SaveOurSea.NET

SaveOurSea.NET (http://www.saveoursea.net/forums/index.php)
-   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม (http://www.saveoursea.net/forums/forumdisplay.php?f=13)
-   -   สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 (http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=5059)

สายน้ำ 19-02-2020 03:43

สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563
 
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีลมแรงและอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย สำหรับภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 23 ก.พ. 63

ฝุ่นละอองในระยะนี้ ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีกำลังแรงขึ้น ทำให้การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันสะสมได้น้อย ส่วนภาคเหนืออากาศยกตัวได้ไม่ดีในตอนเช้าและลมอ่อน ทำให้ตอนเช้ามีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควัน ส่วนตอนบ่ายจะดีขึ้นเนื่องจากอากาศยกตัวได้ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมากกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 19-22 ก.พ. 63 บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็น สำหรับภาคใต้มีฝนลดลง

ส่วนในช่วงวันที่ 23-24 ก.พ. 63 บริเวณภาคเหนืออากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงมีอากาศเย็น สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ สำหรับอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตลอดช่วง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 19-22 ก.พ. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 23 ก.พ. 63



https://i1198.photobucket.com/albums...psmlgskgqh.jpg

https://i1198.photobucket.com/albums...ps2ghkbh9q.jpg

https://i1198.photobucket.com/albums...psqfwckmpb.jpg

สายน้ำ 19-02-2020 04:43

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ชาวบ้านสตูลแห่ออกทะเล จับแมงกะพรุนลอดช่อง ส่งขายทำรายได้ดีวันละ 4-5 พัน

ชาวบ้านที่ ต.ตันหยงโป จ.สตูล ได้อาชีพใหม่แทนการออกเรือหาปลา คือ การช้อนแมงกะพรุนลอดช่องขาย โดยมีพ่อค้ามารับซื้อและดองถึงที่ ให้ราคาดีตัวละ 8 บาท จนชาวบ้านทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 4-5 พันบาทต่อวัน

https://i1198.photobucket.com/albums...psgtjz9mb0.jpg

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านพื้นที่ ม.2 บ้านหาดทรายยาว ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล กำลังเร่งตักแมงกะพรุนที่ลอยขึ้นเต็มทะเลบ้านหาดทรายยาว แมงกะพรุนดัง กล่าวเป็นแมงกะพรุนลอดช่อง ที่สามารถนำมารับประทานได้ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้มีรายได้เสริมในระยะนี้ มีพ่อค้ามารับซื้อและดองกะพรุนถึงริมชายหาดโดยให้ราคาตัวละ 8 บาท แต่ละคนมีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 4-5 พันบาทเลยทีเดียว

เต่ามะเฟือง ขึ้นวางไข่รังที่ 11 ที่หาดเกาะคอเขา จนท.ปล่อยฟักตามธรรมชาติ
มาก่อนวันหวยออก แม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่รังที่ 8 หน้าหาดท้ายเหมือง
ส่องต่อไม่รอแล้วนะ ขันดอกน้ำมนต์ของพญาเต่าเรือน เห็นเลขเด็ด 2 ตัว 3 ตัว

นายสะมาแอน ฮะยีบีลัง และนายวีระ แซะอุมา ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า แมงกะพรุนเพิ่งเริ่มขึ้นมาได้ประมาณ 1 สัปดาห์ มีพ่อค้ามาตั้งจุดรับซื้อและมาดองที่บริเวณริมชายหาดเลย โดยปีนี้รับซื้อในราคาแพงกว่าปีที่ผ่านมา โดยซื้อตัวละ 8 บาท ชาวบ้านในพื้นที่ในระยะนี้จึงไปเก็บแมงกะพรุนขาย แทนการออกเรือหาปลา เพราะรายได้ดีกว่าเพราะเป็นการหาอยู่บริเวณทะเลหลังบ้านตนเอง เพียงขับเรือออกไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร ก็จะเห็นแมงกะพรุนลอยเต็มทะเล จากนั้นก็สามารถใช้เครื่องมือตักใส่เรือได้ทันที

https://i1198.photobucket.com/albums...pssdygc8ev.jpg

ขณะที่ บางคนออกไปวันละหลายรอบก็จะได้มาก สำหรับตนนั้นได้วันละ 500-600 ตัวก็จะมีรายได้วันละ4-5 พันบาททำงานเพียง2-3 ชั่วโมงก็ได้กลับมาพัก ในแต่ละวันมีพ่อค้ามารับซื้อในพื้นที่ถึง 8 ราย รวมแล้วไม่ต่ำกว่าวันละ 1 หมื่นตัว ทั้งนี้ แมงกะพรุนจะยังมีให้จับไปประมาณ 3 เดือน ถือเป็นช่วงโอกาสทองของชาวบ้านที่นี่

อย่างไรก็ตามนายสะมาแอนและนายวีระ กล่าวว่า ขณะนี้ มีชาวบ้านต่างถิ่นเข้ามาจับก็มาก เช่น เรือที่มาจาก อ.ท่าแพ อ.ละงู อ.ทุ่งหว้า และ อ.ท่าแพ นั้น จะแล่นเรือมาหาแมงกะพรุนในพื้นที่ ต.ตันหยงโป และนำไปขายพ่อค้าในพื้นที่ อ.ท่าแพ ให้ตัวละ12 บาท เนื่องจากแล่นเรือระยะทางไกลจึงมีราคาดีกว่า ระยะนี้ในทะเลบริเวณนี้จึงคึกคักไปด้วยเรือแต่ละวันนับ 100 ลำเลยทีเดียว.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/1774885


*********************************************************************************************************************************************************


ชี้มาเลย์แชมป์ขยะพลาสติก-ไทยก็โดนด้วย

https://i1198.photobucket.com/albums...psesmfhpxg.jpg

เมื่อ 17 ก.พ. มูลนิธิทอมสัน รอยเตอร์ส เผยแพร่รายงานของกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ว่าด้วยประเทศในเอเชียที่ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่มหาสมุทรมากที่สุด โดยระบุว่ามาเลเซียครองอันดับ 1

รายงานของ WWF สำรวจการใช้พลาสติกในจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย ซึ่งทั้ง 6 ประเทศนี้ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่มหาสมุทรรวมกันถึง 60% ของขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่มหาสมุทรทั่วโลกทั้งหมดราว 8 ล้านตันต่อปี โดยรายงานนี้มุ่งวิจัยเรื่องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก และพบว่าในปี 2559 มีการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกใน 6 ประเทศนี้ถึง 27 ล้านตัน ซึ่งส่วนใหญ่ไหลลงสู่มหาสมุทรในที่สุด

รายงานชี้ว่าช่วงปี 2553-2593 ขยะพลาสติกในทะเลจะเพิ่มขึ้น 4 เท่าจนมีน้ำหนักรวมกันมากกว่าปลาในมหาสมุทรภายในกลางศตวรรษนี้ ขณะที่การแพร่ก๊าซคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับพลาสติก ทั้งจากการผลิตและเผา มีปริมาณถึง 860 ล้านตันในปี 2562 มากกว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปีของไทย เวียดนามและฟิลิปปินส์รวมกันใน 6 ประเทศนี้ ชาวมาเลเซียใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกต่อคนต่อปีมากที่สุดราว 16.8 กก. ส่วนอันดับ 2 คือไทย ใช้คนละ 15.5 กก.ต่อปี โดย

นายโธมัส ชูลด์ต ผู้ประสานงานของ WWF ว่าด้วยพลาสติกในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เผยว่า มาเลเซียใช้พลาสติกมาก เพราะเป็นหนึ่งในชาติร่ำรวยที่สุด มีการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกจัดส่งอาหารถึงบ้านอย่างแพร่หลาย นอกเหนือจากการใช้ถุงพลาสติกตามห้างสรรพสินค้า

รายงานระบุว่าหลายพื้นที่ในเอเชียเศรษฐกิจและประชากรเติบโตอย่างรวดเร็ว หลายเมืองใหญ่ที่ผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นยังตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล แต่ระบบการเก็บขยะและโครงสร้างพื้นฐานตามไม่ทันการพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าปัจจัยเลวร้ายรวมกันเหล่านี้ส่งผลให้ขยะพลาสติกไหลลงสู่ทะเลมหาศาล นอกจากนี้ หลังจีนห้ามนำเข้าขยะพลาสติกในปี 2561 ผู้ส่งออกขยะรายใหญ่เช่นสหรัฐฯ และชาติในยุโรปก็เริ่มส่งขยะมาทิ้งที่เอเชียแทน ซึ่งนอกจากขยะพลาสติกจะทำลายการท่องเที่ยว การประมงและอุตสาหกรรมการเดินเรือ มันยังคร่าชีวิตสัตว์ทะเลและหลุดเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ด้วย

WWF กระตุ้นให้รัฐบาลมาเลเซียและประเทศอื่นๆในเอเชียออกกฎเกณฑ์จำกัดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง นำมารีไซเคิล ร่วมมือกับภาคธุรกิจและกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างระบบที่กระตุ้นให้บริษัทสินค้าเพื่อการบริโภคใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกน้อยลง และเพิ่มงบประมาณโครงการรีไซเคิลมากขึ้น.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1774083


สายน้ำ 19-02-2020 04:43

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ชาวบ้านสตูลแห่ออกทะเล จับแมงกะพรุนลอดช่อง ส่งขายทำรายได้ดีวันละ 4-5 พัน

ชาวบ้านที่ ต.ตันหยงโป จ.สตูล ได้อาชีพใหม่แทนการออกเรือหาปลา คือ การช้อนแมงกะพรุนลอดช่องขาย โดยมีพ่อค้ามารับซื้อและดองถึงที่ ให้ราคาดีตัวละ 8 บาท จนชาวบ้านทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 4-5 พันบาทต่อวัน

https://i1198.photobucket.com/albums...psgtjz9mb0.jpg

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านพื้นที่ ม.2 บ้านหาดทรายยาว ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล กำลังเร่งตักแมงกะพรุนที่ลอยขึ้นเต็มทะเลบ้านหาดทรายยาว แมงกะพรุนดัง กล่าวเป็นแมงกะพรุนลอดช่อง ที่สามารถนำมารับประทานได้ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้มีรายได้เสริมในระยะนี้ มีพ่อค้ามารับซื้อและดองกะพรุนถึงริมชายหาดโดยให้ราคาตัวละ 8 บาท แต่ละคนมีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 4-5 พันบาทเลยทีเดียว

เต่ามะเฟือง ขึ้นวางไข่รังที่ 11 ที่หาดเกาะคอเขา จนท.ปล่อยฟักตามธรรมชาติ
มาก่อนวันหวยออก แม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่รังที่ 8 หน้าหาดท้ายเหมือง
ส่องต่อไม่รอแล้วนะ ขันดอกน้ำมนต์ของพญาเต่าเรือน เห็นเลขเด็ด 2 ตัว 3 ตัว

นายสะมาแอน ฮะยีบีลัง และนายวีระ แซะอุมา ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า แมงกะพรุนเพิ่งเริ่มขึ้นมาได้ประมาณ 1 สัปดาห์ มีพ่อค้ามาตั้งจุดรับซื้อและมาดองที่บริเวณริมชายหาดเลย โดยปีนี้รับซื้อในราคาแพงกว่าปีที่ผ่านมา โดยซื้อตัวละ 8 บาท ชาวบ้านในพื้นที่ในระยะนี้จึงไปเก็บแมงกะพรุนขาย แทนการออกเรือหาปลา เพราะรายได้ดีกว่าเพราะเป็นการหาอยู่บริเวณทะเลหลังบ้านตนเอง เพียงขับเรือออกไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร ก็จะเห็นแมงกะพรุนลอยเต็มทะเล จากนั้นก็สามารถใช้เครื่องมือตักใส่เรือได้ทันที

https://i1198.photobucket.com/albums...pssdygc8ev.jpg

ขณะที่ บางคนออกไปวันละหลายรอบก็จะได้มาก สำหรับตนนั้นได้วันละ 500-600 ตัวก็จะมีรายได้วันละ4-5 พันบาททำงานเพียง2-3 ชั่วโมงก็ได้กลับมาพัก ในแต่ละวันมีพ่อค้ามารับซื้อในพื้นที่ถึง 8 ราย รวมแล้วไม่ต่ำกว่าวันละ 1 หมื่นตัว ทั้งนี้ แมงกะพรุนจะยังมีให้จับไปประมาณ 3 เดือน ถือเป็นช่วงโอกาสทองของชาวบ้านที่นี่

อย่างไรก็ตามนายสะมาแอนและนายวีระ กล่าวว่า ขณะนี้ มีชาวบ้านต่างถิ่นเข้ามาจับก็มาก เช่น เรือที่มาจาก อ.ท่าแพ อ.ละงู อ.ทุ่งหว้า และ อ.ท่าแพ นั้น จะแล่นเรือมาหาแมงกะพรุนในพื้นที่ ต.ตันหยงโป และนำไปขายพ่อค้าในพื้นที่ อ.ท่าแพ ให้ตัวละ12 บาท เนื่องจากแล่นเรือระยะทางไกลจึงมีราคาดีกว่า ระยะนี้ในทะเลบริเวณนี้จึงคึกคักไปด้วยเรือแต่ละวันนับ 100 ลำเลยทีเดียว.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/1774885


*********************************************************************************************************************************************************


ชี้มาเลย์แชมป์ขยะพลาสติก-ไทยก็โดนด้วย

https://i1198.photobucket.com/albums...psesmfhpxg.jpg

เมื่อ 17 ก.พ. มูลนิธิทอมสัน รอยเตอร์ส เผยแพร่รายงานของกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ว่าด้วยประเทศในเอเชียที่ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่มหาสมุทรมากที่สุด โดยระบุว่ามาเลเซียครองอันดับ 1

รายงานของ WWF สำรวจการใช้พลาสติกในจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย ซึ่งทั้ง 6 ประเทศนี้ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่มหาสมุทรรวมกันถึง 60% ของขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่มหาสมุทรทั่วโลกทั้งหมดราว 8 ล้านตันต่อปี โดยรายงานนี้มุ่งวิจัยเรื่องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก และพบว่าในปี 2559 มีการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกใน 6 ประเทศนี้ถึง 27 ล้านตัน ซึ่งส่วนใหญ่ไหลลงสู่มหาสมุทรในที่สุด

รายงานชี้ว่าช่วงปี 2553-2593 ขยะพลาสติกในทะเลจะเพิ่มขึ้น 4 เท่าจนมีน้ำหนักรวมกันมากกว่าปลาในมหาสมุทรภายในกลางศตวรรษนี้ ขณะที่การแพร่ก๊าซคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับพลาสติก ทั้งจากการผลิตและเผา มีปริมาณถึง 860 ล้านตันในปี 2562 มากกว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปีของไทย เวียดนามและฟิลิปปินส์รวมกันใน 6 ประเทศนี้ ชาวมาเลเซียใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกต่อคนต่อปีมากที่สุดราว 16.8 กก. ส่วนอันดับ 2 คือไทย ใช้คนละ 15.5 กก.ต่อปี โดย

นายโธมัส ชูลด์ต ผู้ประสานงานของ WWF ว่าด้วยพลาสติกในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เผยว่า มาเลเซียใช้พลาสติกมาก เพราะเป็นหนึ่งในชาติร่ำรวยที่สุด มีการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกจัดส่งอาหารถึงบ้านอย่างแพร่หลาย นอกเหนือจากการใช้ถุงพลาสติกตามห้างสรรพสินค้า

รายงานระบุว่าหลายพื้นที่ในเอเชียเศรษฐกิจและประชากรเติบโตอย่างรวดเร็ว หลายเมืองใหญ่ที่ผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นยังตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล แต่ระบบการเก็บขยะและโครงสร้างพื้นฐานตามไม่ทันการพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าปัจจัยเลวร้ายรวมกันเหล่านี้ส่งผลให้ขยะพลาสติกไหลลงสู่ทะเลมหาศาล นอกจากนี้ หลังจีนห้ามนำเข้าขยะพลาสติกในปี 2561 ผู้ส่งออกขยะรายใหญ่เช่นสหรัฐฯ และชาติในยุโรปก็เริ่มส่งขยะมาทิ้งที่เอเชียแทน ซึ่งนอกจากขยะพลาสติกจะทำลายการท่องเที่ยว การประมงและอุตสาหกรรมการเดินเรือ มันยังคร่าชีวิตสัตว์ทะเลและหลุดเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ด้วย

WWF กระตุ้นให้รัฐบาลมาเลเซียและประเทศอื่นๆในเอเชียออกกฎเกณฑ์จำกัดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง นำมารีไซเคิล ร่วมมือกับภาคธุรกิจและกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างระบบที่กระตุ้นให้บริษัทสินค้าเพื่อการบริโภคใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกน้อยลง และเพิ่มงบประมาณโครงการรีไซเคิลมากขึ้น.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1774083


สายน้ำ 19-02-2020 04:51

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ดรามาเจ็ตสกี ขี่แบบไหน? ทำไมถึงสร้างปัญหาให้แหล่งท่องเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง

https://i1198.photobucket.com/albums...psbglvkrg2.jpg
เจ็ตสกี กิจกรรมทางน้ำที่เกิดประเด็นดราม่าอยู่บ่อยครั้ง

"เจ็ตสกี" เป็นกิจกรรมกีฬาทางน้ำประเภทหนึ่งที่ถูกใจคนรักความเร็วและกิจกรรมผาดโผน มีลักษณะคล้ายมอเตอร์ไซต์ที่ขับขี่บนผิวน้ำ ซึ่งมีความท้าทายในด้านการควบคุมร่างกายและเครื่องยนต์ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้กลางสายน้ำ ในบ้านเราก็มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่หลงใหลในกิจกรรมประเภทนี้ และมักจะเห็นกลุ่มคนขับเจ็ทสกีรวมตัวกันไปขับขี่ตามที่ต่างๆ ทั้งในบึงซึ่งเป็นพื้นที่ปิด รวมไปถึงในแม่น้ำและในทะเล

แต่เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งมีดรามากลางทะเลเรื่องการใช้เจ็ตสกีใกล้กับเขตอนุรักษ์สัตว์ทะเลที่ "เกาะลิบง" โดยมีรายการท่องเที่ยวรายการหนึ่งไปถ่ายทำที่เกาะลิบงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง" (อ.กันตัง จ.ตรัง) อันเป็นที่อยู่อาศัยของ "พะยูน" สัตว์สงวนในทะเลไทย

ดรามาเกิดขึ้นเมื่อมีผู้พบเห็นทีมงานถ่ายทำรายการกลุ่มนี้ขี่เจ็ตสกีอยู่ใกล้บริเวณเกาะลิบง จึงได้ถ่ายภาพโพสต์ลงโซเชียลพร้อมกับตัดพ้อเบาๆ ว่าทีชาวบ้านชาวประมงยังถูกสั่งให้ชะลอเรือ ห้ามเรือนักท่องเที่ยววิ่งเรือไล่พะยูน แล้วเหตุใดจึงปล่อยให้เจ็ตสกีมาวิ่งกันแบบนี้

https://i1198.photobucket.com/albums...pstbejic2k.jpg
จุดชมพะยูนมุมสูงบนเกาะลิบง อ่าวบาตูปูเต๊ะ

พร้อมกับแสดงความเป็นห่วงว่า พะยูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีความละเอียดอ่อน บอบบาง และเรายังต้องเรียนรู้พฤติกรรมเพื่อดูแล อนุรักษ์และ รักษาพวกมันอีกมาก และสำหรับพะยูนแค่ได้ยินเสียงอะไรที่แปลกปลอมรบกวนการอยู่อาศัยแบบเป็นธรรมชาติก็จะตกใจ จนอาจเกิดภาวะเครียด สัตว์ประเภทนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการเกิดความเครียดซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ทำให้ทางรายการ Viewfinder The Bucketlist ทำหนังสือชี้แจงผ่านเฟซบุคแฟนเพจของรายการ โดยมีใจความสรุปว่า ในทริปนี้รายการมุ่งเน้นที่เรื่องการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ (พะยูน) ป่าอนุรักษ์ธรรมชาติและวิถีชาวบ้าน ทางรายการได้ปฏิบัติตามกฎของเกาะลิบงทุกประการทั้งเรื่องการใช้ยานพาหนะของชาวบ้านเดินทางบนเกาะ นอนโฮมสเตย์ และใช้เรือหางยาวของชาวบ้านในการออกเรือไปดูพะยูน ส่วนเจ็ตสกีนั้นจอดไว้ที่ทุ่นผูกเรือห่างไกลจากแหล่งที่อยู่ของพะยูน และใช้เจ็ตสกีเป็นยานพาหนะสำหรับข้ามไปเกาะอื่นต่อเท่านั้น ไม่ได้นำเจ็ตสกีขี่เล่นรอบเกาะหรือเข้าใกล้จุดที่เป็นแหล่งอาศัยของพะยูน

https://i1198.photobucket.com/albums...psvatrcjkl.jpg
นอกจากพะยูนแล้วเกาะลิบงยังเป็นที่อยู่ของนกหลากชนิด

ส่วนภาพที่มีการแชร์ออกไปนั้นเป็นการขี่ออกจากจุดท่าเรือบ้านพร้าว เพื่อที่จะมุ่งออกไปยังเกาะอื่นๆ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือของชาวบ้านที่ใช้สัญจรตามปกติ

แต่จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นก็ทำให้นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องขยับตัวออกมาบอกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกจึงได้ให้นโยบายกับอธิบดีไปว่า ต่อจากนี้ถ้ามีใครมาขออนุญาตทำกิจกรรมในแนวเช่นนี้อีกในเขตอุทยานฯ จะอนุญาตโดยมีเงื่อนไขว่า ต้องใช้ยานพาหนะหรือเรือของชาวบ้าน ชาวประมง หรือคนที่อยู่ในพื้นที่ท้องถิ่นเท่านั้น

https://i1198.photobucket.com/albums...psnybzpbcf.jpg
เสียงดังของเจ็ตสกีถือเป็นการรบกวนวาฬบรูด้า

กรณีดังกล่าวนี้ทำให้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์คล้ายกันที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2562 เมื่อชาวเจ็ตสกีนับสิบลำได้ขับไปชมวาฬบรูด้าในท้องทะเลอ่าวไทยรูป ตัว ก.ไก่ ในเขตจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นการรบกวนการหากินของวาฬบรูด้า รวมถึงเรือนักท่องเที่ยวอื่นๆ เนื่องจากมีการใช้ความเร็วในการขับขี่สูงและส่งเสียงดัง ขี่วนเวียนรอบเรือประมงที่รับนักท่องเที่ยวไปชมวาฬ รวมถึงเข้าใกล้วาฬบรูด้าจนเป็นการรบกวน

ในครั้งนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่โดยด่วนไปตักเตือนนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวไม่ให้นำขบวนเจ็ตสกีไปรบกวนวาฬอีก พร้อมประสานหน่วยงานเจ้าท่าในพื้นที่เพื่อตรวจสอบใบอนุญาตการใช้เรือและใบนายท้ายเรือของกลุ่มผู้ขับเจ็ตสกี ส่วนกลุ่มผู้ขับเจ็ตสกีได้ทราบและเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นและพร้อมหยุดการกระทำดังกล่าวอย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้ วาฬบรูด้าเป็นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล หายใจด้วยปอด ขนาดโตเต็มวัยมีความยาวประมาณ 14-15 เมตร น้ำหนักประมาณ 20 ตัน ปัจจุบันวาฬบรูด้าได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์สงวน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ในพื้นที่อ่าวไทยมีประชากรวาฬบรูด้า ประมาณ 50 ตัว จากการสำรวจในแต่ละวัน อาจพบได้ตั้งแต่ 1 ตัว หรือมากถึง 10 ตัว ขึ้นกับปริมาณของปลาที่เป็นอาหาร

ส่วนข้อปฏิบัติในการชมวาฬบรูด้าที่สำคัญ คือ ความเร็วเรือต้องต่ำกว่า 7 น็อต ในรัศมี 400 เมตร และต่ำกว่า 4 น็อต ในรัศมี 100-300 เมตร จำนวนเรือไม่เกิน 3 ลำ โดยรอบพื้นที่ นอกจากนี้ การสร้างเสียงรบกวนทั้งจากเหนือน้ำและใต้น้ำก็จะส่งผลกระทบต่อวาฬด้วย ดังนั้น จึงไม่ควรกระทำการใดๆ ให้เกิดเสียงดัง เช่น เร่งเครื่องยนต์เรือ หรือการส่งเสียงดังของนักท่องเที่ยว

ด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ก็ได้ออกมาโพสต์ถึงกรณีครั้งนั้นว่า วาฬบรูด้าเป็นสัตว์สงวน การขี่เจ็ตสกีไล่ดูบรูด้า ก็เหมือนกับการขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ดูควายป่า อีกทั้งยังกล่าวว่า เท่าที่จำได้ หนนี้เป็นหนที่ 3 แล้วที่มีการขี่เจ็ตสกีไล่ดูวาฬ ทุกครั้งจบลงด้วยการตักเตือน ขออภัย รู้เท่าไม่ถึงการณ์

ไม่เพียงสองกรณีนี้เท่านั้น ในเดือนสิงหาคม 2562 มีรายงานข่าวว่า นักท่องเที่ยวนำเรือเจ็ตสกีเกือบ 10 ลำ มาขับแข่งซิ่งกันในพื้นที่อ่าวเขากาโรส ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ โดยทราบว่าเป็นเรือที่มาจากจังหวัดใกล้เคียง ทำให้คนในพื้นที่ไม่สบายใจ เพราะจังหวัดกระบี่เน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ผิดข้อประกาศของจังหวัด เรื่องกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ที่ห้ามกระทำการหรือประกอบกิจกรรม การเล่นเรือสกูตเตอร์ การเล่นเจ็ตสกี หรือการเล่นเรือลากทุกชนิด

อีกทั้งการขับขี่อย่างรวดเร็วและส่งเสียงดังยังส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำในทะเลด้วย เนื่องจากบริเวณอ่าวเขากาโรสมีป่าชายเลนที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ เป็นที่วางไข่ ฟักไข่ และเลี้ยงลูกอ่อนของสัตว์ทะเล คนในชุมชนทำการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เช่น พายเรือคายัคชมป่าชายเลน และยังเป็นแหล่งประมงพื้นบ้าน การขับเรือเจ็ตสกีที่มีเสียงดังอาจทำให้สัตว์ทะเลตกใจ หรือถึงขั้นหยุดฟักไข่ เลี้ยงลูกวัยอ่อนได้

เช่นเดียวกับในเดือนกรกฎาคม 2562 ที่มีการแชร์คลิปกลุ่มคนขับเจ็ตสกีกว่า 10 ลำ ขับขี่ผาดโผนด้วยความเร็ว ในพื้นที่ของ อ.เกาะยาว จ.พังงา และพบว่ามาขัยขี่กันเป็นประจำ จนทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มรู้สึกไม่สงบ และปลอดภัย และการกระทำดังกล่าวยังขัดต่อประกาศสิ่งแวดล้อมจังหวัด ที่ห้ามไม่ให้มีเครื่องเล่นประเภทเจ็ตสกี ร่มบิน เรือลาก ที่อาจสร้างความเสียหายให้กับทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ความไม่ปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบ

ส่วนในเดือนกรกฎาคม 2559 ก็มีการรายงานข่าวชาวบ้านเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ยื่นหนังสือค้านกิจการเรือเจ็ตสกี บริเวณหาดท้องนายปาน หวั่นทำลายธรรมชาติ-ระบบนิเวศในพื้นที่ เพราะเป็นพื้นที่อุดมไปด้วยสัตว์น้ำอย่างกุ้งเคย ซึ่งชาวบ้านนำมาผลิตเป็นกะปิสร้างรายได้ให้ชุมชน แต่เมื่อมีธุรกิจเรือเจ็ตสกี ทำให้สัตว์เหล่านี้หายไปจากระบบนิเวศ รวมทั้งเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวที่ลงไปเล่นน้ำ

ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งจึงเป็นข้อชวนคิดสำหรับคนที่รักกิจกรรมทางน้ำอย่างเจ็ตสกี ที่หากจะไปเล่นในแหล่งน้ำสาธารณะที่ใดก็ควรจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบของแต่ละพื้นที่ รวมถึงรักษามารยาทในการไม่รบกวนคนในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดดรามาดังที่ผ่านมา ที่จะสร้างภาพลักษณ์ทางลบให้แก่กลุ่มคนรักเจ็ตสกีต่อไป


https://mgronline.com/travel/detail/9630000016466


สายน้ำ 19-02-2020 04:54

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ไฟป่าภูกระดึงปะทุอีกรอบ ลุกลามเป็นแนวยาวรอบนอก

หลังจากได้เกิดไฟป่าบนยอดภูกระดึง จุดเริ่มจากขอบแนวรั้วอุทยานไต่ขึ้นตามหน้าผา และโหมไหม้ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง และเจ้าหน้าที่ไฟป่าภูกระดึง ตลอดจนลูกหาบ นักท่องเที่ยว ทุกหน่วยงานที่อยู่บนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จุดบริการวังกวาง ร่วม 130 นาย ได้ร่วมกันสกัดไฟป่าไม่ให้ลุกไหม้ลามเข้าพื้นที่ชั้นใน มาถึงที่ทำการบริการนักท่องเที่ยววังกวางได้แล้ว โดยใช้เวลาปฏิบัติการร่วม 18 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมไฟป่าบนยอดภูกระดึงได้นั้น

https://i1198.photobucket.com/albums...pslk42kuco.jpg

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา บริเวณรอบ ๆ รั้วของเขตอุทยานรอบนอก ได้เกิดมีไฟป่าปะทุขึ้นอีกครั้งในหลายๆ จุด ทั้งเล็กใหญ่ และเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ (17 ก.พ.63 ) ตลอดจนจุดหน้าทางขึ้นไปหลังบริเวณด้านซ้ายของทางขึ้นภูกระดึง มีกลุ่มควันและไฟป่า เปลวไฟสีแดงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงกลางคืน คาดว่า พื้นที่ไฟป่าดังกล่าวจะอยู่ติดกับหมู่บ้านนาโก นาน้อย เขตแนวรั้วเข้ามาอุทยานภูกระดึง ขณะนี้กำลังลุกไหม้ แต่คงไปไม่ถึงแนวป่าที่อยู่ด้านบน เนื่องจากก่อนนี้ถูกไฟป่าไหม้ไปแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าพื้นที่ดับไฟอีกรอบ


https://www.naewna.com/local/473917


สายน้ำ 19-02-2020 05:01

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


ปลาพญานาค (ออร์ฟิช) เยือนญี่ปุ่น ฤาภัยพิบัติจะบังเกิด!?

โลกออนไลน์ญี่ปุ่นแชร์วิดีโอปลาออร์ฟิชว่ายเข้ามายังระดับน้ำตื้น บริเวณท่าเรือในจังหวัดฟุกุอิ ซึ่งคนในท้องถิ่นเชื่อกันว่าการมาเยือนของปลาชนิดนี้เป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติ

https://i1198.photobucket.com/albums...psyowxkvvw.jpg

เป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ประเทศญี่ปุ่นไม่น้อย เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่น @toythefishing ได้แชร์ภาพปลาออร์ฟิช (Oarfish) สองตัวกำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเล บริเวณท่าเรือเขตจังหวัดฟุคุอิ (ทางเหนือของจังหวัดเกียวโต) ซึ่งความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ถ้าเห็นปลาออร์ฟิชปรากฏตัว อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติ เพราะพวกมันอาจรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้น้ำจากแผ่นดินไหวหรือสึนามิ

ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นเท่านั้น ปลาออร์ฟิช ปลาออร์ หรือปลาริบบิ้น เป็นปลาที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ "ปลาพญานาค" ส่วนทางคนญี่ปุ่นจะเรียกปลาชนิดนี้ว่า "ริวงูโนะสึไค (Ryuuguu no Tsukai)" หรือ "ผู้ส่งสารจากวังพญามังกร/จากวังเทพแห่งท้องทะเล"

https://i1198.photobucket.com/albums...psl25u9665.jpg

ปลาพญานาคเป็นสัตว์ที่ถูกพบเห็นได้ยากมาก เนื่องจากมักอาศัยอยู่ใต้ทะเลในระดับลึกกว่า 50-250 เมตรลงไป และอาจพบได้ที่ความลึกถึง 1,000 เมตร แต่เมื่อปรากฏตัวแต่ละครั้งก็จะสร้างความสนใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับชาวญี่ปุ่นที่เชื่อกันว่าปลาพญานาคนั้นเปรียบเสมือนตัวแทนผู้ส่งสารจากวังของพญามังกร ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ที่จะมาเตือนผู้คนว่าภัยพิบัติกำลังจะมาเยือน

https://i1198.photobucket.com/albums...psmqr7it8l.jpg

กระแสความเชื่อนี้แพร่กระจายเป็นวงกว้างในปี 2554 เนื่องจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่จังหวัดฟุกุชิมะ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20,000 คน มีผู้เชื่อมโยงภัยพิบัติดังกล่าวกับเหตุการณ์ในเดือนมีนาคม 2553 ที่มีการพบปลาออร์ฟิชจำนวนมากผิดปกติบนชายฝั่งของญี่ปุ่น


สัตว์ดึกดำบรรพ์ ที่มีชีวิตอยู่นานกว่าไดโนเสาร์

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีงานวิจัยหรือผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ชัดออกมาว่าการมาเยือนของปลาพญานาคมีความสอดคล้องกับสถิติการเกิดแผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติอื่น ๆ ดังนั้นแล้วการพบเห็นปลาพญานาคจึงไม่ใช่เครื่องชี้วัดการเกิดภัยพิบัติที่น่าเชื่อถือ ควรเสพข่าวอย่างมีสติ รอฟังข่าวจากสื่อที่น่าเชื่อถือ และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติจริง


ทำไมญี่ปุ่นพร้อมรับภัยพิบัติ

เมื่อเดือน ก.พ. 62 ก็เคยเกิดเหตุการณ์ปลาพญานาคมาติดแหและเกยตื้นเกือบสิบตัวบริเวณอ่าวโทยามะ จนเกิดกระแสความตื่นกลัวเช่นเดียวกัน ซึ่ง อินามูระ โอซามุ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้กับสื่อ CNN ว่า พฤติกรรมของปลาพญานาคอาจเกิดจากการไล่ตามอาหารจำพวกกุ้งและแพลงก์ตอนที่ว่ายเข้าใกล้พื้นผิวน้ำจนถูกแหจับหรืออาจถูกซัดมาเกยตื้นก็เป็นได้

ปลาพญานาคมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับพญานาคตามความเชื่อของไทย หรือมังกรทะเลในความเชื่อในยุคกลางของชาวตะวันตก มีส่วนหัวที่ใหญ่ ลำตัวแบนสีเงิน มีจุดสีฟ้าและดำประปราย มีครีบหลังสีชมพูแดง บนหัวมีอวัยวะลักษณะคล้ายหงอนเป็นจุดเด่น

ปลาพญานาคยังเป็นปลาที่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ (Guinness World Records) ว่ามีกระดูกสันหลังยาวที่สุดในโลก ความยาวประมาณ 11 เมตร แต่ส่วนใหญ่จะพบเป็นซากศพหรือมีสภาพใกล้ตายที่ลอยมาเกยตื้นตามชายฝั่งมากกว่าที่จะพบเห็นแบบมีชีวิตอยู่


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/119722


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:04

vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger