ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-01-2024
เด็กน้อย เด็กน้อย is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: Aug 2009
ข้อความ: 263
Default

ขอบคุณข่าวจาก GreenNews

เผย ?โรงไฟฟ้า-โรงกลั่น-อุตสาหกรรม แหล่งมลพิษสำคัญฝุ่นกรุง?

?ฝุ่นกรุง ปัญหาใหญ่กว่าที่คิด-ยังไม่ถูกพูดถึง? 3 องค์กรสิ่งแวดล้อมจัดเวทีเปิดข้อมูล ชี้ ?3 โรงไฟฟ้า-โรงกลั่น ปล่อยกว่า 9 แสนตันคาร์บอนต่อปี-กำลังจะขยายกำลังผลิต? ขณะฝุ่นอุตสาหกรรมเป็นอีกแหล่งกำเนิดหลัก-ปล่อย 4 กลุ่มสารเคมีอันตราย เสี่ยงต่อสุขภาพคนกรุง เสนอ ?5 มาตรการระยะสั้น ? 6 มาตรการระยะยาว?

ขณะสถานการณฺ์ฝุ่นวันนี้ ค่าฝุ่นในพื้นที่ตอนกลางประเทศ (กทม.-ปริฯ-ภาคกลาง-ภาคตะวันตก-ภาคตะวันออก) ยังอยู่ระดับ ?เริ่มมีผลต่อสุขภาพ? แนวโน้มแย่ต่ออีกหลายวัน ผู้เชี่ยวชาญคาดทิศลมจะหอบมลพิษขึ้นเหนือ ใน 2 วัน

เครือข่ายฝุ่นเหนือชวนจับตาผลพิพากษาพรุ่งนี้ (19 ม.ค. 2567) ?คดีฝุ่นเชียงใหม่?



ฝุ่นกรุง ปัญหาใหญ่กว่าที่คิด-ยังไม่ถูกพูดถึง

?ปัญหาฝุ่นใหญ่กว่าที่คิด ไม่ได้มีเท่าที่เราเห็นกัน มันยังมีสาเหตุที่เราไม่เห็น และก้าวข้ามมันไป เพราะฉะนั้นในการจัดการปัญหาเราจึงมักไปจัดการในระดับปลายทาง เช่น ไปควบคุมเรื่องการใช้รถ สนับสนุนให้ใช้รถไฟฟ้า ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่ยังไม่ทั้งหมด มันยังมีแหล่งการปล่อยใหญ่ ที่เราต้องจัดการไม่อย่างนั้นปัญหาฝุ่นจะไม่หมดไป?

กฤษฎา บุญชัย ผู้ประสานงานเครือข่าย Thai Climate Justice for All (TCJA) เปิดเผยวันนี้ (18 ม.ค. 2567) ในเวทีเสวนา ?ปัญหาฝุ่น กทม.มีสาเหตุใหญ่กว่าที่คาด? ซึ่งจัดโดย มูลนิธิบูรณะนิเวศ เครือข่ายพลังงานเพื่อนิเวศวิทยาแม่น้ำโขง (MEENet) Thai Climate Justice for ALL (TCJA) สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (LDI) มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLaw) และกรีนพีซประเทศไทย (Greenpeace Thailand)

?ถ้าเราเปิดดูแผนที่จะเห็นว่าที่ที่มีฝุ่นหนาแน่นจะอยู่ที่ กทม. และปริมณฑล ลามไปยังจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งถ้าเราพูดถึงวิกฤตฝุ่น PM2.5 ในกทม. เราจะมุ่งเป้าไปที่การจราจรเป็นหลัก แต่แหล่งกำเนิดของฝุ่นพิษ PM2.5 ขนาดใหญ่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล คือ โรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ และโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่? กฤษฎา กล่าว



3 โรงไฟฟ้า-โรงกลั่น ปล่อยกว่า 9 แสนตันคาร์บอนต่อปี-กำลังจะขยายกำลังผลิต

?ผมจะขอยกตัวอย่าง 3 แห่งคือ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก

โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ ตั้งอยู่นอก กทม. ตรงขอบพอดี โรงกลั่นน้ำมันบางจากซึ่งเป็นโรงกลั่นแบบ Complex Refinery ก่อตั้งเมื่อปี 2527 กําลังการผลิตสูงสุด 120,000 บาร์เรลต่อวัน เว็บไซต์ของโรงกลั่นระบุว่า ใน 1 ปี จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์สู่ชั้นบรรยากาศ 9 แสนตัน

โรงไฟฟ้าพระนครใต้ กำลังผลิต 1,930 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมี 2 โรง กำลังดำเนินการสร้างโรงใหม่ 3 โรง โรงละ 830 เมกะวัตต์ ทำงการศึกษา EIA และ EHIA เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากที่ผมดูไม่มีการกำหนดเกี่ยวกับการจัดการวิกฤต PM2.5 เลย ไม่บอกเลยว่า ถ้าจะสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเข้ามาจะต้องมีมาตรการป้องกัน PM2.5 อย่างไร

นอกจากนั้นถ้ามีการสร้างโรงใหม่เพิ่ม โรงไฟฟ้าพระนครใต้จะมีกำลังผลิตรวมกัน 4,519.4 เมกะวัตต์ 2 เท่าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ทีนี้ 3 โรงที่จะสร้างใหม่ จะต้องใช้แก๊สธรรมชาติวันละ 347 ล้านลูกบาศ์กฟุตต่อวัน จะมีการปล่อยฝุ่นละอองออกมาจากแต่ละปล่องวันละ 978 กก. 3 ปล่องจะเป็น 2.936 กก.ต่อวัน

ใน 1 วัน มีการปล่อยฝุ่นละออกอกมาเกือบ 3 พัน กก. แล้วถ้ารวมกับที่สร้างเสร็จแล้วเป็น 5 ปล่อง คาดว่าจะมีการปล่อยฝุ่นละอองออกสู่บรรยากาศจากโรงไฟฟ้านี้ถึง 4.6 ตันต่อวัน และถ้าแยกออกมาดูจะพบว่าจะมีการปล่อยไนโตรเจนออกไซต์ออกมา 6.4 ตันต่อวัน

ซึ่งตามมาตรฐานของเกาหลีเมื่อปี 2020 มาตรฐานความเข้มข้นไนโตรเจนออกไซต์ที่ปล่อยออกมาจะต้องไม่เกิน 10 ส่วนในล้านส่วน แต่มาตรฐานของเราอยู่ที่ 120 ส่วนในล้านส่วน มากกว่าเขาถึง 12 เท่า

เกาหลีเขาพบว่าคนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรอันเนื่องมาจากโรงไฟฟ้าที่จะสร้างใหม่พบว่า 80% มาจาก NO 20% มาจากฝุ่น PM2.5? วิฑูรย์ กล่าวต่อว่า สำหรับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติพระนครเหนือปัจจุบันมี 2 โรง กำลังผลิต 1,645 เมกะวัตต์ แลูกำลังก่อสร้างอีก 2 โรง 1,400

นอกจากนั้น ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับปัจจุบัน กำหนดไว้ว่า กทม. เขตนครหลวงจะต้องมีโรงผลิตไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทั้งหมด 11,183 เมกะวัตต์ ปัจจุบันยังขาดอยู่อีกกว่า 700 เมกะวัตต์ และยังไม่ระบุว่าจะสร้างที่ไหนใน กทม.

?ผมมีคำถามว่าเราจะยอมให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าใน กทม. เพิ่มขึ้นอีกหรือ แล้วทำไมเราถึงต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มในกทม. และทำไมต้องเป็นโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล? วิฑูรย์ กล่าว



ฝุ่นอุตสาหกรรม อีกแหล่งกำเนิดหลักฝุ่นกรุง

?จากการศึกษาเกี่ยวกับการมลพิษทางอากาศของมูลนิธิบูรณะนิเวศในจังหวัดสมุทรสาครเมื่อปี 2564 พบว่า พื้นที่ที่มีการปล่อย PM2.5 และ PM10 มากที่สุดอยู่ที่ อ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมหนาแน่น ปล่อย PM10 กว่า 70,000 ตันต่อปี และ PM2.5 44,000 ตันต่อปี และถ้ารวมทั้งจังหวัด PM10 จะอยู่ที่ 76,000 ตันต่อปี และ PM2.5 46,000 ตันต่อปี

ซึ่งภาคอุตสาหกรรมเป็นแหล่งกำเนิดหลักของมลพิษในจังหวัดเมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งกำเนิดจากภาคอื่น ๆ เช่น การจราจรและการขนส่ง การเผาขยะมูลฝอย (ปล่อย PM2.5 64 ตันต่อปี PM10 196 ตันต่อปี) และการเผาในที่โล่ง (ปล่อย PM2.5 37 ตันต่อปี PM10 42 ตันต่อปี)

ทุกคนรู้ดีว่า จ.สมุทรสาคร รถติด รถหนาแน่นมาก และมีฝุ่นเยอะ แต่ถ้ามาเทียบกันระหว่างภาคจราจร กับภาคอุตสาหกรรมจะเห็นเลยว่า ภาคอุตสาหกรรมปล่อยมลพิษมากกว่าชัดเจน

นอกจากข้อมูลจำนวนโรงงานในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล โดยอ้างอิงข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรมเมื่อปี 2560 พบว่ามีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรม 13,272 แห่ง ที่ก่อมลพิษทางอากาศ? เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าว

ฝุ่นอุตสาหกรรม ? ปล่อย 4 กลุ่มสารเคมีอันตราย

?ฝุ่นที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมหลัก ๆ จะเกิดจากการเผาไหม้ในกระบวนการผลิตที่ต้องใช้ความร้อน โดยจะเกี่ยวข้องกับวัตถุดิบที่ใช้ ซึ่งส่วนมากเป็นสารเคมี

สารอันตรายหลัก ๆ ที่อยู่ในฝุ่นที่มาจากภาคอุตสาหกรรม กลุ่มแรกจะเป็นก๊าซออกไซต์ของไนโตรเจน 2. โลหะหนัก ซึ่งมีหลายตัวที่อันตรายเช่นสารหนู ปรอท ที่เป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งโลหะหนักก็จะถูกปล่อยออกมากจากเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ด้วยเช่นกัน 3. ไดออกซิน/ฟิวแรน ซึ่งอยู่ได้นานในสิ่งแวดล้อม 4. สารอินทรีย์ระเหยง่าย

มูลนิธิบูรณะนิเวศ ยังได้ศึกษาเกี่ยวกับสารโลหะหนักในฝุ่นละออง PM2.5 และสารมลพิษตกค้างยาวนาน หรือสาร POPs ในฝุ่นละอองรวมในบรรยากาศ ใน จ.สมุทรสาคร พบว่ามีการปนเปื้อนของสารมลพิษอันตรายทั้งโลหะหนัก และสารมลพิษตกค้างยาวนานหลายจุดในจังหวัดที่เกินค่ามาตรฐานความปลอดภัยที่แคนาดา และญี่ปุ่นกำหนดไว้ อีกทั้งยังสูงกว่าผลการวิเคราะห์ปริมาณสารไดออกซินในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2555 มากกว่า 45 เท่า? เพ็ญโฉม กล่าว

เพ็ญโฉม กล่าวถึงปัญหาอีกเรื่องหนึ่งในปัจจุบันก็คือ การไม่มีค่ามาตรฐานควบคุมปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ปลายปล่องสำหรับโรงงานอุสหาหกรรม ซึ่งทำให้ไม่สามารถรู้แน่ชัดว่าสารแต่ละตัวถูกปล่อยออกมามีปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งในอนาคตถ้ามีการบังคับกฎหมาย PRTR จะสามารถให้ความชัดเจน และแก้ปัญหาให้เรื่องนี้ได้

?ไนโตรเจนไดออกไซต์ หรือออกไซต์ของไนโตรเจน สามารถโยงกับเรื่องฝุ่นที่เราเจอกัน มีการศึกษาทั่วโลกว่าคนที่ป่วยด้วยโรคจากมลพิษทางอากาศ ผลกระทบที่เกิดจากการสัมผัสมลพิษไนโตรเจนไดออกไซต์ในประเทศต่าง 2543 ? 2562 มีผู้ป่วยโรคหืดหอบ รายใหม่เกือบ 2 ล้าน เป็นผลกระทบโดยตรงจากไนโตรเจนไดออกไซต์ ส่วนใหญ่เป็นคนอยู่ในเขตเมือง ซั่งตัวไนโตรเจนตรงนี้เป็นคู่หูวายร้ายที่มากับฝุ่น PM2.5? ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซ ประเทศไทย เปิดเผยอีกหนึ่งความอันตรายของไนโตรเจนไดออกไซต์



ข้อเสนอ ?5 มาตรการระยะสั้น?

?กทม. ปริมณฑล มีแหล่งกำเนิดมลพิษหลายแห่ง แต่ไนโตรเจนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากแหล่งกำเนิดอย่างโรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิลนั้น มีศักยภาพสูงในการก่อตัวของมลพิษขั้นทุติยภูมิ รวมถึงฝุ่นพิษ PM2.5 ในบรรยากาศของ กทม. และปริมณฑล แต่ยังไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก แม้กระทั่งร่างพรบ. อากาศสะอาดก็ไม่ค่อยพูดถึงมากนัก ดังนั้นถ้าในอนาคตคณะกรรมวิสามัญร่างพรบ.อากาศสะอาดที่จะเอาททั้ง 7 ร่างมารวมกัน จะต้องนำส่วนนี้เข้ามาคิดรวมด้วย? ธารา กล่าว

เพ็ญโฉม กล่าวว่าสำหรับ มาตรการเฉพาะโรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า ในเขตกทม. และปริมณฑล นั้นจะต้องวางแผนการเดินเครื่อง และการซ่อมบำรุงประจำปีให้สอดคล้องกับการคาดการณ์สภาพอากาศ เช่น การหยุดซ่อมบำรุงประจำปี 45 วัน เป็นช่วงเดียวกับที่เกิดวิกฤตฝุ่น รวมทั้งต้องติดตั้งเทคโนโลยีระบบกรองก่อนปล่อยไอเสียของโรงไฟฟ้าออกสู่บรรยากาศ

?มูลนิธิบูรณะนิเวศ เครือข่ายพลังงานเพื่อนิเวศวิทยาแม่น้ำโขง สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม และกรีนพีซประเทศไทย มีข้อเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐ กับมาตรการในการจัดการแหล่งปล่อย PM2.5 รายใหญ่ โดยแบ่งเป็น 3 ระยะสั้นและระยะยาว

โดยมาตรการระยะสั้น เพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษ มีดังนี้

1. รัฐบาล และรัฐสภาจะต้อง ผ่าน (ร่าง) พระราชบัญญัติการรายงาน และเปิดเผยข้อมูลการปล่อย และเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ?.. (PRTR)

2. ตรวจสอบระบบบำบัดอากาศเสีย และปริมาณการปล่อยอากาศเสียของโรงงานอุตสาหกรรมในกทม. และปริมณฑล

3. กำกับโรงกลั่น โรงไฟฟ้าให้ลดหรืองดการเดินเครื่องในช่วงวิกฤตฝุ่น

4. ระบบตรวจวัด PM ทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพ ควรสุ่มตรวจได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ปีละ 2 ครั้งตามที่กำหนดเวลา และมาตรฐานทั่วไปไว้ใน EIA ซึ่งเป็นการวัดบริเวณปากปล่อง และเป็นช่วงเวลาตายตัวไม่ตรงกับช่วงวิกฤต

5. ให้ชะลอ และทบทวนโครงการการก่อสร้างส่วนต่อขยาย เพิ่มกำลังผลิตหรือทดแทนกำลังผลิตเดิมที่หมดอายุ ในบริเวณเดิม หรือในเขต กทม. และปริมณฑล อนึ่งการทำ EIA และ HEIA ของโครงการพระนครใต้ไม่ได้อยู่ในบริบทที่มีวิกฤต PM2.5 แต่อย่างใดเลย
ข้อเสนอ ?6 มาตรการระยะยาว?

1. ให้ย้ายแหล่งกำเนิดมลพิษขนาดใหญ่ออกจาก กทม. และปริมณฑล
2. ในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะต้องดูผลกระทบเชิงสะสมกับแหล่งปล่อยมลพิษอื่นที่อาจจะก่อวิกฤตคุณภาพอากาศต่อพื้นที่ได้ โดยต้องเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไข ทั้งนี้จะต้องให้อำนาจตามกฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และฝ่ายปกครองในการยับยั้งการปล่อยมลพิษหรือสั่งยุติการดำเนินการ ตามสมควรแก่เหตุ โดยไม่อยู่ภายได้ข้อจำกัดด้านเขตปกครอง และการปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด หากสถานการณ์เป็นที่ประจักษ์ชัด
3. ในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวเช่น กทม. และปริมณฑล ให้การกำหนดมาตรฐานการควบคุมมลพิษ และเทคโนโลยี เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นมาตรฐานสูงสุดตามมาตรฐานสากล
4. ให้กฎหมายกำหนดแหล่งกำเนิดมลพิษมีหน้าที่แจ้งข้อมูล การปล่อยมลพิษเชิงปริมาณ กรัม/วินาที และคุณภาพ หรือองค์ประกอบอนุมูลสาร เพิ่มจากข้อมูลความเข้มขัน
5. ให้มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ ในภาพรวมของกทม. และปริมณฑลใน บริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิกฤตคุณภาพอากาศ โดยใช้ค่ามาตรฐาน PM และ AQl ที่เป็นสากล เพื่อเป็นแม่บทในการพัฒนา และแก้ไขปัญหาต่อไปในอนาคต
6. ปรับปรุง และออกกฎหมาย ใช้มาตรการที่เป็นมาตรฐานสากลและได้ผล โดยมีเป้าหมายอยู่ที่คุณภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กติกา และวัฒนธรรมประชาธิปไตย? เพ็ญโฉม เสนอมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นจากภาคอุตสาหกรรม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม