ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 18-03-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


สึนามิไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากต้องเจอกับตัวเองจะต้องรับมืออย่างไร



จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวถึง 7.3 แมกนิจูด ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา มีการแจ้งเตือนภัยว่าอาจเกิดคลื่นยักษ์สึนามิตามพื้นที่บริเวณชายฝั่งได้ โดยล่าสุดเช้านี้ญี่ปุ่นได้ยกเลิกเตือนภัยสึนามิแล้ว ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ได้เกิดขึ้นที่บ้านเรา แต่ก็ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่เคยเกิดขึ้น และถ้าหากบังเอิญว่าต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ควรต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อป้องกันตนเองจากสึนามิ เรารวมข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์ข้อมูลข่าวสารกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มาให้ดังนี้

1. เมื่อรู้สึกว่ามีการสั่นไหวเกิดขึ้น ขณะที่อยู่ในทะเล หรือบริเวณชายฝั่ง ให้รีบออกจากบริเวณชายฝั่งไปยังบริเวณที่สูงทันที โดยไม่ต้องรอประกาศจากทางการ เพราะคลื่นสึนามิเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

2. เมื่อได้รับฟังประกาศจากทางการเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวบริเวณทะเลอันดามัน ให้เตรียมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดคลื่นสึนามิตามมาอย่างเร่งด่วน

3. สังเกตบริเวณชายฝั่ง หากทะเลมีการลดระดับของน้ำลงมาก หลังการเกิดแผ่นดินไหว ให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดคลื่นสึนามิตามมาได้ ให้รีบอพยพคนในครอบครัวและสัตว์เลี้ยงออกห่างจากฝั่งให้มากที่สุด และควรอยู่ในพื้นที่สูงที่น้ำท่วมไม่ถึง

4. ถ้าอยู่ในเรือซึ่งจอดอยู่ในท่าเรือหรืออ่าว ให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล เนื่องจากคลื่นสึนามิที่อยู่ไกลจากชายฝั่งมากๆ จะมีขนาดเล็ก

5. คลื่นสึนามิอาจเกิดขึ้นได้หลายระลอกจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งเดียว เนื่องจากมีการแกว่งไปมาของน้ำทะเล ดังนั้นควรรอสักระยะเวลาหนึ่งจึงสามารถลงไปชายหาดได้

6. ติดตามการเสนอข่าวของทางราชการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

7. อย่าลงไปในชายหาดเพื่อดูคลื่นสึนามิ เพราะเมื่อเห็นคลื่นแล้วก็ใกล้เกินกว่าจะหลบหนีได้ทัน

8. คลื่นสึนามิในบริเวณหนึ่ง อาจมีขนาดเล็ก แต่อีกบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อได้ยินข่าวการเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กในสถานที่หนึ่ง จงอย่าประมาท ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์

9. หากอยู่ที่โรงเรียน อย่าตื่นตระหนก ปฏิบัติตามคำแนะนำของครูอาจารย์ และไปรวมกับคนอื่นๆ บนพื้นที่สูง หรือที่ปลอดภัยอื่นๆ

10. หากอยู่ในรถ และอยู่ใกล้กับชายฝั่ง ให้หยุดรถแล้วออกจากรถทันที จากนั้นอพยพไปสู่พื้นที่สูง หรืออาคารสูงที่มั่นคง ไม่ควรหลบภัยในรถ


ผลกระทบจากคลื่นสึนามิ

หากเกิดสึนามิขึ้นจะส่งผลกระทบมากมายทั้งต่อผู้คนและทรัพย์สินอย่างมหาศาล ดังต่อไปนี้


ผลกระทบต่อผู้คน

- เสียชีวิตหรือสูญหาย

- บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น โดนไม้หรือสิ่งของกระแทก

- เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ หลังจากเกิดภัยสึนามิ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ โรคน้ำกัดเท้า

- สุขภาพจิตเสื่อม เนื่องจากการหวาดผวา หวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือความเศร้าโศกจากการสูญเสียบุคคลที่รักและทรัพย์สิน

- ขาดรายได้ เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้ หรือธุรกิจการค้าต่างๆ หยุดชะงัก ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ


ผลกระทบต่อทรัพย์สิน

- อาคารบ้านเรือน ร้านค้า โรงเรียน พื้นที่สาธารณสถาน และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

- การสื่อสารระบบโทรคมนาคมถูกตัดขาด ไฟฟ้า น้ำประปา ได้รับความเสียหาย

- แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลถูกทำลาย ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศชาติ


ผลกระทบจากคลื่นสึนามิที่จังหวัดพังงา ประเทศไทย เมื่อ 18 ปีก่อน

ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ประเทศไทยเคยพบกับเหตุการณ์สึนามิที่บริเวณ 6 จังหวัดภาคใต้ คือ จังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ระนอง และสตูล ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,400 คน บาดเจ็บกว่า 8,000 คน และสูญหายอีกจำนวนมาก ไม่รวมถึงความเสียหายด้านเศรษฐกิจและด้านสิ่งแวดล้อมอีกมหาศาล โดยเฉพาะประเทศไทยแล้ว สึนามิเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้ประสบเหตุไม่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์มาก่อน จึงไม่มีการเตรียมพร้อม ทำให้ต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

โดยเหตุการณ์สึนามิในครั้งนั้นเกิดจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในโลก ในรอบทศวรรษที่ 90 ในบริเวณทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ซึ่งวัดขนาดของแผ่นดินไหวได้ถึง 8.9 ริกเตอร์ ส่งผลให้เกิดภัยจากคลื่นสึนามิขึ้นที่ประเทศต่างๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย ไทย โซมาเลีย เมียนมา มัลดีฟส์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย แทนซาเนีย แอฟริกาใต้ บังกลาเทศ และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200,000 คน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสและใกล้เฉลิมฉลองปีใหม่ จึงทำให้มีผู้คนทั่วโลกเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ.


https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2343620


*********************************************************************************************************************************************************


ครึ่งศตวรรษแห่งการพิทักษ์คุ้มครองเต่าทะเล



เต่าตนุ (Green turtle) เป็นสัตว์ทะเลที่เคยถูกล่าอย่างกว้างขวางในแนวประการังอัลดาบรา อะทอลล์ (Aldabra Atoll) ตั้งอยู่ในหมู่เกาะอัลดาบรา ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะชั้นนอกของประเทศกลุ่มเกาะเซเชลส์ จนกระทั่งถูกห้ามล่า เต่าชนิดนี้ในปี 2511

ผลจากการสั่งห้ามล่าเต่าตนุในพื้นที่ดังกล่าวก็ทำให้เกิดความพยายามในการอนุรักษ์อย่างกว้างขวางมามากกว่า 50 ปี โดยนักวิจัยได้มีการติดตามตรวจ สอบการวางไข่ของเต่าตนุเป็นประจำทุกปี ล่าสุดทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ในอังกฤษ รายงานว่า การวางไข่ของเต่าตนุต่อปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากงานอนุรักษ์ที่จริงจังและกว้างขวาง ทีมพบว่าเต่าตนุวางไข่เพิ่มขึ้นจาก 2,000-3,000 ฟองต่อปีในช่วงปลายทศวรรษ 1960 และก็มาเป็นจำนวนมากกว่า 15,000 ฟองในปี 2562

จำนวนเต่าใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดถูกพบที่หาด Settle ment Beach บนเกาะพิคาร์ด ซึ่งเป็นเกาะหนึ่งในกลุ่มเกาะเซเชลส์ นักวิจัยเผยว่าจำนวนประชากรเต่าตนุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการคุ้มครองในระยะยาวที่ได้ผล อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องช่วยกันอนุรักษ์ติดตามกันต่อไปในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2342345

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม