ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 05-12-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,253
Default


พระราชาผู้ไม่เคยทิ้งประชาชน ..... (2)


เมื่อทรงพระเยาว์ พระเจ้าอยู่หัวประทับ ณ พระตำหนักใหม่วังสระปทุม ถนนพญาไท พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชและพระเชษฐภคินี พระตำหนักใหม่เป็นตึกสองชั้นทาสีครีม หลังคามุงกระเบื้องสีเขียวเข้ม สีเดียวกับที่ทาบานประตูและหน้าต่างพระตำหนัก จากพระตำหนักใหม่มีถนนสู่พระตำหนักใหญ่ ที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าฯ สมเด็จพระอัยยิกาเสมอๆ พร้อมกับสมเด็จพระบรมราชชนนี พระบรมเชษฐา และพระเชษฐภคินี บางครั้งเจ้านายเล็กๆ สามพระองค์ก็ประทับรถลากสองล้อให้มหาดเล็กลากไปเฝ้าฯ สมเด็จพระอัยยิกา สามพระองค์ประทับรถลากคันเดียวกันและโปรดให้ลากเร็วๆ คราวหนึ่ง ทรงสนุกมาก เต้นอยู่บนรถจนพลัดตกลงมาเป็นแผล สมเด็จพระบรมราชชนนีจึงไม่นำเสด็จขึ้นเฝ้า ด้วยทรงเกรงว่าสมเด็จพระอัยยิกาจะทรงเป็นห่วงพระราชนัดดามาก

เนื่องจากสมเด็จพระบรมราชชนนีทรงถือว่าการเล่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็ก จึงทรงสนับสนุนให้พระราชโอรส พระราชธิดา ได้ทรงเล่นออกกำลังพระวรกายตามธรรมชาติของเด็ก การเล่นบางอย่างที่เด็กชอบเล่น แต่ผู้ใหญ่มักไม่ยอมให้เด็กเล่น เพราะเกรงอันตรายหรือกลัวสกปรกเปรอะเปื้อน เช่น เล่นน้ำ เล่นไฟ หรือเล่นดินเล่นทราย สมเด็จพระบรมราชชนนีก็ทรงอนุญาตให้พระราชโอรส พระราชธิดาทรงเล่นได้ ทรงควบคุมดูแลด้วยพระองค์เองให้ทรงเล่นในที่ปลอดภัย เช่น ที่บ่อน้ำเล็กๆ ตื้นๆ หรือในที่ซึ่งทรงสามารถควบคุมไม่ให้เกิดอันตราย หรือสกปรกเลอะเทอะ เพราะฉะนั้น พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีโอกาสได้เล่นสนุกอย่างที่เด็กๆ ชอบ ทรงเล่นทราย เล่นขุดดิน เล่นน้ำ และเล่นจุดไฟ ทั้งยังทรงได้เล่นขับรถยนต์ด้วย แม้จะเป็นรถยนต์เก่าที่ใช้ไม่ได้เแล้ว สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงให้มหาดเล็กยกมาวางขึ้นคานไม้ แต่พระเจ้าอยู่หัวและพระบรมเชษฐาก็ทรงขึ้นไปนั่งทำท่าเหมือนขับรถจริงๆ

แม้ว่าสมเด็จพระบรมราชชนนีจะทรงสนับสนุนให้พระราชโอรส พระราชธิดาทรงเล่นสนุกตามประสาเด็ก แต่ทั้งสามพระองค์ก็ต้องทรงอยู่ในระเบียบวินัย ต้องทรงปฏิบัติทุกอย่างเป็นเวลา ไม่ใช่เถลไถลไปทำโน่นทำนี่ และต้องทรงตรงต่อเวลา ที่พระตำหนักใหม่ ถึงเวลาเสวยพระกระยาหารกลางวันจะมีเสียงฆ้องเป็นสัญญาณ บางครั้งพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมเชษฐาทรงเล่นเพลิน ไม่ทรงเลิกทั้งๆ ที่เสียงฆ้องลั่นแล้ว สมเด็จพระบรมราชชนนีจะทรงให้เล่นต่อไป แต่เมื่อถึงเวลาบรรทมตอนบ่าย พระองค์จะทรงตามให้เสด็จขึ้นมาชำระพระหัตถ์ แล้วให้เสด็จขึ้นพระแท่นบรรทมเลย ไม่ทรงอนุญาตให้เสวยอะไรจนกว่าจะถึงเวลาเสวยนมตอนบ่าย 4 โมงเย็น
สมเด็จพระอัยยิกาก็ทรงสนับสนุนให้พระราชนัดดาทรงอยู่ในระเบียบวินัย วันหนึ่ง พระราชนัดดามาเฝ้าฯ ที่โต๊ะเสวย ทอดพระเนตรเห็นสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะเสวย ก็ทรงชี้ว่า "นี่น่าอร่อย นี่น่าอร่อย" สมเด็จพระอัยยิกาใคร่ที่จะประทาน แต่ก็ทรงนึกได้ว่า "ไม่ได้ๆ แม่เขาจะว่า" จึงทรงให้คนห่อแบ่งเอาไปถวายที่พระตำหนักใหม่ให้เสวยเมื่อถึงเวลาที่จะเสวย

เรื่องการอบรมเด็กให้มีระเบียบวินัย ทำอะไรตามเวลานี้ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา และทรงมีครอบครัวของพระองค์เอง ก็ทรงนำมาเป็นหลักปฏิบัติในการอบรมพระราชโอรส พระราชธิดา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าว่า เมื่อทรงพระเยาว์ พระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์ทรงปฏิบัติตามตารางเวลาที่พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงวางไว้โดยเคร่งครัด เช่น "เช้าต้องดูหนังสือ กินข้าวแล้วเดินไปโรงเรียน ตอนบ่ายกลับมาขึ้นเฝ้าฯ ให้ท่านเห็นหน้าเห็นตา บ่ายสองสามโมงออกอากาศ (เดินเล่น) ห้าโมงขึ้นมากินข้าวเย็น...ทุ่มหนึ่งก็เข้านอน"

ในพระบรมราโชวาทพระราชทานแก่เยาวชนของชาติ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 8 มกราคม พ.ศ.2526 พระเจ้าอยู่หัวทรงชี้ถึงความสำคัญของการมีระเบียบวินัย ดังนี้

"เด็กๆต้องฝึกหัดอบรมทั้งกายทั้งใจให้เข้มแข็ง เป็นระเบียบและสุจริต เพื่อประโยชน์ของตนในภายหน้า เพราะคนที่ไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถควบคุมกายใจให้อยู่ในระเบียบและความดี ยากนักที่จะได้ประสบความสำเร็จและความเจริญอย่างแท้จริงในชีวิต"

พระเจ้าอยู่หัวประทับ ณ วังสระปทุม จนถึงเดือนเมษายน พ.ศ.2476 จึงได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระบรมเชษฐา และพระเชษฐภคินี ไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ การเสด็จต่างประเทศครั้งนี้ เนื่องจากสมเด็จพระบรมเชษฐาไม่ทรงแข็งแรงนัก แพทย์ทูลแนะนำให้เสด็จไปประทับในต่างประเทศที่มีอากาศสบายๆ สมเด็จพระบรมราชชนนีจึงทรงเลือกเมืองโลซานน์ เมืองที่มีอากาศดี ภูมิประเทศสวยงาม และพลเมืองมีอัธยาศัยดี เป็นที่ประทับ
เมื่อเสด็จนิราศพระนครไปในครั้งนั้น ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญได้เกือบ 10 เดือนแล้ว สถานการณ์การเมืองที่ผันแปรไป ส่งผลต่อสถานภาพของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการบางกลุ่ม พระบรมวงศานุวงศ์จำนวนมากและข้าราชการบางส่วนต้องออกจากราชการ เจ้านายหลายพระองค์ต้องเสด็จออกจากประเทศไทยไปประทับในต่างแดน ต่อมาเมื่อความขัดแย้งระหว่างพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 กับรัฐบาลของนายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎร เพิ่มพูนมากขึ้นทุกที จนไม่อาจจะประนีประนอมได้ ความยุ่งยากทางการเมืองก็ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงต่อพระชนม์ชีพของเจ้านายทั้งสามพระองค์แห่งราชสกุล มหิดล

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสละราชสมบัติในเดือนมีนาคม พ.ศ.2477 และทรงสละพระราชสิทธิในการแต่งตั้งผู้สืบราชสมบัติด้วย รัฐบาลจึงได้อัญเชิญพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล ขึ้นทรงราชย์ เนื่องจากทรงอยู่ในลำดับที่หนึ่งแห่งการสืบราชสันตติวงศ์ตามกฎมณเฑียรบาล พุทธศักราช 2467

หลังจากที่สมเด็จพระบรมเชษฐาทรงรับราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์แล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ที่เคยอยู่อย่างสงบเฉกเช่นครอบครัวเล็กๆ ก็แปรเปลี่ยนไปบ้าง พระเจ้าอยู่หัวและพระเชษฐภคินีทรงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าฟ้า ทั้งสองพระองค์ทรงย้ายจากอาคารที่ประทับเดิมไปประทับ ณ พระตำหนักวิลลาวัฒนา ซึ่งใหญ่โตโอ่โถงกว่า เพื่อให้สมพระเกียรติยศตามความประสงค์ของรัฐบาล แม้วิถีชีวิตภายนอกจะแตกต่างไป แต่การดำรงพระชนม์ชีพของทั้งสี่พระองค์ยังคงเหมือนก่อน คือ มุ่งหมายที่จะเป็นคนดี สุจริต และช่วยเหลือคนไทย

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงกล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า

"...รัชกาลที่ 8 ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน การเปลี่ยนแปลงก็เป็นการเปลี่ยนแปลงภายนอกมากกว่า เราต้องย้ายไปอยู่บ้านที่หรูหรากว่า แทนที่จะอยู่แฟลตเล็กๆ ต้องมีราชองครักษ์ มีราชเลขาฯ ต้องรับแขก ต้องรู้จักอะไรมากขึ้นหน่อย คำพูดก็ต้องเปลี่ยนไป ต้องอะไรหลายอย่าง แต่ภายในยังเหมือนเดิม ความมุ่งหมายที่จะเป็นคนดียังเหมือนเดิม อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าการเปลี่ยนแปลงภายนอก คือ ท่าน (หมายถึงสมเด็จพระบรมราชชนนี) ได้ทำสิ่งที่เริ่มไว้แล้วคือ ตั้งแต่เมืองไทยจนถึงเมืองนอก เมื่อไปท่านก็ได้พูดไว้ว่าเรียนหนังสือให้ดี จะได้ความรู้มาช่วยประเทศ ช่วยคนไทย สงสารคนไทยที่ยังยากจนที่เคราะห์ร้ายกว่าเรามาก อันนี้เป็นการเตรียมต่อเนื่องจากเก่า ไม่ใช่ของที่ใหม่"

เมื่อความตื่นเต้นต่างๆ หลังจากที่สมเด็จพระบรมเชษฐาเสด็จขึ้นครองราชย์ใหม่ๆได้ผ่านพ้นไป การดำรงพระชนม์ชีพของพระเจ้าอยู่หัวก็กลับคืนสู่เส้นทางเดิม คือ ชีวิตที่สงบ เรียบง่าย ใน พ.ศ.2478 พระเจ้าอยู่หัวและพระบรมเชษฐาเสด็จเข้าโรงเรียนนูเวลล์ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนเอกชนที่รับนักเรียนนานาชาติ ทรงเรียนจนสอบไล่ได้ชั้นมัธยมปลาย และทรงเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยโลซานน์ ตอนแรกทรงเป็นนักเรียนไปมา จน 2 ปีสุดท้ายจึงทรงเป็นนักเรียนประจำ เพื่อจะได้ทรงทราบชีวิตนักเรียนประจำที่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองทุกอย่าง

พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมเชษฐาทรงใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก เพราะพระชนมพรรษาห่างกันเพียง 2 พรรษา สองพระองค์ทรงโปรดของหลายสิ่งคล้ายกัน และมักจะทรงทำอะไรเหมือนกัน เช่น ฉลองพระองค์มักจะทรงเลือกแบบเดียวกัน แต่ชุดหนึ่งโตหน่อย ชุดหนึ่งเล็กหน่อย ทรงโปรดเรื่องเรือรบและเครื่องบินเหมือนกันทั้งสองพระองค์ ทรงรวบรวมสมุดภาพเรือรบและเรือจำลองไว้หลายลำ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลทรงขอให้กองทัพเรือไทยส่งภาพถ่ายและรูปจำลองเรือรบของกองทัพไทยไปถวาย พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ทำเรือรบจำลองถวาย 2 ลำ เพื่อจะพระราชทานสมเด็จพระอนุชาลำหนึ่ง เมื่อเจริญพระชนมพรรษามากขึ้น ก็ทรงโปรดดนตรีเช่นกัน และทรงเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าเหมือนกัน
ถึงแม้ในขณะนั้นจะทรงเป็น เจ้าฟ้า แล้ว แต่พระเจ้าอยู่หัวก็ยังทรงรับเงินค่าขนมไม่มากนัก สัปดาห์ละครั้ง เงินที่ได้พอแค่ที่จะซื้อขนม เช่น ลูกกวาด หรือช็อกโกแลต หรือหนังสือ และของเล่นเล็กๆ น้อยๆ สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงสอนให้ทรงประหยัดและรู้จักเก็บเงินฝากธนาคาร ของเล่นนั้น สมเด็จพระบรมราชชนนีไม่ใคร่จะทรงซื้อให้บ่อยนัก เว้นแต่วันปีใหม่และวันราชสมภพ โดยมากเป็นของเล่นชิ้นโตๆ ที่พระราชโอรส พระราชธิดา จะทูลขอล่วงหน้า เพราะฉะนั้น ถ้าพระเจ้าอยู่หัวต้องพระราชประสงค์ของเล่นอื่นๆ ก็ต้องทรงเก็บเงินค่าขนมเข้าหุ้นกันซื้อของเล่น
เมื่อมีพระชนมพรรษาสูงขึ้น มักจะทรงทำของเล่นเอง พระเจ้าอยู่หัวโปรดงานที่ทำด้วยฝีพระหัตถ์ "ทูลกระหม่อมพ่อท่านเป็นช่างแต่เล็กๆ แก้จักรใช้แหนน (พระพี่เลี้ยงเนื่อง) ได้ ก็ได้รางวัล" สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเล่าตามที่ทรงได้ฟังมา พระเจ้าอยู่หัวทรงต่อเรือลำเล็กๆ และแทนที่จะทรงซื้อวิทยุสำเร็จรูป พระองค์และสมเด็จพระบรมเชษฐาก็ทรงช่วยกันเปิดตำราที่สอนการประกอบวิทยุ ทรงต่อวิทยุตามตำราจนสำเร็จใช้การได้ สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงสนับสนุนให้ทรงทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ ใต้ถุนพระตำหนักวิลลาวัฒนามีที่ทำเครื่องไม้และมีอุปกรณ์ทำงานช่างไม้ครบครัน ต่อมาเมื่อเสด็จเสวยราชย์แล้ว เวลาว่างพระราชกิจ พระเจ้าอยู่หัวทรงต่อเรือใบเอง ทรงคิดสร้างแบบเรือใบขนาดเล็ก พระราชทานชื่อว่า ซูเปอร์มด เหมาะแก่ผู้ที่มีร่างเล็ก เพราะเรือมีน้ำหนักน้อย ทั้งยังทุ่นแรงในการขนส่ง พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติตามพุทธภาษิตเกี่ยวกับการทำของใช้เองว่า กตฺเต รมเต ผู้ทำเอง ย่อมรื่นรมย์

หลังจากประทับที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้ 5 ปีเศษ พระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จนิวัตพระนครใน พ.ศ.2481 โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐา พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี และเชษฐภคินี ประทับอยู่นาน 2 เดือนจึงเสด็จกลับไปทรงศึกษาต่อ การเสด็จกลับประเทศไทยครั้งนี้ พระเจ้าอยู่หัวทรงมีโอกาสรู้จักบ้านเมืองของพระองค์มากขึ้น เพราะเมื่อเสด็จจากไป ทรงมีพระชนมพรรษาเพียง 5 พรรษาเศษ ความรู้เรื่องเมืองไทยจึงยังไม่หนักแน่น เมื่อโดยเสด็จพระบรมเชษฐากลับมา จึงทรงมีโอกาสทอดพระเนตรสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ภูมิประเทศ ขนบธรรมเนียมประเพณี และศิลปวัฒนธรรมของชาติ เมื่อเสด็จกลับไป พระเจ้าอยู่หัวคงจะทรงมีความผูกพันกับเมืองไทยและคนไทยมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังได้ทรงศึกษาภาษาไทย ประวัติศาสตร์ไทย และความรู้ทางศาสนากับพระอาจารย์คนไทยที่ทางรัฐบาลส่งไปถวายพระอักษรตามพระราชประสงค์

การเสด็จนิวัตพระนคร แม้จะเป็นระยะเวลาอันสั้น แต่ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีที่ราษฎรมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกหนแห่ง ทั้งในพระนครและต่างจังหวัด ที่ใดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและพระอนุชาเสด็จพระราชดำเนินไป จะมีราษฎรมาเฝ้าชมพระบารมีเป็นจำนวนมาก ตามสถานีต่างๆ ที่ขบวนรถไฟพระที่นั่งผ่าน มีการตั้งเครื่องบูชา และพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ความกระตือรือร้นพร้อมอกพร้อมใจกันมารับเสด็จอย่างบริสุทธิ์ใจของประชาชน ไม่มีผู้ใดบังคับกะเกณฑ์ ย้ำให้เห็นว่าความจงรักภักดีและความเชื่อมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สืบทอดมาช้านาน ยังมั่นคงแน่นแฟ้นอยู่ในใจของประชาชน

(มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม