SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5486)

สายน้ำ 19-03-2021 03:01

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นเข้ามา ปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวันไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 21 - 22 มี.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ตอนบนจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้จะเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 64 เป็นต้นไป


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 19 - 20 และ 23-24 มี.ค. 64 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าว ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่และมีฝนบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย

ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 22 มี.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ โดยเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ต่อจากนั้นภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะได้รับผลกระทบต่อไป ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น


ข้อควรระวัง

ส่วนในวันที่ 21 - 22 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกไว้ด้วย โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 21 - 22 มีนาคม 2564)" ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2564

ในช่วงวันที่ 21 - 22 มีนาคม 2564 ประเทศไทยจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นด้วย โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน

ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ตอนบนจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

ทั้งนี้เนื่องจาก บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด



https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

สายน้ำ 19-03-2021 03:53

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เจ้าหลังลาย พะยูนเกาะลิบง ว่ายน้ำคู่ปลาช่อนทะเล เห็นใกล้ๆ กลางทะเลตรัง

ภาพสุดน่ารักเมื่อ "เจ้าหลังลาย" พะยูนหนุ่มเกาะลิบงว่ายน้ำอวดโฉมนักท่องเที่ยว ที่นั่งมากับเรือโดยสารเส้นทางท่าเรือหาดยาว-เกาะลิบง โดยว่ายน้ำคู่กับปลาช่อนทะเล กลางทะเลตรังให้คนชมอย่างใกล้ชิด

https://hosting.photobucket.com/imag...hairath_01.jpg

เมื่อวันที่ 18 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายยงยุทธ สักหลัด หรือผู้ใหญ่สุข ม.6 บ้านหาดยาว ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ว่า นายมานพ พรหมเวช หรือบังเวช อายุ 45 ปี คนขับเรือโดยสารเส้นทางท่าเรือหาดยาว-เกาะลิบง ได้ถ่ายภาพส่งคลิปมาบอกตนว่าพบพะยูน เพศผู้ กำลังว่ายน้ำเล่นกับปลาช่อนทะเลอย่างเพลิดเพลิน บริเวณหน้าเขาบาตูปูเต๊ะ ม.4 ต.เกาะลิบง บริเวณจุดที่น้องเรียมเคยอาศัยอยู่และได้ตายก่อนหน้านี้ ซึ่งวันนี้พบเป็นพะยูน ขนาดความยาว 2 เมตรเศษ หนักประมาณ 200 กก. ก่อนจะขับเรือโดยสารพานักท่องเที่ยวไปชมอย่างใกล้ชิด พร้อมเก็บภาพสุดน่ารัก โดยไม่มีทีท่าว่าจะตกใจแต่อย่างใด ท่ามกลางบรรยากาศตื่นตา ตื่นใจ ของเหล่านักท่องเที่ยวที่พบเห็น

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

นายมานพ หรือบังเวช คนขับเรือที่พบพะยูน กล่าวว่า วันนี้ขณะตนกำลังพานักท่องเที่ยวนั่งเรือออกไปเที่ยวทะเล พบดูพะยูนมีชื่อเจ้าหลังลายกำลังว่ายน้ำเล่นกับปลาช่อนทะเล โผล่ขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำ นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างใกล้ชิด และมักจะเจอมาว่ายน้ำเล่นในช่วงน้ำขึ้น เป็นภาพชินตาและมีความคุ้นชินกับผู้คนและจดจำเรือได้ เจ้าหลังลายเป็นชื่อที่ชาวบ้านช่วยกันตั้งชื่อให้เพราะมีรอยแผลตรงบริเวณหลัง มักจะว่ายน้ำมากินหญ้าเป็นประจำ

นอกจากนี้ ยังมีลูกพะยูนอีกตัวชื่อว่าเจ้าแดง แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอบ่อยนัก เพราะปกติสองตัวนี้จะอยู่ห่างกันถ้าใกล้กันจะต่อสู้ไล่กัดกัน สำหรับผู้ที่จะมาดูสามารถนั่งเรือมาจากท่าเรือหาดยาว นั่งเรือประมาณ 40 นาที ลงที่หน้าเขาบาตูปูเต๊ะ ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าจะมาแวะเวียนมาดูพะยูนกันเยอะ มีความคุ้นชินอยู่กับชาวเกาะลิบงมานานกว่า 4 ปีแล้ว มีความใกล้ชิดกับชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวใครที่สนใจสามารถดูได้.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2052955


*********************************************************************************************************************************************************


รู้จักเรือเฟอร์รี่ ดิ บลู ดอลฟิน แล่นจากสัตหีบถึงสงขลา ใช้เวลาแค่ 20 ชม.

เรือเฟอร์รี่ ดิ บลู ดอลฟิน เตรียมพร้อมใช้งาน แล่นจากสัตหีบถึงสงขลา ใช้เวลาแค่ 18-20 ชม. เชื่อมโยงภาคตะวันออก และภาคใต้ รองรับการขนส่งในอนาคต

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดให้บริการขนส่งทางน้ำเส้นทางระหว่างจังหวัดชลบุรี ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดสงขลา ว่า ระยะแรกจะเดินเรือในเส้นทางระหว่างชลบุรี - สงขลา โดยออกเดินทางจากท่าเรือพาณิชย์สัตหีบไปยังสงขลา และจะขยายเส้นทางเชื่อมโยงเข้ากับประจวบคีรีขันธ์ในระยะต่อไป

นอกจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชนบท และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนการให้บริการขนส่งทางน้ำในเส้นทางดังกล่าว โดยให้ประมาณการปริมาณการขนส่ง และการเดินทางในเส้นทางชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา เพื่อวางแผนการขนส่งเชื่อมโยงท่าเรือ และการบริหารจัดการพื้นที่หลังท่าให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคล่องตัว ไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด และบรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมตามที่นโยบายกำหนด

สำหรับ เรือเฟอร์รี่ Blue Dolphin เป็นของบริษัท ซี ฮอร์ส เฟอร์รี่ จำกัด มีจุดน่าสนใจดังนี้

- ขนาด 7,003 ตันกรอสส์
- ความยาว 136.6 เมตร
- ความเร็ว 17 น็อต หรือ 31.48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- รองรับรถบรรทุกได้ประมาณ 80 คัน
- รถยนต์ส่วนตัว 20 คัน
- ผู้โดยสารประมาณ 586 คน
- จะใช้เวลาในการเดินทางจากท่าเรือจุกเสม็ด หรือท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ถึง สงขลา ระยะเวลาเพียง 18-20 ชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าทางรถยนต์ที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 23-24 ชั่วโมง

ปัจจุบัน เรือเฟอร์รี่ Blue Dolphin ได้รับการตรวจรับรองความปลอดภัยจากกรมเจ้าท่าแล้ว เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 64 และคนประจำเรือได้รับการฝึกอบรมตามข้อกำหนด โดยเรือ ดิ บลู ดอลฟิน ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก BOI แล้ว และจะเคลื่อนย้ายเรือเพื่อไปทดลองการเดินเรือที่ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ คาดว่าจะทดสอบแล้วเสร็จในเดือน มี.ค. 64 และจะมีกิจกรรม Meet the Press ในช่วงเดือน เม.ย.64.


https://www.thairath.co.th/news/business/2052635


สายน้ำ 19-03-2021 03:56

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


เปิดที่มาเรือประมงเบ็ดราวทูน่าจีนถูกไฟไหม้เสียหาย 5 ลำ

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เปิดที่มาเรือประมงเบ็ดราวทูน่าจีน ถูกไฟไหม้เสียหาย 5 ลำ ขณะจอดลอยลำในทะเลบริเวณแหลมหงา จ.ภูเก็ต พบถูกจอดทิ้งมานานกว่า 10 ปี ไม่มีเจ้าของ

https://hosting.photobucket.com/imag...319_Mgr_01.jpg

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (18 มี.ค.) ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้เรือประมงที่จอดทิ้งไว้บริเวณแหลมหงา ตำบลรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังเกิดเหตุ นายณชพงศ ประนิตย์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดับไฟ สภ.เมือง ตำรวจน้ำภูเก็ต เทศบาลตำบลรัษฎา ประมงจังหวัดภูเก็ต

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้มีเรือที่ถูกเพลิงไหม้จำนวน 5 ลำ ประกอบด้วย เรือ ZHANYUAN YU 829, ZHANYUAN YU 814, ZHANYUAN YU 815, ZHANYUAN YU 811, YUE XIA YU 90023

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า เรือที่ถูกเพลิงไหม้จอดอยู่ในบริเวณดังกล่าว จำนวน 6 ลำ โดยมีเรือจอดติดกัน จำนวน 5 ลำ ลักษณะของเรือทั้ง 5 ลำ มีลักษณะเก๋งเรือและเปลือกเรือเป็นไม้ ส่วนท้องเรือเป็นคอนกรีตเสริมลวดเหล็ก โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการควบคุมเพลิงประมาณ 1 ชั่วโมง

ซึ่งจากการตรวจพบว่า มีเรือถูกเพลิงไหม้เสียหายประมาณ 50% จำนวน 2 ลำ ส่วนอีก 3 ลำ มีความเสียหายจากเพลิงไหม้ประมาณ 15-20% โดยขณะนี้เรือทั้ง 5 ลำจอดในลักษณะเกยตื้น (ติดแห้ง) โดยมีความลึกน้ำประมาณ 1.50 เมตร ไม่พบว่ามีคราบน้ำมันบริเวณดังกล่าว

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่พบว่าเรือทั้ง 6 ลำ เป็นเรือสัญชาติจีนที่นำเข้ามาจอดเมื่อประมาณ 10 ปีแล้ว เพื่อขอสัญชาติไทย แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ โดยนำเรือไปจอดไว้ที่บริเวณแหลมหงา ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีไว้ต่อ สภ.เมืองภูเก็ต เมื่อ 30 ตุลาคม 2561 ในข้อหาไม่แจ้งเรือเข้าตาม ม.17 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย

ทั้งนี้ เรือมีสภาพผุพังไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งสำนักงานเจ้าท่าได้มีหนังสือสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ด่านตรวจสัตว์น้ำจังหวัดภูเก็ต ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ซึ่งผลปรากฏว่า ไม่พบการรายงานแจ้งเข้าออกตามตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ด่านศุลกากรภูเก็ต มีหนังสือแจ้งว่า พบการรายงานของเรือ ZHANYUAN YU 814 ไว้กับศุลกากรเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2556 เป็นเรือ Bulk ไม่มีสินค้า สัญชาติจีน ระวางน้ำหนักสุทธิของเรือ 41 ตัน ระวางน้ำหนักของเรือ 120 ตัน ซึ่งในวันที่ 9 เมษายน 2563 สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงภูเก็ต ได้มีหนังสือแจ้ง สภ.เมือง ให้งดการสอบสวน ส่งสำนวนคืน และหากต่อมารู้ตัวผู้กระทำความผิด ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนต่อไป

ต่อมา สภ.เมือง ได้มีหนังสือถึงสำนักงานเจ้าท่าแจ้งงดการสอบสวน เนื่องจากไม่พบตัวผู้กระทำความผิด และสำนักงานเจ้าท่าอยู่ระหว่างดำเนินการขอสนับสนุนงบประมาณทำลายซากเรือประมงดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ และมาเกิดเหตุเพลิงไหม้เสียก่อน


https://mgronline.com/south/detail/9640000026219



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:22

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger