SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 2 กันยายน 2563 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5265)

สายน้ำ 02-09-2020 03:03

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 2 กันยายน 2563
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) "ไมสัก" บริเวณทะเลจีนตะวันออก คาดว่าจะเคลื่อนตัวไปยังประเทศเกาหลีในช่วงวันที่ 2-3 ก.ย. 2563 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 2 ก.ย. ? 4 ก.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในช่วงวันที่ 5 - 7 ก.ย. 63 ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) "ไมสัก" บริเวณทะเลจีนตะวันออกมีการเคลื่อนตัวไปทางคาบสมุทรเกาหลี ในช่วงวันที่ 2-3 ก.ย. 63 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 2 ? 4 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนในช่วงวันที่ 5-7 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม



https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

สายน้ำ 02-09-2020 03:08

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ฮือฮา! พบ "ฉลามวาฬ" ขนาดใหญ่ แหวกว่ายไม่ไกลจากเกาะหลีเป๊ะ

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

เช้านี้ (1 กันยายน 2563) เพจผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้เผยภาพ "ฉลามวาฬขนาดใหญ่" เรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้ที่ได้พบเห็น โดยระบุข้อความว่า

เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ยากมาก สำหรับการพบเจอ "ฉลามวาฬขนาดใหญ่" ที่ปรากฎอยู่บริเวณกองหิน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกาะหลีเป๊ะ กำลังแหวกว่ายท่ามกลางฝูงปลาจำนวนมาก นี่แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลอันดามัน และสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นฟูของระบบนิเวศน์ทางทะเลที่เริ่มจะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งหลังจากการพักเรื่องท่องเที่ยวไปในช่วง COVID-19 ระบาดที่ผ่านมา การดำน้ำในครั้งนี้นับว่าคุ้มค่ามากที่สุดจริงๆ ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องทุกท่านมาร่วมสัมผัสธรรมชาติแห่งท้องทะเลอันดามันที่น่าหลงใหลและภาพที่หาดูได้ยาก

สำหรับ "ฉลามวาฬ" (Whale Shark) เป็นสัตว์สงวนของไทย และมีสถานะ ใกล้สูญพันธุ์ใน IUCN Redlist เป็นปลาที่ขนาดใหญ่ที่สุด ฉลามวาฬพบได้ในทะเลเขตร้อนและอบอุ่น อาศัยอยู่ในทะเลเปิด มีช่วงอายุประมาณ 70 ปีฉลามชนิดนี้กำเนิดเมื่อประมาณ 60 ล้านปีมาแล้ว อาหารหลักของฉลามวาฬคือแพลงก์ตอน


https://mgronline.com/travel/detail/9630000089514


*********************************************************************************************************************************************************


ดร.ธรณ์ ฟันธง! "แนวปะการัง อ่าวมาหยา ต้องใช้เวลาฟื้นนานนับสิบปี"

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds
อ่าวมาหยา สวรรค์อันดามัน ต้องใช้เวลาฟื้นแนวปะการังอีกนับสิบปี


เมื่อเร็วๆ นี้ เพจเฟซบุ๊ค Thon
Thamrongnawasawat โดย ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีกิจการพิเศษ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง บางเขน ซึ่งเป็นนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญทางทะเล ไปร่วมประชุมและสำรวจท้องทะเลฝั่งอันดามัน ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ได้โพสต์อัปเดทถึงการฟื้นฟูแนวปะการังที่อ่าวมาหยา ว่า

ถึงตอนนี้ คงพอบอกได้แล้วว่า ปะการังที่อ่าวมาหยาคงไม่ฟื้นคืนเหมือนเดิมใน 2-3 ปี
สี่ห้าปี ? ยังไม่อยากให้หวัง
เราอาจต้องพูดถึงตัวเลข "นับสิบปี"
ไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่อุทยาน/อาสาสามัคร ไม่ได้ช่วยกัน
ในทางตรงข้าม ทุกคนทุ่มเทเต็มที่ มากกว่าที่คาดไว้ด้วยซ้ำ
การย้ายปลูกปะการังที่อ่าวมาหยา ถือเป็นโครงการใหญ่สุดของอุทยานในด้านนี้ และต้องปรบมือให้
ปัญหาคืออ่าวมาหยามีเขาหินปูนโอบล้อมรอบด้าน ทางเข้าออกมีนิดเดียว
กระแสน้ำวนเวียน ยากที่ตัวอ่อนปะการังจากด้านนอกจะเข้ามา
พ่อแม่ปะการังในอ่าวทรุดโทรมหนัก เหลือรอดอยู่เพียงเล็กน้อย
แนวปะการังอ่าวมาหยาใช้เวลาก่อร่างสร้างตัวหลายร้อยปี ก่อนจะมาถึงจุดที่เรียกได้ว่า "สวรรค์"
เมื่อเรารุกรานสวรรค์ เราย่อมได้รับผล
แม้เราจะทราบแล้ว เข้าใจแล้ว ขอโทษทะเลแล้ว
แต่การฟื้นคืนสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย
มันไม่เกี่ยวว่าเราอยากได้เธอกลับมาแค่ไหน
มันเกี่ยวว่าทะเลจะยินดีมอบเธอกลับคืนมาเมื่อไหร่
การทำผิดย่อมเกิดบทเรียน
เรากำลังเรียนรู้ว่า สวรรค์มีค่ามหาศาล
และการฟื้นคืนสวรรค์ยากเย็นแสนเข็ญ
เพราะฉะนั้น จงปกปักรักษาสิ่งที่มีอยู่มีอยู่ในวันนี้
อย่าให้คำว่า "ฟื้นฟูได้" มาเป็นภาพลวงตา
ฟื้นฟูได้...อาจใช่ แต่ได้เมื่อไหร่ ???
ตะวันกำลังลับลา เจ้าหน้าที่อุทยาน/อาสาสมัครยังคงทำงานต่อไป
แสงทองส่องประกายผ่านเข้ามาทางปากอ่าว
คล้ายเป็นดังความหวังเรืองรอง หวังที่ต้องทุ่มเทพยายาม
ประโยคนี้ขอค้อมหัวคารวะทุกท่านที่กำลังพยายามเพื่ออ่าวมาหยา

ผู้ที่กำลังทำ #ภารกิจฟื้นฟูสวรรค์
เข้าใจ รักในสิ่งที่พวกท่านทำ
และขอบคุณด้วยความรู้สึกจากส่วนลึกของใจ

สวรรค์อันดามันวันวาน ธรรมชาติแห่งนี้หนาแน่นไปด้วยเรือท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว ทำให้สภาพธรรมชาติเสื่อมโทรม ชายหาดทรุดตัว

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds
สวรรค์อันดามันวันวาน ธรรมชาติแห่งนี้หนาแน่นไปด้วยเรือท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว ทำให้สภาพธรรมชาติเสื่อมโทรม ชายหาดทรุดตัว

ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีมติเมื่อกลางปี 2561 ให้ปิดการท่องเที่ยวอ่าวมาหยากลางทะเลอันดามัน เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เนื่องจากพบว่า แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งนี้หนาแน่นไปด้วยเรือท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว ทำให้สภาพธรรมชาติเสื่อมโทรม ชายหาดทรุดตัว นอกจากนี้ยังพบสารเคมีบางชนิด เช่น ครีมกันแดดที่นักท่องเที่ยวใช้ทาตัวก่อนลงเล่นน้ำ กลับเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปะการังฟอกขาวจนนำไปสู่การประกาศปิดอ่าวเพื่อฟื้นฟูสภาพของระบบนิเวศ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 กันยายน 2561 และต่อมามีการขยายเวลาปิดอ่าวต่อเนื่องมาอีก 1 เดือน กระทั่งผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเรียกร้องให้มีการเปิดอ่าวอีกครั้ง ในเดือน พ.ย.ปีเดียวกัน แต่เมื่อ ต.ค.2561 กรมอุทยานฯ กลับมีมติปิดอ่าวมาหยาอย่างไม่มีกำหนดจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุผลเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศชายหาดในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการฟื้นฟูปะการังที่เสื่อมโทรมอย่างหนัก

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

ช่วงสัปดาห์นี้ อาจารย์ธรณ์ ได้เข้าร่วมแนวทางกำหนดแผนปฏิรูปพื้นที่ทะเล ใน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ โดยใช้?อ่าวพังงา? เป็นพื้นที่นำร่อง ทว่าอาจารย์ก็ย้ำว่าแผนต่างๆ เมื่อเขียนเสร็จแล้วต้องทำด้วย ไม่งั้นก็ไม่เกิดผล

ช่วงนี้ใครทำอะไรได้ควรช่วยกัน ผมจึงมุ่งหน้าไปภูเก็ต/พังงา
ผมชอบอ่าวพังงา ไปตั้งแต่เด็ก (ปี 14 คุณพ่อเขียนไว้หลังภาพถ่าย) จากนั่นก็ขึ้นล่องมาตลอด ทราบดีว่าอ่าวพังงาคือหัวใจของอันดามัน
มีโอกาสช่วยวางแผนในอ่าวพังงาหลายครั้ง สุดท้ายคือแผนปฏิรูป/ยุทธศาสตร์ ผมขอให้กก.เลือกเป็นพื้นที่นำร่อง และคงอยู่มาจนถึงตอนนี้
แผนต่างๆ ของไทยเมื่อเขียนเสร็จแล้วต้องลงไปทำด้วยครับ ไม่งั้นไม่เกิดหรอก
เพื่อนธรณ์ที่ตามมาตลอด คงเคยเห็นโครงการต่างๆ ในอ่าวพังงา เช่น โมเดลขยะทะเล อุทยานชุมชน เกาะละวะ/เกาะเรียนรู้ ฯลฯ
แต่ตอนนี้เราเจอโควิด หลายอย่างเปลี่ยนไป ธรรมชาติสดใส แต่ผู้คนเดือดร้อนเพราะไม่มีการท่องเที่ยว
สถานการณ์แบบนี้ต้องเริ่มจากช่วยคน ผมเคยส่งถุงยังชีพไปให้คนรอบอ่าวพังงา ในนามทีมเพื่อนธรณ์ รวมกับอุทยานและคนในพื้นที่
ลงมาหนนี้ จะเน้นก๊อกสอง/สาม
ก๊อกสองคือช่วยกันแบบซึ่งๆ หน้า โดยชวนภาคเอกชน/เพื่อนๆ ไปสนับสนุนเงินบริจาคให้หลายโรงเรียนรอบอ่าว ใช้ช่วยน้องๆ/สิ่งแวดล้อมให้ต่อเนื่อง
ถึงวันกิจกรรมจะเล่าให้ฟังอีกครั้งครับ
ก๊อกสามคือไปเพื่อผลักดันต่อตามแผน เพิ่งประชุมกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญของหลายหน่วยงานเมื่อวาน (ดูภาพนะจ๊ะ)
อ่าวพังงาจะเป็นพื้นที่นำร่อง ทั้ง OHI (ocean health index) ทั้ง Ocean Account เพื่อต่อเนื่องไปสู่ MSP (marine spatial planning)
ศัพท์พิลึกเหล่านี้ทั่วโลกเขาใช้กันเพื่อดูแลทะเลยุคใหม่
เมืองไทยก็ต้องวางแผนใช้ให้ทันและจะมีประโยชน์ในการท่องเที่ยว/การประมง ยุคหลังโควิด ยังสอดคล้องกับเศรษฐกิจดิจิตอล ฯลฯ


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000089617

สายน้ำ 02-09-2020 03:09

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวอิศรา


ศาลอุทธรณ์สั่ง 'พีทีทีซีจี' จ่ายชาวประมง 1.5 แสน ชดเชยเหตุน้ำมันรั่วปี 56

ศาลอุทธรณ์ สั่ง 'พีทีทีซีจี' จ่ายชดเชยเพิ่ม เหตุน้ำมันดิบรั่วลงทะเลปี 56 ชาวประมงรับรายละ 1.5 แสนบาทจากเดิมได้ 9 หมื่นบาท ผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายละ 1.2 แสนบาทจากเดิมได้ 6 หมื่นบาท ขณะที่ทนายความมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชนเตรียมนำชาวบ้านยื่นฎีกาขอค่าชดเชยเพิ่มขึ้นอีก

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

สืบเนื่องจากเหตุการณ์น้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รั่วไหลลงทะเลระยอง เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2556 ที่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชายฝั่งและอ่าวทะเลระยอง

ต่อมาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ชาวประมงพื้นบ้านและผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยว ในพื้นที่อ่าวระยองกว่า 400 ราย ให้ทนายความมูลนิธิข้อมลูชุมชน ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อเรียกค่าชดเชยในการประกอบอาชีพและร้องขอให้ตั้งกองทุนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ต่อบริษัทดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้บริษัท จ่ายค่าเสียหายชดเชยชาวประมง 3 เดือนรวม 90,000 บาท และผู้ประกอบการท่องเที่ยว 3 เดือน รวม 60,000 บาท และศาลยกคำฟ้องในเรื่องของการตั้งกองทุนฟื้นฟูฯ (อ่านประกอบ : ศาลระยองสั่ง 'พีทีทีซีจี' จ่ายค่าเสียหายชาวบ้านสูญเสียอาชีพจากน้ำมันรั่วเมื่อ 5 ปีก่อน )

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 1 ก.ย. นางสาวส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดระยองอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีนี้ โดยคำร้องให้เรียกค่าชดเชยเพิ่มเติมจากเดิมเนื่องจากผลกระทบในกรณีดังกล่าวเกิดความสูญเสียในการดำรงและประกอบอาชีพ ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้เพิ่มค่าเสียหายเพิ่มขึ้นจากคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้บริษัทชดเชยชาวประมง 150,000 บาท จากเดิม 90,000 บาท และผู้ประกอบการท่องเที่ยว 120,000 บาท จากเดิม 60,000 บาท ส่วนกรณีที่ชาวบ้านร้องขอให้มีการตั้งกองทุนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ กรณีน้ำมันรั่วไหลในทะเล จ.ระยอง ศาลตัดสินว่า ไม่มีกฎหมายรองรับในการตั้งกองทุนนี้ขึ้นมา ถึงแม้จะตั้งกองทุนไม่ได้แต่ศาลให้ความเห็นว่า การที่ศาลแพ่งกรุงเทพฯในคดีเดิมพิพากษาให้โจทก์และจำเลยตกลงกัน ปรึกษานักวิชาการถึงแนวทางการฟื้นฟูและได้ฟื้นฟูอ่าวเสม็ดและอ่าวพร้าว ศาลได้พิพากษาไปตามนั้น เปิดโอกาสให้โจทก์ฟ้องศาลขอฟื้นฟูทะเลทั้งอ่าวระยองได้ในขั้นตอนต่อไป

นางสาวส.รัตนมณี กล่าวว่า นอกจากคำตัดสินแล้ว มีประเด็นที่น่าสนใจว่า ศาลให้ความเห็นเกี่ยวกับการตั้งหน่วยงานรัฐตรวจสอบกรณีดังกล่าวกรอบระยะเวลา 3 ปี ต้องสอดคล้องกับการความเสียหายที่ชาวประมงและผู้ประกอบการต้องได้รับ ไม่ใช่ยึดตามกรอบเวลาที่ศาลชั้นต้นพิจารณาชดเชยรายได้เพียง 3 เดือน ตามที่หน่วยงานราชการประกาศว่าทะเลฟื้นฟูได้ภายใน 3 เดือน และศาลให้ความเห็นแย้งว่ากรณีที่บริษัทอ้างว่าน้ำมันรั่วทั้งหมด 50,000 ลิตร แต่ดูองค์ประกอบในการที่บริษัทใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำมันอย่างน้อย 37,500 ลิตร ตามหลักวิชาการต้องใช้ปริมาณสารกำจัดต่อน้ำมันรั่ว 1/10 เท่ากับว่าในอัตรานี้น้ำมันรั่วลงทะเลทั้งหมดอย่างต่ำ 300,000 ลิตร หรือถ้าใช้สารเคมีในอัตราส่วนที่มากเกินกำหนด ศาลให้ความเห็นว่าทรัพยากรธรรมชาติบางส่วนจะถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง

ทนายความมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ศาลยังให้ความเห็นเกี่ยวกับ การทำหน้าที่ของกรมควบคุมมลพิษ ที่เรียกค่าเสียหายในการฟื้นฟูกรณีน้ำมันรั่ว 7 ล้านบาท แต่ไม่เรียกค่าเสียหายในการฟื้นฟูทะเลและสิ่งแวดล้อม ถือว่าทำไม่ถูกต้อง เพราะว่าทรัพยากรสูญเสียไปแล้ว แต่ภาครัฐไม่ดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากบริษัทเลย

"ขั้นตอนต่อไปกลุ่มชาวประมงและผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะมีการยื่นฎีกาเกี่ยวกับการขอค่าเสียหายชดเชยเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากเรามองว่าจากเดิมที่ศาลตัดสินชดเชยในกรอบระยะเวลาเพียง 3 เดือน น้อยเกินไป ถ้าเทียบกับบรรทัดฐานที่ภาครัฐตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ 3 ปี เท่ากับว่าความเสียหายในเรื่องนี้ต้องได้รับการชดเชยมากในกรอบเวลาที่มากกว่านี้ และคำพิพากษาของศาลในเรื่องอื่นจะนำไปต่อยอดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป" นางสาวส.รัตนมณี กล่าว


https://www.isranews.org/article/isr...91652-ptt.html


สายน้ำ 02-09-2020 03:12

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


เปิดบัญชี "สัตว์ป่าคุ้มครอง" ชนิดที่เพาะพันธุ์ได้

เฟซบุ๊ก สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า Wildlife Conservation Bureau, Thailand นำกฎกระทรวง กำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ พ.ศ.2546 มาให้ดูกันชัดๆ อีกครั้ง หลังมีคนสอบถามเป็นจำนวนมากว่า หากต้องการเลี้ยงสัตว์ป่าบางชนิดจะสามารถทำได้หรือไม่

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

โดยกฎกระทรวงดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและ คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2546 โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี 2546

ช่างไม้สุดครีเอททำบาร์ถั่ว 7 ชนิด ไว้ในสวน ให้กระรอกมาเลือกกินได้ตามใจชอบ


โดยยกเลิก กฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 10 (พ.ศ.2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และให้สัตว์ป่าคุ้มครองตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงนี้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้

ซึ่งแบ่งเป็น สัตว์ป่าจําพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 8 ชนิด เช่น กวางป่า ลิงกัง ชะมดเช็ด ฯลฯ

สัตว์ป่าจำพวกนก 42 ชนิด เช่น ไก่ฟ้าพญาลอ นกขุนทอง นกยูง นกเอี้ยงสาริกา หรือ นกเอี้ยงสาลิกา ไก่ฟ้าหลังขาว ไก่ฟ้าหลังเทา ฯลฯ

สัตว์ป่าจำพวกสัตว์เลี้ยงคลาน 6 ชนิด เช่น งูเหลือม งูหลาม จระเข้น้ำเค็ม จระเข้น้ำจืด ฯลฯ

สัตว์จำพวกสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก คือ กบทูต หรือ เขียดแลว

สัตว์จำพวกปลา 2 ชนิด คือ ปลาตะพัด หรือ ปลาอโรวาน่า และ ปลาเสือตอ ปลาเสือ หรือ ปลาลาด

อย่างไรก็ตาม สัตว์ป่าคุ้มครอง ที่นอกเหนือจากบัญชีที่ได้รับอนุญาตนี้ หากมีไว้ในครอบครอง จะมีความผิดตามกฎหมาย ระวางโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 5แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/132428



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:06

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger