SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5052)

สายน้ำ 10-02-2020 04:25

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย สำหรับภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563

ฝุ่นละอองในระยะนี้ ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีกำลังแรงขึ้น ทำให้การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันน้อยลง ส่วนภาคเหนืออากาศยกตัวได้ไม่ดีในตอนเช้าและลมอ่อน ทำให้ตอนเช้ามีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควัน ส่วนตอนบ่ายจะดีขึ้นเนื่องจากอากาศยกตัวได้ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีหมอกในตอนเช้า กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 9 - 10 ก.พ. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือตอนบน หลังจากนั้นจะมีอากาศหนาวเย็นลง บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-12 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 11 - 15 ก.พ. 63 บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า ส่วนภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง และมีหมอกในตอนเช้า

สำหรับภาคใต้ในช่วงวันที่ 9 - 12 ก.พ. 63 มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 13 - 15 ก.พ. 63 ภาคใต้จะมีฝนลดลง และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังอ่อนลง


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่งไว้ด้วย รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนไว้ด้วย ในช่วงวันที่ 9 - 12 ก.พ. 63 ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา " อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563)" ฉบับที่ 6 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563

ในช่วงวันที่ 10-13 ก.พ. 63 บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส สำหรับยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 1-13 องศาเซลเซียส กับมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นบริเวณยอดดอยในภาคเหนือ

สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวัง ในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้เนื่องจากคลื่นอากาศในกระแสลมฝ่ายตะวันตกได้เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือมีอุณหภูมิลดลง ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง



https://i1198.photobucket.com/albums...pson6aryix.jpg.

https://i1198.photobucket.com/albums...psgzkt4bcl.jpg

https://i1198.photobucket.com/albums...psn5zksuej.jpg

https://i1198.photobucket.com/albums...psmvn1e3en.jpg

สายน้ำ 10-02-2020 05:20

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


ฉลองพบรังเต่ามะเฟืองรังที่สิบ เล็งประกาศเขตอนุรักษ์พื้นที่วางไข่เต่า ชายหาดภูเก็ต ? พังงา

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งประกาศข่าวดี พบรังเต่ามะเฟืองรังล่าสุด รังที่ 10 ของฤดูกาล ที่ จ.พังงา อ.ธรณ์ ชี้ การกลับมาของแม่เต่ามะเฟืองแสดงให้เห็นว่า การรณรงค์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลมาถูกทางแล้ว คาดปีนี้ทะเลไทยจะมีลูกเต่ามะเฟืองเกิดใหม่ไม่ต่ำกว่า 400 ตัว พร้อมเสนอไอเดียประกาศให้แนวชายหาดกว่า 100 กิโลเมตร ในเขต จ.ภูเก็ต ? จ.พังงา ที่เป็นพื้นที่ทำรังเต่ามะเฟืองเป็นเขตคุ้มครอง

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยผ่านทางแฟนเพจเฟสบุ๊คของกรม ยืนยันการพบรังเต่ามะเฟืองรังใหม่ ที่ชายหาดบ่อดาน อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยระบุว่า สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 (พังงา) ได้รับแจ้งจาก คุณสุรางค์ กิไพโรจน์ ชาวบ้านในพื้นที่ ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ว่าพบร่องรอยการขึ้นมาวางไข่ของเต่ามะเฟืองที่หาดบ่อดาน ใกล้เคียงกับรังไข่เต่ามะเฟืองรังที่ 2 และ รังที่ 4 ภายหลังจากขุดตรวจสอบพบรังไข่เต่ามะเฟือง นับเป็นการค้นพบรังเต่ามะเฟืองเป็นรังที่ 4 ในพื้นที่ชายหาดบ่อดาน และเป็นรังที่ 10 ของไทยในฤดูกาลวางไข่ปีนี้

https://i1198.photobucket.com/albums...ps6f3hfgxw.jpg
ไข่เต่าในรังเต่ามะเฟืองรังล่าสุด ที่เพิ่งค้นพบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่หาดบ่อดาน อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา //ขอบคุณภาพจาก: กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

จากการประเมินพื้นที่รังโดยเจ้าหน้าที่ พบว่ารังเต่ามะเฟืองรังนี้อยู่ในจุดที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายไข่ เพียงแต่ตั้งศูนย์เฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยเท่านั้น

ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การค้นพบรังไข่เต่ามะเฟืองถึง 10 รังในปีนี้ แสดงให้เห็นว่า การรณรงค์อนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลไทยประสบความสำเร็จ จนทำให้แม่เต่ามะเฟืองกลับมาทำรังวางไข่ในประเทศไทยอีกครั้ง โดยเขาคาดว่าในปีนี้จะมีเต่ามะเฟืองเกิดใหม่ไม่ต่ำกว่า 400 ตัว แม้ว่าจะมีการขโมยไข่เต่าในรังเต่ามะเฟือง 1 รัง ก็ตาม

"ช่วงที่ผ่านมาเราได้ผลักดันการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก จนสามารถขึ้นทะเบียน เต่ามะเฟือง วาฬบรูด้า วาฬโอมูระ และฉลามวาฬ เป็นสัตว์สงวนได้สำเร็จ นอกจากนี้เรายังมีการออกนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลไทย เช่น มาตรการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว หรือการส่งเสริมการทำประมงอย่างยั่งยืน จนทำให้เต่ามะเฟืองกลับคืนสู่ทะเลไทยอีกครั้ง หลังจากเต่ามะเฟืองได้หายไปจากทะเลไทยไปกว่า 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 จนกระทั่งมีการค้นพบเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่อีกครั้งในปีที่ผ่านมา" ดร.ธรณ์ กล่าว

"ความร่วมมือระหว่างประชาชนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ จนนำไปสู่การค้นพบรังเต่ามะเฟืองครั้งนี้ ยังชี้ว่า การรณรงค์ปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากบรรลุผลเช่นกัน เพราะชาวบ้านในพื้นที่ต่างเป็นผู้ค้นพบร่องรอยเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่สองครั้งล่าสุด และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบ แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีจิตสำนึกรักและหวงแหนเต่ามะเฟือง ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายาก และสัตว์สงวนของไทย"

ดร.ธรณ์ กล่าวว่า จากการที่เต่ามะเฟืองกลับมาวางไข่ถึง 10 รัง ในพื้นที่แนวชายหาดตั้งแต่ หาดในทอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เรื่อยไปจนจรดหาดท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา รวมเป็นพื้นที่ชายฝั่งยาวกว่า 100 กิโลเมตร แสดงให้เห็นว่าแนวชายหาดดังกล่าวเป็นพื้นที่พิเศษที่มีความสำคัญสูงมาก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาสภาพแวดล้อมของชายหาดเหล่านี้ให้คงความเป็นธรรมชาติ เพื่ออนุรักษ์พื้นที่วางไข่เต่ามะเฟืองในทะลไทย

https://i1198.photobucket.com/albums...pslycvxads.jpg
เต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea) //ขอบคุณภาพจาก: Paul Mannix

เขาเสนอว่า ในอนาคตควรมีการกำหนดมาตรการคุ้มครองชายหาดแหล่งวางไข่ของเต่ามะเฟืองเหล่านี้เพิ่มเติม โดยอาจประกาศให้พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่คุ้มครองชั่วคราวในช่วงฤดูวางไข่เต่าระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยให้ชาวบ้านในท้องที่เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ โดยหากเรายังรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมชายหาดให้ยังมีความเหมาะสมต่อการทำรังวางไข่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ในอีก 20 ปีข้างหน้า เราจะได้ต้อนรับเต่ามะเฟืองที่ฟักในปีนี้ กลับมาวางไข่ที่ชายหาดแห่งเดิมอีกครั้ง

"เมื่อปี พ.ศ.2559 มีการเสนอโครงการขยายรันเวย์สนามบินภูเก็ต โดยวางแผนก่อสร้างรันเวย์ยื่นยาวออกไปในทะเล 1 กิโลเมตร บริเวณหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการค้นพบรังเต่ามะเฟืองรังที่ 9 ห่างจากสนามบินภูเก็ตเพียง 1,000 เมตร เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หากวันนั้นโครงการเดินหน้า วันนี้เราคงกำลังก่อสร้างรันเวย์ขนาดยักษ์ บนหาดและในทะเลอึกทึกครึกโครม และเราคงไม่มีเต่ามะเฟืองมาวางไข่รังที่ 9 ไม่มีไข่ใบอ้วนใต้ผืนทราย" เขากล่าว

"นี่คือตัวอย่างดีที่สุดของการพัฒนาอย่างยั่งยืน รับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน หาทางออกโดยคิดถึงวันหน้าไว้ให้มากๆ แม้สนามบินภูเก็ตมีรันเวย์สั้น แต่เรายังสามารถพัฒนาอาคาร/หลุมจอด ให้สมเป็นสนามบินบนเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว 25 ล้านคนใน 10 ปีข้างหน้า และเราควรภูมิใจในรันเวย์ที่สั้น เพราะเป็นความสั้นที่รู้จักคำว่า "พอ" สั้นเพราะรู้จักคำว่า "เคารพธรรมชาติ"


https://greennews.agency/?p=20219



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:39

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger