ดูแบบคำตอบเดียว
  #10  
เก่า 01-06-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,159
Default



ขอบคุณน้องโจและน้องโอ...สำหรับเรื่องเศร้าของเจ้าฉลามตัวน้อยเหล่านี้ค่ะ


ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องเศร้า..เราก็คงเศร้ากันมานานแล้วล่ะค่ะ เพราะเรื่องแบบนี้ เราได้เห็นได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มามากมายหลายครั้ง


เราจะได้เห็นภาพฉลามทั้งเป็นและตาย ทั้งเล็กและใหญ่ ถูกวางขายมากมายอยู่ตามท่าเรือ ตลาดสด และร้านอาหารทะเล ในหัวเมืองชายทะเลของไทยเกือบทุกแห่ง


การซื้อการขายฉลาม ทำได้อย่างอิสระเสรี ใครใคร่ค้า..ค้า ใครใคร่ขาย...ขาย เพราะเมืองไทย ไม่มีกฎหมายห้ามไว้ ไม่ให้ค้าขายฉลาม..


ด้วยเหตุนี้...การซื้อการขายฉลามก็ยังดำเนินต่อไป เพราะ...


คนจับและคนขาย...ปู่ย่าตายายเขาทำมาหากินทางประมง ได้ฉลาม และขายฉลาม มาอย่างนี้ตั้งแต่โบราณนานเน เขายังจับฉลามได้ และขายฉลามได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาไม่เคยรู้ว่าฉลามกำลังจะหมดทะเล หรือถึงจะรู้ เขาก็คงไม่สนใจ เพราะจับได้ขายได้ เขาก็มีเงินไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียและตัวเอง ไม่ให้อดตาย


คนซื้อ...มีความอยาก คืออยากลองกิน หรืออยากกินอีก (เพราะอร่อยดี) ทำให้มีการซื้อฉลามมาทำกินหรือให้ร้านอาหารทำให้กิน เขาไม่สนใจหรอกค่ะว่า ฉลามจะหมดทะเลหรือไม่ หรือไม่ก็คิดว่า กินตัวเดียวหรือนิดเดียวมันคงไม่ทำให้ฉลามหมดทะเลไปได้หรอกน่า..


หรือ คนซื้ออาจเป็นอย่างน้องโจหรือคนอื่นๆอีกหลายคน คือเห็นฉลามถูกขังไว้ขายแล้ว เกิดความสงสาร ก็เลยซื้อฉลามไปปล่อยลงทะเล ซึ่งก็มีทั้งรอดชีวิตไป มีทั้งตาย หรือถูกจับมาขายใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่จบสิ้น


เมื่อมีคนซื้อ ก็ต้องมีคนขาย....เมื่อมีคนขาย ก็มีวิธีการล่อใจให้มีคนซื้อ จะด้วยการขายในราคาที่ (ดูเหมือน) ถูก หรือซื้อสองแถมหนึ่ง หรือ ฯลฯ


ในต่างประเทศหลายแห่ง....เขาเริ่มออกกฎหมายห้ามล่า ห้ามฆ่า ห้ามซื้อขายฉลาม หรือครอบครองฉลาม ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ทั้งนี้เพราะเขาห่วงใยในเรื่องที่ฉลามจะสูญพันธุ์ แล้วทำให้ระบบห่วงโซ่อาหารปั่นป่วน (เช่น ปลาหมึกกล้วยยักษ์ซึ่งเป็นอาหารโปรดของฉลาม มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น จนเป็นอันตรายกับสัตว์ทะเลอื่นๆ รวมทั้งชาวประมง และ นักดำน้ำด้วย) อีกทั้งยังส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวดำน้ำดูฉลามในบางประเทศ (เช่น Palau เป็นต้น)


ส่วนในประเทศไทย....ความพยายามในการหยุดการค้าขายฉลามนั้น มีมานานหลายปีแล้ว แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่สำเร็จเสียที ทั้งนี้เป็นเพราะ ดูเหมือนว่าทางการบ้านเมืองของเรา จะห่วงใยปากท้องของชาวประมง พ่อค้าขายหูฉลาม และร้านอาหารที่ขายฉลามผัดฉ่า มากกว่าตัวฉลามเป็นๆในทะเล


การรณรงค์ต้านการล่าฉลามมาทำหูฉลามในเมืองไทย ที่เคยทำๆกันมาก็ดูจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง (เช่น WWF เคยรณรงค์เรื่องนี้มาก่อน) ทั้งนี้เพราะทางการไม่สนใจและไม่ใส่ใจ จะเห็นได้จากเวลาที่นักการเมืองจะสังสรรค์กันที ก็มักจะมีซุปหูฉลามขึ้นโต๊ะกินเลี้ยงกันทุกครั้งไป


ฉลามในทะเลจึงลดน้อยลงไปทุกทีๆ....ซึ่งมันน่าเศร้าและน่าใจหายจริงๆค่ะ...


แล้วอย่างนี้เราจะทำอย่างไร ให้ความเศร้าและเรื่องน่าใจหายนี้หมดไปได้...??


ถ้าคิดจะทำการใหญ่...เราก็คงต้องทำการรณรงค์อย่างหนัก และหาวิถีทางและช่องทาง ให้หน่วยงานราชการสนับสนุนด้วยการออกกฎหมายห้ามการล่า การฆ่า และการครอบครองฉลามทุกชนิด ทั้งที่มีชีวิตและซากโดยสิ้นเชิง (วิธีการนี้ต้องใช้ทุนทรัพย์ในการรณรงค์มาก และทางผู้รู้เรื่องการประมงเอง ก็เคยบอกว่ามันยากที่จะให้ชาวประมงลากอวนโดยไม่ติดฉลามมาด้วย การออกกฎหมายให้ฉลามเป็นสัตว์สงวน จะทำให้ชาวประมงเดือดร้อนมากมาย)


ถ้าเรายังทำการใหญ่คือแก้ที่ต้นเหตุไม่ได้..เราก็คงต้องเปลี่ยนมาแก้ที่ปลายเหตุ โดยเริ่มจากตัวเราเองก่อน คือ เลิกกินหูฉลาม...เลิกกินฉลามผัดฉ่า...เลิกซื้อฉลามไปปล่อย (ถ้าเห็นฉลามถูกจับขังไว้ขาย ก็เมินๆไปซะบ้างนะคะ เพราะในแต่วันยังมีฉลามอีกมากมายหลายพันตัว คอยท่านอยู่ตามหัวเมืองชายทะเลทั่วไป ถ้าขืนใจอ่อนตามไปปล่อยฉลามทุกที่ ก็อาจจะหมดตัวได้นะคะ) และเมื่อตัวเองหยุดการบริโภคฉลามได้แล้ว ก็กระจายต่อไปยังญาติสนิทมิตรสหาย ที่ใกล้ชิดสนิทสนม...


ถ้าคนกินและคนซื้อฉลามน้อยลง...ชาวประมงและคนขายปลา ก็คงส่งฉลามมาขายให้เราเห็นน้อยลงได้....


Stop Eating and Buying, then, Stop Killing too.

__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 01-06-2011 เมื่อ 11:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม