนว่า การกระทำดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ดาวทะเล และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศได้ ซึ่งผู้ปกครองเด็กได้กล่าวขอโทษที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนท.จึงให้ลงบันทึกไว้ เนื่องจากเป็นกระทำผิดเป็นครั้งแรก

หน.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า หลังจากนี้จะดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบในการเข้าเที่ยวชมดาวทะเลบริเวณหาดอ่าวทึง อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ แต่ห้ามจับดาวทะเลขึ้นมาถ่ายรูปโดยเด็ดขาด ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่ดาวทะเลได้ และมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ ด้วย


https://mgronline.com/south/detail/9640000088679


สายน้ำ 08-09-2021 03:14

ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก


เก็บซากเรือ "ใต้ทะเล" หลังคดีสิ้นสุด ฟื้นฟูธรรมชาติใต้น้ำ

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

"กองทัพเรือ" ผนึกกำลังภาครัฐ และ ประชาชน เก็บกู้ซากเรือของกลางขึ้นจากใต้ทะเล หน้าอ่าวหาดฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี หลังอ่าวแห่งนี้ ใช้เป็นสถานที่รักษาเรือประมงของกลางที่กระทำผิดกฎหมายในทะเล

พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ผอ.ศรชล.ภาค1) เป็นประธานเปิด โครงการอาสาสมัครรักษ์ทะเลไทย ศรชล.ภาค 1 ดำเนินกิจกรรมรื้อถอน และทำลายซากเรือของกลางที่คดีถึงที่สุดแล้ว ที่จมอยู่ใต้ท้องทะเล บริเวณหน้าอ่าวหาดฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า อ่าวฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นสถานที่ที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ ตลอดจน ยังเป็นพื้นที่ใช้สนองภารกิจในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ผ่านมาอ่าวแห่งนี้ยังได้ใช้ในการรักษาเรือประมงของกลางที่กระทำผิดกฎหมายในทะเล ด้วยระยะเวลายาวนานนับปี ทำให้เรือเหล่านี้ถูกธรรมชาติทำลาย ต้องจมลงเป็นซากปรักหักพังอยู่ใต้ท้องทะเล ส่งผลให้ทำลายทัศนียภาพ กีดขวาดเส้นทางเดินเรือ และส่งผลกระทบด้านความมั่นคง

ด้วยเหตุนี้ กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 จึงได้ผนึกกำลังร่วมกับภาครัฐ และภาคประชาชน ทำการเก็บกู้ซากเรือ เพื่อเร่งฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของชุมชน ให้กลับคืนสู่ธรรมชาติที่สวยงาม คงความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม อย่างยั่งยืนตลอดไป


https://www.komchadluek.net/news/482505



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:55

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger