ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 19-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,501
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ตามรอย "เต่าทะเลไทย" ที่ "เกาะมันใน" เกาะแห่งเดียวในไทย ที่มีเพื่อดูแลเต่าโดยเฉพาะ


เต่าตนุในบ่ออนุบาลเต่า

จังหวัดระยอง เป็นอีกหนึ่งจังหวัดในภาคตะวันออกที่มีพื้นที่ติดทะเล จึงมีหลายหาดหลากเกาะเป็นจุดมุ่งหมายให้นักท่องเที่ยวได้แวะมาเที่ยวชมกัน

หนึ่งในเกาะที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ ?หมู่เกาะมัน? ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 เกาะด้วยกันได้แก่ เกาะมันใน เกาะมันกลาง และเกาะมันนอก โดยแต่ละเกาะนั้นก็จะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป

อย่างที่ "เกาะมันใน" ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะนี้ และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ จ.ระยอง รองจากเกาะเสม็ด และมีความน่าสนใจอยู่ที่เป็นสถานที่ดำเนินโครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเกาะชมได้

แต่เดิมเกาะมันในเคยเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งต่อมาใน พ.ศ. 2518 พระองค์ได้พระราชทานเกาะนี้ให้กรมประมง และมีพระราชประสงค์เพื่อให้อนุรักษ์เต่าทะเลโดยเฉพาะ โดยในปัจจุบันกรมทรัพยากรทางทะเลฯ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดูแลอยู่

ซึ่งบนเกาะมันในนี้เป็นที่ตั้งของ "ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก" ที่เป็นสถานที่อนุบาลลูกเต่าทะเลก่อนจะปล่อยลงสู่ทะเล โดยจะมี "อาคารพิพิธภัณฑ์เต่าทะเล" จัดแสดงให้ความรู้เกี่ยวกับเต่าทะเลให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบกัน



ใกล้กับตัวอาคารจะเป็น "บ่ออนุบาลเต่า" ที่เป็นบ่อคอนกรีตใช้เพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ลูกเต่าตัวน้อย ไล่ไปถึงบ่อของเต่าวัยเจริญพันธุ์ เต่าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ตัวใหญ่หลายขนาด อายุนับสิบปีหลากสายพันธุ์จัดแสดงให้ชมกันอีกด้วย

สำหรับเต่าทะเลหลักๆ ที่จัดแสดงให้ชมกันที่นี่ได้แก่ "เต่าตนุ" มีลักษณะหัวเล็กปากมน เกล็ดมีลายสีน้ำตาลเหลือบขาวและดำ ขนาดโตเต็มที่ 120 ซม. หนัก 150 กก. พบอาศัยบริเวณชายฝั่ง กินหญ้าและสาหร่ายทะเลเป็นอาหารหลัก ในประเทศไทยพบวางไข่บริเวณชายหาดของหมู่เกาะคราม หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะอาดังราวี และเกาะกระ

"เต่ากระ" มีลักษณะ จะงอยปากแหลมเหมือนเหยี่ยว เกล็ดหลังซ้อนกันสีน้ำตาลอมเหลือง ความสวยงามของเกล็ดทำให้ถูกล่าไปใช้ทำเครื่องประดับจำนวนมาก อาศัยบริเวณแนวปะการัง กินฟองน้ำและสัตว์ทะเลหลากชนิดในแนวปะการัง มีความสามารถที่จะสะสมสารพิษในร่างกายได้ ทำให้คนที่กินเนื้อเต่าชนิดนี้ถึงตายได้ ขนาดโตเต็มที่ 95 ซม. หนัก 60 กก.

และสุดท้ายคือ "เต่าหญ้า" เป็นเต่าทะเลที่มีขนาดเล็ก โตเต็มที่ยาว 75 ซม. หนัก 50 กก. กระดองมีสีเทา มีเกล็ดด้านข้าง 6-9 คู่ อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่ง กินสัตว์น้ำต่างๆ ได้แก่ กุ้ง หอย ปู และปลา

นอกจากจะได้ความรู้จากเต่าทะเลกันแล้ว ชายหาดของที่เกาะมันในก็สวยงามไม่แพ้กัน แถมยังมีแนวปะการังน้ำตื้นให้สายดำน้ำได้เพลิดเพลินกันอีกด้วย


https://mgronline.com/travel/detail/9630000106106


*********************************************************************************************************************************************************


โชว์นวัตกรรมการพัฒนารูปแบบวัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง! เอสซีจี-ทช.-จุฬาฯ ร่วมกันสานต่อ ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของไทยอย่างยั่งยืน



จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ที่รบกวนธรรมชาติ ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมแก่ทรัพยากรทางทะเลรวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของปะการัง ซึ่งการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและปะการังนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จำเป็นต้องมีองค์ความรู้ทางวิชาการอย่างลึกซึ้ง และการบริหารจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสม จึงนำไปสู่ความร่วมมือจากองค์กรพันธมิตรที่มีเจตนารมณ์ในการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลของไทยให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม

เมื่อเร็วๆ นี้ เอสซีจี โดยธุรกิจ Cement and Construction Solution ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันนำเทคโนโลยี 3D Cement Printing มาพัฒนากับวัสดุ Advanced Materials ขึ้นรูปการพิมพ์แบบ 3 มิติ เป็นวัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง

นับเป็นการสร้างต้นแบบที่มีความกลมกลืนเสมือนจริงใกล้เคียงธรรมชาติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการฟื้นฟูทรัพยากรและระบบนิเวศทางทะเล ความร่วมมือนี้ครอบคลุมไปถึงการศึกษา วิจัย ติดตามผลตามแนวทางการฟื้นฟูระบบนิเวศแนวปะการังและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

โดยมีการจัดงาน Thailand Sustainability Expo 2020 (TSX 2020) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญขององค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนของประเทศไทยที่มาร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผู้จัดงานจึงได้หยิบยกเรื่อง การพัฒนารูปแบบวัสดุเพื่อใช้ในการฟื้นฟูแนวปะการังด้วยเทคโนโลยี 3D Cement Printing มาเป็นหัวข้อหนึ่งในการเสวนา โดยมี อุกกฤต สตภูมินทร์ ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกา ชันซื่อ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย และ ชนะ ภูมี Vice President ธุรกิจ Cement and Construction Solution จากเอสซีจี ร่วมเสวนาถึงแนวทางความร่วมมือในการพัฒนารูปแบบวัสดุเพื่อใช้ในการฟื้นฟูแนวปะการัง

อุกกฤต สตภูมินทร์ ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า "การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลถือเป็นภารกิจหลักของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลมาอย่างต่อเนื่องผ่านการดำเนินกิจกรรม โครงการ และการกำหนดมาตรการต่างๆ ซึ่งช่วยให้ทรัพยากรทางทะเลกลับมาสมบูรณ์ แต่เนื่องจากทะเลมีพื้นที่กว้างใหญ่ จึงต้องทำงานร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร เครือข่ายประชาชน เพื่อช่วยกันฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ โดยดำเนินการฟื้นฟูปะการังอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาวัสดุในรูปแบบปะการังเทียม แต่รูปแบบที่ดำเนินการยังไม่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมธรรมชาติ และยังคงต้องปรับรูปแบบปะการังเทียมให้มีประสิทธิผล สำหรับการลงเกาะของตัวอ่อนปะการัง ทช. จึงได้ร่วมมือกับเอสซีจี และจุฬาฯ ในการจัดทำโครงการพัฒนารูปแบบฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ที่มีรูปทรงคล้ายคลึงปะการังธรรมชาติและมีความเหมาะสมกับการลงเกาะของตัวอ่อนปะการัง ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก และจากผลการติดตามการศึกษาเบื้องต้นเป็นที่น่าพอใจ"

รศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกา ชันซื่อ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า "ปะการังเทียมที่มีในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ ซึ่งยังไม่มีผลการศึกษาอย่างแน่ชัดว่ารูปแบบใดเหมาะสมสามารถช่วยฟื้นฟูปะการังได้เห็นผลจริงอย่างยั่งยืน ดังนั้นคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ จึงได้พัฒนารูปแบบของวัสดุลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ในชื่อว่า "นวัตปะการัง" ด้วยเทคโนโลยี 3D Cement Printing ขึ้นรูปวัสดุได้เสมือนจริงและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมในท้องทะเลเป็นอย่างมาก พร้อมด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการศึกษาข้อมูล วิจัย ออกแบบ และสำรวจพื้นที่ หลังจากที่ได้วัสดุที่ผลิตจาก 3D Cement Printing จากเอสซีจี ทีมงานได้ทดสอบประเมินผลหลายด้าน เช่น การทดสอบการต้านกระแสน้ำ การจมตัว การทดสอบการลงเกาะของตัวอ่อนปะการัง ความคุ้นเคยของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งหลังจากทดลองนำไปวางจริง และติดตามประเมินผล พบว่าผลลัพธ์ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังมองไปถึงอนาคตในการพัฒนารูปแบบปะการังเทียมเหล่านี้ให้มีประโยชน์มากขึ้น เช่น สามารถใช้เป็นที่ติดทุ่นเก็บข้อมูลคุณภาพน้ำของ ทช. ซึ่งปกติแล้วจะต้องไปติดทุ่นที่ปะการังธรรมชาติ หากทำได้ก็จะลดผลกระทบและการรบกวนปะการังธรรมชาติได้เป็นอย่างมาก"

ชนะ ภูมี Vice President ธุรกิจ Cement and Construction Solution จากเอสซีจี กล่าวถึงแนวคิดในความร่วมมือพัฒนารูปแบบวัสดุฐานลงเกาะของตัวอ่อนปะการัง เพื่อเป็นอีกแนวทางในการฟื้นฟูทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่งของไทย ด้วยเทคโนโลยี 3D Cement Printing "เอสซีจี มุ่งสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด Passion for Better Green Society อันเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ ผ่านการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมตามแนวทาง CE ? Circular Economy ซึ่งความร่วมมือระหว่างเอสซีจี ทช. และจุฬาฯ ในครั้งนี้ เอสซีจีได้นำเอาเทคโนโลยีการขึ้นรูป 3D Cement Printing ร่วมกับการพัฒนาสูตรปูนซีเมนต์ขึ้นเองที่มาจากเศษคอนกรีตจากการรื้อถอนอาคารเป็นส่วนผสมทดแทนหินปูน ด้วยวิธีการฉีดขึ้นรูปเป็นฐานลงเกาะของตัวอ่อนปะการังธรรมชาติ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล และมีความกลมกลืนกับธรรมชาติ ซึ่งความร่วมมือทั้ง 3 ฝ่าย ได้ร่วมกันศึกษาทดลอง ปรับปรุงพัฒนาการออกแบบการขึ้นชิ้นงาน เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ประเทศไทยจะใช้เป็นต้นแบบในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลของไทย คืนความสมบูรณ์ให้แหล่งที่อยู่อาศัยและเพาะพันธุ์สัตว์ทะเล หรือต่อยอดแนวคิดในการพัฒนาเป็นแหล่งปะการังทดแทนสำหรับการท่องเที่ยว ลดการรบกวนปะการังธรรมชาติให้มากที่สุด

จะเห็นว่าการพัฒนารูปแบบวัสดุฐานลงเกาะสำหรับตัวอ่อนปะการังในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือจากภาครัฐบาล สถานศึกษา และภาคเอกชน ที่มีแรงบันดาลใจร่วมกันในการมุ่งฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลไทย ด้วยการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง 3D Cement Printing อันแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งหากองค์กรใดสนใจร่วมเป็นพันธมิตรกับเอสซีจีในการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล สามารถเข้าร่วมสนับสนุน ศึกษา ต่อยอด เพื่อให้ทรัพยากรทางทะเลของไทยกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000105537

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม