SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=5)
-   -   ปฐมบท....สู่แดนดินถิ่นอินคา "จากคุสโก ถึง มาชูปิกชู" (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=2243)

สายชล 22-11-2012 21:18



จากจัตุรัสเดอาร์มาส...ไกด์พาเราเดินไปตามซอยแคบๆ ข้างๆโบสถ์กอมปาเนีย ถนนแห่งนี้ชื่อ Calle Loreto ตัวถนนตัดตรงแน่วจากถนนด้านหนึ่ง ไปยังอีกด้านหนึ่ง พื้นถนนปูด้วยก้อนกรวดแม่น้ำก้อนโตๆ สลับกับหินแกรนิตแผ่นใหญ่ๆ เป็นแถวเป็นแนว ส่วนผนังทั้งสองข้างทำด้วยหินที่ถูกตัดเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม...ช่างเป็นถนนที่มีเสน่ห์จริงๆค่ะ


http://i835.photobucket.com/albums/z...n-View_104.jpg


ด้านหลังกำแพงหลังโบสถ์กอมปาเนีย เป็นร้านขายของพื้นเมือง ที่ไกด์บอกว่าให้ดูเฉยๆ อย่าเพิ่งซื้อ เพราะว่าแพงกว่าของพื้นเมืองข้างนอก..ช่างน่ารักเหลือเกิน พ่อคุณ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...n-View_106.jpg


ข้างกำแพง...มีหญิงชาวพื้นเมืองวัยชรา นั่งขายของอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เชิญชวนให้ซื้อของ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...n-View_111.jpg


สายชล 22-11-2012 21:22




ผิดกับสาวน้อยคนนี้...ที่นั่งอยู่ในซอกเล็กๆ เธอไร้รอยยิ้ม อีกทั้งดวงตาช่างแห้งผากซะจนฉันเห็นแล้วใจอ่อน...แต่จนใจไม่รู้ว่าจะอุดหนุนเธอได้อย่างไร ก็ฉันยังไม่หิวฮ้อตด้อกที่เธอขายนี่คะ...




สายชล 23-11-2012 00:56



เราเดินไปจนทะลุถึงถนนด้านหลังที่ชื่อ Romeritos ซึ่งเป็นถนนสายหลัก ที่ไกด์จะพาเรา ไปที่จุดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองคุสโก นั่นคือ วิหารแห่งสุริยเทพ (Temple of the Sun, Qoricancha) ซึ่งมีโบสถ์ชื่อ Santo Domingo ที่สเปญสร้างครอบวิหารแห่งสุริยเทพไว้ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขาเล็กๆ


แต่ฝนที่ตกพรำๆ ทำให้เราต้องแวะเข้าไปหลบฝน อยู่ในพิพิธภัณฑ์ซึ่งอยู่ด้านหน้า Santo Domingo ซึ่งเราสามารถเห็นยอดโบสถ์ของที่นี่ได้ถนัดตา เมื่อมองผ่านลานกว้าง ที่มีฐานของสิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยหิน ยาวเป็นแถวเป็นแนว


http://i835.photobucket.com/albums/z...wn-View_50.jpg



ไกด์อธิบายว่า ที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านของชาวอินคาโบราณ ที่มีทางน้ำเล็กผ่ากลางทางเดิน เพื่อส่งน้ำจากแม่น้ำหรือธารน้ำไปให้ผู้คนในหมู่บ้านได้ใช้ โดยมีโมเดลแสดงลักษณะของบ้านชาวอินคา ที่อยู่ในบริเวณนี้ ไว้ให้ชมด้วย...


http://i835.photobucket.com/albums/z...wn-View_51.jpg




มีวิกุนยา (Vicuña) ญาติของตัวลามา (Llama) วัยรุ่นตัวหนึ่งกระโดดขึ้นไปยืนอย่างสง่าผ่าเผย บนฐานหิน...ช่างน่ารักเหลือเกินค่ะ


http://i835.photobucket.com/albums/z...wn-View_52.jpg


พวกเรารุมถ่ายภาพเจ้าวิกุนยา ที่ยืนเป็นแบบให้เราถ่ายภาพกันอย่างเต็มอกเต็มใจ...


http://i835.photobucket.com/albums/z...wn-View_53.jpg


สายชล 23-11-2012 01:07



ขณะที่เรากำลังถ่ายภาพเจ้าวิกุนยากันอยู่...ก็มีเจ้าอัลปาคา (Alpaca) โผล่หน้าออกมาจากคอกที่อยู่ใกล้ๆกันนั้น...


http://i835.photobucket.com/albums/z...wn-View_54.jpg


อู๊ยยยยย...น่ารักเหลือเกินค่ะ


http://i835.photobucket.com/albums/z...wn-View_55.jpg


ขนสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวสลวยทั้งตัว มีไหมพรมผูกขนไว้สองข้างปลายหู อีกทั้งตาที่โต ใสซื่อ ทำให้เราผละจากวิกุนยา มารุมถ่ายภาพอัลปากาแทน...


http://i835.photobucket.com/albums/z...wn-View_56.jpg


เจ้าอัลปากา ที่ขนของมันนำมาใช้ทำเป็นไหมพรม สำหรับถักทอเป็นเสื้อราคาแพง ดูจะเป็นกันเองกับเรามาก...มันเดินรี่เข้ามาทักทายพวกเราอย่างใกล้ชิด


http://i835.photobucket.com/albums/z...wn-View_57.jpg


สายชล 23-11-2012 01:28




ไกด์เข้าไปลูบเนื้อตัวเจ้าอัลปากา...ทำให้เรากล้า ที่จะตามเข้าไปลูบขนมันบ้างอย่างเอ็นดู...


http://i835.photobucket.com/albums/z...wn-View_58.jpg



ดวงตาที่ฉายแววใสซื่อ ขนที่หนานุ่ม และไม่มีกลิ่นเหม็น ทำให้เราเล่นกับมันได้สนิทใจ


http://i835.photobucket.com/albums/z...wn-View_62.jpg



แต่สักพักเดียว เจ้าอัลปากาก็เริ่มออกฤทธิ์...มันเริ่มเดินไปกัดร่มของพวกเราที่วางไว้กับพื้น พอเราไปแย่งเอาร่มคืนมา มันก็เริ่มหันมาไล่แทะพวกเราแทน น้องหมอฮ้วง ดูจะได้รับความสนใจจากมันเป็นพิเศษ มันวิ่งไล่และเล็ม จนต้องเผ่นหนีกระเจิง...




ตอนแรกเราก็นึกว่าเจ้าอัลปาคาจะแค่แหย่พวกเราเล่นๆ เราก็เลยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน..แต่หลังจากภาพนี้ เราต้องวิ่งหนีกันกระเจิง โดยเฉพาะน้องหมอฮ้วง วิ่งหนีหน้าตั้งนำหน้า โดยมีเจ้าอัลปาคาวิ่งไล่ตาม...


เฮ้ออออ กว่าจะหนีรอดจากปากเจ้าอัลปากาได้ ก็เล่นเอาเหนื่อย เพราะหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง....





สายชล 23-11-2012 13:34



เราวิ่งหนีอัลปาคาออกมาจากพิฑิธภัณฑ์ เลี้ยวขวาไปเล็กน้อย ก็ถึงถนนเล็กๆที่ชื่อ Romeritos ที่อยู่ติดกับรั้วพิพิธภัณฑ์ ฉันเพิ่งมาทราบที่หลังว่าถนนแห่งนี้มีชื่อเสียงที่ผู้คนต้องมาเยือน เพราะเป็นถนนแห่งเดียวในคุสโก ที่มีทางน้ำไหลผ่านกลางถนน เหมือนกับที่เราได้เห็นในพิพิธภัณฑ์


เดินไปได้ไม่นาน ก็ถึงโบสถ์ซานโต โดมิงโก (Santo Domingo) ซึ่งสร้างครอบ "วิหารแห่งสุริยเทพ" หรือ คอริกันชา (Qorikancha) มีเรื่องเล่าว่า ตอนสเปญมายึดคอริกันชานั้น ต้องตกตะลึงกับความมลังเมลืองของทอง และเพชรนิลจินดา ที่ประดับประดาอยู่ในคอริกันชา





แน่นอน...ผู้ครอบครองอย่างสเปญกวาดทรัพย์สิน ที่อยู่ในคอริกันชาไปหมด แถมยังทำลายมัมมี่กษัตริย์ของอินคา ที่นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนบันลังก์ทอง เท่านั้นไม่พอ ได้สร้างโบสถ์คริสต์ และตั้งเป็นโรงเรียนสำหรับสตรีหรือคอนแวนต์ ทับบนวิหารคอริกันชาดื้อๆ





อาคารด้านหลังโบสต์ มีลักษณะเป็นอาคารสองชั้น ต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ตรงกลางปล่อยว่างเป็นสนามหญ้ากว้าง ประดับประดาด้วยไม้ดอกไม้ประดับ มีหระถางดอกไม้สวยๆ ตั้งเรียงรายอยู่ตามระเบียงทางเดิน ที่ทำเป็นช่องโค้งต่อๆกันอย่างสวยงาม


http://i835.photobucket.com/albums/z...icancha_01.jpg



แต่เดิมนั้น...อินคาจะทำบริเวณนี้เป็นสวนธรรมชาติ มีทั้งต้นไม้ ดอกไม้ และสัตว์อาศัยอยู่ในสวน


http://i835.photobucket.com/albums/z...icancha_04.jpg


สายชล 23-11-2012 13:54



ดอกไม้ที่ประดับอยู่บนระเบียงของคอริกันชา สวยงามและสีสันสดใสมาก รู้สึกจะเป็นพันธุ์เดียวกัน แต่สีแตกต่างกัน...ได้ทราบจาก น้องก้อย (เพื่อนแม่หมูน้ำ) ที่ไไปอาศัยอยู่ในอิสราเอล บอกมาว่า ดอกไม้พันธุ์นี้ มีชื่อว่า "ไซคลาเมน (Cyclamen)" เป็นพืชที่ใช้หัวปลูก มีถึง 20 สายพันธุ์ ออกดอกได้ทั้งปีค่ะ





สายชล 23-11-2012 22:04



ไกด์สุดหล่อของเรา พาเรามาที่นี่ เพื่อจะปูพื้นฐาน ให้เราได้รู้จักกับชีวิตความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมประเพณีของชนเผ่าอินคาให้ดีขึ้น ก่อนเราจะเดินทางไปมาชูปิกชู...เขากางตำราที่หอบมา แล้วอธิบายให้เราฟังอย่างตั้งใจ....




คำว่า "อินคา (Inca") แปลว่า "จักรพรรดิ์ (Emperor)" ส่วน "ซาปาอินคา (Sapa Inca) มีความหมายว่า "จักรพรรค์ผู้เป็นหนึ่งเดียว หรือ เอกอัครมหาจักรพรรดิ์ ( Only Emperor)" ซึ่งหมายถึงผู้ครองดินแดนแห่งอินคา.... ซึ่งชื่อที่เรียก แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของชนเผ่าที่ถือกำเนิดมาบนโลกแห่งนี้


มีการค้นพบว่าชนเผ่าอินคา ได้ถือกำเนิดเกิดมาก่อนคริสต์ศักราช 5000 - 2000 ปี.... แต่สำหรับชาวอินคาเองแล้ว ต่างมีความเชื่อว่า สุริยเทพได้สร้างอินคาคนแรกให้ถือกำเนิดเกิดมา มีนามว่า แมนโก (Manco) พร้อมกับน้องสาว (ที่ไม่มีชื่อ) และได้มีรับสั่งให้แมนโกและน้องสาวไปแสวงหาดินแดน ที่เหมาะสมที่จะตั้งบ้านเมือง ในที่สุดแมนโกก็ได้เลือกดินแดนที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ ตั้งเป็นเมืองชื่อว่า "คุสโก" ตามที่สุริยเทพมีรับสั่ง และแมนโกได้ตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ โดยการรวบรวมชนเผ่าต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณใกล้เคียงให้เป็นหนึ่งเดียว


ชาวอินคาเชื่อว่า พวกตนเกิดมาจากสุริยเทพ ฉะนั้น สุริยเทพจึงเป็นเทพสูงสุด เหนือเทพทั้งหลายที่ชาวอินคานับถือ อันได้แก่เทพเจ้าที่สถิตย์อยู่ในธรรมชาติทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นเทพแห่งจันทรา..น้ำ..ฟ้า..ต้นไม้ใบหญ้า...ฯลฯ ฉะนั้นเมื่อแมนโกตายลงในวัยชราภาพ ลูก 400 คนของแมนโก ได้สร้าง "วิหารแห่งสุริยเทพ" ขึ้นตรงจุดที่แมนโกตาย เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับเขา...




ก่อนปี ค.ศ. 1100...ดินแดนแถบเทือกเขาแอนดิสอันเป็นที่ตั้งของประเทศเปรูในปัจจุบัน ปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์ วารี (Wari หรือ Huari) แต่ต่อมาราชวงศ์นี้ได้ล่มสลายลง เหตูเพราะเกิดความแห้งแล้งกันดาร มีการแย่งน้ำกันใช้ และมีการปล้นทรัพย์สินกันเอง พวกที่ทนไม่ได้ก็หนีขึ้นไปอยู่บนเขาสูงๆ (กว่า 4,000 เมตร) หรือไม่ก็หนีไปอยู่ในป่าแถบลุ่มแม่น้ำอเมซอน มีส่วนน้อยที่จะหนีไปอยู่แถวทะเลทราย (ที่ยาวกว่า 2,000 กม. และกว้างกว่า 200 กม.)


พวกอินคาที่อยู่แถวเมืองคุสโก ที่มีดินดี น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกพืชไร่เลี้ยงชีพและมีเหลือไว้ขาย ไม่ยอมหนีไปไหน แต่กลับร่วมกันต่อต้านผู้รุกราน รวบรวมผู้คน แล้วตั้งเป็นราชอาณาจักรอินคา มีกษัตริย์ปกครองดินแดนแห่งนี้ มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12




ในปี ค.ศ. 1430...ปาชากูตี (Pachacuti) จักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของอินคา ได้ขยายราชอาณาจักรอินคา ออกไป โดยใช้พระคุณมากกว่าพระเดช กล่าวคือ ไม่ฆ่าศัตรูผู้รุกราน หรือผู้ไม่ยอมศิโรราบ แต่กลับอภัยโทษ แถมให้ความเมตตา เชื้อเชิญเข้ามาร่วมสร้างบ้านแปลงเมือง สร้างโรงเรียน และสาธารณูปโภคให้เมืองของคนที่เคยเป็นศัตรู หากยังกระด้างกระเดื้อง ไม่อยู่ในโอวาท ก็จัดการเนรเทศไปอยู่ในที่ไกลๆ แล้วตั้งพระญาติพระวงศ์ไปครองเมืองแทน ด้วยวิธีนี้ ราชอาณาจักรอินคา จึงยิ่งใหญ่แพร่ไพศาล ครอบครองพื้นที่ไปเกือบทั่วทวีปอเมริกาใต้ และจากราชอาณาจักร ได้ถูกเปลี่ยนเป็น "จักรวรรดิตาวันตินซูยู" ซึ่งใช้ระบบสหพันธรัฐ โดยมีรัฐบาลกลางที่มีกษัตริย์เป็นประมุข และรัฐบาลท้องถิ่นสี่เขต คือเขตเหนือ เขตตะวันออก เขตตะวันตก และเขตใต้

และ จักรพรรดิ์ปาชากูตี (Pachacuti) นี่เอง ที่เป็นผู้สร้าง "มาชูปิกชู (Machu Picchu)" ขึ้นเป็นพระราชวังฤดูร้อนของพระองค์ขึ้น บนยอดเขาทางเหนือของคุสโก...




gengzilla 23-11-2012 22:48

เจ้าอัลปากามันคงทวงค่าโชว์น่ะครับ...555

lazyoctopussy 23-11-2012 23:02

คืนนี้จบเร็วจังค่ะ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:36

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger