SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2564 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5491)

สายน้ำ 25-03-2021 03:09

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2564
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคกลาง ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ และภาคกลาง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกกำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 25 - 26 มี.ค. 64 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กับมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง

ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 30 มี.ค. 64 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นบางพื้นที่ ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น


ข้อควรระวัง

ในวันที่ 27 - 30 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย



https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

สายน้ำ 25-03-2021 03:41

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


โผล่อีก! คนไร้สำนึก พ่นสีเปรย์บนโขดหิน-ทิ้งขยะเกลื่อน ในเขต อช.ออบหลวง

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

วันนี้ (24 มีนาคม 2564) นายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้ชี้แจงถึงกรณีมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการทิ้งเศษขยะ และการขีดเขียนบนโขดหิน ในเขตอุทยานแห่งชาติออบหลวง ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่าง กม.8-12 เส้นทาง 108 สายฮอด - แม่สะเรียง

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่ามีนักท่องเที่ยวทิ้งขยะ และพ่นสีบนโขดหินริมน้ำแม่แจ่ม จำนวน 2 จุด ซึ่งบริเวณดังกล่าวในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน ของทุกปี มักจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเล่นน้ำเป็นจำนวนมากในลำน้ำแจ่ม หรือที่เรียกว่า พัทยาเมืองฮอด ซึ่งทางอุทยานได้มีการประชาสัมพันธ์ และจัดเก็บขยะอยู่เป็นประจำ

แต่แล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติออบหลวงได้ออกตรวจตราตามปกติ พบว่าบริเวณดังกล่าว ได้มีการพ่นสีสเปรย์บนโขดหินริมน้ำ จำนวน 2 จุด ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามสืบหาตัวผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

"ขณะนี้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้สั่งการให้อุทยานแห่งชาติออบหลวงดำเนินการลบข้อความดังกล่าว และจัดเจ้าหน้าที่ไว้ตามจุดสำคัญ มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจชี้แจงให้กับนักท่องเที่ยวในทุกช่องทางเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก"

หากท่านใดมีเบาะแสแจ้งข้อมูลมาได้ที่ อุทยานแห่งชาติออบหลวง-Op Luang National Park

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ เรื่องการคุ้มครองและดูแลรักษาอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 16 (4)ระบุไว้ว่าทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพแก่ดิน หิน กรวด หรือทราย เป็นความผิดที่มีบทลงโทษ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเข้าข่ายกับความผิดในการพ่นสีสเปรย์บนโขดหินริมน้ำ

ส่วนการทิ้งขยะ ในเขตอุทยานฯ ตามมาตรา 16 (18) ระบุว่าทิ้งขยะมูลฝอยหรือสิ่งต่างๆ ในที่ที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้น มีบทลงโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000028167


สายน้ำ 25-03-2021 03:46

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


เรือยักษ์ขวางคลองสุเอซ ชี้ลมพัดจนหมุน การขนส่งอลหม่านโลก

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

เรือยักษ์ขวางคลองสุเอซ ? เอพี รายงานวันที่ 24 มี.ค. ว่า เรือขนส่งสินค้าลำยักษ์เหมือนตึกระฟ้าเข้าไปติดขวางคลองสุเอซ เส้นทางการขนส่งทางน้ำท่่ใหญ่ระดับโลก จนบล็อกการจราจรของคลองในประเทศอียิปต์ เรือลำอื่นผ่านเข้าออกไม่ได้ ส่อเค้าปั่นป่วนระบบการขนส่งสินค้าทั่วโลก ซึ่งเดิมได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อยู่แล้ว

เรือยักษ์ขวางคลองสุเอซ ลำดังกล่าวชื่อ The Ever Given ? ดิ เอฟเวอร์ กิฟเวน เป็นเรือขนส่งสินค้าที่เดินเรือระหว่างเอเชียกับยุโรป ล่องเข้าไปยังคลองสุเอซ ซึ่งเป็นคลองแคบๆ ที่ขุดขึ้นเพื่อผ่าช่องทางแยกทวีปแอฟริกากับแหลมไซนาย

ภาพถ่ายเรือที่ติดแหง็กอยู่ แสดงให้เห็นว่า ตัวเรือเหมือนตีโค้งไปขวางคลอง หัวเรือไปติดกับกำแพงฝั่งตะวันออก ส่วนท้ายเรือคาอยู่กำแพงฝั่งตะวันตก เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ เป็นเหตุการณ์ที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างพูดว่า ไม่เคยพบเคยเห็น มาก่อนในประวัติศาสตร์ 150 ปี ของคลองที่คนสร้างขึ้นนี้

ตลอดวันพุธที่ 24 มี.ค. มีความพยายามใช้เรือลากหลายลำเข้าไปดุนเรือลำยักษ์ให้เอียงตัวเปิดช่องให้เรือลำอื่นวิ่งเข้าออกคลองได้บ้าง ขณะต่อคิวยาวในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดง แต่การใช้งานกลับเป็นไปได้แค่ 10% ของช่วงเวลาปกติ และยังไม่ชัดว่าจะใช้เวลาแก้ไขสถานการณ์นี้นานเท่าใด

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวว่า อาจกินเวลานานอย่างน้อย 2 วัน ขณะเดียวกันเกิดความวิตกว่า เรือลำยักษ์อาจตกเป็นเป้าหมายโจมตี

ส่วนสาเหตุที่เรือเข้าไปติดแหง็กขวางคลองอยู่ยังสืบทราบไม่ได้แน่ชัด บริษัทด้านการขนส่งและโลจิสติกทั่วโลก GAC แจ้งว่า เรือลำนี้เคยมีปัญหาเครื่องยนต์ดับมาก่อน แต่เจ้าหน้าที่บริษัทเบิร์นฮาร์ด ชูลเทอ ซึ่งดูแลเรือลำนี้อยู่ ยืนยันว่า เครื่องยนต์ของเรือลำนี้ไม่เคยดับ




ชี้สาเหตุลมแรงจนเรือหมุน

ด้านบริษัท เอฟเวอร์กรีน มารีน คอร์ป บริษัทขนส่งสินค้า สำนักงานในไต้หวัน ผู้จัดการเรือ ดิ เอฟเวอร์ กิฟเวน แถลงว่า เรือลำนี้เผชิญกับลมแรงมาก ขณะเดินทางจากทะเลแดงเข้าไปในคลอง แต่ไม่มีตู้คอนเทนเนอร์ใดที่จมลง

เจ้าหน้าที่อียิปต์รายหนึ่งที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ บอกกับสำนักข่าวเอพีว่า ลมแรงจัดและพายุทรายในบริเวณเป็นสาเหตุที่ทำให้เรือตกอยู่ในสภาพนี้

ขณะที่นักพยากรณ์อากาศชี้ว่า ลมในบริเวณนี้มีกำลังแรงที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่า ลมแรงระดับนี้จะดันให้เรือขนาดใหญ่ยักษ์ 220,000 ตัน หมุนเอนเข้าไปตั้งขวางคลองได้อย่างไร

ภาวการณ์ที่เรืออื่นผ่านคลองไม่ได้ดังกล่าว กระทบต่อการขนส่งแก๊สและน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยุโรป และส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดเบรนต์ปรับตัวสูงขึ้นทันทีเกือบ 2.9% ที่ราคา 62.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เนล

สำหรับเรือดิ เอฟเวอร์ กิฟเวน ต่อขึ้นเมื่อปี 2561 มีความยาวเกือบ 400 เมตร กว้าง 59 เมตร อยู่ในกลุ่มเรือลำใหญ่ที่สุดในโลก บรรทุกคอนเทนเนอร์ได้ 20,000 ตู้ในคราวเดียว ก่อนหน้านี้จอดอยู่ท่าเรือที่เมืองจีน ก่อนมุ่งหน้าไปเมืองร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในยุโรป


https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6197957


สายน้ำ 25-03-2021 03:50

ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE


วาฬปิ๊กมี่ตัวน้อยในมหาสมุทรอินเดีย ........................ โดย Willie Mackenzie

เมื่อพูดถึงวาฬ เรามักจะนึกถึงวาฬที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งขนาดตัวของมันมีความยาวเทียบเท่ากับรถบัส ฝูงช้างหรือไดโนเสาร์ เรื่องราวที่เราจะเสนอต่อจากนี้อาจเซอร์ไพรซ์คุณเพราะเป็นเรื่องที่เราอาจคาดไม่ถึงเลยนั่นคือ วาฬปิ๊กมี่น้ำเงินที่อาศัยอยูในมหาสมุทรอินเดีย

วาฬปิ๊กมี่น้ำเงินเป็นวาฬสายพันธ์ุหนึ่งของวาฬสีน้ำเงินที่อาศัยในแถบโลกเขตร้อน พวกมันมีความยาวเพียง24เมตร เมื่อเทียบกับญาติวาฬน้ำเงินที่มีความยาวประมาณ30เมตร อีกทั้งพวกมันยังมีน้ำหนักโดยรวมเพียงครึ่งหนึ่งของวาฬน้ำเงินทั้งหมดในแอนตาร์กติก

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds

เพิ่งจะมีการค้นพบวาฬสายพันธุ์ย่อยหลายชนิดเมื่อไม่นานมานี้ ในขณะที่วาฬสายพันธุ์ใหญ่โดยเฉพาะวาฬสีน้ำเงินนั้นถูกล่าในเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และ 20 การค้นพบนี้ทำให้เราได้รู้ว่าการล่าวาฬกลายเป็นภัยคุกคามที่ทำให้จำนวนวาฬลดลง ทั้งประชากรโดยรวมและวาฬสายพันธุ์ท้องถิ่น เมื่อเหล่าประเทศที่ล่าวาฬในเชิงพาณิชย์วางแผนร่วมจัดตั้งคณะกรรมการล่าวางวาฬระหว่างประเทศในปีพ.ศ.2489 เราจึงทราบถึงจำนวนที่แท้จริงของวาฬที่ถูกล่า อย่างไรก็ตามก็ยังมีการโต้เถียงถึงการบันทึกจำนวนสายพันธุ์วาฬอยู่ ซึ่งปัจจุบันความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ก็แสดงให้เห็นว่า ที่ผ่านมาเรายังไม่รู้จักโลกของวาฬมากพอ ทั้งในเรื่องนิสัยการผสมพันธุ์รวมไปถึงการสื่อสารและวิถีชีวิตในฝูง ในปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีการค้นพบวาฬสายพันธุ์ใหม่ๆอยู่

แล้วจำนวนประชากรวาฬสำคัญต่อเราอย่างไร ? คำตอบคือ จากข้อมูลดังกล่าวทำให้เราได้ทราบว่าวาฬ(หรือสัตว์สายพันธุ์อื่นๆที่มีลักษณะเหมือนกัน) เป็นสัตว์ที่ไม่ได้มีเครือญาติมากมาย ยิ่งทำให้พวกมันอยู่ในความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์มากกว่าเดิม ดังนั้นการเปิดให้มีเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลในมหาสมุทรโลกและการจำกัดการรบกวนของมนุษย์จะมีส่วนสำคัญเนื่องจากวาฬมีจำนวนประชากรที่น้อยมาก

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds
วาฬปิ๊กมี่น้ำเงินโผล่ขึ้นเหนือน้ำที่มีความลึกถึง 250ไมล์ทางตะวันตกของมาปูโต เมืองหลวงประเทศโมซัมบิก ? Paul Hilton / Greenpeace

ผลจากการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ทำให้จำนวนวาฬน้ำเงินทั่วโลกลดลงเหลือประมาณร้อยละหนึ่งจากจำนวนก่อนหน้านี้ และเราอาจจะสูญเสียจำนวนประชากรวาฬสายพันธุ์ย่อยต่างๆโดยที่เราไม่รู้ตัว

วาฬปิ๊กมี่ที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรอินเดียมีลักษณะแตกต่างจากเครือญาติวาฬที่อยู่อาศัยในแอนตาร์กติก เพราะว่าพวกมันต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของอุตสาหกรรมในมหาสมุทร ถูกรบกวนจากมลพิษทางเสียงในมหาสมุทร เช่นเรือขนาดใหญ่และการทำลายถิ่นอาศัยของพวกมัน ซึ่งนับว่าเป็นภัยอันตรายที่รุนแรงต่อความเป็นอยู่ของวาฬชนิดดังกล่าวและยังมีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย

https://hosting.photobucket.com/imag...370&fit=bounds
วาฬน้ำเงินปิ๊กมี่กำลังว่ายน้ำผ่านแสงที่ลอดลงมาในน้ำทะเล ? Greenpeace / Paul Hilton

ในขณะเดียวกัน เรารู้ดีว่าสัตว์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ต้องการสิทธิในการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องการพลังจากคนทั่วโลกที่จะมาช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและทำให้มหาสมุทรมีความอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต

เหล่าวาฬปิ๊กมี่ตัวน้อยมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ เราจำเป็นต้องปกป้องมหาสมุทรที่เป็นดั่งบ้านของวาฬเพื่ออนาคตที่อุดมสมบูรณ์ วาฬคือสัตว์ทะเลที่มีอายุยืนยาวและสัตว์ที่สามารถเดินทางไกล เราต้องมั่นใจว่าพื้นที่อันกว้างใหญ่ในมหาสมุทรจะเป็นเขตคุ้มครองทางทะเลที่คอยปกป้องพวกมัน เป็นแหล่งอาหาร แหล่งเพาะพันธุ์และเป็นพื้นที่ในการฟื้นฟูสายพันธุ์สัตว์ทะเล

เราขอขอบคุณเสียงสนับสนุนจากประชาชนทั่วโลกที่ทำให้มีการสั่งห้ามการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ในระดับโลกในปีพ.ศ.2529 ซึ่งในตอนนี้เราต้องการความร่วมมือจากทั่วโลกอย่างเร่งด่วนอีกครั้ง เพื่อสร้างเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลและมหาสมุทรโลกเพื่อการปกป้องวาฬและถิ่นอาศัย โดยเรืออาร์กติกซันไรส์ของกรีนพีซเดินทางไปยังมหาสมุทรอินเดียเพื่อสำรวจภัยคุกคามในมหาสุมทรและเรียกร้องต่อผู้นำโลกในการปกป้องวาฬ ซึ่งตอนนี้มีผู้เข้าร่วมถึง3.5ล้านคนจากทั่วโลก


https://www.greenpeace.org/thailand/...my-blue-whale/



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:18

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger