ดูแบบคำตอบเดียว
  #19  
เก่า 04-11-2009
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,158
Default



ตัวอย่างการทำประมงแบบล้างผลาญ กับ การทำประมงแบบอนุรักษ์ ต่างกันอย่างไร ลองมาอ่านข้อพิพาทเรื่องนี้กันนะคะ....


ไทยรัฐ


เพชรบุรี-แม่กลอง เปิดศึกชิงหอย

"ถ้าเราไม่โพงหอย เราจะทำอะไรกิน"

เสียงยายม่วย พยุง อายุกว่า 70 ปี พึมพำ ท่ามกลางเสียงคลื่นอ่าวบ้านแหลม เบื้องหน้ายายเต็มไปด้วยหอยแครงตัวเล็กๆ ที่เพิ่งงมขึ้นมาจากทะเล เพื่อให้เห็นกันชัดๆว่า หอยแครงที่ชาวแม่กลองกับชาวบ้านอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เปิดศึกชิงกันนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

ริมอ่าวไทย บริเวณตั้งแต่ชลบุรี เลาะเลียบป่าชายเลนเรื่อยไปจนถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ละปีไม่บริเวณใดก็บริเวณหนึ่ง หรือไม่ก็หลายบริเวณจะมี "หอยเกิด"

คำว่า หอยเกิด ชาวประมงหมายถึง ไข่ของหอยแครงฟักเป็นตัวออกมาตัวเล็กๆ เริ่มจากขนาดเท่าเม็ดทราย ค่อยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามวงจรชีวิตของหอยแครง ช่วงเวลานี้เองคือ "วันที่รอคอย" ของชาวบ้านมงริมอ่าวไทย

ยายม่วยแม้จะชราภาพ แต่ด้วยความชำนาญในอาชีพ ประกอบกับฐานะยากจนจึงยึดอาชีพโพงหอยเลี้ยงชีพ หอยที่ได้ยายนำมาเลี้ยงและขาย

ยายบอกว่าทำมาตั้งแต่เยาว์วัยเรื่อยมาจนบัดนี้อายุกว่า 70 ปีแล้วก็ยังทำอยู่ และยืนยันว่าจะทำต่อไป

การโพงหอย หรือช้อนหอยแครงเล็กๆ จากทะเล ชาวประมงจะทำกันอย่างเอิกเกริกเมื่อรู้ว่าหอยเกิดในบริเวณใด และไม่ว่าจะเป็นอ่าวไหน แต่มาปีนี้ เมื่อหอยเกิดบริเวณอ่าวย่านตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ชาวแม่กลองและย่านอื่นๆจึงพากันไปจับเหมือนปฏิบัติกันมา แต่ปีนี้กลับถูกเจ้าถิ่นต่อต้าน

"ทำไมต้องมาหวงกันด้วย ในเมื่อหอยเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ และเราก็ทำมาหากินกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ" นายนิกรถาม

นายนิกร แก้วประสม อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 4 ต.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่ยึดอาชีพโพงหอย

หลังตั้งคำถามแล้วยังบอกอีกว่า ชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นตำบลคลองโคน หรือถิ่นอื่นๆ พากันตระเวนหาโพงหอยกันทั้ง 5 จังหวัด ไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และสุราษฎร์ธานี พอรู้ว่าหอยเกิดก็จะพากันไปจับกันเพื่อการดำรงชีพ

เครื่องมือประกอบอาชีพโพงหอยคือ เรือ 1 ลำ ชะเนาะสำหรับช้อน 1 อัน กะละมัง 1 ใบ และกระดานเลน 1 อัน ก็สามารถหากินได้แล้ว

วิธีการโพงหอยของชาวบ้านคือ พายเรือออกไปที่หอยเกิด ผูกกะละมังให้ลอยน้ำไว้กับเรือ แล้วดำลงไป ใช้ชะเนาะครูดผิวดินแผ่วๆแล้วโผล่ขึ้นมาเทสิ่งที่ครูดได้นั้นลงกะละมัง จากนั้นคัดแยกหอยตามต้องการ ส่วนปลอมปนใดๆที่ติดมาก็ปล่อยคืนทะเลไป

การเดินทางไปโพงหอยที่อ่าวบ้านแหลม นายสมพงษ์ สุดสนิท อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ 33/1 หมู่ 4 ต.คลองโคน ฉายภาพชีวิตให้เห็นว่า แล่นเรือออกจากบ้านไปตั้งแต่เย็นย่ำ ระยะทางจากบ้านคลองโคนถึงอ่าวบ้านแหลมประมาณ 30 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เสียน้ำมันเครื่องเรือประมาณ 4 ลิตร ถ้าไปกลับก็ประมาณ 8 ลิตร

การช้อนหอยเริ่มประมาณ 20.00 น. เพราะน้ำทะเลเริ่มลง

ระดับน้ำที่ลงโพงหอย ตั้งแต่ระดับท่วมหัวลดลงมาเรื่อยๆ บ่า อก เอว และถ้าเป็นกลางวันก็ใช้กระดานเลนวางลงไป นั่งคุกเข่าบนกระดาน ใช้เท้าถีบลื่นไปบนเลน เก็บหอยขนาดต่างๆตามต้องการ

หอยแครงเล็กๆที่เก็บมาได้ ขายกิโลกรัมละ 30-100 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด ถ้าตัวหอยขนาดเล็กราคาก็จะแพงกว่า

หอยที่ได้มาส่วนหนึ่งขาย ส่วนหนึ่งใส่คอกเลี้ยง

คอกหอยแครงล้อมด้วยเฝือก ลักษณะเป็นไม้ไผ่ผ่าซี่ ถักออกมาเป็นแผงปักลงในน้ำ หอยในคอกใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 1.5 ปีถึง 2 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของหอยที่ใส่คอกไปว่าเล็กหรือใหญ่

สมพงษ์บอกว่า ทำมาหากินกันอย่างนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่คราวนี้กลับมามีปัญหา และย้ำว่า "ที่หอยเกิดที่บ้านเรา หน้าอ่าวคลองโคนของเรา คนถิ่นอื่นๆเข้ามาจับพวกเขาก็เข้ามาจับ เราไม่เห็นว่าอะไรเลย เราไม่เห็นต้องไปหวงห้ามอะไรเขาเลย อย่างปี พ.ศ. 2550 นั่นก็เกิดมาก ทาง สกว.เขามาสำรวจแล้วบอกว่า ถ้าคิดเป็นเงินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 35 ล้านบาท"

สำหรับเหตุการณ์เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรณีข่าวว่าชาวบ้านล้อมประมงที่เข้าไปตรวจตรานั้น ผู้นำคนหนึ่งของตำบลคลองโคน บอกว่า จริงๆแล้ว ชาวบ้านไม่ได้ไปล้อมชาวประมง แต่ต้องการเข้าไปพูดจากันให้รู้เรื่อง

"เราต้องเข้าไปคุยไม่ได้ไปจับ เขา เพราะชาวบ้านที่ถูกจับไปต้องจ่ายค่าปรับ 5,000 บาท คิดดูสิครับ ถ้าจ่ายค่าปรับไปเราจะเอาอะไรกิน ต้องกู้หนี้ยืมสินเข้าไปจ่าย ข่าวที่ออกไปว่าเราไปล้อมจับนั้น ไม่เป็นความจริง"

ความจริงในวันนั้นคือ "เราเข้าไปล้อมเพื่อจะพูดคุยเท่านั้น เมื่อ เราเข้าไปประมงก็หนีเข้าแม่น้ำไป เลยไม่รู้เรื่องกัน แล้วเขาก็โทร.บอกตำรวจ" ผู้นำชาวบ้านคลองโคนยืนยัน

เหตุการณ์วันต่อมา "ตำรวจนัดไปคุยกันที่บ้านแหลม แต่เราตกลงกันไม่ได้ นายอำเภอก็จัดการไม่ได้ วันที่ 30 ที่ผ่านมา เราเลยจะไปกัน 4-5 คน แต่เราได้ยินว่าทางโน้น (คนบ้านแหลม) เขาให้คนมาด้วย พวกเรารู้กันก็เลยไปกัน 6-700 คน และยังมีชาวบ้านที่จับหอยจากที่อื่นๆมาสมทบอีก"

ชาวบ้านแหลมห้ามจับหอยด้วยเหตุผลอะไร

ผู้นำชาวบ้านคลองโคนบอกว่า ทางบ้านแหลมบอกว่าต้อง การอนุรักษ์ ถ้าจะไปจับต้องใช้มืออย่างเดียว ไม่ให้ใช้ชะเนาะ "เราถามหน่อยเถอะ ถ้าต้องการอนุรักษ์ ทำไมมีนายทุนหนุนหลัง ใช้เรือเครื่องคราดหอยได้"

" เมื่อทางโน้นเขาไม่ยอม อ้างว่าเป็นพื้นที่อนุรักษ์ เราก็ไม่ว่าล่ะ เอาอย่างนี้ได้ไหม ขอบางส่วนที่เข้าไปเก็บ ขอพื้นที่แค่ 1 ใน 3 ก็ได้" นายทศพลแนะทางออก

นายทศพล แดงชื่น อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 4 ตำบลคลองโคน เป็นหนึ่งในคนโพงหอย นอกจากแนะทางออกแล้วยังเปรยว่า หากินมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ หอยมันเกิดของมันแต่ละที ปีเว้นปี "ผมเกรงว่า เมื่อหอยโตเขาก็จะให้นายทุนเข้ามาลาก" นายทศพลบอก

และว่า "คนตำบลบางขุนไทร เมื่อก่อนเขามีอาชีพโพงหอยที่ไหน เขาทำหอยเสียบกัน เขาเพิ่งมารู้จักหอยแครง ก็ทำเป็นกลุ่มอนุรักษ์ขึ้นมา เมื่อเราเข้าไปโพงหอยก็โดนจับ" ทศพลยืนยัน

คนที่เคยถูกเจ้าหน้าที่จับ นายไพโรจน์ พยุง อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 44/3 หมู่ 4 ต.คลองโคน บอกว่า ถูกจับที่บางขุนไทร เขตอ่าวบ้านแหลม ขณะกำลังจับหอยอยู่มีชาวบ้านและประมงเข้ามาจับตัวไป

"เขาขังผมไว้ 1 คืน ปรับผมไป 5,000 บาท แล้วก็ปล่อยตัวมาครับ ตอนนี้ผมอยู่ในระหว่างภาคทัณฑ์ ถ้าโดนจับอีกจะต้องติดคุก 4 เดือน" นายไพโรจน์บอก

กลุ่มของไพโรจน์ถูกจับไป 4 คน ต้องจ่ายค่าปรับไป 20,000 บาท เงินจำนวนนี้แยกเป็นค่าปรับรายละ 4,000 บาท และค่าออกจับของเจ้าหน้าที่อีกรายละ 1,000 บาท

เสียงจากบ้านคลองโคน ฟังแล้วก็น่าเห็นใจ แต่อีกฟากฝั่งหนึ่งเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องฟังและต้องทำความเข้าใจร่วมกัน.


__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 04-11-2009 เมื่อ 11:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม