ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 21-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,248
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


"ดร.ธรณ์" เผยข่าวดี! เตรียมยก "ขนอม" เป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเลแห่งใหม่

ดร.ธรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล โพสต์ข้อมูลสุดปลื้ม ระบุ ปีนี้พะยูนตายน้อยลงกว่าปีที่แล้ว และเผยข่าวดีเตรียมยกขนอมเป็นพื้นที่คุ้มครองทะเลเพื่อพะยูนและโลมา ยืนยันหากทุกอย่างราบรื่นทะเลไทยจะมีพื้นที่คุ้มครองเพิ่มขึ้น พร้อมเชื่อว่าคำว่ายั่งยืนจะเกิดขึ้นในทะเลชายฝั่งประเทศไทย



วันนี้ (20 ต.ค.) เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" หรือ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ระบุข้อความ "ในปีนี้พะยูนตายไม่ถึง 10 ตัว น้อยกว่าปีที่แล้วเยอะครับ 20+ ตัว เหตุผลหนึ่งอาจมาจากโควิดทำให้ทะเลสงบ จึงเป็นจังหวะดีมากสำหรับการอนุรักษ์สัตว์หายาก หนึ่งในนั้นคือพื้นที่คุ้มครองทะเลขนอมเพื่อพะยูนและโลมา

ทะเลขนอมสวยมาก คำนี้ยืนยัน เพราะเมื่อสิบปีก่อน ผมเคยนั่งเรือขึ้นลงเลียบชายฝั่งเป็นเดือน เพื่อติดตามศึกษาโลมาสีชมพู ชายฝั่งพร้อมสรรพ ทั้งในด้านภูมิสัณฐาน หาดทราย หาดหิน และที่สำคัญคือ หินแพนเค้กที่พบอยู่เพียง 3-4 แห่งทั่วโลก เรานั่งเรือหางยาวของพี่ๆ เลาะมาตามฝั่ง เจอโลมาทุกครั้ง บางหนถึงขั้นว่ายเข้ามาเอาตัวถูเรือ สุดปลายทางก่อนวกกลับ คือ รอยต่ออำเภอดอนสักตรงนี้ มีเกาะเกือบติดฝั่ง เรียกเกาะท่าไร่ ในน้ำมีดงหญ้าทะเลผืนใหญ่เขียวปี๋ เป็นแหล่งหญ้าที่สำคัญสุดๆ ทำให้รอบๆ อุดมสมบูรณ์

คุณๆ ที่ไปท่าเรือเฟอร์รีแล้วเห็นโลมาสีชมพู ส่วนหนึ่งก็เพราะดงหญ้าตรงนี้แหละ ห่างไป 3 กม.เท่านั้น ยังรวมถึงพะยูน ผู้กินหญ้าทะเลโดยตรง รายงานล่าสุดปี 2563 มีพะยูนในอ่าวบ้านดอน 5 ตัว ว่ายน้ำไปมา

เมื่อนำทุกอย่างมารวมกัน หากเราประกาศชายฝั่งขนอมเป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเล จะเป็นประโยชน์มาก คุ้มครอง ในที่นี้ไม่ใช่ห้าม ชาวบ้านยังหากุ้งหอยปูปลาได้ โดยมีมาตรการช่วยดูแลแหล่งหญ้าทะเลไว้ เช่น ห้ามเปลี่ยนสภาพ ห้ามทิ้งตะกอน มลพิษ ห้ามทำการประมงที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับระบบนิเวศ สัตว์หายาก ฯลฯ รวมถึงควบคุมการท่องเที่ยวให้ยั่งยืน เช่น ห้ามให้อาหารโลมา มีกติกาในการนำเรือเข้ามาชมสัตว์ ที่สำคัญคือ ให้คนท้องที่มีส่วนร่วมจริงจัง ตามแผนคือจัดตั้งอนุกรรมการขนอมภายใต้กฎหมายขึ้นตรงกับกรรมการทะเลจังหวัด

จากผลการศึกษาในสมัยก่อน เรื่อยมาจนถึงแผนทำร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งกรมทะเล ชาวบ้าน นักวิชาการ ฯลฯ จนถึงวันนี้ แผนพื้นที่คุ้มครองชายฝั่งขนอมจะได้รับการพิจารณา เพื่อนำเสนอคณะกรรมการทะเลชาติต่อไป หากทุกอย่างราบรื่น ทะเลไทยจะมีพื้นที่คุ้มครองเพิ่มขึ้น ตอนนี้เรามีเกาะกระ เกาะมันใน เกาะโลซิน วันนี้ (20 ต.ค.) จะมีการพิจารณาอีก 4 แห่ง รวมขนอม ตามเป้า SDG 14 และยุทธศาสตร์ชาติ ไทยควรมีพื้นที่คุ้มครอง 10 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ทะเล ภายในปี 2030 ตอนนี้เกือบ 7 เปอร์เซ็นต์ แล้ว หากเราช่วยกันผลักดันต่อไป อีก 10 ปียังเป็นไปได้

แต่วันนี้ ดีใจมากครับ เพราะขนอมกำลังจะเป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเลแห่งใหม่ อะไรต่างๆ ที่ช่วยกันทำมา แม้ต้องใช้เวลา แต่สุดท้ายแล้วไม่เสียหลาย หญ้าทะเล โลมา พะยูน และชาวขนอมบ้านดอนจะได้ประโยชน์อย่างมากและคำว่ายั่งยืนจะเกิดขึ้นในทะเลชายฝั่ง ที่ผมกล้ายืนยันว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย"






https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000106932


*********************************************************************************************************************************************************


หินยักษ์หนักกว่า 3 หมื่นตันบนเกาะทะลุถล่มแยกเป็น 2 ก้อน สำรวจพบยังมีรอยร้าวเพิ่ม

กระบี่ ? หินยักษ์หนักกว่า 3 หมื่นตัน บนเกาะทะลุ จ.กระบี่ พังถล่มแยกเป็นสองก้อน คาดเกิดจากพายุพัดถล่ม เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจพบรอยร้าวเพิ่ม มีปะการังได้รับความเสียหาย เตือนนักท่องเที่ยวห้ามเข้าใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุอาจจะมีการพังเพิ่ม



เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ ( 20 ต.ค.) นายประยูร พงศ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา -หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เข้าสำรวจเกาะทะลุ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ห่างจากทางทิศตะวันตกของเกาะไก่ ประมาณ 1 กิโลเมตร หลังเกิดเหตุหินขนาดใหญ่พังถล่มลงมาจากภูเขา ในช่วงคลื่นลมแรง เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้น

พบว่า หินที่ถล่มลงมาแตกออกเป็น 2 ก้อน น้ำหนักประมาณ 30,000 - 50,000 ตัน ส่งผลให้บริเวณด้านล่าง ซึ่งเดิมลึกประมาณ 10 เมตร ยุบลงไปอีก ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 15 เมตร ส่วนความเสียหายที่ เกิดขึ้น จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่พบว่าบริเวณแนวปะการัง ที่อยู่บริเวณด้านล่าง เสียหายไปประมาณ 20 %

นายประยูร กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นมาประมาณ 3 วัน แล้วคาดว่าเกิดจากอิทธิพลพายุดดีเพรสชั่นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีฝนตกต่อเนื่องลมกระโชกแรง ส่งผลหินปูนบริเวณเกาะทะลุพังลงมา แต่หลังได้รับแจ้งในช่วงเกิดเหตุยังมีคลื่นลมแรง เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้ แต่วันนี้คลื่นลมเริ่มสงบก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ดำน้ำลงไปสำรวจ บริเวณใต้น้ำ ใกล้จุดเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบดูว่า จะมีการพังถล่มเพิ่มเติมหรือไม่

จากการสำรวจพบว่าบริเวณเกาะทะลุยังมีรอยแยกอยู่หลายจุดซึ่งมีความเสี่ยงพอสมควรในการสำรวจ แต่อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนไปยังนักท่องเที่ยว ให้ระมัดระวังไม่ควรเข้าใกล้บริเวณจุดที่เกิดเหตุ อาจจะเกิดอันตรายได้ ซึ่งหลังจากนี้จะทำการสำรวจเพิ่มเติม เพื่อนำมาวิเคราะห์ หาสาเหตุและหาทางป้องกันต่อไป


https://mgronline.com/south/detail/9630000107014

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม