ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
หลาก&หลาย - ทัวร์เกาะลันตา-กระบี่ สัมผัสเสน่ห์ช่วงกรีนซีซั่น ............. โดย วิภา สุนันท์สถาพร
ฤดูฝน หรือฤดูมรสุม ตั้งแต่ พ.ค.-ต.ค. ถือเป็นช่วง "ฤดูกาลท่องเที่ยวสีเขียว" หรือ Green Season ของเกาะลันตา จ.กระบี่ และตั้งแต่ พ.ย.-เม.ย. ของทุกปี เป็นช่วงฤดูร้อน ซึ่งเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวของที่นี่
การเที่ยวเกาะลันตาในช่วงฤดูท่องเที่ยวสีเขียว ก็เรียบๆ เงียบสงบดี มีนักท่องเที่ยวไม่เยอะ ถ้าเทียบกับหลายเกาะของภาคใต้บ้านเรา
3 คืน 4 วัน บนเกาะลันตา ทะเลอันดามัน ส่วนตัวมองว่ากำลังดี คุ้มค่าเดินทาง และไม่เหนื่อยจนเกินไป เราไปพักที่พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา ประสบการณ์การพักรีสอร์ตระดับ 5 ดาว
การเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ลงสนามบินนานาชาติกระบี่ ซึ่งในแพ็กเกจห้องพักของพิมาลัย รีสอร์ท มาพร้อมกับบริการรถรับส่งไป-กลับ จากสนามบินนานาชาติกระบี่ ไปถึงรีสอร์ต โดยรถตู้พร้อมพนักงานของรีสอร์ตสแตนด์บายรอรับ พร้อมมีน้ำดื่มให้บริการอยู่บนรถ
ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินประมาณ 45 นาที เพื่อไปลงเรือสปีดโบ๊ตของโรงแรม และได้ชมวิวทิวป่าโกงกางเพียง 5 นาทีก็ไปถึงเกาะลันตา แล้วต่อรถตู้อีก 40 นาที จึงถึงโรงแรม
เกาะลันตามีเนื้อที่รวมกันราว 220,000 ไร่ เป็นพื้นที่ชายฝั่ง มีชายหาด ป่าชายเลน คลอง และแม่น้ำ ที่เชื่อมต่อจากภูเขาและทะเล จึงทำให้มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และยังคงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
ที่นี่มีชุมชนเกาะลันตาดั้งเดิม ที่ประกอบด้วย ชาวไทยมุสลิม ชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวไทยพุทธ และชาวเล อูรักลาโว้ย ซึ่งเป็น กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเกาะลันตามากว่า 400 ปี
วันแรกแค่ใช้เวลาพักผ่อนสบายๆ อยู่ที่รีสอร์ต ซี่งเราพักฝั่งในโอเชียนวิว เป็นบ้านพัก มีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่บนเขา แต่เห็นวิวทะเลกว้าง พอบ่ายแก่ๆ ก็ไปเดินเล่นชายหาด ซึ่งเป็นพื้นที่อีกฝั่งของรีสอร์ต เงียบสงบ ควรค่ากับการมาพักผ่อนอย่างยิ่ง
รุ่งเช้าของวันที่สอง เราจัดเต็มกับอาหารเช้าของทางรีสอร์ต ที่ห้องอาหารเซเว่นซีส์ อยู่บนยอดเขา บรรยากาศ และวิวสวยมาก สามารถมองเห็นทั้งทะเลและภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียว
ที่สำคัญ อาหารหลากหลายทั้งบุฟเฟต์อาหารนานาชาติ ไทย จีน ฝรั่ง แถมด้วยเมนูอาลาคาร์ต ให้เลือกสั่งแบบจานต่อจาน พนักงานก็บริการไม่มีที่ติ
ฝนตกราวหอบลมพายุมาด้วย แต่ไม่นานก็หยุด เราจ้างรถในพื้นที่ขับพาไปหาอาหารมื้อเที่ยง ได้ร้าน Baja Taco ร้านลับๆ แต่วิวพันล้าน ริมชายหาดแถวลันตาใหญ่ เป็นอาหารเม็กซิกัน เจ้าของเป็นคนไทยแต่ชอบอาหารเม็กซิกันมาก เลยฝึกทำ โดยมี Youtube เป็นครู รสชาติดีเลยล่ะ
ที่นี่เราได้ดูงานศิลปะ เมืองจำลอง เกาะรัตนโกสินทร์ กับ พระนครศรีอยุธยา ที่สร้างสรรค์จากกล่องเหล้า-เบียร์ตามบาร์ต่างๆ บนเกาะ ฝีมือของ "โค้ก" หนุ่มลูกครึ่งวัย 20 เศษ ที่ทำจากความชอบ ค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ ทำ วันนี้ก็ 3 ปีแล้ว แวะชมงานของน้องได้
เพื่อเป็นกำลังใจให้น้อง มีกล่อง donation ที่ลูกค้าต่างชาติทำไว้ให้ เพื่อให้น้องมีทุนสร้างเมืองให้สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ
เราไปเที่ยวต่อที่บ้านชาวเลสังกาอู้ หรือยิปซีทะเล หรือชาวไทยใหม่ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ทางปลายเกาะทางด้านใต้ ห่างจากศาลาด่านไป 27 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านชาวเลที่มีขนาดใหญ่ ปลูกสร้างบ้านติดทะเล มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ผู้ชายมีอาชีพชาวประมงออกหาปลา ส่วนผู้หญิงก็อยู่บ้านเลี้ยงลูก หุงหาอาหาร
วันที่เราไปมีเด็กๆ กำลังห้อมล้อมหญิงสูงวัยที่กำลังเตรียมหยอดขนมครก เพื่อนอุดหนุนมาหนึ่งกระทง 20 บาท
บ่ายคล้อย ไปต่อที่ชุมชนเมืองเก่าลันตา หรือชุมชนศรีรายา แต่ถ้าเรียกตามฝรั่งก็ Lanta Old Town ชุมชนเล็กๆ ที่ยังคงสภาพความเป็นเมืองเก่าด้วยอาคารบ้านไม้โบราณอนุรักษ์ไว้ บรรยากาศมีความคลาสสิคๆ คล้ายเชียงคานตามที่เคยมีคนรีวิวไว้
สองข้างทางมีคาเฟ่ ร้านกินดื่มริมทะเล บรรยากาศดีเว่อร์ ร้านขายของฝากก็มี ร้านอาหารขึ้นชื่อก็หลายร้าน
ความเป็นเมืองเก่า ที่นี่มีประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานไม่ต่ำกว่า 600-700 ปี ในอดีตเป็นชุมชนเมืองท่าหน้าด่านสำหรับเก็บภาษีทางน้ำ เป็นเส้นทางผ่านและจุดแวะพักของเรือประมงทางฝั่งอันดามัน และเรือสินค้าที่ผ่านไปมาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
จากการที่ย่านนี้เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเกาะลันตาและศูนย์ราชการ มีข้าราชการปฏิบัติงานและพักอาศัย ชาวเลจึงเรียกบริเวณนี้ว่า "ปาไตยรายา" แปลว่า ?หาดของเจ้านาย? เป็นที่มาของชื่อ "ตลาดศรีรายา" ซึ่งปัจจุบันหมายถึงย่านชุมชนเก่าศรีรายานี่เอง
เราเลือกร้านครัวลันตาใหญ่ บิวตี้ฟูล แอนด์ เรสเตอรองท์ ตามที่คนพื้นที่แนะนำ สำหรับมื้อค่ำ อาหารไทย ซีฟู้ด รสชาติจัดจ้าน อร่อย บรรยากาศดี ราคาไม่โดด เสียดายที่เราไปถึงร้านค่ำไปนิด เลยอดดื่มด่ำกับวิวทะเลที่เขาว่าบรรยากาศดีมาก
การล่องเรือแจวที่ทุ่งหยีเพ็ง หรือเรือกอนโดลา รับอากาศบริสุทธิ์ยามรุ่งอรุณ ท่ามกลางความเงียบ เสียงป่าและอาบแสงอรุณ ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์ที่อยากชวนให้มาสัมผัสสักครั้งถ้าได้มาเที่ยวเกาะลันตา
ตี 5 รถมารับที่รีสอร์ต ไปยังบ้านทุ่ง หยีเพ็ง เพื่อลงเรือช่วงตี 5 ครึ่ง เราสามารถจองโปรแกรมผ่านทางรีสอร์ตได้เลย ไม่มีชาร์จเพิ่ม ค่าทัวร์ประมาณคนละ 750 บาท พร้อมชา-กาแฟ และอาหารเช้าแบบพื้นบ้านของชุมชนทุ่งหยีเพ็ง แต่ราคานี้ยังไม่รวมค่ารถรับส่งไป-กลับ อีกคนละ 400 บาท
ราวตี 5 ครึ่ง ถึงจุดหมายที่ชุมชนบ้านหยีเพ็ง ได้พบกับทะเลด้านทิศตะวันออกของเกาะลันตาใหญ่ เรือแจวโบราณตกแต่งด้วยม่านโปร่งสีขาว คล้ายเห็นในละครย้อนยุคอย่างนั้นเลย สุดแสนจะคลาสสิค ตลอดลำคลองน้ำเค็มเลียบป่าโกงกาง รับอากาศบริสุทธิ์ และฟังเสียงธรรมชาติยามเช้าท่ามกลางความเงียบสงบ
เกือบ 7 โมงเช้า เรือแจวมาถึงปากอ่าวลันตา ท้องฟ้ายังครึ้ม ลมพัดเบาๆ พาละอองฝนมาพอชื้นๆ เจ้าของเรือเริ่มเสิร์ฟกาแฟร้อนๆ พร้อมเบรกฟาสต์แบบหยีเพ็งสไตล์ "ข้าวเหนียวปลารอแดด"
จังหวะนี้โดยปกติจะเป็นซีนพระอาทิตย์ขึ้นได้เวลาอาบอรุณแรกของวัน แต่เราไปช่วงที่ยังมีมรสุม ก็ได้อีกบรรยากาศ ชิมปลารอแดด จิบกาแฟหอมกรุ่น ตามด้วยของหวานข้าวเหนียวสังขยา หมดห่อ การันตีว่าอร่อยจริง ก่อนที่จะล่องไปยังลำคลองเล็กๆ เลียบผืนป่าชายเลน เพื่อกลับเข้าฝั่ง เป็นอันจบทริป อิ่มเอมมากๆ
ฝนหยุดแล้ว ยังพอมีเวลาได้เดินเส้นทางธรรมชาติชมป่าโกงกาง เราได้พบกับนายนราธร หงษ์ทอง ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทุ่งหยีเพ็ง ผู้ริเริ่มล่องเรือแจวโบราณนี้ขึ้นมา แถมลูกสาวยังทำขนมจูจอ หรือขนมใบบัว เสิร์ฟร้อนๆ ทานกับชาลำเพ็ง สมุนไพรพื้นถิ่นของเกาะลันตา อร่อยชื่นใจ จนต้องซื้อชาติดมือกลับมาด้วย
ทริปนี้ต้องบอกว่าได้พักเต็มที่จริงๆ ที่พิมาลัย รีสอร์ท ก็มีหลายกิจกรรมทางน้ำให้แขกได้ใช้เวลาที่นั่น ทั้งพายเรือคายัก เล่นเรือใบ แพดเดิ้ลบอร์ดโต้คลื่น แต่ถ้าจะไปวันเดย์ทริปดำน้ำดูปะการัง ที่เกาะรอก-เกาะห้า แนะนำให้เลือกมาช่วงที่ดีที่สุดคือ ตั้งแต่เม.ย.-พ.ย.
ส่วนเราเที่ยวเกาะลันตาช่วงกรีนซีซั่น ก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง ถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีกแน่นอน
https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_8111304
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|