SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 15 กันยายน 2564 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5667)

สายน้ำ 15-09-2021 03:36

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 15 กันยายน 2564
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และอ่าวไทยคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 15 - 16 ก.ย. 64 ร่องมรสุมพาดภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 17 - 20 ก.ย. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนทะเลคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ในช่วงวันที่ 15 - 19 ก.ย. 64 โดยทะเลอันดามันคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนทะเลคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 14 - 16 ก.ย. 64 ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง โดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง



https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

สายน้ำ 15-09-2021 04:13

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


โลกมีวันอุณหภูมิเกิน 50 องศาเซลเซียสเพิ่มขึ้นเท่าตัวใน 4 ทศวรรษ

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

บีบีซีเผย โลกมีวันที่อุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียสเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า วันแบบนี้จะเพิ่มขึ้นอีกหากมนุษย์ไม่รีบลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

สำนักข่าว บีบีซี เผยผลการวิเคราะห์สภาพอากาศ พบว่า โลกมีจำนวนวันที่อุณหภูมิแตะ 50 องศาเซลเซียส เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวนับตั้งแต่ปี 1980 และปรากฏการณ์ดังกล่าวกำลังเกิดในหลายพื้นที่มากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความท้าทายต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของมนุษย์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ตามการเปิดเผยของ บีบีซี จำนวนวันที่อุณหภูมิแตะ 50 องศาเซลเซียสเพิ่มขึ้นทุกทศวรรษ โดยค่าเฉลี่ยระหว่างปี 1980-2009 อยู่ที่ 14 วันต่อปี แต่จำนวนดังกล่าวกลับเพิ่มขึ้นเป็น 26 วันในข่วงระหว่างปี 2010-2019 และในช่วงเวลาเดียวกัน จำนวนเฉลี่ยของวันที่อุณหภูมิเกิน 45 องศาเซลเซียสอยู่ที่ปีละ 24 วัน

ดร.เฟรเดอริค ออตโต ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถานบันความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ระบุว่า การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล อาจเป็นสาเหตุ 100% ของการเพิ่มขึ้นนี้ โดยพื้นที่ที่อุณหภูมิเกิน 50 องศา เกือบทั้งหมดอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และอ่าวเปอร์เซีย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา อิตาลีมีวันที่อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 48.8 องศาเซลเซียส ทุบสถิติสูงสุดของประเทศ ขณะที่ความร้อนในแคดานาทำสถิติใหม่ที่ 49.6 องศาเซลเซียส ทำให้นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า โลกจะมีพื้นที่ที่อุณหภูมิแตะ 50 องศาเพิ่มขึ้นอีก หลากมนุษย์ไม่ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

"เราจำเป็นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ยิ่งเราตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเร็วเท่าไร เราจะยิ่งอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นมากเท่านั้น" ดร.หลี่ ซื่อฮาน นักวิจัยด้านสภาพอากาศจากโรงเรียนภูมิศาสตร์และสิ่งแวดนล้อมของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดกล่าว


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2193746


สายน้ำ 15-09-2021 04:18

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ฆ่าหมู่โลมาพันตัว หมู่เกาะแฟโรเมินเสียงต้าน ประเพณี 400ปี โหดเกิน

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

ฆ่าหมู่โลมาพันตัว ? เอพี รายงานว่า ชาวหมู่เกาะแฟโร ทางแอตแลนติกเหนือ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอีกครั้ง หลังจากเริ่มประเพณีฆ่าหมู่โลมา สัตว์ที่เป็นมิตรกับมนุษย์ไปถึง 1,428 ตัวช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการต้อนฝูงโลมาให้เข้ามาน้ำตื้นเพื่อฆ่าเอาเนื้อและชั้นไขมันของมัน ขณะที่ทะเลกลายเป็นสีเลือด

การล่าโลมาดังกล่าว ไม่ใช่การล่าเพื่อการพาณิชย์ ทั้งยังได้รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมายสำหรับหมู่เกาะแฟโร เขตปกครองตนเองของประเทศเดนมาร์ก ชาวบ้านอ้างว่าเป็นประเพณีที่สืบทอดมานาน 4 ศตวรรษ แม้จะมีประชาชนบนเกาะจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย นอกเหนือไปจากนักอนุรักษ์สัตว์ป่า Sea Shepherd Conservation Society ที่รณรงค์ต่อต้านมานาน

นายเฮรี ปีเตอร์เซน คนงานที่ทำหน้าที่กวาดต้อนวาฬนำร่องเข้ามายังฝั่งของเกาะอายสตูรอย ตรงใจกลางของหมู่เกาะแฟโร เพื่อฆ่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ย. กล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งใดๆ ว่าให้ไปกวาดต้อนโลมา และไม่อยากเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

นายปีเตอร์เซน กล่าวด้วยว่า มีโลมาเกลื่อนหาดเยอะมาก และมีคนไม่กี่คนที่อยู่ชายหาดเพื่อจะฆ่าเหล่าปลาโลมา ด้วยการใช้มีดแทง

ทุกๆ ปี ชาวหมู่เกาะแฟโรจะฆ่าโลมาและวาฬมากกว่า 1,000 ตัว โดยมีสถิติบันทีกไว้ และปีก่อน มีโลมาคาดขาว หรือ white-sided dolphin เพียง 35 ตัว



โอลิเวอร์ ซีอูร์ดาร์เบิร์ก ประธานสมาคมล่าวาฬนำร่องแฟโร กล่าวว่า ตนเองกลัวว่า การฆ่าหมู่ปลาดังกล่าวจะไปฟื้นการโต้เถียงที่โจมตีและส่งภาพลบให้กับประเพณีเก่าแก่ ของหมู่เกาะที่ประกอบด้วยเกาะ 18 แห่ง ตั้งแต่อยู่ระหว่างสกอตแลนด์ และไอซ์แลนด์

"เราต้องเตือนตนเองว่า เราไม่ได้อยู่ลำพังบนโลก ขณะเดียวกันก็ต้องทราบว่า โลกเล็กลงเรื่อยๆ ทุกคนต่างเดินไปได้เรื่อยๆ โดยมีกล้องมือถือใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ และพร้อมจะทำให้เราดูแย่ทุกครั้งที่มีการจับวาฬนำร่อง" นายซีอูร์ดาร์เบิร์กกล่าว

ด้านนายเจค็อบ เวสเตอร์การ์ด รมว.ประมงหมู่เกาะแฟโร กล่าวกับวิทยุท่องเที่ยวถิ่น ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามหนังสือล่าโลมา

ทุกปี ชาวเกาะจะไปต้อนปลาใหญ่เข้ามายังตรงพื้นที่น้ำตื้น จากนั้นจะแทงให้ตาย ส่วนใหญ่เป็นวาฬนำร่องที่ขาวบ้านเอาเนื้อไปทำอาหาร


https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6620417



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:23

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger