ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 24-11-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


สหรัฐฯ เร่งหาจุดรั่ว หลังน้ำมันมหาศาลรั่วไหลลงอ่าวเม็กซิโก



ทางการสหรัฐฯ เร่งค้นหาจุดรั่วไหล หลังพบน้ำมันมากถึง 1.1 ล้านแกลลอนรั่วไหลในทะเลที่อ่าวเม็กซิโก ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากรอยรั่วของระบบท่อส่งน้ำมันจากชายฝั่งตะวันออกของรัฐลุยเซียนา

พบน้ำมันมากถึง 1.1 ล้านแกลลอนรั่วไหลในทะเลที่อ่าวเม็กซิโก ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากรอยรั่วของระบบท่อส่งน้ำมันจากชายฝั่งตะวันออกของรัฐลุยเซียนา

หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯระดมกำลังค้นหาจุดรั่วไหลของน้ำมัน หลังพบคราบน้ำมันมากกว่า 1.1 ล้านแกลลอนปนเปื้อนอยู่ในทะเลบริเวณอ่าวเม็กซิโก โดยคาดว่าน่าจะเกิดจากรอยรั่วของระบบท่อส่งน้ำมันจากชายฝั่งตะวันออกของรัฐลุยเซียนา ซึ่งแม้ว่าล่าสุดมีการปิดท่อส่งดังกล่าวที่มีความยาวถึง 107 กิโลเมตรไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังคงเดินหน้าค้นหาจุดรั่วไหลที่แท้จริง เพื่อจะหาสาเหตุ และเร่งซ่อมแซมต่อไป

ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลงข่าว หน่วยยามฝั่งยังคงยืนยันว่า ยังไม่มีน้ำมันลอยไปถึงฝั่งแต่อย่างใด ส่วนจะมีผลกระทบต่อสัตว์ทะเลหรือไม่นั้นยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ โดยคาดว่าปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลอาจจะมากกว่าที่คาดไว้

ด้านองค์การบริหารปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า พบนกเพลิแกน 2 ตัวถูกน้ำมันปกคลุมขนนอกชายฝั่งของลุยเซียนาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่มันยังคงสามารถเคลื่อนไหวและบินได้อยู่ แต่คาดว่าผลกระทบที่ตามมาต่อสัตว์ทะเลอื่นๆ อาจจะเกิดขึ้นเป็นวงกว้างได้

เคลลี เดนนิ่ง ผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งนิวออร์ลีนส์ระบุว่าเหตุน้ำมันที่รั่วไหลครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางกระแสลมแรงในอ่าว ซึ่งยิ่งทำให้น้ำมันแตกตัว และกระจายตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงมองเห็นรอยมันวาวของน้ำมัน และกำลังเร่งดำเนินการทำความสะอาด

สำหรับท่อส่งน้ำมันที่เกิดปัญหาครั้งนี้ เป็นของบริษัท เมน พาส ออยล์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเธิร์ด โคสต์ อินฟราสตรัคเจอร์ LLC ที่มีฐานอยู่ในเมืองฮุสตัน แต่หลังจากเกิดเหตุทางบริษัทยังไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ ต่อเรื่องนี้.

ที่มา : ABC


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2742589


******************************************************************************************************


น้ำแข็งละลายขั้วโลกเหนือวิกฤติ



จากการที่ประเทศไทยส่งนักวิจัยไทยไปที่อาร์กติก (ขั้วโลกเหนือ) กับประเทศจีน ภายใต้โครงการวิจัยขั้วโลกตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้แก่ ดร.สุจารี บุรีกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายอานุภาพ พานิชผล นักวิจัยจากสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ เป็นเวลา 3 เดือน และได้กลับสู่ประเทศไทยแล้วนั้น

ดร.สุจารีกล่าวว่า คณะนักวิจัยเดินทางโดยเรือตัดน้ำแข็ง "ซูหลง 2" ของประเทศจีน ซึ่งในปีนี้ เป็นปีแรกที่คณะสำรวจของประเทศจีนสามารถเดินทางไปถึงจุดที่เป็นขั้วโลกเหนือ ณ ละติจูด 90 องศาได้สำเร็จ แสดงให้เห็นว่าน้ำแข็งขั้วโลกบางลงกว่าปีก่อนๆมาก เนื่องจากน้ำแข็งที่หายไปสามารถคืนกลับมาได้น้อยลง ทำให้เรือตัดน้ำแข็งสามารถเดินทางเข้าไปสู่จุดที่เป็นขั้วโลกเหนือได้ไม่ยากนัก ในระหว่างการเดินทาง นักวิจัยจากประเทศจีน รัสเซีย และไทย ได้ร่วมกันสำรวจวิจัยทางสมุทรศาสตร์ เพื่อศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ขั้วโลกเหนือ โดยการเก็บตัวอย่างคุณภาพน้ำทะเล ดินตะกอน แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ และสัตว์ทะเลบางชนิด เพื่อตรวจติดตามการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตในปัจจุบันเปรียบเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา

นายอานุภาพกล่าวว่า การละลายของน้ำแข็งขั้วโลกเหนือมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นทุกปี ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ความหนาของน้ำแข็งใหม่ในรอบปีมีความหนาที่ลดลง ส่วนเรื่องของมลพิษในทะเล เช่น การสะสมของไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในน้ำทะเลและในอากาศบริเวณมหาสมุทรอาร์กติก ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ด้าน ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ รอง ผอ.สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ กล่าวว่า เดือน ม.ค.2567 จะ ส่งนักวิจัย 2 คน ได้แก่ สพ.ญ.ดร.คมเคียว พิณพิมาย จากสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ และ รศ.ดร.ภศิชา ไชยแก้ว จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เดินทางไปพร้อมกับคณะสำรวจแอนตาร์กติกรุ่นที่ 40 ของประเทศจีน เพื่อสำรวจที่แอนตาร์กติก (ขั้วโลกใต้) ต่อไป.


https://www.thairath.co.th/news/local/2742805

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม