ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 01-12-2010
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,426
Default


ดำน้ำหมู่เกาะเดราวัน (2) ................ โดย วินิจ รังผึ้ง



หมู่เกาะเดราวัน ประเทศอินโดนีเซียที่ผมกำลังจะพาท่านไปดำน้ำกับเรือภาณุนี เป็นหมู่เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดำน้ำชื่อดังระดับโลกเลยทีเดียว เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งโดดเด่นยากจะหาหมู่เกาะใดเทียบได้ ด้วยตั้งอยู่ทางเกาะกาลิมันตันด้านตะวันออก ซึ่งเกาะกาลิมันตัน หรือที่ชาวโลกรู้จักกันมากกว่าในนามของเกาะบอร์เนียว เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองมาจากเกาะกรีนแลนด์และเกาะนิวกีนี โดยมีพื้นที่ราว 752,000 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตรและโอบล้อมด้วยทะเล จึงเป็นทำเลยอดเยี่ยมที่ทำให้เกาะแห่งนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดของโลก ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่มีความหลากหลายของแมกไม้ พืชพรรณและสัตว์ป่าสูงสุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว และที่สำคัญพื้นที่ 3 ใน 4 ของเกาะยังคงเป็นพื้นที่ป่าเขตร้อนอันอุดมสมบูรณ์ที่ยังไม่มีการสำรวจ เกาะใหญ่แห่งนี้เป็นพื้นที่ของ 3 ประเทศคืออินโดนีเซียซึ่งเรียกเกาะแห่งนี้ว่ากาลิมันตัน ครอบครองพื้นที่ตอนกลางและด้านตะวันออกของเกาะลงมาถึงตอนใต้คิดเป็นพื้นที่ 2 ใน 3 ของเกาะ ส่วนมาเลเซียที่เรียกเกาะแห่งนี้ว่าเกาะบอร์เนียวครอบครองพื้นที่ตอนเหนือ อันเป็นที่ตั้งของรัฐซาบาห์และซาราวัก และประเทศบรูไนมีพื้นที่ขนาดเล็กๆ แต่เป็นจุดที่มากมีด้วยทรัพยากรน้ำมันตั้งอยู่ตอนบนตรงกึ่งกลางของเกาะ



ด้วยความใหญ่โตและอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้ของเกาะกาลิมันตัน ธาตุอาหารและอินทรีสารมากมายจากเกาะจึงไหลลงทะเล ทำให้บริเวณรอบๆเกาะรวมทั้งบริเวณหมู่เกาะเดราวันจึงกลายเป็นท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ด้วยธาตุอาหาร เป็นแหล่งรวมของฝูงปลาและสัตว์ทะเลจำนวนมากมายและหลากหลายชนิดพันธุ์ ประกอบกับชาวบ้านชาวเกาะของอินโดนีเซียนั้นทำประมงไม่เก่ง จับปลาแบบบู้ล้างผลาญไม่เก่งเหมือนชาวประมงไทย ทะเลแถบนี้จึงมีอะไรให้ดำดูมากมายหลากหลายทั้งกุ้ง หอย ปู ปลาขนาดเล็ก และสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ แต่ก็นั่นแหละครับ ด้วยเป็นเกาะอยู่ห่างไกล แม้นจะมีเรือบริการดำน้ำดีๆของประกอบการชาวไทยมาลอยลำให้บริการแหล่งดำน้ำรอบๆหมู่เกาะบริเวณนี้ที่มีเกาะเดราวัน เกาะซังกาลากิ เกาะมาราทัว และเกาะคาคาบัน แต่การเดินทางจากเมืองไทยกว่าจะไปถึงจุดหมายปลาทาง กว่าจะได้ดำน้ำกันก็ยากเย็นแสนเข็ญอยู่ไม่น้อย โดยพวกเรานักดำน้ำคนไทยสิบกว่าคนออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยเที่ยวบินประมาณบ่ายโมงของการบินไทย บินไปยังกรุงจากาตาร์ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ที่เลือกใช้บริการสายการบินไทยนั้นก็เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องน้ำหนักสัมภาระครับ เพราะนักดำน้ำนั้นสัมภาระเยอะทั้งกระเป๋าเสื้อผ้า กระเป๋าอุปกรณ์ดำน้ำ กระเป๋าอุปกรณ์กล้องถ่ายภาพใต้น้ำ แต่ละคนจำเป็นต้องขนมากันให้พร้อมไม่เช่นนั้นก็จะดำน้ำไม่สนุก ซึ่งสายการบินต้นทุนต่ำบางสายราคาตั๋วเครื่องบินอาจจะถูกกว่า แต่เมื่อต้องถูกชาร์ตค่าน้ำหนักสัมภาระเพิ่มในราคาแพงลิบลิ่ว ราคารวมค่าตั๋วจึงไม่ได้ต่างกัน แถมยังมีบริการที่ดีกว่าทั้งอาหารบนเครื่องและการบินที่ตรงเวลา บินมาถึงจากาตาร์ค่ำๆ ก็ต้องหาโรงแรมใกล้ๆสนามบินพักกันคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นต้องตื่นแต่เช้าออกจากโรงแรมตอนตี 4 เดินทางมาสนามบินเพื่อบินเที่ยวบินภายในประเทศของอินโดนีเซียในตอน 6 โมงเช้า ซึ่งเราใช้บริการสายการบินมันดาลาแอร์เพื่อเดินทางไปยังเมืองตารากัน ซึ่งอยู่บนเกาะกาลิมันตันด้านตะวันออก ที่นั่นเป็นเมืองท่าใกล้สุดที่จะลงเรือต่อไปยังเกาะเดราวัน ระหว่างทางเครื่องบินก็จะลงจอดรับส่งผู้โดยสารที่เมืองบาลิกปาปันอีกราวครึ่งชั่วโมง กว่าจะถึงตารากันก็เกือบเที่ยง กว่าจะขนสัมภาระลงเรือภาณุนีก็บ่าย และเรือก็จะแล่นออกจากท่าไปยังเกาะเดราวันตอนเย็นๆ เรียกว่าเดินทางกัน 2 วันกว่าจะได้ลงเรือ

แม้นจะเดินทางกันยาวนานสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าครับที่ได้มาลงดำน้ำรอบๆเกาะเดาวัน ซึ่งเป็นเกาะขนาดเล็กที่มีสัณฐานเป็นรูปหยดน้ำ รอบๆเกาะมีชายหาด มีแนวปะการังแข็ง ลดระดับลึกลงไปยังแนวผาที่ตัดลงไปยังแนวน้ำลึกกว่าพันฟุต เรียกว่าดำน้ำได้ทุกรูปแบบตั้งแต่ดำง่ายๆแถวแนวน้ำตื้นบริเวณใต้ท่าเรือของเกาะที่มีแนวปะการังแข็งสลับลานทรายเป็นที่อยู่ของสัตว์ทะเลขนาดเล็กมากมายหลากหลาย ลงไปถึงการดำลานทราย ดำตามแนวหน้าผาใต้น้ำ ซึ่งแค่ดำตื้นๆแถวหน้าท่าเรือของเกาะก็มีสัตว์ทะเลให้ดูมากมายตั้งแต่ม้าน้ำแคระขนาดตัวเท่าหัวไม้ขีด เกาะอยู่ตามกิ่งก้านกัลปังหา ซึ่งไดฟ์ลีดเดอร์มักจะใช้วิธีเอามือโบกน้ำไปมาใกล้ๆกับแผ่นกัลปังหา ถ้ามีเจ้าม้าน้ำแคระตัวจิ๋วเกาะอยู่ มันก็จะเคลื่อนไหวไปมา ก็จะทำให้สามารถมองเห็นได้ง่ายขึ้น ใหญ่ขึ้นมาหน่อยนักดำน้ำก็มักจะเพลิดเพลินกับเจ้าปลาบู่ทะเลมากมายหลายชนิด บางชนิดในเมืองไทยเราอาจจะพบเห็นได้ในระดับน้ำลึกถึง 20 กว่าเมตร แต่ที่นี่อาจจะเจอและถ่ายภาพกันได้ในระดับความลึกแค่ 5-6 เมตรเท่านั้น หรือหมึกหลายพันธุ์ตั้งแต่หมึกกระดองขนาดใหญ่ตัวอ้วนตัน ไปจนถึงหมึกสายวงฟ้าซึ่งเป็นหมึกในตระกูลหมึกยักษ์ แต่มันก็เป็นยักษ์ที่มีขนาดเล็ก มีสีเหลืองทองสวยงามมีวงกลมสีฟ้าครามเข้มตามลำตัว มันสามารถปรับสีสันสลับสับเปลี่ยนไปมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็กเท่าๆหัวแม่มือ แต่เจ้ายักษ์เล็กตัวนี้ก็แน่ไม่เบาจนไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย เพราะเป็นหมึกมีพิษที่สามารถจะกัดเหยื่อขนาดใหญ่กว่าตัวมันแล้วฉีดพิษใส่จนเหยื่อเป็นอัมพาตสิ้นชีพไม่อาจจะดิ้นรน ซึ่งพิษของเจ้าหมึกสายวงฟ้านั้นสามารถจะทำให้คนที่ไปจับไปมันแล้วถูกกัดก็อาจจะถึงตายได้เลยทีเดียว



บริเวณรอบๆเกาะเดราวันนั้นสามารถจะลงดำน้ำกันได้ตั้งแต่เช้ามืดจนถึง การลงดำไนท์ไดฟ์กันตอนค่ำมืด เพราะตั้งแต่เช้ามืดที่ฟ้ายังไม่สางนักดำน้ำก็จะตื่นกันตั้งแต่ตีสี่เพื่อประกอบเครื่องมือถือกล้องถ่ายภาพพร้อมไฟฉายลงไปดำน้ำกันตั้งแต่ตอนตีห้าที่ฟ้ายังไม่สาง ท่านที่ไม่ได้ดำน้ำอาจจะคิดว่ามันจะบ้าดำอะไรกันขนาดนั้น ก็ต้องขอบอกว่า ถ้าจะให้ได้ดูทีเด็ดที่เป็นสุดยอดของการดำน้ำที่เดราวันก็ต้องตั้งปลุกนาฬิกาปลุกขึ้นมาเพื่อลงดำกันเวลานั้นจริงๆ เพื่อที่จะได้มีโอกาสลงไปดูเจ้าปลาอมไข่ (Jaws fish) พ่นไข่ในปากที่ฟักออกเป็นลูกปลาตัวเล็กจิ๋ว ออกมาสู่มวลน้ำ เพื่อให้กำเนิดลูกปลาออกมาใช้ชีวิตเผชิญโชคในท้องทะเลกว้าง ซึ่งเป็นภาพที่จะไม่สามารถหาดูหรือถ่ายภาพที่ไหนได้ง่ายๆเท่ากับที่เกาะเดราวันแห่งนี้ หลายคนอาจจะแย้งว่าปลาอมไข่ชนิดที่เรียกว่าปลาจอส์ฟิชนั้นก็มีให้เห็นทั่วๆไปในทะเลหลายๆแห่ง แม้แต่ที่แถวๆเกาะสุรินทร์ เกาะสิมิลันบ้านเรา ซึ่งนั่นก็คงเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและปลาชนิดนี้ก็จะมีพฤติกรรมพ่นไข่ที่ฟักออกเป็นตัวเหมือนกันทุกที่ แต่ข้อสำคัญมันต่างกันที่ปลาจอส์ฟิชที่อื่นๆหรือที่สิมิลันบ้านเรานั้น มักจะชอบอยู่กับพื้นทรายระดับความลึกราว 20 เมตรขึ้นไป การที่จะดำลงไปเฝ้ารอสังเกตการณ์หรือรอคอยถ่ายภาพเจ้าปลาชนิดนี้โผล่ขึ้นมาจนคุ้นเคยไม่ตื่นหนีหลบลงไปในรู และยอมพ่นไข่ที่ฟักออกเป็นลูกปลาน้อยออกมาให้เห็นให้ถ่ายภาพกันนั้น ต้องใช้เวลาดำน้ำกันเป็นชั่วโมง ถ้าดำที่บ้านเราก็คงจะต้องใช้อากาศหมดถังและติดดีคอมหรือมีอาการของก๊าซไนโตรเจนแทรกซึมเข้าไปสะสมเป็นฟองอากาศในกระแสเลือดซึ่งจะเป็นอันตรายตอนกลับขึ้นมาสู่ผิวน้ำ เพราะไนโตรเจนจะขยายตัวเมื่อขึ้นมาสู่ผิวน้ำที่มีความกดดันเบาบางกว่า ซึ่งนับเป็นอันตรายยิ่ง

แต่เจ้าปลาจอส์ฟิชที่หน้าเกาะเดราวันนั้นมันขุดรูอยู่กันอย่างหน้าสลอนบน พื้นทรายใต้ทะเลในระดับความลึกแค่ 5-6 เมตรเท่านั้นเอง ซึ่งระดับความลึกเช่นนี้ดำน้ำกันได้อย่างปลอดภัยได้เป็นชั่วโมง โดยนักดำน้ำจะลงไปสำรวจกันล่วงหน้าไว้ก่อนในตอนเย็น เลือกดูพ่อปลาตัวที่อมไข่ไว้เต็มปาก โดยเลือกตัวที่ไข่นับร้อยๆฟองในปากมีขนาดใหญ่เปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีใส สามารถมองเห็นลูกปลาสีดำในไข่ซึ่งมีดวงตากลมโตสีดำขลับได้อย่างชัดเจนและคาดว่าลูกปลาจะฟักออกเป็นตัวและพ่อปลาจะพ่นออกมาในเช้าวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็จะเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆรู เพื่อเป็นการทำความรู้จักสร้างความคุ้นเคยกันเสียก่อน จากนั้นในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อลงมาดำดูพ่อปลาพ่นไข่ ก็จะแยกกันเฝ้าดูหรือถ่ายภาพเจ้าปลาตัวที่แต่ละคนเลือกกันไว้ ซึ่งพ่อปลาก็จะพ่นไข่ที่ฟักออกมาเป็นตัวตอนแสงแรกของวันเริ่มจับขอบฟ้า เพื่อให้ลูกน้อยได้ถือกำเนิดมารับแสงแรกแห่งอรุณ ก่อนล่องลอยไปเผชิญโชคในกระแสน้ำที่พัดพาออกไป ซึ่งเป็นภาพที่งดงามดูแล้วมีความสุขยิ่ง

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม