ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
เวลามีเสียงหนวกหู โลมาต้องตะโกนดังกว่าเดิม และมันคงอยากบอกว่า "คุยกันไม่รู้เรื่องโว้ย" ................ Thairath Plus Nature Matter

- เมื่อโลมาเจอเสียงดังๆ ที่มาจากมนุษย์ โลมาต้องปรับพฤติกรรมการส่งเสียงของพวกมันเอง โดยต้องส่งเสียงดังขึ้น และยาวนานขึ้น
- การทดลองในโลมาที่ถูกฝึดมาอย่างดี ต้องสื่อสารกันเพื่อทำภารกิจร่วมกัน เมื่อมีเสียงดังรบกกวน โอกาสความสำเร็จของภารกิจนั้นจะลดลง
- ในชีวิตจริง โลมาตามธรรมชาติไม่ไ้ด้ถูกฝึกให้ทำงานร่วมกันอย่างเคร่งครัดเหมือนตัวที่ใช้ทดลอง และเมื่อเผชิญหน้ากับเสียงดังๆ อย่างเรือเดินสมุทรทุกวัน ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพในระดับประชากรได้
ไม่ใช่แค่มนุษย์ที่ต้องการความเงียบ เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างหูฟังแบบ noise canceling อาจช่วยชีวิตคุณจากเสียงดังได้ แต่กับสัตว์โลกอื่นๆ หูฟังตัดเสียงอาจไม่ใช่คำตอบ โลมาก็เช่นกัน และเมื่อมีเสียงดังๆ รบกวน ถ้ามีคิ้ว โลมาอาจคิ้วขมวด เพราะมันต้องตะโกนคุยกัน
"สองสามทศวรรษที่ผ่านมา มนุษย์สร้างเสียงต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมาก และมหาสมุทรก็ไม่ใช่พื้นที่ยกเว้นสำหรับมลพิษทางเสียง" เพอร์นิลล์ โซเรนเซน (Pernille S?rensen) จากสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยบริสตอล หัวหน้าทีมวิจัย บอกไว้แบบนั้น
"ยกตัวอย่างเช่น หากฝูงสัตว์ในป่ามีประสิทธิภาพในการหาอาหารร่วมกันน้อยลง สิ่งนี้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกมัน ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลต่อสุขภาพของประชากร" สเตฟานี คิง (Stephanie King) ผู้ร่วมวิจัย กล่าวเสริม
ทีมจากมหาวิทยาบริสตอล พยายามจะบอกว่า เมื่อโลมาเจอเสียงดังๆ ที่มาจากมนุษย์ แน่นอนว่าพวกมันไม่สามารถบอกให้เราลดเสียงลงได้ จึงต้องปรับพฤติกรรมการส่งเสียงของพวกมันเอง
เพื่อคลายความสงสัยและพิสูจน์สมมติฐาน ทีมได้เดินทางไปทำการทดลองที่ศูนย์วิจัยโลมา ฟลอริดา สหรัฐฯ โดยผู้ร่วมการทดลองคือ โลมาปากขวด (bottlenose dolphin) เพศผู้ 2 ตัว ที่ถูกฝึกมาอย่างดี คือ เดลตา กับ รีส ทั้งคู่ติดอุปกรณ์ตรวจวัดเสียงและการเคลื่อนไหวไว้บนหลัง โดยภารกิจที่พวกมันต้องทำร่วมกันคือกดปุ่มในตำแหน่งต่างๆ ภายในเวลาที่ครูฝึกกำหนด
สถานการณ์ที่โลมาต้องทำงานแบ่งเป็น เสียงเบา เสียงปานกลาง เสียงดัง และเสียงดังมากๆ โดยทำการทดลอง 40 ครั้งในแต่ละระดับเสียง
ทีมทดลองบอกว่า "เรารู้จากการศึกษาก่อนหน้านี้ว่ามลพิษทางเสียงส่งผลกระทบต่อสัตว์ แต่จากการศึกษานี้สิ่งที่เราทำเป็นครั้งแรก เพื่อดูว่าเสียงส่งผลต่อการทำงานร่วมกันของสัตว์อย่างไร"
ผลคือ ทุกระดับเสียงจากปัจจัยภายนอกที่ดังขึ้น โลมาจะต้องส่งเสียงดังขึ้นและนานขึ้น โดยเสียงรบกวนที่ดังขึ้น 1 เดซิเบล ทำให้เดลตาร้องดังขึ้น 0.14 เดซิเบล นานกว่าเดิม 7.2 มิลลิวินาที ส่วนรีสดังขึ้น 0.08 เดซิเบล นานกว่าเดิม 2.8 มิลลิวินาที
และในเสียงระดับสูงมากๆ 150 เดซิเบล พวกมันต้องส่งเสียงดังขึ้นเกือบ 2 เท่า ที่สำคัญคือ ความสำเร็จของภารกิจที่ต้องทำร่วมกันลดลงจาก 85 เปอร์เซ็นต์เหลือ 62.5 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ รีสและเดลตายังพยายามว่ายไปไกลๆ สุดขอบบ่อ และเข้าใกล้กันมากขึ้น แต่ก็ยังไม่แน่ว่า การกระทำเช่นนั้นของมันคือตะโกนใกล้ๆ กันเพื่อให้อีกฝ่ายฟังรู้เรื่องมากขึ้นจริงหรือไม่
โซเรนเซน กล่าวว่า แม้จะพยายามตะโกนแล้ว แต่พวกมันก็พบกับความล้มเหลวในการสื่อสาร "แม้พวกมันจะรู้จักการทำงานร่วมกันในภารกิจนี้เป็นอย่างดี แต่เสียงดังๆ ก็บั่นทอนการสื่อสารและประสานงานเพื่อปิดจ็อบให้สำเร็จ"
งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Current Biology สรุปถึงความน่ากังวลหากโลมาสื่อสารกันไม่รู้เรื่องว่า เมื่อเจอเสียงรบกวน พวกมันจะไม่สามารถสื่อสารกับเพื่อนที่ออกหาอาหารด้วยกัน แล้วก็จะเกิดความผิดพลาด ส่งผลระยะยาวต่อประชากร
ไม่ใช่แค่โลมาเท่านั้น ที่ต้องเผชิญปัญหานี้ สัตว์ทะเลหลายชนิดที่ใช้เสียงหาตำแหน่งก็ถูกรบกวนเหมือนกัน เพราะมลพิษทางเสียงในมหาสมุทรมีมหาศาล ทั้งการสำรวจก๊าซธรรมชาติ การก่อสร้าง การขุดเจาะ โดยเฉพาะเสียงจากเรือสินค้าขนาดใหญ่สามารถดังได้ถึง 200 เดซิเบล
หากย้อนไปดูการทดลอง ขนาดเดลตาและรีสที่ถูกฝึกมาอย่างดียังพลาด โลมาตามธรรมชาติอาจจะพลาดมากกว่านี้ในชีวิตจริงก็ได้
https://plus.thairath.co.th/topic/naturematter/102680
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|