ดูแบบคำตอบเดียว
  #33  
เก่า 16-11-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,404
Default


สะกดเบาหวานด้วย “สติ”



สถิติคนไทยบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้นปีละ 30.5 กิโลกรัมต่อคนภายในระยะเวลา20ปี เห็นทีคงต้องหาวิธีทำให้คนใกล้ตัวเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร

สถิติคนไทยบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้นปีละ 30.5 กิโลกรัมต่อคนภายในระยะเวลา20ปี

เห็นทีคงต้องหาวิธีทำให้คนใกล้ตัวเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารก่อนโรคเบาหวานจะถามหา ถ้าอยากให้คนที่เรารักไม่เป็นโรคเบาหวานควรทำอย่างไร

กฤษฎี โพธิทัต นักกำหนดอาหาร เจ้าของงานเขียน“กินดี ได้สุขภาพดี” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหลายคนสงสัยว่า ทำไมเขาถึงเป็นเบาหวานทั้งๆที่ไม่ได้รับประทานอาหารหวานไม่ว่าจะเป็นขนม น้ำอัดลมเพราะความจริงโรคเบาหวานไม่ได้เกิดจากการบริโภคของหวานอย่างเดียว แต่เกิดจากรับประทานอาหารไม่สมดุล หลายคนรับประทานแต่แป้งไม่รับประทานเนื้อสัตว์และผักมาตั้งแต่เด็กจนโต

บางคนชอบรับประทานอาหารแบบง่ายๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าวเหนียวหมูทอด ข้าวไข่เจียว ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ซึ่งเมนูเหล่านี้มีผักน้อยมากๆ หรือไม่มีเลย ซึ่งการกินอาหารที่ไม่สมดุลเช่นนี้ไปนานๆ อาจส่งผลให้ร่างกายขาดสารอาหารสำคัญที่ช่วยต้านโรคเบาหวาน

“วันๆผ่านไปแทบไม่ได้แตะผักเลยไม่ได้มีเฉพาะเด็กเท่านั้น แม้แต่ผู้ใหญ่ก็เช่นเดียวกันทั้งๆที่บ้านเรามีผักเยอะแยะที่สามารถนำปรุงเป็นอาหารน่ากินทั้งนั้นอันนี้เป็นสาเหตุหนึ่งของเบาหวาน พ่อแม่ควรฝึกให้ลูกรับประทานผัก ผลไม้จนติดเป็นนิสัย”


วิถีการกินก่อโรคร้าย

ยิ่งเมื่อเข้าสู่วัยทำงานการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยใช้พลังงานเยอะช่วงเรียนมหาวิทยาลัย พออายุมากขึ้นใช้พลังงานน้อยลง แต่บริโภคอาหารเพิ่มขึ้นทำให้เกิดการ“สะสม”ไขมันในช่องท้อง ซึ่งจะเป็นตัวที่ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายต่างๆเปลี่ยนแปลง ถ้ามีไขมันในช่องท้องเยอะ จะเป็นสัญญาณบ่งบอกโรคเบาหวาน วิธีตรวจง่ายๆคือใช้สายวัดวัดเอว ผู้หญิงที่มีเอวหนามากกว่า 80เซ็นติเมตรและผู้ชายที่มีเอวหนามากกว่า 90 เซ็นติเมตร ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน

ตัวฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งสร้างจากตับอ่อนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงมาจากตัวไขมันจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานกล่าวคือเวลารับประทานอาหารไม่ว่าเป็นผลไม้ นมหรือแป้งถูกย่อยเป็นน้ำตาลกลูโคสเป็นหน่วยเล็กๆแล้วเข้าไปที่เซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ต่างๆเพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่เมื่อมีไขมันมาสะสมฮอร์โมนอินซูลินที่เปลี่ยนแปลงตรงนี้ มันเข้าเซลล์ไม่ได้ เพราะเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน เซลล์ไม่ให้อินซูลินเข้าแล้ว น้ำตาลกลูโคสที่อยู่ในเลือดจะอยู่ในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ เพรินซูลินไม่สามารถเอาน้ำตาลเข้าเซลล์ได้

น้ำตาลในเลือดมี 3 ระดับ ได้แก่ ระดับปกติ ระดับตรงกลางและระดับของโรคเบาหวาน คนที่น้ำตาลในเลือดอยู่ระดับตรงกลาง แม้ว่ายังไม่เป็นเบาหวานแต่ก็มีแนวโน้มจะเป็นเบาหวานสูงถ้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร

"จริงๆค่าน้ำตาลกลูโคสในเลือดที่อยู่ระดับกลาง มันจะเปลี่ยนไปทางไหนก็ได้ ไม่ว่าเป็นระดับปกติหรือระดับของโรคเบาหวาน ถ้ายังเฮฮาปาร์ตี้ โดยไม่ออกกำลังกาย ไม่ปล่อยวางความเครียด โอกาสจะเป็นเบาหวานสูงแต่ถ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาจอยู่ระดับนี้ไปเรื่อยๆ หรือถ้าคุมเข้มอาจ
อยู่ในระดับปกติได้”

หลายคนมักคิดว่าอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด หรือ เกิดมาทั้งทีต้องสนุกสนานกับชีวิตเต็มที่ แต่ลืมคิดไปว่า ตนเองมีครอบครัว มีคนที่เรารักและคนที่รักเรา คุณจะสร้างภาระจากการเจ็บป่วยให้กับพวกเขาหรือแม้จะเป็นคนที่ไม่มีครอบครัว ไม่มีใครที่ต้องเป็นห่วง แต่ก็อาจลืมนึกไปว่า ความทุกข์จากการเจ็บป่วยและค่าใช้จ่ายในการรักษานั้นจะทำให้คุณภาพชีวิตลดลง แทนที่เกษียณแล้วจะมีความสุขในการใช้ชีวิต กลับต้องมาป่วย


ยาไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

“คนที่เป็นเบาหวานไม่มีโอกาสหาย สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้ชีวิตด้วยความประมาท หลายคนมักคิดว่า กินยาแล้วจะดีขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นได้ต้องดูแลตัวเองทั้งด้านอาหาร ร่างกายและ อารมณ์ไม่ใช่ยาอย่างเดียว”

โภชนาการจึงเป็นเรื่องสำคัญ

โภชนาการ ”ไม่ได้” เป็นการห้ามกินแต่เป็นการสอนให้รู้จักเลือกที่จะกินอะไรในปริมาณเท่าไร

สำหรับญาติผู้ป่วยเบาหวานที่เขาไม่อยากให้คนที่รักเจ็บป่วยสามารถช่วยได้ด้วยการพยายามเลือกอาหาร เพื่อสุขภาพก่อนที่จะเลือกอาหารที่อยากรับประทาน เราไม่จำเป็นที่จะต้องงดอาหารที่ชอบโดยสิ้นเชิง สมมติไปรับประทานอาหารนอกบ้านควรเลือกสั่งอาหารให้มีความหลากหลาย เช่น ถ้ารับประทานในร้านอาหารจีนแทนที่จะสั่งเมนูของมันหรือของทอดอย่างเดียวก็หันมาสั่งเมนูผักให้เยอะหน่อย

ถ้าร้านอาหารทะเลแทนที่จะสั่งแต่ปลาทอด กุ้งทอด ปูชุปแป้งทอด ทอดมันกุ้ง ข้าวผัดปูควรจะสั่งต้มยำกุ้ง ใส่เห็ดเยอะๆ แกงส้มทะเล หรือแกงส้มกุ้ง ถ้าเป็นร้านอาการอิตาเลี่ยน แนะนำให้สั่งสลัดเพราะมีให้เลือกหลากหลาย ส่วนเมนูสปาเกตตี้ที่มีไขมันสูง หากอยากบริโภคควรสั่งมาจานเดียวแล้วแบ่งกันรับประทาน

“ คุณอาจตักอาหารได้หลายๆอย่าง อย่างละคำ 2 คำ วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถรับประทานอาหารได้หลากหลายแต่ไม่มากจนเกินไป”

วิธีป้องกันไม่ให้รับประทานอาหารเกินความจำเป็นคือ ให้เคี้ยวอาหารช้าๆ ลิ้มรสชาติของอาหารทุกคำ จะช่วยทำให้คุณอิ่มเร็วและได้รับแคลอรีน้อยกว่ารับประทานเร็วๆ ซึ่งจะอิ่มช้าและได้รับแคลอรีจากอาหารมาก
ส่วนการเลือกอาหารที่เป็นของว่างระหว่างมื้อนั้น ให้เลือกเป็นผลไม้ที่มีแป้งน้อย เช่น ส้ม ชมพู่ ฝรั่ง สับปะรด

ทางที่ดีควรรับประทานอาหารมื้อหลักและมื้อว่างแบบเบาๆ โดยเลือก ผัก ผลไม้ แป้งไม่ขัดสี ข้าวกล้องข้าวซ้อมมือ หรือธัญพืช และโปรตีน ไขมันต่ำ เช่น ปลา เป็ดหรือไก่ไร้หนัง ไข่ เต้าหู้ ในปริมาณเล็กน้อยทุกมื้อ ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆตลอดทั้งวัน

นอกจากนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ " สติ" เพราะการบริโภคอย่างมีสตินั้น สามารถนำไปใช้ได้ในทุกสถานการณ์ส่วนวิธีการบริโภคอย่างมีสติให้ได้ผลดีที่สุดนั้น นักกำหนดอาหารมีข้อแนะนำว่า ควรเริ่มตั้งแต่การเลือกอาหารเพื่อคัดเลือกอาหารก่อนว่าอะไรดี อะไรไม่ดี เช่น หลายคนรู้ว่าของมันไม่ดี และรู้ว่าผักดี แต่ก็ยังไม่กินผัก กินแต่ของมันๆ


ถัดมาต้อง ”หยุดคิด” ก่อนตัดสินใจซื้ออะไรมาบริโภคว่าหิวหรือเปล่า ? ถ้าไม่หิวอย่ากิน !

“ความหิวมันมีระดับ 1 -10 ระดับ 10 คืออิ่มจัด ระดับ 1 คือหิวจัด ไม่มีอะไรเหลือในท้องแล้ว แล้วระดับความหิวเราอยู่ตรงไหน ถ้าเราไม่หิว ไม่ต้องไปเพิ่มแคลอรีจากขนมหรืออาหารที่ซื้อมารับประทานเพราะความอยาก ”
เห็นไหมว่า เรื่องง่ายๆ อย่างการรับประทานอาจ “ไม่ใช่”แค่เรื่องธรรมดาอย่างที่คิด เพราะมีผลกับชีวิตคุณและคนที่คุณรักโดยตรง




จาก ................... กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม