SaveOurSea.NET - สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์

โซเชียลฯ วอนหยุดสร้างกำแพงคอนกรีตกันคลื่นชิงโค จ.สงขลา ยันชายหาดบอบช้ำมากพอแล้ว

หนุ่มโพสต์ภาพชายหาดชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ซึ่งมีกำแพงคอนกรีตกันคลื่นเลียบชายหาดเป็นแนวยาว ชี้เป็นโครงการรัฐที่วิสัยทัศน์แย่ หวั่นทำชายหาดเสียหายหนักจนหายไป ยันคาบสมุทรสทิงพระบอบช้ำมามากพอแล้ว วอนหยุดทำลาย

https://lh3.googleusercontent.com/kr...-no?authuser=0

วันนี้ (20 ส.ค.) เฟซบุ๊ก "พงศ์ศักดิ์ ลอยประเสริฐ" ได้ออกมาโพสต์ภาพชายหาดชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา หากมองด้วยภาพจะเห็นกำแพงคอนกรีตกันคลื่นเลียบชายหาด โดยระบุเนื้อหาภาพว่า "แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ชายหาดคอนกรีตเสริมเหล็ก ชิงโค จังหวัดสงขลา นี่คือการพัฒนา หรือการทำลายล้าง ชายหาด วิสัยทัศน์ยอดแย่ของหน่วยงานรัฐ หยุดสร้างแบบนี้ได้แล้ว คาบสมุทรสทิงพระบอบช้ำมามากพอแล้ว นักท่องเที่ยวไม่ต้องการหาดทรายกันแล้วหรือ ถึงได้ยัดเยียดหาดคอนกรีตมาให้แทนหาดทรายที่ขาวสะอาด"

อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตให้ความสนใจในโพสต์ดังกล่าว และมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง บางรายชี้แนะว่าไม่ควรทำเพราะอาจทำให้ชายหาดหายได้ เนื่องจากล่าสุดก็หายไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยโพสต์มียอดกดไลก์ถึง 60 ครั้ง และแชร์ไปกว่า 80 ครั้งด้วยกัน

https://lh3.googleusercontent.com/B3...-no?authuser=0

ทั้งนี้ โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลสิงหนคร แบ่งออกเป็นเขื่อนกำแพงคอนกรีตผิวบล็อกตลอดความยาว 1,750 เมตร สำหรับเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลสิงหนคร มีการออกแบบให้ทำหน้าที่ป้องกันชายฝั่งทะเลและช่วยสลายพลังงานคลื่น จุดเริ่มต้นของโครงการอยู่ที่บริเวณสวนสาธารณะเทศบาลเมืองสิงหนคร เป็นเขื่อนกำแพงกันคลื่นผสม โครงสร้างหลักเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งเป็นโครงสร้างสำหรับป้องกันคลื่นกระเซ็นข้ามสันเขื่อนเข้ามายังตัวเขื่อนด้านหน้าหาด และยังได้จัดปรับปรุงภูมิทัศน์สำหรับเป็นประโยชน์ใช้สอยในด้านการพักผ่อนหย่อนใจ โดยบริเวณหัวเขื่อน บริเวณสวนสาธารณะของเทศบาล ได้ออกแบบเป็นลักษณะขั้นบันไดเพื่อให้สามารถลงชายหาดได้สะดวก เพื่อความต่อเนื่องกับการใช้ประโยชน์บริเวณลานกีฬาชายหาดและลานเอนกประสงค์ และเป็นแหล่งเศรษฐกิจชุมชนหลังการสร้างเขื่อน

https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000085491

*********************************************************************************************************************************************************

ภาพน่าตื่นตะลึง!แพหินลอยน้ำมหึมาเท่า2หมื่นสนามฟุตบอล ลอยขึ้นฝั่งออสเตรเลีย

https://lh3.googleusercontent.com/S2...-no?authuser=0

รัสเซียทูเดย์ - หินลอยน้ำจำนวนมหาศาลที่เกาะกันเป็นแพขนาดใหญ่กว้างสุดสายตา ได้ลอยขึ้นฝั่งในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย แล้ว หลังจากผุดขึ้นมาจากภูเขาไฟใต้ทะเลในแปซิฟิกเมื่อปีก่อน ขณะที่พวกนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพากมันจะช่วยคืนชีพให้แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟบางส่วน

แพหินภูเขาไฟลอยน้ำ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกาะกลุ่มกันจนมีขนาดใหญ่กว่าเมืองแมนฮัตตันของสหรัฐฯถึง 2 เท่า ผุดขึ้นมาจากภูเขาไฟใต้ทะเลที่ได้รับสมญานามว่า "ภูเขาไฟ F" หรือ "0403-091" ซึ่งเกิดการปะทุเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน ใกล้หมู่เกาะวาวาอู ในตองกา

กลุ่มก้อนหินภูเขาไฟซึ่งมีขนาดราวๆสนามฟุตบอล 20,000 สนาม และบางก้อนมีความหนาถึง 6 นิ้ว กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว หลังปรากฏคลิปวิดีโอบนสื่อสังคมออนไลน์เผยให้เห็นภาพตอนที่พวกมันกำลังเกาะกันเป็นแพใหญ่กว้างสุดสายตา บริเวณกลางมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้

เวลานี้แพหินภูเขาไฟสิ้นสุดการเดินทางเป็นระยะทาง 3,000 กิโลเมตรและขึ้นฝั่งในออสเตรเลีย บริเวณที่พวกมันจะช่วยฟื้นฟูแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ มอบสิ่งที่พวกนักวิจัยเรียกว่าเป็นการ "ป้อนวิตามิน" ให้แก่แนวปะการัง

แพหินเหล่านี้เริ่มถูกซัดขึ้นฝั่งรัฐควีนแลนด์ในเดือนเมษายน แต่เวลานี้ส่วนใหญ่ได้เดินทางมาถึงแล้ว ก่อภาพอันน่าตื่นตะลึงแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ขณะที่ตัวของภูเขาไฟเอง คาดหมายกันว่ามันจะเปลี่ยนเป็นเกาะๆหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

https://mgronline.com/around/detail/9630000085660

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรื้อถอน "โป๊ะน้ำตื้น" เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย เพื่อป้องปรามการกระทำผิดพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558

https://lh3.googleusercontent.com/L5...-no?authuser=0

นายเอกมัย มาลา หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต ได้สนธิกำลังบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล เขต 3 กระบี่ กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต ศรชล.จังหวัดภูเก็ต และ ชปพ.ประมง จังหวัดภูเก็ต ร่วมปฏิบัติการเข้ารื้อถอนเครื่องมือประมงประจำที่ หรือ "โป๊ะน้ำตื้น" ที่ชาวประมงในพื้นที่ชายฝั่งอำเภอถลาง ลักลอบจับสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่ง หลังจากรับแจ้งจากชาวบ้านและการลาดตะเวนของเจ้าหน้าที่ พบมีการลักลอบติดตั้ง "โป๊ะน้ำตื้น" 10 จุด ในพื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านบางดุก-หมากปรก หมู่ที่ 2 บ้านคอเอน และหมู่ที่ 3 บ้านด่านหยิด ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง ซึ่งถือเป็นการกะทำตามความผิด ในประกาศคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดภูเก็ต เรื่อง กำหนดเครื่องมือทำการประมง วิธีการทำการประมง พื้นที่ทำการประมง ที่ห้ามใช้ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำ พ.ศ.2562 โดยอาศัยอำนาจแห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมือทำการประมงประเภทโป๊ะ ยอปีก ช้อนปีก ไซปีก บาม ยอขันช่อ หรือเครื่องมือที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่น ที่มีลักษณะและวิธีการคล้ายคลึงกัน ทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งและเขตประมงน้ำจืด หรือเขตน่านน้ำภายในของจังหวัดภูเก็ต โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม มาตรา 147 ของพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมงแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า

https://lh3.googleusercontent.com/ne...-no?authuser=0

ทั้งนี้ .โป๊ะน้ำตื้น. ถือเป็นเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ที่มักจะมีชาวประมงนำไม้ยาวมาปักไว้ ตั้งแต่ชายฝั่งยาวลงไปในทะเล จากนั้น นำอวนตาถี่มาผูกติดกับไม้ในลักษณะเป็นแนวกำแพง โดยส่วนที่ยื่นลงไปในทะเลจะปักไม้ล้อมอวนไว้เหมือนห้อง เมื่อน้ำลงตามธรรมชาติ สัตว์น้ำก็จะว่ายไปตามแนวอวนและไปติดอยู่ในห้อง ซึ่งเครื่องมือประมงชนิดนี้จะไม่เลือกประเภทและขนาดของสัตว์น้ำ จึงเป็นการตัดวงจรสัตว์น้ำส่งผลโดยตรงต่อระบบนิเวศ

อย่างไรก็ตาม ในการเข้ารื้อถอน "โป๊ะน้ำตื้น" ถือเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ร่วมกันบูรณาการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องปรามการกระทำผิด เป็นตัวอย่างให้ชาวประมงหันมาทำประมงด้วยเครื่องมือประมงที่ถูกกฎหมาย เพื่อร่วมสร้างความยั่งยืนให้แก่ทะเลภูเก็ต ซึ่งการดำเนินการรื้อถอนไม่พบผู้ฝ่าฝืนหรือต่อต้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และหลังจากนี้ทางสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต จะออกกำชับให้เครือข่ายประมงพื้นบ้านช่วยสอดส่องดูแล และสร้างความเข้าใจให้ชุมชนในการทำประมงอย่างถูกกฎหมาย รวมถึงการส่งเสริมให้ชาวประมงหันมาทำใส่ใจเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากร เพื่อความยั่งยืน แต่หากพบการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต หากเป็นในพื้นที่อื่นให้แจ้งไปยังสำนักงานประมงจังหวัดในพื้นที่ ส่วนไม้และอวนทั้งหมดที่ได้จากการรื้อถอน ได้ยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรถลาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

http://thainews.prd.go.th/th/news/de...00820193213912