ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 28-02-2020
แมลงปอ แมลงปอ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 698
Default

สุดอนาถ! โลมาอิรวดีถูกใบพัดเรือตัดหางขาด ท้องแตก คลื่นซัดเกยชายหาดเกาะสมุย




สุราษฎร์ธานี - โลมาอิรวดี ไม่ทราบเพศ ถูกใบพัดเรือตัดจนหางขาด ท้องแตกไส้ทะลัก ถูกคลื่นซัดลอยมาเกยชายหาดโรงแรมดังบนเกาะสมุย คาดตายมาแล้วประมาณ 4-5 วัน ชี้หากปล่อยไว้สัตว์ทะเลชนิดนี้อาจสูญพันธุ์ในไม่ช้า

วันนี้ (27 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายณรงค์ สีสด อายุ 47 ปี หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัย โรงแรมคอนราด ต.ติ่งงาม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี แจ้งว่า พบซากโลมาไม่ทราบชนิดถูกคลื่นซัดลอยมาเกยบริเวณชายหาดข้างโรงแรม จึงได้ประสานไปที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสงเคราะห์เกาะสมุย เดินทางไปตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุ พบซากโลมาอิรวดี ลอยเกยติดชายหาดข้างโรงแรมคอนราด หมู่ 4 ต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย จากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า สภาพของซากโลมาอิรวดี ไม่ทราบเพศ อายุประมาณ 3-4 ปี มีความยาวประมาณ 1 เมตรเศษ น้ำหนักประมาณ 40-50 กก. สภาพหางถูกของมีคมตัดขาด และยังพบว่าที่บริเวณลำท้องมีบาดแผลฉกรรจ์ถูกของมีคม ทำให้อวัยวะภายในไหลทะลักออกมากองอยู่ข้างนอก และส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งกระจาย คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 4-5 วัน

ทางอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสงเคราะห์เกาะสมุย จึงได้ประสานไปที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร โดยทางศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร แจ้งว่า ให้นำซากโลมาไปฝังไว้ก่อน แล้วจะเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุการตายของโลมาตัวดังกล่าวในเร็วๆ นี้

ทางด้าน นายณรงค์ สีสด หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัย เปิดเผยว่า บริเวณหน้าโรงแรมเป็นอ่าวที่มีน้ำลึก สภาพแวดล้อมทางทะเลยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ทะเล เช่น ปลากระเบนขนาดใหญ่ โลมา และเต่าหลายสายพันธุ์อาศัยในบริเวณหน้าอ่าวของโรงแรม สำหรับโลมาตัวนี้คาดว่าน่าจะออกหากินและถูกใบพัดเรือตัดจนหางขาด และท้องแตก เป็นสาเหตุทำให้โลมาตายดังกล่าว และเป็นที่น่าเสียดายที่สัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นสัตว์คุ้มครอง นับวันตายลงอย่างต่อเนื่อง จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการ ป้องกันและแก้ไข ชี้หากปล่อยไว้สัตว์ทะเลชนิดนี้อาจสูญพันธุ์ในไม่ช้า



หิมะขั้วโลกใต้ กลายเป็นสีเลือด




กระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ของยูเครน เผยภาพของพื้นหิมะบริเวณที่ตั้งสถานีวิจัยเวอร์นาดสกีของยูเครนในแอนตาร์กติก หรือขั้วโลกใต้ ที่อยู่ในสภาพสีเลือดแดงฉานตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดูแล้วไม่ต่างจากฉากในภาพยนตร์สยองขวัญ

แต่กระทรวงยืนยันว่าไม่มีอะไรที่น่ากังวล เพราะการเปลี่ยนสีของหิมะเช่นนี้เป็นเพราะสาหร่ายเล็กๆชนิดหนึ่งที่มีชั้นห่อหุ้มด้วยสารเครโตนินสีแดงพยายามลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำในช่วงที่อุณหภูมิอบอุ่นขึ้นเพื่อทำการขยายพันธุ์ ซึ่งช่วงเวลานี้ตรงกับฤดูร้อนของแอนตาร์กติกพอดี

นอกจาก แอนตาร์กติก หรือขั้วโลกใต้แล้ว สาหร่ายชนิดนี้ยังพบได้ในพื้นที่อื่น เช่น เขตภูเขา หรือขั้วโลกเหนือ ด้วย





แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย แมลงปอ : 28-02-2020 เมื่อ 08:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม