ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 25-10-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,501
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


นักท่องเที่ยวธรรมชาติเศร้า "ป่าชายเลน บางกะจะ จันทบุรี" กำลังถูกทำลายไปเรื่อยๆ หวั่นวันนึงจะไม่เหลือ


ภาพ: SUPscribe Chanthaburi (ปัจจุบัน พื้นที่ป่าบางส่วนในภาพนี้ถูกโค่นไปแล้ว)


เป็นข่าวไม่สู้ดีนักสำหรับนักท่องเที่ยวสายรักธรรมชาติและถวิลหาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เมื่อผู้ประกอบการพายซับบอร์ด ?ป่าชายเลน คลองบางกะจะ? เมืองจันทบุรี อัปเดทข้อมูลว่า ผืนป่าชายเลนที่เคยอุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันกำลังถูกทำลายไปเรื่อยๆ จากการเติบโตของเมือง หวั่นในอนาคตป่าชายเลนธรรมชาติของเมืองจันทบุรีจะไม่มีหลงเหลืออยู่

เมื่อวานนี้ (23 ต.ค.66) กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวพายซับบอร์ด "SUPscribe Chanthaburi" ซึ่งดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เรียนรู้ธรรมชาติ ผ่านรูปแบบพายซับบอร์ดไปชมระบบนิเวศในคลองบางกะจะ อำเภอเมืองจันทบุรี และยังเป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวพายซับ ที่แนะนำโดย ททท.สำนักงานจันทบุรี

โดยกลุ่มฯ ได้โพสต์ข้อมูลผ่านแฟนเพจ SUPscribe Chanthaburi แสดงความเสียใจและกังวลกับสถานการณ์พื้นที่ป่าชายเลนของบ้านบางกะจะ ซึ่งเป็นป่าชายเลนโบราณอันมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ในอำเภอเมืองจันทบุรี ว่าปัจจุบันพื้นที่ป่าชายเลนถูกบุกรุกทำลายหายไปเรื่อยๆ

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากทางกลุ่ม ได้อธิบายว่า ทางกลุ่มได้ออกไปพายซับบอร์ดกับนักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ จึงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของหลายพื้นที่ของป่าชายเลนบางกะจะ ที่มีการออกโฉนดที่ดิน ทำให้เกิดการก่อสร้างพื้นที่อยู่อาศัยตามมา ทั้งในปัจจุบันซึ่งมีการถางป่าออกไปแล้ว รวมทั้งในอนาคตที่เริ่มมีการประกาศขายที่ดิน ซึ่งจะกระทบกับป่าชายเลนธรรมชาติอีกเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ กลุ่ม SUPscribe Chanthaburi ได้โพสต์ข้อความกับรูปถ่ายผ่านทางแฟนเพจ (ปัจจุบัน ป่าบางส่วนที่ปรากฏในภาพถ่ายถูกทำลายไปแล้ว) โดยระบุว่า

เราทำท่องเที่ยว พาย SUP.. ในคลองบางกะจะ จันทบุรี มา 4 ปีแล้ว
และพยายามรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด
อยู่ในป่าชายเลน เหมือนเป็นบ้าน รู้ว่าป่าชายเลน มีประโยชน์ มากเพียงไร
ถึงแม้จะไม่ได้ทำท่องเที่ยว ในเส้นทางนี้ก็ตาม
..
อย่างที่เคยเล่าให้ฟัง
ยิ่งทำไป ป่าชายเลนยิ่งหายไป หายไป และอนาคตไม่ไกล คงหมดไปจริงๆ
หลายเหตุการณ์ ได้ทำลายพื้นที่ป่าชายเลน ทำลายสมดุลธรรมชาติ ตัด โค่น ไถ ถม
ทิ้งขยะ ปล่อยน้ำเสียกันโดยไม่รู้เท่าทัน
อีกไม่นาน ก็คงจะไม่มีป่าชายเลนธรรมชาติหลงเหลืออยู่

เราพายไป ถ่ายภาพไป ให้ลูกค้ายิ้ม
แต่ในใจ คือนั่งร้องไห้ในป่า..
และแอบอิจฉาทุกที่ ที่ยังคงรักษาป่าชายเลนเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
..

ภาพในป่าชายเลนที่ถ่ายไว้มากมาย มันไม่มีทางสวยงาม มีคุณค่ามากไปกว่า..
การที่ชาวบ้านได้ปู ได้ปลา ได้อาหารปลอดภัย ได้ทำมาหากิน ในลำคลอง
ในป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์
ในบ้านของเขาเอง
..
เราคิดอย่างนั้น
..
23 10 2023
เรายอมเสียดินแดน
ให้ได้ เมืองจันทบุรีกลับมา
เพื่ออะไรกันหรือครับ.....


https://mgronline.com/travel/detail/9660000095429


******************************************************************************************************


"ภูเก็ต" ชูเอกลักษณ์ไทย ติดตั้งบ้านปะการังเทียมรูปช้าง เกาะราชาใหญ่ ในโครงการ "THE ONE FOR NATURE"


บ้านปะการังเทียมรูปช้าง เกาะราชาใหญ่ จ.ภูเก็ต

ททท.จับมือจังหวัดภูเก็ต และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชูเอกลักษณ์ไทย ร่วมกันติดตั้งบ้านปะการังเทียมทำจากขยะรีไซเคิลเป็นรูปช้าง 6 เชือก ลงสู่ใต้ทะเลอ่าวทือ เกาะราชาใหญ่ ในโครงการ "THE ONE FOR NATURE" เพื่อเป็นจุดท่องเที่ยว-ดำน้ำใต้ทะเลแห่งใหม่ของภูเก็ต ภายใต้แนวคิด ?Travel with Responsibility in Thailand? ดึงต่างชาติเที่ยวไทยเชิงอนุรักษ์ พร้อมฟื้นฟูแนวปะการังคืนความยั่งยืนสู่ท้องทะเลไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผนึกกำลัง จังหวัดภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ บริษัท ซีแพค กรีน โซลูชั่น จำกัด เครือซิเมนต์ไทย (เอสซีจี) จัดโครงการ "THE ONE FOR NATURE" ยิ่งเที่ยวยิ่งรักษ์ ครั้งที่ 2 เพื่อรณรงค์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Responsible Tourism) ภายใต้ แบรนด์ Amazing Thailand เชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใส่ใจต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ผ่านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในไทย

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเปิดเผยถึงวัตถุประสงค์การจัดโครงการ "THE ONE FOR NATURE" ยิ่งเที่ยวยิ่งรักษ์ ครั้งที่ 2 ว่า การกลับมาของโครงการ "THE ONE FOR NATURE" ยิ่งเที่ยวยิ่งรักษ์ ครั้งที่ 2 นี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ ททท.ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน โดยเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มคุณภาพให้เข้ามาเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยในรูปแบบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตามแนวคิด "Travel with Responsibility in Thailand" พร้อมสร้างจิตสำนึกให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ (Travel with Care) เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งในการดูแล อนุรักษ์ และรักษาสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ (Quality Leisure Destination) อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2566 - กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ททท. ได้ประชาสัมพันธ์โครงการฯ ผ่านกิจกรรมออนไลน์ช่องทาง www.tourismthailand.org/theonefornature และสื่อออนไลน์ทั่วโลก ซึ่งสามารถสร้างยอดการรับรู้ได้สูงถึงกว่า 10 ล้านคน-ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 เดือน

พร้อมกันนี้ ททท. ยังจัดกิจกรรม On Ground ประชาสัมพันธ์โครงการฯ ผ่านกิจกรรมการคัดแยกขยะเพื่อให้สามารถนำขยะไปรีไซเคิล และนำกลับมาใช้ใหม่ ณ สถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ได้แก่ แหลมบาลีฮาย จังหวัดชลบุรี ถนนคนเดินวัวลายและถนนคนเดินประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ และถนนคนเดินหลาดใหญ่ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ด้านนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การดำเนินการเชิงรุกของ ททท. ผ่านโครงการ "THE ONE FOR NATURE" ยิ่งเที่ยวยิ่งรักษ์นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการช่วยพลิกฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศให้กลับมาเติบโตอย่างยั่งยืน โดยอาศัยการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เข้ามาขับเคลื่อนเพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีในการท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลายและแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ ดังนั้น การปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์สมบัติทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต และธรรมชาติ อย่างเหมาะสมในทุกภาคส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง หากเราเดินหน้าเชิงรุกอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยสร้างแรงกระตุ้นอย่างต่อเนื่องทั้งฝั่งอุปสงค์และอุปทานให้ตระหนักถึงรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ และดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพให้มาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในจังหวัดภูเก็ต แต่กระจายสู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ อันจะเป็นผลดีต่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจภาพรวม

โครงการ "THE ONE FOR NATURE" ยิ่งเที่ยวยิ่งรักษ์ ครั้งที่ 2 มีไฮไลต์ คือ กิจกรรมปลูกปะการังเทียม จากขยะรีไซเคิล โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สนับสนุนดูแลพื้นที่จัดตั้งบ้านปะการังเทียม และภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท ซีแพค กรีน โซลูชั่น จำกัด ในธุรกิจซิเมนต์ เครือซิเมนต์ไทย หรือ เอสซีจี สนับสนุนการผลิตบ้านปะการังเทียมที่มีการออกแบบเอกลักษณ์ความเป็นไทย รูปช้าง 6 เชือก จากนวัตกรรม 3D printing และซีเมนต์ที่ได้รับการรับรองว่าสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งสัตว์น้ำสามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยและเพาะพันธุ์ตามระบบนิเวศทางธรรมชาติได้จริง รวมถึงได้รับความร่วมมือจากโรงแรมเดอะราชา และกลุ่มนักประดาน้ำมืออาชีพอาสาสมัคร ในนาม Racha master diver อาสาดำเนินการติดตั้งบ้านปะการังดังกล่าว ลงสู่ใต้ทะเลอ่าวทือ เกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต ในครั้งนี้

สำหรับจังหวัดภูเก็ต เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดดเด่นด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ วัฒนธรรมอาหารพื้นเมืองและเทศกาลประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวที่มีนัยยะสำคัญต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก จังหวัดภูเก็ตจึงได้ต่อยอดจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว อาทิ กิจกรรมดำน้ำเก็บขยะ ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนจากความตื่นตัวต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วนในจังหวัดที่ได้นำแผนพัฒนาด้านต่าง ๆ เข้ามาใช้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในพื้นที่ อาทิ การส่งเสริมการใช้รถสาธารณะ Smart Bus รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) เพื่อรับส่งนักท่องเที่ยวจากสนามบินไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารจัดการพื้นที่และความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ รวมทั้งการจัดโครงการ "THE ONE FOR NATURE" ยิ่งเที่ยวยิ่งรักษ์ ของ ททท. ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ จังหวัดภูเก็ต ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมยกระดับสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศของโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป


https://mgronline.com/travel/detail/9660000095573

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม