|
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงรวมถึงอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูงเนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 21 ? 24 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน แต่ยังทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 25 ? 26 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2 - 5 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง สำหรับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ ตลอดช่วง สำหรับในช่วงวันที่ 25 ? 26 ก.พ. 66 ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าว https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds |
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
น้ำอุ่นกำลังละลายธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds ธารน้ำแข็งทเวตส์ (Thwaites Glacier) หรือ "ธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก" (Doomsday Glacier) ในทวีปแอนตาร์กติกา มีขนาดพอๆกับรัฐฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา ธารน้ำแข็งนี้มีส่วนต่อเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลกมากกว่าครึ่งเมตร และอาจทำให้ธารน้ำแข็งใกล้เคียงสั่นคลอน จนอาจทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นถึง 3 เมตร ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาธารน้ำแข็งทเวตส์ใช้ยานหุ่นยนต์ใต้น้ำ "ไอซ์ฟิน" (Icefin) เก็บข้อมูล และเซ็นเซอร์ได้ตรวจสอบแนวฐานธารน้ำแข็งแห่งนี้ ล่าสุดมีเอกสาร 2 ฉบับรายงานในวารสารเนเจอร์ โดยบริทนีย์ ชมิดต์ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ในสหรัฐฯ เอกสารฉบับหนึ่งเผยพบน้ำอุ่นไหลเข้าสู่รอยแยกและช่องเปิดอื่นๆ ของการลดหลั่นในชั้นน้ำแข็ง ทำให้เกิดการละลายด้านข้าง 30 เมตร หรือมากกว่านั้นต่อปี ชมิดต์ให้ความเห็นว่าน้ำอุ่นกำลังเข้าสู่ส่วนที่อ่อนแอที่สุดของธารน้ำแข็งทเวตส์และจะแย่ลงไปอีก นั่นคือสิ่งที่ทุกคนควรกังวลอย่างมาก ขณะเอกสารอีกฉบับระบุว่า ชมิดต์กำลังศึกษาและชี้ให้เห็นว่ามีการละลายของน้ำแข็งประมาณ 5 เมตรต่อปีใกล้กับแนวฐานธารน้ำแข็ง ซึ่งน้อยกว่าแบบจำลองที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์อาศัยภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อแสดงพฤติกรรมของน้ำแข็ง ทำให้ยากต่อการได้รับรายละเอียดที่ชัดเจน ดังนั้น เอกสารรายงานทั้ง 2 ฉบับนี้อาจช่วยในการพัฒนาแบบจำลองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และทำนายพฤติกรรมของธารน้ำแข็งในอนาคต. https://www.thairath.co.th/news/foreign/2633761 |
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
บริษัทสวีเดนชู "เรือไฟฟ้าบินเหนือน้ำ" ส่งเสริมการท่องทะเลรักษ์โลก เรือไฟฟ้าที่มีไฮโดรฟอยล์ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ อาจเข้ามาแทนที่เรือเฟอรี่แบบเดิมที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปในท่าเรือและอ่าวต่าง ๆ ทั่วโลกในไม่ช้า หากบริษัท "แคนเดลา" ผู้ผลิต "เรือบิน" สัญชาติสวีเดน มีแนวทาง https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds เครดิตภาพ : AFP สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองซอซาลิโต รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ว่า นายต็องกี เดอ ลาม็อต กะลาสีเรือชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า เป้าหมายของบริษัท แคนเดลา คือ การสร้างเรือไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด และ "ไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล" โดยไฮโดรฟอยล์ที่เป็นปีกใต้น้ำจะยกตัวเรือขณะที่เร่งความเร็ว เหลือเพียงโรเตอร์และไฮโดนฟอยล์มีอยู่ใต้น้ำ และลดแรงเสียดทานอย่างมาก นอกจากจะใช้พลังงานในการเดินทางน้อยลงประมาณ 80% แล้ว เรือไฟฟ้า "ซี 8" ยังหลีกเลี่ยงคลื่นผิวน้ำหรือคลื่นใต้น้ำที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ด้วย และเนื่องจากเครื่องยนต์ของมันเป็นแบบไฟฟ้า ผู้โดยสารจึงไม่ได้ยินและกลิ่นของเครื่องยนต์ที่ใช้แก๊ส บริษัท แคนเดลา ได้รับการสั่งซื้อเรือไฟฟ้า ซี 8 ราว 150 รายการ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 13.7 ล้านบาท) โดยการส่งมอบครั้งแรกคาดว่าจะถึงรัฐฟลอริดา ภายในสิ้นเดือนนี้ ขณะที่ โครงการดังกล่าวอาจดูเหมือนน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร เมื่อพูดถึงการต่อต้านการปล่อยเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแผลงสภาพอากาศ ทว่า ลาม็อต ระบุว่า อย่างน้อยมันก็เป็นการดำเนินการไปในทิศทางที่ถูกต้อง แม้ว่าเรือไฟฟ้า ซี 8 จะได้รับความนิยม แต่ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมของมันอาจจะถูกจำกัด เพราะเรือท่องเที่ยวมักจะมีการใช้งานเพียง 2-3 วันต่อสัปดาห์ และเมื่อมีสภาพอากาศดี สำหรับตอนนี้ การใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้าร่วมกับไฮโดรฟอยล์ยังห่างไกลจากการใช้งานในเรือคอนเทเนอร์ขนาดใหญ่ และเรือสำราญ ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาของการผลิตแบตเตอรี่ และการรีไซเคิลวัสดุ ยังคงเป็นอุปสรรคในอุตสาหกรรมนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัท แคนเดลา กล่าวว่า ซี 8 เป็นเรือไฟฟ้าที่ "เร็วที่สุด" และ "เดินทางได้ไกลที่สุด" ในตลาด โดยแล่นได้ไกลถึง 57 ไมล์ทะเลต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ด้วยความเร็วเฉลี่ย 22 นอต และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 30 นอต. https://www.dailynews.co.th/news/2017848/ |
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ครั้งแรกในไทย! พบซากดึกดำบรรพ์ "ปลาซีลาแคนธ์" ที่ จ.มุกดาหาร คาดอยู่ในยุครีเทเชียสตอนต้น https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds ศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้มีการเผยแพร่ข่าวน่ายินดี เพจเฟซบุ๊ก ในการค้นพบ ซากดึกดำบรรพ์ "ปลาซีลาแคนธ์" ที่ บ้านคำพอก อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร โดยถือได้ว่าเป็นการค้นพบครั้งแรกในประเทศไทย และครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้มีการคาดการณ์อายุซากดึกดำบรรพ์น่าจะมีอายุในยุครีเทเชียสตอนต้น นักวิจัยจากศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยาร่วมกับคณะวิจัยชาวต่างชาติ สามารถระบุได้ว่าซากดึกดำบรรพ์ที่พบเป็นปลาซีลาแคนธ์ในกลุ่มมอว์โซนิด แต่ด้วยข้อจำกัดของกระดูกที่พบเพียงชิ้นเดียวจึงไม่สามารถระบุรายละเอียดได้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม นี่คือหลักฐานซากดึกดำบรรพ์ของซีลาแคนธ์ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เบื้อต้นได้คาดการณ์ว่า ซากดึกดำบรรพ์ของปลาซีลาแคนธ์ ในหมวดหินภูกระดึงตอนบน อายุครีเทเชียสตอนต้น เป็นกระดูกขากรรไกรส่วนล่าง รหัสตัวอย่าง PRC 160 อายุอายุในยุครีเทเชียสตอนต้น สำหรับ ปลาซีลาแคนธ์ (Coelacanth) เป็นปลาดึกดำบรรพ์ที่ดำรงชีวิตมาตั้งแต่มหายุคพาลีโอโซอิก ในช่วงตอนกลางของยุคดีโวเนียน หรือประมาณ 393-382 ล้านปีที่แล้วและยังคงหลงเหลือมาถึงยุคปัจจุบัน ปลากลุ่มนี้มีลักษณะเด่นคือครีบที่มีลักษณะเป็นพู่เนื้อขนาดใหญ่ 4 ครีบ ซีลาแคนธ์กลุ่มมอว์โซนิดเป็นพวกที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืดในช่วงตอนต้นของมหายุคมีโซโซอิก ในยุคไทรแอสซิกประมาณ 251-201 ล้านปีที่แล้ว ต่อมาเมื่อเปลี่ยนเข้าสู่ในยุคจูแรสซิกตอนปลายประมาณ 163-145 ล้านปีก่อน พบว่าปลากลุ่มนี้เปลี่ยนแหล่งอาศัยไปอยู่ในทะเล และมีการเปลี่ยนแหล่งอาศัยกลับมาอยู่ในแหล่งน้ำจืดเมื่อเข้าสู่ยุคครีเทเชียสราว 145-66 ล้านปีที่แล้ว ซีลาแคนธ์ของไทยตัวนี้เคยแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำโบราณร่วมกับฉลามน้ำจืดกลุ่มไฮโบดอนต์ (Hybodonts) ปลาน้ำจืดไทยอิกธิส (Thaiichthys buddhabutrensis) เต่ายักษ์บาซิโลคีลิส (Basilochelys macrobios) พญาจระเข้ชาละวัน (Chalawan thailandicus) นอกจากนี้ ยังพบฟอสซิลของไดโนเสาร์กินเนื้อกลุ่มเมเทรียแคนโธซอริดอีกด้วย การค้นพบครั้งนี้จึงเป็นการเพิ่มเติมข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของซากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลังในหมดหินภูกระดึงของไทย และเพิ่มข้อมูด้านการกระจายทางบรรพชีวภูมิศาสตร์ของปลาโบราณกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น https://mgronline.com/science/detail/9660000016346 |
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ปรับลำละหมื่น! ผัว-เมียรัสเซีย บิดเจ็ตสกีเล่น "อ่าวแหลมป่อง" พื้นที่อนุรักษ์ เจ้าท่าฯกระบี่ ปรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ปรับลำละหมื่น ฐานความความผิด ใช้เจ็ตสกี ในเขตพื้นที่ไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนประกาศของจังหวัด https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds วันที่ 20 ก.พ.2566 จากกรณีผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว จ.กระบี่ บันทึกภาพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2 คน กำลังขับเรือเจ็ตสกี 2 ลำอยู่บริเวณอ่าว หน้าเกาะห้อง ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ เนื่องจากเป็นการกระทำผิดประกาศของจังหวัด เรื่องกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จ.กระบี่ ห้ามกระทำการหรือประกอบกิจกรรม การเล่นเรือสกู๊ตเตอร์ การเล่นเจ็สกีหรือการเล่นเรือลากทุกชนิด และเตียงร่มชายหาดสาธารณะ ซึ่งเป็นนโยบายจังหวัดที่เน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ไม่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี ล่าสุดเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่เจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ ลงพื้นที่อ่าวแหลมป่อง ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ หลังจากตรวจสอบทราบว่า เจ็ตสกีทั้ง 2 ลำลอยลำอยู่และพบนักท่องเที่ยวสามี-ภรรยา ชาวรัสเซีย จากการตรวจสอบพบว่า เจ็ตสกีทั้ง 2 ลำจดทะเบียนถูกต้องที่พัทยา เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวไปเปรียบเทียบปรับ ลำละ 1 หมื่นบาท ฐานความความผิด ใช้เจ็ตสกี ข้ามเขตที่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืน พรบ.ควบคุมสิ่งแวดล้อม ส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สำหรับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย และภรรยา เดินทางมาจากพัทยา โดยขับรถยนต์ชักลากเจ็ตสกี 2 ลำ เดินทางมาท่องเที่ยวที่ภาคใต้ผ่านจังหวัดที่มีทะเล และนำเจ็ตสกีลงทะเลขับขี่เล่น มาตลอดเส้นทางโดยไม่ถูกจับกุมตัว จนกระทั่งเดินทางมาถึงอ่าวบ้านแหลมป่อง นำเจ็ตสกีลงทะเลขับขี่เล่นตามปกติ โดยไม่ทราบว่าผิดกฎของจ.กระบี่ https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7521232 |
| เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:11 |
vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger