[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


หรือโลกกำลังถูกทำลาย? เมื่อดาวเคราะห์สีฟ้า ที่นักบินอวกาศมองลงมา ไม่ได้มีแต่ความสวยงาม
........... โดย ณัฏฐ์นรี เฮงสาโรชัย


Summary

- 'นักบินอวกาศ' คือไม่กี่คนบนโลกที่สามารถขึ้นไปมองโลกจากอวกาศด้วยตาของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช่ความสวยงามบนอวกาศเพียงเท่านั้น แต่ได้เห็นสภาพโลกที่กำลังถูกทำลายจากฝีมือของมนุษย์ด้วยเช่นกัน

- รอน แกแรน (Ron Garan) อดีตนักบินอวกาศชาวอเมริกาของ NASA วัย 62 ปี คือหนึ่งในคนที่เห็นภาพนั้น รอนใช้เวลาอยู่บนอวกาศเป็นเวลา 178 วัน เดินทางมากกว่า 71 ล้านไมล์ หรือประมาณ 114 ล้านกิโลเมตร ในวงโคจร 2,842 รอบ ตลอดอาชีพของเขาที่ NASA บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ซึ่งสิ่งที่รอนเห็นชั้นบรรยากาศของโลกที่บางอย่างไม่น่าเชื่อ

- รอนคิดว่าปัญหาในโลก เช่น โลกร้อนที่เกิดขึ้น เพราะหลายคนยังไม่เห็นภาพโลกจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร จึงต้องจัดความสำคัญทางความคิดกันใหม่ ไม่ใช่ 'เศรษฐกิจ สังคม โลก' แต่เป็น 'โลก สังคม เศรษฐกิจ' เพื่อให้พวกเราทุกคนใช้ชีวิตตามกระบวนการวิวัฒนาการที่ควรจะเป็น




จะเป็นยังไงนะถ้าเราได้ขึ้นไปบนอวกาศและมองลงมายังโลก? โลกสีฟ้าอันงดงามคงเป็นภาพที่หลายๆ คนเคยเห็น ทั้งภาพจริงหรือภาพจำลอง

'นักบินอวกาศ' คือไม่กี่คนบนโลกที่สามารถขึ้นไปมองโลกจากอวกาศด้วยตาของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช่ความสวยงามบนอวกาศเพียงเท่านั้น แต่ได้เห็นสภาพโลกที่กำลังถูกทำลายจากฝีมือของมนุษย์ด้วยเช่นกัน

รอน แกแรน (Ron Garan) อดีตนักบินอวกาศชาวอเมริกาของ NASA วัย 62 ปี คือหนึ่งในคนที่เห็นภาพนั้น รอนใช้เวลาอยู่บนอวกาศเป็นเวลา 178 วัน เดินทางมากกว่า 71 ล้านไมล์ หรือประมาณ 114 ล้านกิโลเมตร ในวงโคจร 2,842 รอบ ตลอดอาชีพของเขาที่ NASA บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS)

รอนได้รับผลกระทบจากการมองทัศนียภาพโดยรวม (overview effect) ซึ่งเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของนักบินอวกาศ เมื่อมองดูโลกขณะลอยอยู่ในอวกาศ ทำให้เขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ เช่น ความกลัว ตื่นเต้น ประหลาดใจ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ที่ท่วมท้นขนาดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้

ไม่ใช่เพียงรอนเท่านั้น แต่นักบินอวกาศคนอื่นๆ ก็มีอาการเช่นเดียวกัน เช่น ไมเคิล คอลลินส์ (Michael Collins) นักบินขับยานอะพอลโล 11 (Apollo 11) เล่าว่า เขารู้สึกทึ่งกับรูปลักษณ์ของโลกที่ 'บอบบาง' และ 'เล็กมาก' ขณะที่ เอ็ดการ์ มิตเชลล์ (Edgar Mitchell) นักบินอวกาศของยานอะพอลโล 14 (Apollo 14) บอกว่า การขึ้นไปบนอวกาศทำให้เขาสัมผัสกับประสบการณ์ที่ระเบิดการรับรู้ของเขาไปเลย

รอน เคยให้สัมภาษณ์กับ Big Think ว่า สิ่งที่เราเคยปฏิเสธว่าไม่จริงนั้นถูกพิสูจน์โดยไร้ข้อครหาเมื่อเราเห็นโลกบนอวกาศ

"ในตอนนั้นผมเห็นชั้นบรรยากาศของโลกเรา มันมีบางอย่างไม่น่าเชื่อ และแผ่นบางๆ นั้นทำให้ชีวิตทุกชนิดบนโลกมีชีวิตอยู่ได้"

"เราพยายามให้ความสำคัญกับโลกร้อน การตัดไม้ทำลายป่า และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ แต่นั่นเป็นต้นตอของปัญหาที่อยู่ภายในโลกเพียงเท่านั้น"

"ผมเห็นโลกสีเหลือบเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต ซึ่งบนอวกาศไม่มีส่ิงที่เรียกว่า 'เศรษฐกิจ' นั่นทำให้ผมตระหนักได้ว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องโกหกที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง เห็นได้จากระบบที่มนุษย์สร้างขึ้นของเราใช้เป็นวิธีในการดูแลทุกสิ่งบนโลก รวมถึงกระบวนการที่จะช่วยโลก"

"เราจึงต้องจัดความสำคัญทางความคิดกันใหม่ ไม่ใช่ 'เศรษฐกิจ สังคม โลก' แต่เป็น 'โลก สังคม เศรษฐกิจ' เพื่อให้พวกเราทุกคนใช้ชีวิตตามกระบวนการวิวัฒนาการที่ควรจะเป็น"

รอน อธิบายว่า หลายครั้งที่คนคิดว่ารู้ภาพรวมทั้งหมดของโลก ทั้งที่ในความเป็นจริงเราเห็นเพียงส่วนเล็กๆ น้อยๆ มากมาย หลายคนจึงไม่เห็นภาพโลกจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร

"ตอนนี้เรากำลังสูญเสียอะไรหลายอย่างไปในราคาแพงมากๆ เพื่อความเจริญ (civilization) ของมนุษย์ เพราะเราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หากเราไม่เห็นภาพความจริงหรือมุมมองที่ถูกต้อง แม้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของเราอาจปรับปรุงคุณภาพชีวิตได้ในด้านหนึ่ง แต่มันก็เป็นหายนะสำหรับโลกด้วยเหมือนกัน"

มนุษย์หลายคนบนโลกอาจยังมองความสำคัญของโลกเพียงใต้ชั้นบรรยากาศ เช่น เงิน ความเจริญ หรือทรัพยากรที่จับต้องได้ และมองเรื่องที่เกี่ยวกับโลกเป็นเรื่องรอง ซึ่งนั่นอาจเป็นการจัดลำดับความสำคัญที่ปลูกฝังในวิถีชีวิตมนุษย์กันมาอย่างยาวนานจนยากที่จะแก้ไข

ปัญหาที่เกิดในดาวเคราะห์สีฟ้าอย่างโลกร้อน ที่มีแนวโน้มจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ ก็เกิดจากมุมมองของมนุษย์ที่มองโลกไม่เหมือนกัน เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบสำคัญในหลายๆ ประเด็น ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งแวดล้อม แต่กระทบไปถึงวิถีชีวิตและความเจริญทางด้านเศรษฐกิจของมนุษย์ด้วย

อ้างอิง: ladbible.com, upworthy.com


https://plus.thairath.co.th/topic/naturematter/104614