SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2564 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5692)

สายน้ำ 11-10-2021 03:24

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2564
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ในขณะที่พายุดีเปรสชัน "ไลออนร็อก" ปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

อนึ่ง พายุโซนร้อน "คมปาซุ" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก หรือทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปินส์ พายุนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ตลอดช่วง ในขณะที่ในช่วงวันที่ 10-16 ต.ค. 64 ร่องมรสุมจะพาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง ตลอดช่วง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

อนึ่ง พายุโซนร้อน "ไลออนร็อก" ที่ปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 10-11 ต.ค. 64 และจะอ่อนกำลังลง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 11-16 ต.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดจากฝั่ง ตลอดช่วง



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุดีเปรสชัน "ไลออนร็อก"" ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2564

เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (11 ต.ค. 2564) พายุดีเปรสชัน "ไลออนร็อก" มีศูนย์กลางอยู่บริเวณแขวงหัวพัน ประเทศลาว หรือที่ละติจูด 20.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 104.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศกำลังแรงในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้



https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds


https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

สายน้ำ 11-10-2021 04:17

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


สุดช็อก! วาฬบรูด้าสีฟ้าขนาด 39 ฟุตติดอยู่ส่วนหัวเรือขนน้ำมันญี่ปุ่นจอดในท่ามิซูชิมะ

เอเจนซีส์ - วาฬบรูด้าสีฟ้าสดใสขนาด 39 ฟุตหนัก 5 ตันเสียชีวิตแล้วถูกพบติดอยู่ที่หัวเรือขนส่งน้ำมันญี่ปุ่นที่ถูกจอดไว้ที่ท่าเรือมิซูชิมะ สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้พบเห็นและเหล่าผู้อนุรักษ์วาฬและสิ่งแวดล้อม

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานเมื่อวานนี้(9 ต.ค)ว่า ผู้เชี่ยวชาญได้เปิดเผยกับสื่อธุรกิจว่า ดูเหมือนวาฬบรูด้าที่โชคร้ายจะถูกเรือบรรทุกน้ำมันญี่ปุ่นที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อชนเข้าตรงกลางลำตัวพอดี

ทั้งนี้พบว่าลูกเรือไม่ได้รู้ว่าเรือได้คร่าชีวิตวาฬขนาดใหญ่และซากของมันติดที่หัวเรือขณะที่เรือกำลังแล่นเข้ามาในอ่าวมิซูชิมะ(Mizushima harbor)

เจ้าหน้าที่หน่วยงานยามฝั่งญี่ปุ่นยืนยันกับบิสซิเนสอินไซเดอร์ว่า วาฬที่เสียชีวิตเป็นเพศผู้เป็นวาฬบรูด้ามีน้ำหนัก 5 ตันและความยาวอยู่ที่ 39 ตัน

ชาวบ้านในพื้นที่เห็นซากวาฬดังกล่าวขณะที่เรือบรรทุกน้ำมันญี่ปุ่นวิ่งกลับเข้าท่าในเมืองคูราชิกิ(Kurashiki)เป็นเมืองในจังหวัดโอกายามะทางตะวันตกของญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่ทว่าภาพข่าวเพิ่งถูกเปิดเผยผ่านการตีพิมพ์ของหนังสือพิมพ์โยมิอุริ ชิมบุนในวันอังคาร(5)ล่าสุด

ซึ่งหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นรายงานว่า เรือบรรทุกน้ำมันวิ่งผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อกลับเข้ามาที่ท่าเรือมิซูชิมะของญี่ปุ่น เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงาน

ชาวประมงญี่ปุ่นในพื้นที่เปิดใจเกี่ยวกับซากวาฬบรูด้าที่ติดมากับเรือบรรทุกน้ำมันว่า "ตั้งแต่ผมจับปลาที่นี่มาเป็นเวลาหลายสิบปี แต่นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นวาฬ" ขณะที่พยานในเหตุการณ์อีกรายกล่าวเพิ่มเติมว่า "ผมใช้ชีวิตอยู่มานานกว่า 80 ปีแต่เป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งได้เห็นวาฬ"

หลังจากนั้นพบว่ามีการเรียกหน่วยงานยามฝั่งญี่ปุ่นหลังจากพบซากวาฬติดอยู่ที่บริเวณหัวเรือ สื่ออังกฤษชี้

โดยโฆษกหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นกล่าวว่า ทางหน่วยงานไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนและกำลังมีการตรวจสอบมาตรการที่จะป้องกันการเกิดเหตุคร่าชีวิตวาฬซึ่งถือเป็นสัตว์คุ้มครอง

นอกจากนี้ยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่าบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของเรือน้ำมันหรือลูกเรือจะถูกสอบสวน

อ้างอิงข้อมูลจากมูลนิธิดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูเอฟ(WWF)ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรเพื่อการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพบว่า เรือบรรทุกน้ำมันถือเป็นสาเหตุลำดับต้นๆในการบาดเจ็บและเสียชีวิตของประชากรวาฬ

ขณะที่ ไมเคิล ฟิชแบช(Michael Fishbach) ผู้อำนวยการบริหารและผู้ก่อตั้งร่วมองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอนุรักษ์วาฬ Great Whale Conservancy ซึ่งมีฐานอยู่ในรัฐนอร์ทแคโรไลนาเปิดเผยกับบิสซิเนสอินไซเดอร์ว่า

มีราว 60% ของเรือที่เกี่ยวข้องกับ "วาฬ" นั้นเป็นเรือบรรทุกสินค้า และส่วนมากเมื่อวาฬถูกชนพวกมันจะจมดิ่งลงสู่พื้นมหาสมุทรทันทียกเว้นแต่ในกรณีวาฬบรูด้าที่ถูกเรือบรรทุกน้ำมันชนเข้าตรงกลางลำตัวและเป็นผลทำให้ซากวาฬติดเรือไปอย่างที่ได้เห็นตามภาพข่าว


https://mgronline.com/around/detail/9640000100447


สายน้ำ 11-10-2021 04:20

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


เต่าทะเลขึ้นวางไข่รังที่ 3 บริเวณหาดบ้านบ่อดาน เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตาม

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่10 ตุลาคมนายประถม รัสมีผอ.สทช.6 รายงานว่าในช่วงเย็นที่ผ่านมาทาง สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 โดยศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10 (ตะกั่วป่า พังงา) ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 ตำบลนาเตย อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ว่าพบร่องรอยการขึ้นวางไข่ของเต่าทะเลบริเวณชายหาดบ่อดาน เจ้าหน้าที่ได้ประสานนักวิชาการจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน และเข้าตรวจสอบพบร่องรอยเต่าทะเลขึ้นวางไข่ ตำแหน่งพิกัด 418861 E 921212 N วัดความกว้างพายคู่หน้าได้ 80 ซม. ความกว้างอก 30 ซม. ทำการขุดหาจนพบไข่เต่าที่ระดับความลึก 60 ซม. วัดขนาด เส้นผ่าศูนย์กลางของไข่ได้ 4 ซม. ตำแหน่งวางไข่อยู่ในแนวน้ำทะเลท่วมไม่ถึง จึงทำการกลบหลุม และจัดทำคอกเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากสัตว์ต่างๆ เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุชนิดของเต่าทะเลได้

สำหรับการวางไข่ของเต่าทะเลช่วงฤดูกาลวางไข่ ตั้งแต่เดือน กันยายน?ตุลาคม 2564 นี้ มีรายงานพบเต่าทะเละเลขึ้นวางไข่แล้วจำนวน 3 รัง(รวมถึงรังล่าสุด) ซึ่งเป็นเต่าตนุ 2 รัง และรังล่าสุดยังไม่ทราบชนิด โดยทั้ง 3 รัง อยู่ในบริเวณชายหาดบ้านบ่อดาน ต.นาเตย อ.ท้ายเหมืองจ.พังงา ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับเต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่ในฤดูกาลวางไข่ในปี 2563 ที่ผ่านมา


https://www.matichon.co.th/region/news_2984455


สายน้ำ 11-10-2021 04:24

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


สุดระทึก! หนุ่มถ่ายนาทีเผชิญหน้า ฉลามกัดแอลลิเกเตอร์ หลังว่ายวนอยู่นาน

สุดสะพรึง! นักท่องเที่ยวบันทึกภาพการเผชิญหน้าระหว่าง 2 นักล่าสุดอันตราย ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีว่าทำไมจึงควรอยู่ให้ห่างจากแหล่งน้ำที่มีทั้งฉลามและแอลลิเกเตอร์



วิดีโอเริ่มต้นด้วยแอลลิเกเตอร์ตัวหนึ่งลอยคออาบแดดอยู่ในน้ำอย่างไม่ระมัดระวัง ขณะที่ผู้ชมขว้างอาหารปลาลงบนตัวเจ้าสัตว์ร้าย ก่อนจะเห็นร่างของฉลามตัวใหญ่ที่ว่ายวนรอบแอลลิเกเตอร์อยู่ด้านล่าง ซึ่งดูเหมือนนักล่าทั้งสองนี้จะไม่ใส่ใจซึ่งกันและกัน

ต่อมาฉลามก็เริ่มวนเวียนเข้าใกล้แอลลิเกเตอร์มากขึ้น ทันใดนั้นฉลามก็งับที่ขาซ้ายของแอลลิเกเตอร์ ซึ่งมันตอบโต้ด้วยการพุ่งเข้าใส่ฉลามจนน้ำกระเซ็น จากนั้นก็พวกมันก็ถอยห่างจากกัน แอลลิเกเตอร์ก็ลอยคอสุดชิลตามเดิม ส่วนฉลามก็ยังคงว่ายวนไปมาอยู่ข้างใต้

ตามรายงานของยาฮูนิวส์ คอรี คอนลอน ผู้บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกล่าวว่า "ผมรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นสิ่งนี้ ผมจึงถ่ายทำด้วยโทรศัพท์เพื่อแสดงให้ครอบครัวและเพื่อนๆได้เห็น"

การโจมตีที่ปรากฎในวิดีโออาจเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่นักล่าสุดอันตรายทั้งสองจะโจมตีกันและกัน

ตามรายงานของเดลีเมล ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา พบฉลามและจระเข้ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเนื้อไก่ดิบ ต่อมาในเดือนมีนาคม 2564 มีการพบเห็นจระเข้กินฉลามตัวผู้นอกชายฝั่งควีนส์แลนด์เหนือ

นักวิจัย เจมส์ นิฟ่ง และรัสเซล โลเวอร์ส ตีพิมพ์ผลการศึกษาในปี 2560 ที่ระบุว่าจระเข้จะกินฉลาม ไม่ว่าจะฉลามมะนาว ฉลามพยาบาล ฉลามหัวค้อน รวมทั้งปลากระเบน


ขอบคุณที่มาจาก Yahoo Foxnews Dailymail


https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_6667250


สายน้ำ 11-10-2021 04:26

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


งดงามไร้ที่ติ ทุ่งปะการังอ่าวไร่เล จ.กระบี่

กระบี่ - สวรรค์ใต้ทะเล ทุ่งปะการังอ่าวไร่เล ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งโผล่พ้นน้ำสวยไร้ที่ติ หลังเกิดวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ฝากหน่วยงานรับผิดชอบทำแนวเขต ห้ามเรือวิ่งผ่าน ช่วยให้ปะการัง ไม่ตายหรือทรุดโทรมเหมือนที่ผ่านมา

https://hosting.photobucket.com/imag...720&fit=bounds

10 ตุลาคม 2564 นายนิวัฒน์ วัฒนยมนาพร ที่ปรึกษาหน่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดกระบี่ ได้มีการแชร์ภาพความสวย ของปะการังเขากวาง และปะการัง อื่นๆอีกหลายชนิด หลังจากที่น้ำลงต่ำสุด บริเวณอ่าวไร่เล ม.2 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งเผยให้ถึงความสมบูรณ์ของปะการัง เป็นบริเวณกว้าง พร้อมกับเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำแนวกันไว้ เพื่อป้องกันเรือวิ่งผ่าน ซึ่งจะทำให้ปะการังเกิดความเสียหายได้

นายนิวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับภาพถ่ายดังกล่าว น้องสาวของตน เป็นคนถ่ายไว้ เมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา ขณะที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวที่อ่าวไร่ เป็นช่วงที่น้ำลงต่ำสุด ทำให้ปะการัง ที่อยู่ใต้น้ำ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ สามารถมองเห็นความสวยงามของปะการัง ได้เป็นบริเวณกว้างสวยงามเป็นอย่างมาก และด้วยความที่น้องสาวของตนเป็นคนชอบถ่ายภาพ จึงได้ถ่ายภาพและส่งต่อมาให้ ตนก็เลยได้ส่งต่อๆกันไป เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงความงาม และช่วยกันอนุรักษ์

นายนิวัฒน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปะการังดังกล่าว อยู่ทางฝั่งตะวันออกของอ่าวไร่เล อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี มีปะการังน้ำตื้น ขึ้นกระจายอยู่เต็มพื้นที่หลากสีสันสวยงาม คล้ายกับทุ่งปะการัง สภาพที่สมบูรณ์มากๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว จึงทำให้ปะการัง ที่เสื่อมโทรมกลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

จึงอยากฝากไปยังนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวขอให้ช่วยกันอนุรักษ์ เพื่อความยั่งยืน และฝากไปถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ทำแนวเขต ห้ามเรือวิ่งผ่าน จะช่วยให้ปะการัง ไม่ตายหรือทรุดโทรมเหมือนที่ผ่านมา สำหรับอ่าวไร่เล เป็น 1 ใน 3 แห่ง ของจังหวัดกระบี่ อยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวกระบี่แซนด์บ๊อกซ์ ซึ่งปัจจุบัน ได้มีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว แต่ยังมีจำนวนไม่มากนัก


https://www.nationtv.tv/lifestyle/378845333



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:31

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger