ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
สัญญาณฉุกเฉิน รายงานใหม่ IPCC ชี้โลกร้อนเร็วขึ้น-แทบไม่เหลือเวลาแก้ไข

ผลการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ เตือน กิจกรรมของมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และบางอย่างเปลี่ยนไปชนิดไม่อาจย้อนคืน
สำนักข่าว บีบีซี รายงานเมื่อ 9 ส.ค. 2564 ว่า คณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่งานวิจัยได้รับการยอมรับจากรัฐบาลทั่วโลก เผยแพร่รายงานฉบับใหม่ ซึ่งเป็นการประมาณทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับภาวะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศชิ้นใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 โดยพวกเขาพบว่า โลกกำลังร้อนเร็วขึ้น และมนุษย์แทบไม่เหลือเวลาที่จะป้องกันหายนะที่จะเกิดขึ้นตามมาแล้ว
ศ. เอ็ด ฮอว์คินส์ จากมหาวิทยาลัยเรดดิง สหราชอาณาจักร หนึ่งในผู้เขียนรายงานฉบับนี้ ระบุว่า รายงานฉบับนี้คือถ้อยแถลงข้อเท็จจริง นักวิทยาศาสตร์ไม่อาจมั่นใจได้มากกว่านี้อีกแล้ว มันเป็นเรื่องชัดเจนและโต้แย้งไม่ได้ว่า มนุษย์กำลังทำให้โลกร้อนขึ้น นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 ถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 50 ปีที่อุณหภูมิพื้นผิวของโลกเพิ่มขึ้นเร็วที่สุด ยิ่งกว่าช่วง 50 ปีใดๆ ในรอบ 2,000 ปีที่ผ่านมา และเริ่มส่งผลกระทบแล้วในรูปแบบสภาพอากาศสุดขั้วที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

รายงานของ IPCC เผยสถิติสำคัญหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่า โลกของเรากำลังร้อยขึ้นเร็วกว่ายุคใดๆ ในอดีต เช่น อุณหภูมิผิวโลกในช่วงทศวรรษระหว่างปี 2011-2020 สูงกว่าช่วงปี 1850-1900 ถึง 1.09 องศาเซลเซียส ขณะที่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุดนับตั้งแต่ปี 1850 ด้านอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในปัจจุบันก็มากกว่าช่วงปี 1901-1971 เกือบ 3 เท่า
อิทธิพลของมนุษย์ยังเป็นปัจจัยหลัก (90%) ที่ผลักดันให้น้ำแข็งในทะเลอาร์กติก กับธารน้ำแข็งทั่วโลกลดลงนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1990 และเห็นได้ชัดว่า ประกฏการณ์สภาพอากาศร้อนสุดขั้ว รวมถึง คลื่นความร้อน เกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ปี 1950 ขณะที่ปรากฏการณ์เกี่ยวกับความเย็นกลับเกิดน้อยลง และความรุนแรงลดลง
รายงานใหม่นี้ยังระบุชัดเจนว่า ภาวะโลกร้อนที่เราประสบมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างต่อระบบสนับสนุนตัวเองของโลกของเรา จนไม่อาจย้อนคืนดังเดิมได้ภายในระยะเวลาหลายร้อยหรือหลายพันปี มหาสมุทรจะยังคนอุ่นขึ้นและเป็นกรดมากขึ้น ธารน้ำแข็งบนภูเขาและเข้าโลกจะละลายต่อไปเป็นเวลาหลายสิบหรือหลายร้อยปีข้างหน้า
"ผลที่ตามมาเหล่านี้จะเลวร้ายลงตามความร้อนที่เพิ่มขึ้น" ศ.ฮอว์คินส์กล่าว "และผลกระทบหลายๆ อย่าง ไม่อาจกลับมาเป็นดังเพิ่มได้"
ในด้านของระดับน้ำทะเล นักวิทยาศาสตร์ได้จัดทำแบบจำลองสถานการณ์ที่ครอบคลุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกระดับ และพวกเขาไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่น้ำทะเลจะสูงขึ้นถึง 2 เมตรภายในสิ้นศตวรรษนี้ (ค.ศ. 2100) หรือเพิ่มขึ้น 5 เมตรภายในปี 2150 ได้ ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวจะทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ชายฝั่งภายในปี 2100 ส่งผลกระทบต่อคนนับล้านชีวิต

หัวข้อสำคัญอีกอย่างในรายงานฉบับนี้คือ การคาดการอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก และผลกระทบที่จะเกิดกับมนุษยชาติ โดยในปัจจุบัน เกือบทุกประเทศทั่วโลก ลงนามใน ?ความตกลงปารีสปี 2015? ซึ่งมีเป้าหมายที่จะคงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียสภายในศตวรรษนี้ และมุ่งมั่นจะคงอุณภูมิให้ต่ำกว่า 1.5 องศา
แต่รายงานใหม่ฉบับนี้ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์จัดทำแบบจำลองอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกภายใต้เงื่อนไขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุกสถานการณ์แล้ว พบว่า อุณหภูมิโลกจะแตะ 1.5 องศาภายในปี 2040 ในทุกสถานการณ์ และหากไม่มีการตัดลดการปล่อยก๊าซคาร์บอมจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่านั้นอีก
"เราจะเผชิญอุณหภูมิ +1.5 องศานานหลายปีเร็วขึ้นอีก เราเคยเจอมันมาแล้วนาน 2 เดือนระหว่างปรากฏการณ์ เอลนิโญ ในปี 2016" ศ.มอลเทอ เมนชูเซน จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ออสเตรเลีย และหนึ่งในผู้เขียนรายงานของ IPCC ระบุ "รายงานใหม่นี้คาดการณ์ว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในช่วงกลางปี 2034"
ผลที่ตามมาหลังอุณหภูมิโลกเพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียสคือ มนุษย์จะได้เห็นคลื่นความร้อนที่รุนแรงและเกิดถี่ขึ้น ฝนตกหนักขึ้นทั่วโลก และที่บางพื้นที่จะเผชิญภัยแล้งรุนแรงขึ้นกว่าที่เห็นในปัจจุบัน และอาจเกิดเหตุการณ์ที่ทวีปอาร์กติก เกือบจะไม่เหลือน้ำแข็งอยู่เลย อย่างน้อย 1 ครั้งก่อนถึงปี 2050
ทั้งนี้ นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติกล่าวว่า รายงานของ IPCC เปรียบเหมือน ?รหัสแดง? หรือสัญญาณฉุกเฉินต่อมนุษยชาติ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า สถานการณ์ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว หากเราสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกได้ 50% ภายในปี 2030 และถึงเป้าหมายที่ ศูนย์สุทธิ (net zero) ภายในปี 2050 เราจะสามารถหยุด หรืออาจลดอุณหภูมิที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นนี้ได้
อนึ่ง การไปให้ถึงเป้าหมายที่ศูนย์สุทธิ คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจำให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยใช้เทคโนโลยีสะอาด แล้วลดการปล่อยก๊าซที่เหลือด้วยเครื่องดักจับคาร์บอน หรือใช้พืชดูดซับ
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2162300
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|