SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=8)
-   -   ตามหาปลาประหลาดที่หินม่วง (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=862)

สายน้ำ 07-04-2010 08:02

ตามหาปลาประหลาดที่หินม่วง
 

ตามหาปลาประหลาดที่หินม่วง .............. โดย วินิจ รังผึ้ง

http://pics.manager.co.th/Images/553000005075601.JPEG

ข่าวการพบปลาหน้าตาประหลาดที่ไม่ค่อยเคยพบเห็นกันในท้องทะเลเมืองไทย นั่นก็คือเจ้าปลา Rhinopias สีม่วงบริเวณหินม่วง กองหินใต้น้ำที่เป็นแหล่งดำน้ำขึ้นชื่อในเขตน่านน้ำกระบี่ ซึ่งเจ้าปลาหน้าตาประหลาดชนิดนี้เป็นปลาในตระกูลปลาแมงป่องหรือ Scorpion fish ซึ่งปรกติปลาในกลุ่มปลาแมงป่องส่วนใหญ่จะมีสีน้ำตาลกลมกลืนกับกองหินหรือโขดปะการังที่มันอาศัยอยู่ มันชอบหมอบนิ่งๆ พรางตัวซุ่มรอคอยเหยื่อ กุ้ง ปลาขนาดเล็กที่ว่ายผ่านมาตรงหน้าโดยไม่ทันระมัดระวัง มันก็จะฮุบกินอย่างรวดเร็วจนเหยื่อก็อาจจะไม่ทันได้รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ

เจ้าปลาตระกูลปลาแมงป่องชอบเกาะนิ่งๆอยู่กับพื้นมากกว่าชอบว่ายน้ำไป มาเหมือนปลาทั่วๆไป มันใช้ยุทธวิธีลับ ลวง พราง ในการล่าเหยื่อและมันก็ไม่จำเป็นจะต้องว่ายน้ำรวดเร็วเพื่อหนีตัวรอดจากปลานักล่าที่มีขนาดใหญ่กว่าเหมือนปลาทั่วๆไป เพราะปลาในตระกูลนี้มักจะมีเงี่ยงที่มีต่อมพิษไว้ป้องกันตัว หากศัตรูจู่โจมหรือนักดำน้ำไปจับต้องตัวมันเข้าก็อาจจะเจอกับเงี่ยงพิษที่ทำให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสได้ ซึ่งเงี่ยงพิษที่เป็นอาวุธป้องกันตัวอันร้ายกาจนี้นี่เอง ที่ทำให้มันได้ชื่อว่าปลาแมงป่อง สำหรับเจ้าปลา Rhinopias ซึ่งผมไม่รู้จะเรียกชื่อภาษาไทยว่าอะไรดี เพราะไม่ค่อยเคยพบในเมืองไทยมาก่อน แต่อาจจะเรียกจากลักษณะรูปร่างหน้าตาของมันที่แปลกแตกต่างจากปลาแมงป่องชนิดอื่นๆ ว่าเป็นเจ้าปลาแมงป่องขนยาว หรือปลาแมงป่องสาหร่ายก็น่าจะได้ เพราะเจ้าปลาแมงป่องชนิดนี้นับเป็นสุดยอดแห่งการพรางตัวมากกว่าปลาแมงป่องทั่วไปเข้าไปอีก เพราะบริเวณปลายครีบบนหลัง ปลายครีบข้างลำตัว และบริเวณหน้าตาของมันจะมีอวัยวะที่ยื่นยาวออกมาในลักษณะหนามหรือขนแตกแยกกิ่งก้านเพื่อพรางตัวให้คล้ายกับกอสาหร่ายทะเล ทำให้กุ้งปลาขนาดเล็กหลงเข้าใจผิดว่ายเข้ามาใกล้เพื่อหวังจะหลบภัยในกอสาหร่าย แต่กว่ามันจะรู้ว่าสถานที่ที่คิดว่าจะเข้ามาหลบภัยได้กลับเป็นแหล่งมฤตยูที่อันตรายยิ่งมันก็สายเกินไปเสียแล้ว

http://pics.manager.co.th/Images/553000005075602.JPEG

ผมเคยพบเจ้าปลาแมงป่องขนยาวหรือปลาแมงป่องสาหร่ายนี้ครั้งหนึ่งเมื่อ ราว 10 กว่าปีก่อนที่เกาะบิดะ หมู่เกาะพีพี แต่ครั้งนั้นมันมีสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีเดียวกับปะการังโครงสร้างแข็งบริเวณที่มันอาศัยอยู่ หลังจากพบเห็นที่นั่นแล้ว ก็ไม่เคยมีรายงานการพบเห็นที่ไหนในทะเลไทยอีกเลย กระทั่งมีรายงานการพบเห็นในฤดูกาลดำน้ำปีนี้ที่บริเวณหินม่วง ซึ่งเป็นกองหินใต้น้ำในเขตน่านน้ำจังหวัดกระบี่ และเจ้าตัวที่พบเห็นล่าสุดนี้มีสีม่วงที่สวยงามกว่าเจ้าตัวสีน้ำตาลที่เคยพบเห็นในครั้งก่อน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมก็มีโอกาสเดินทางไปดำน้ำในเส้นทางอันดามันใต้กับทีมงานของบริษัทมนุษย์กบไทยซึ่งเป็นทีมงานบริษัทดำน้ำเก่าแก่แห่งหนึ่งของ เมืองไทย โดยออกเรือจากภูเก็ตแวะดำกันที่หมู่เกาะห้าก่อนแล้วออกเรือมุ่งสู่หินม่วง หินแดง ซึ่งเป็นกองหินกลางทะเลตั้งอยู่กลางผืนทะเลกว้างนอกชายฝั่ง ห่างจากเกาะรอกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ใช้เวลาวิ่งเรือราว 2 ชั่วโมง กองหินทั้งสองมีลักษณะคล้ายกับภูเขาขนาดย่อมๆที่ตั้งชันขึ้นมาจากพื้นทะเล โดยหินแดงนั้นมียอดหินโผล่พ้นน้ำขึ้นมาปริ่มๆ ราวเมตร 2 เมตร ในขณะที่หินม่วงนั้นยอดหินจมอยู่ใต้ผืนน้ำในระดับความลึกราว 30-40 ฟุต หินทั้งสองตั้งอยู่ห่างกันราวสัก 500 เมตร หากดูเผินๆแล้วกองหินทั้งสองอาจจะเป็นเพียงกองหินธรรมดาๆ หรือกองหินอันตรายที่ชาวเรือจะต้องให้ความระมัดระวังในการเดินเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองหินแดงที่ยอดหินโผล่พ้นน้ำเพียงเล็กน้อย เรือที่วิ่งในตอนกลางคืนหรือไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ อาจจะแล่นไปเสยกองหินเอาง่ายๆ แต่หินแดงและหินม่วงสำหรับนักดำน้ำนั้น ที่นั่นเป็นสุดยอดของแหล่งดำน้ำที่สวยงามจุดหนึ่งของท้องทะเลอันดามันเลยทีเดียว

เราลงดำกันที่หินม่วงบริเวณจุดที่พบเจ้าปลาแมงป่องสาหร่ายกันในทันทีที่ไปถึง โดยดำกันลงไปตามสายทุ่น การดำน้ำที่หินม่วงนั้น มีบรรยากาศแตกต่างไปจากแหล่งดำน้ำในจุดอื่นๆตรงที่กองหินแห่งนี้มีลักษณะเป็นหน้าผาตัดดิ่งชันลึกลงไปใต้ผืนน้ำ มีลักษณะเหมือนการดำอยู่บนกำแพงผาใต้น้ำ หรือที่เรียกกันว่าเป็น Wall Dive ซึ่งภูมิประเทศเช่นนั้นไม่ค่อยมีในแหล่งดำน้ำของเมืองไทย การดำน้ำที่นี่จึงเหมือนเป็นการดำอยู่บนปากเหวลึกใต้ท้องทะเล แม้นผาหินใต้น้ำของหินหินม่วงจะไม่ได้มีความลึกมากมายเหมือนการดำกำแพงผาใต้น้ำในต่างประเทศ เพราะระดับพื้นทรายใต้น้ำรอบๆกองหินทั้งสองจะอยู่ในระดับราว 120-150 ฟุตเท่านั้น แต่ความรู้สึกก็คล้ายๆกันครับ เพราะเมื่อดำลึกลงไป นักดำน้ำก็จะดำเลาะเลียบไปตามผาหินที่มีปะการังอ่อนหลากสีสันปกคลุมอยู่เต็มไปทั้งกองหิน โดยบริเวณหินแดงนั้นจะมีปะการังอ่อนสีแดงปกคลุมอยู่ทั่วไป ส่วนหินม่วงจะมีปะการังอ่อนสีชมพู สีม่วงปกคลุมอยู่จึงได้ชื่อว่าหินม่วง ตามกำแพงผาหินเหล่านี้จะมีซอกหลืบที่มีกุ้งปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็กชนิดต่างๆอาศัยอยู่มากมาย มีทั้งม้าน้ำ กุ้งตัวตลก และเจ้าปลาจิ้มฟันจระเข้ขนยาวสีสันสวยงามให้ชมกัน

http://pics.manager.co.th/Images/553000005075603.JPEG

หลังจากดำลงไปไม่ไกลจากบริเวณสายทุ่นเท่าใดนักเราก็พบเจ้าปลาที่นัก ดำน้ำหลายคนใจจดใจจ่อที่จะพบเจอกัน โดยเจ้าปลาแมงป่องสาหร่ายสีม่วงสวยงามตัวนี้เกาะอยู่สงบนิ่งโดดเด่นเป็นสง่า อยู่บนผาหินใกล้กับกอปะการังอ่อนสีม่วง หากมองผ่านๆไม่ทันได้สังเกตก็อาจจะไม่รู้ว่าเป็นเจ้าปลาหน้าตาประหลาดตัวนี้ เพราะสีสันของมันพรางได้ใกล้เคียงกับสีสันของปะการังอ่อนบริเวณใกล้เคียง หน้าตาที่เต็มไปด้วยหนวดเครา ครีบที่เต็มไปด้วยเส้นสายกิ่งก้าน ยิ่งเมื่อมันปล่อยตัวให้โอนเอนไปมาตามกระแสน้ำที่พัดโยนปะทะกองหิน ก็ยิ่งมองดูเหมือนกอสาหร่ายที่พัดพลิ้วปลิวไปมาตามกระแสน้ำ ถ้าเป็นปลาขนาดเล็กก็คงหลงว่ายเข้าไปเป็นเหยื่อให้มันฮุบกินได้โดยง่าย แต่วันนั้นเจ้าปลาแมงป่องสาหร่ายสีสวยตัวนั้น แทนที่จะทำตัวเป็นนักล่าก็ต้องทำหน้าที่เป็นนางแบบให้หลายคนกดชัตเตอร์บันทึกภาพกลับขึ้นมาศึกษาชื่นชม

หลังจากชื่นชมเจ้าปลาหน้าตาประหลาดกันครู่ใหญ่ เราก็ว่ายเลียบผาหินสำรวจความงดงามของปะการังอ่อนที่ครอบคลุมอยู่ทั่วกองหินม่วง ซึ่งในวันนี้ปะการังอ่อนได้ฟื้นคืนกลับมาสวยงามเกือบสมบูรณ์เหมือนเมื่อก่อน หลังจากที่เคยมีข่าวว่าปะการังอ่อนที่หินม่วง หินแดง ทรุดโทรมจนล้มหายตายจากไปจนแทบจะกลายเป็นกองหินหัวโล้นเมื่อราว 2-3 ปีก่อน อันเป็นผลมาจากความเปลี่ยนแปลงและความแปรปรวนของอุณหภูมิน้ำทะเลที่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น เป็นการเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันจนปะการังอ่อนและดอกไม้ทะเล ซึ่งค่อนข้างจะอ่อนไหว ทนไม่ได้ต้องตายลงไปอย่างมากจนหลายคนเป็นห่วง ซึ่งภาพที่เห็นในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ปะการังอ่อนบนกองหินม่วง ได้ฟื้นตัวขึ้นมาสวยงามอย่างรวดเร็ว ด้วยอาจจะเป็นเพราะทำเลที่ตั้งของกองหินแดง หินม่วง ซึ่งตั้งอยู่โดดเด่นกลางทะเลที่มีกระแสน้ำพัดพาเอาแพลงก์ตอนและอาหารอันอุดมสมบูรณ์เข้ามาปะทะกับกองหินทั้งสองตลอดทั้งปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าธรรมชาตินั้นสามารถจะเยียวยารักษาบาดแผลที่เกิดจากธรรมชาติได้อย่างรวดเร็วด้วยธรรมชาติเอง แต่หากเป็นบาดแผลอันเกิดจากการกระทำของมนุษย์แล้วก็คงเป็นเรื่องที่ยากจะเยียวยา



จาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 6 เมษายน 2553

ตุ๊กแกผา 07-04-2010 08:19

ตัวเดียวกับที่ผองเพื่อนชาว sos เจอแน่ๆเลยยยยยยย

น่าสงสารเนอะ.....คงถูกตามล่าเป็นนางแบบ(หรือจะเป็นนายแบบ....หล่ะเนี่ย????) อีกนานเลย

Kungkings 07-04-2010 09:21

ที่ห่วงก็คือ...ถ้ามีอยู่ตัวเดียว แล้วจะขยายพันธุ์ได้ยังงัย จะอยู่เป็นแบบให้เราถ่ายรูปได้อีกกี่ฤดูกันละเนี่ยยยย น่าสงสารจัง :o:o

Super_Srinuanray 07-04-2010 10:17

3 Attachment(s)
เอาสีม่วงของพี่ติ่ง มาเทียบกับพี่วินิจบ้าง ดูว่า ม้วงม่วงน่ะ สวยมะ

ดอกปีบ 07-04-2010 10:24

"ธรรมชาตินั้นสามารถจะเยียวยารัก ษาบาดแผลที่เกิดจากธรรมชาติได้อย่างรวดเร็วด้วยธรรมช าติเอง แต่หากเป็นบาดแผลอันเกิดจากการกระทำของมนุษย์แล้วก็ค งเป็นเรื่องที่ยากจะเยียวยา"

คำพูดที่คุณวินิจ บอกนั้น จริงยิ่งกว่าจริง ..

chickykai 07-04-2010 15:19

แล้วจะมีตามหาคนประหลาดมั่งมั้ยเนี่ย อิอิ

สายชล 07-04-2010 15:23



อิๆ...คนประหลาดๆ....ไม่ต้องหา....มีให้เห็นออกเกลื่อนกลนไปจ้ะหนูไก่....:)



แม่หอย 07-04-2010 20:44

โห.. ภาพคุณครูติ่งสวยจัดไม่แพ้ของคุณวินิจเลยนะคะนี่
สวยมากๆ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:27

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger