ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 29-05-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,241
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ประมงแห่ออกเรือ จับแมงกะพรุนจานทะเลกระบี่ ทำรายได้ลำละ 5-7 พันบาทต่อวัน

ชาวประมงพื้นบ้านกระบี่ และเรือหางยาวนำเที่ยว ที่หยุดให้บริการนักท่องเที่ยวเพราะโควิดนับ 100 ลำ นำเรือออกจับแมงกะพรุนจานในทะเล ส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าจาก จ.สตูล ระนอง พังงา สร้างรายได้งดงาม



ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.63 ชาวประมงพื้นบ้าน และเรือหางยาวนำเที่ยว ที่หยุดให้บริการนักท่องเที่ยว ผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 นับ 100 ลำ นำเรือออกจับแมงกะพรุนจานในทะเลกระบี่ ส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าจาก จ.สตูล ระนอง พังงา ซึ่งมาเปิดจุดรับซื้อหลายสิบราย บริเวณอ่าวบ้านคลองทราย บ้านดินแดงน้อย ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ทำให้บรรดาเจ้าของเรือขนาดเล็ก ที่ขาดรายได้จากการท่องเที่ยว สามารถทำเงินสร้างรายได้ในช่วงวิกฤติได้เป็นอย่างดี

สำหรับแมงกะพรุนที่จับมาได้ พ่อค้าแม่ค้าที่มาเปิดจุดรับซื้อ จะรับซื้อในราคาตัวละ 5 บาท เพื่อนำไปขายให้กับพ่อค้ารายใหญ่ในตลาดมหาชัย เพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน ญี่ปุ่น ซึ่งประเทศเหล่านี้นิยมรับประทาน เพราะเชื่อว่าเป็นเมนูยาชูกำลัง โดยในปีนี้พบว่า แมงกะพรุนมีจำนวนมากกว่าทุกๆ ปีในช่วงเดียวกัน ถือว่ามีมากที่สุดในรอบ 8 ปี

นายธีระยุทธิ์ ช้างชู พ่อค้ารับซื้อแมงกะพรุนจาก จ.สตูล กล่าวว่า แมงกะพรุนที่รับซื้อ เป็นแมงกะพรุนจาน ซึ่งสามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารได้ ไม่มีพิษ โดยในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.ของทุกปี จะมีแมงกะพรุนชนิดนี้ลอยอยู่ในทะเลแถบฝั่งอันดามันจำนวนมาก ตั้งแต่ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง ซึ่งปีนี้พบว่า แมงกะพรุน มีจำนวนมากที่สุด ในรอบ 8 ปี นอกจากชาวประมงพื้นบ้าน รวมถึงบรรดาคนขับเรือนำเที่ยวที่ออกจับแมงกะพรุนขาย จะมีรายได้แล้ว ยังมีการจ้างงานคนในพื้นที่ ให้มาช่วยกันคัดแยกแมงกะพรุนให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ โดยเรือแต่ละลำจะมีรายได้ถึงวันละ 5-7 พันบาท ส่วนคนในพื้นที่กว่า 100 คนที่มีการจ้างมาทำงานคัดแยกแมงกะพรุน ซึ่งเป็นคนพื้นที่อยู่ในช่วงว่างงานจากสถานการณ์โควิด-19 ก็จะมีรายได้จากค่าจ้างรายวันอีกคนละ 400-500 บาทต่อวันด้วย.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/1856003


*********************************************************************************************************************************************************


ล็อตใหญ่ จับเรือลอบขนน้ำมันเถื่อน 5 หมื่นลิตร กลางทะเลเมืองจันทร์

บุกจับเรือประมงดัดแปลง ลักลอบบรรทุกน้ำมันดีเซลหนีภาษี 5 หมื่นลิตร กลางทะเล เมืองจันทร์ รวบลูกเรือ 4 คน ส่งคุมสอบขยายผลดำเนินคดี



เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 28 พ.ค.63 นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯจันทบุรี พร้อมด้วย พล.ร.ต.ชาติชาย ทองสะอาด ผอ.สำนักงานฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 1, พล.ร.ต.พินิจ ชื่นรุ่ง รอง ผบ.ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.), ผู้แทน มทบ.19, กอ.รมน.จ.จันทบุรี, ตำรวจน้ำ, ประมงจังหวัด, เจ้าท่าภูมิภาค, สรรพสามิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบหลังมีการจับกุมเรือลักลอบบรรทุกน้ำมันหนีภาษี โดย ศรชล.ภาค 1 ร่วมกับ กปช.จต.บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาข่าว พบเรือต้องสงสัยอยู่กลางทะเล เมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ได้นำเจ้าหน้าที่ดำเนินการยุทธวิธี ติดตามเรือที่ดัดแปลงเป็นเรือลักลอบบรรทุกน้ำมันหนีภาษี พบเรือต้องสงสัย เจเอ็มพี 85 สัญชาติไทย บริเวณห่างจากฝั่งบ้านปากน้ำแขมหนู อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ประมาณ 4 ไมล์ทะเล ภายในเรือพบคนประจำเรือ 4 นาย ซึ่งไม่มีการต่อสู้ ขัดขวาง ตรวจพบน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซลจำนวน 50,000 ลิตร จึงควบคุมเรือและน้ำมันลักลอบหนีภาษีไว้ตรวจสอบ โดยชุดหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนและตำรวจน้ำได้ควบคุมผู้กระทำผิดไว้ ก่อนที่จะประสานส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ร.ต.ชาติชาย ทองสะอาด ผอ.สำนักงานฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 1 เปิดเผยว่า การลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนเป็นการทำลายผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ทำให้ประเทศชาติสูญเสียผลประโยชน์ด้านภาษี อันเป็นรายได้ในการพัฒนาประเทศ และการกระทำของผู้กระทำผิดอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ที่หน่วยงานเกี่ยวข้องจะดำเนินการสืบสวนสอบสวน ขยายผลหาที่มาที่ไป ร่วมถึงผู้ร่วมขบวนการ ส่วนผู้กระทำผิดที่จับได้นั้น จะถูกดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ด้าน นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯจันทบุรี กล่าวว่า การบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดครั้งนี้ สามารถจับน้ำมันลักลอบหนีภาษีได้มากถึง 50,000 ลิตร ที่ผ่านมาทางจังหวัดได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจ ติดตามหาข่าว และดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดแต่ส่วนใหญ่จะเป็นรายย่อยและจับได้บนฝั่ง ที่มีการนำขึ้นรถขนย้าย ครั้งนี้ถือเป็นการแสดงถึงความเข้มแข็งของการบูรณาการ ด้านการข่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและความอดทน เสียสละของเจ้าหน้าที่ในการปกป้องความมั่นคงทางทะเล ซึ่งการจับน้ำมันลักลอบหนีภาษีล็อตใหญ่ทางทะเล จ.จันทบุรี ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2557 และปี 2560 จนกระทั่งในครั้งนี้ ที่มีปริมาณมากกว่า 50,000 ลิตร


https://www.thairath.co.th/news/local/east/1856074


*********************************************************************************************************************************************************


พบขยะหน้ากากอนามัย ถุงมือแพทย์เกลื่อนก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

พบหน้ากากอนามัย ถุงมือแพทย์ ใช้แล้วกลายเป็นขยะเกลื่อนก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นับเป็นผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ตามมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19



นักดำน้ำที่เป็นสมาชิกกลุ่มเอ็นจีโอ เคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล "โอเปอเรชั่น คลีน ซี" (Op?ration mer propre) บันทึกภาพระหว่างการลงไปดำน้ำสำรวจก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รอบชายฝั่งเมืองอองทีบส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส พบว่าตลอด 2 วันที่ออกสำรวจ พบขยะหน้ากากอนามัยเกือบ 10 ชิ้น และถุงมือยางลาเท็กซ์ 14 ชิ้น ปะปนอยู่กับขยะอื่นๆ บริเวณก้นทะเล

กลุ่มโอเปอเรชั่น คลีน ซี โพสต์คลิปวิดีโอนี้ลงในเพจเฟซบุ๊ก Op?ration Mer Propre เรียกร้องให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาขยะที่ตามมาหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย นายโลรองต์ ลอมบาร์ด ผู้ก่อตั้งกลุ่มโอเปอเรชั่น คลีน ซี เปิดเผยว่า การสำรวจทะเลก่อนหน้านี้ นักดำน้ำไม่ได้พบขยะประเภทหน้ากากอนามัยมานานแล้ว และเชื่อว่าการพบในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของขยะมลพิษประเภทใหม่ ที่เป็นสัญญาณเตือนว่าหากไม่ระวังให้ดี จะมีหน้ากากอนามัยใช้แล้วหลายล้านชิ้นต้องมาอยู่ในสภาพนี้

ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลฝรั่งเศสสั่งให้มีการผลิตหน้ากากอนามัยกว่า 2 พันล้านชิ้นออกสู่ท้องตลาดเพื่อรองรับความต้องการใช้ ซึ่งอยู่ที่กว่า 200 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1855233


*********************************************************************************************************************************************************


รอยเท้าเตตระพอดว่ายน้ำที่เก่าแก่


Credit : Journal of Paleontology (2020)

เตตระพอด (tetrapod) เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง 4 ขา เคยอาศัยอยู่ในโลกเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว เคยมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ หรือฟอสซิล รอยเท้าของเตตระพอดเมื่อเกือบ 80 ปีก่อนในเหมืองหินทรายที่เขตเบโรว์รา ชานเมืองซิดนีย์ ในออสเตรเลีย จากนั้นก็นำซากฟอสซิลนี้ไปเก็บที่พิพิธภัณฑ์ออสเตรเลียในซิดนีย์

รอยเท้าเหล่านี้ปรากฏบนหินที่ก่อตัวบริเวณด้านล่างของแม่น้ำขนาดใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งเคยปกคลุมนครซิดนีย์ในกลางยุคไทรแอสสิค ประมาณ 240 ล้านปีที่แล้ว ก่อนการปรากฏตัวของไดโนเสาร์ และในที่สุดทรายที่อยู่ด้านล่างของแม่น้ำก็กลายเป็นหิน ปัจจุบันถูกเรียกว่าโขดหินทรายซิดนีย์ ฟอสซิลรอยเท้ามีเส้นทางยาว 4.2 เมตร นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ ระบุว่าน่าจะเป็นของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำพวกเท็มโนสปอนดิล (temnospondyl) มีรูปร่างคล้ายซาลาแมนเดอร์ที่สูญพันธุ์

รอยเท้าดังกล่าวมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นสถิติที่เก่าแก่ที่สุดของเตตระพอดในออสเตรเลีย รอยเท้า มือ รวมถึงลำดับช่องว่างระหว่างร่องรอย ทำให้นักวิจัยเชื่อว่าสัตว์กำลังว่ายน้ำในน้ำ ซึ่งปกติแล้วรอยเท้าของเตตระพอดยุคต้นมักพบว่าเกิดขึ้นบนพื้นดิน ทว่ารอยเท้าของเตตระพอดที่เกิดจากการที่มันว่ายน้ำ จึงเป็นหลักฐานที่มีค่าสำหรับการศึกษาว่าสัตว์เหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างไรเมื่อ 240 ล้านปีก่อน.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1854884
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม