ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 11-02-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,216
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


เจออีก !! มุกสีส้มคล้าย "มุกเมโล" หายากคราวนี้พบที่สะพานปลาแหลมฉบัง จ.ชลบุรี

ศูนย์ข่าว?ศรี?ราชา?- เจออีก !! มุกสีส้มคล้าย "มุกเมโล" หายากที่ตกเป็นข่าวโด่งดังคราวนี้พบที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี หลังหนุ่มเพชรบูรณ์อาชีพขับรถหัวลากไปซื้อหอยโข่งขนาดใหญ่จากสะพานปลามาต้มกินกับครอบครัว แต่กลับโชคดีพบเม็ดมุกขนาดใหญ่เตรียมประสานผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ



เย็นวันนี้(10 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านใน ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบเม็ดมุกยักษ์สีส้ม ที่มีลักษณะ?คล้าย "มุกเมโล" ซึ่งเป็นมุกหายากและคาดว่าน่าจะเป็นมุกชนิดเดียวกับที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อไม่นานนี้ จึงเดินทางลงพื้น?ตรวจสอบ

โดยได้พบกับ 2 สามีภรรยาคือ นายมลเทียร จันสุข อายุ 40 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์? และ น.ส.วาสนา แสงจันทร์ อายุ 44 ปีที่เป็นเจ้าของมุกดังกล่าวซึ่งเล่าให้ฟังว่า ตนเองทั้งคู่ได้พักอาศัยอยู่ภายในแคมป์คนงานขับรถหัวลากภายในซอยชุมชนนายชาก ม.5 ต.บึง อ.ศรีราชา

การพบมุกดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ หลังไปซื้อหอยจากสะพานปลาแหลมฉบัง เพื่อนำกลับมาปรุงเป็นอาหารแต่กลับพบว่า มีเม็ดมุกสีส้มอยู่ภายในหอยโข่งขนาดใหญ่

นายมลเทียร เผยเพิ่มเติมว่าเนื่องจากในวันนี้ตนเองและภรรยา รู้สึกอยากรับประทาน?อาหารทะเลจึงชักชวนกันขับรถพาไปหาซื้ออาหารทะเลที่บริเวณสะพานปลาแหลมฉบัง ช่วงร้านอาหารสุดทางรัก โดยได้พากันเดินเลือกซื้อกุ้ง หอย ปู และปลาเพื่อนำกลับมาทำอาหารตามปกติ



กระทั่งพบหอยโข่งที่เหลืออยู่เพียงตัวเดียวภายในร้าน จึงสอบถามแม่ค้าว่าสามารถนำกลับมาทำเป็นอาหารได้หรือไม่เนื่องจากไม่รู้จักและไม่เคยกิน ซึ่งได้รับการยืนยันจากแม่ค้าว่าหอยดังกล่าวมีรสชาติอร่อยและเหลืออยู่เพียงตัวเดียวจึงตัดสินใจซื้อจากแม่ค้าในราคา 50 บาท เพราะอยากลองกิน

" หลังได้อาหารทะเลครบตามที่ต้องการก็พากันเดินทางกลับมาที่ห้องพักพัก และได้ต้มหอยตัวดังกล่าวเพื่อรับประทาน?กับน้ำจิ้ม แต่ระหว่างที่ลูกชายกำลังแกะเนื้อหอยออกมาจากเปลือก ได้พบเม็ดมุกสีส้ม ซึ่งในครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไข่หอย จึงส่งให้ลูกชายกินตามปกติแต่กลับปรากฏ?ว่าเนื้อแข็งจนกัดไม่เข้า ภรรยาจึงนำมาเคาะกับพื้นห้องก่อนจะวางไว้ที่พื้นโดยไม่สนใจ"

นายมลเทียร ยังบอกอีกว่ากระทั่งทุกคนในครอบครัวรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จสิ้น จึงนำเม็ดสีส้มดังกล่าวมาดูอีกครั้ง และได้เปิดหาข้อมูลในเว็ปไซต์ต่างๆ จนพบว่ามีลักษณะ?คล้ายกับมุกที่เคยเป็นข่าวโด่งดัง จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ทั้งนี้ จะได้ประสานไปยังผู้เชี่ยวชาญให้เข้าตรวจสอบอีกครั้ง และหากเป็นมุกชนิดเดียวกับที่เป็นข่าวโด่งดังก็เชื่อว่าจะช่วยให้ครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบายยิ่งขึ้น


https://mgronline.com/local/detail/9640000013644


*********************************************************************************************************************************************************


ชาวประมงกระบี่หน้าบานแห่จับแมงกะพรุนสร้างรายได้

กระบี่ - ชาวประมงหน้าบาน แมงกะพรุนลอดช่องมาเร็วกว่าทุกปี แห่จับขายสร้างรายได้ดี ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าต้องแย่งกันรับซื้อให้ราคาสูงตัวละ 5 บาท



วันนี้ (10 ก.พ.) ที่บริเวณท่าเทียบเรือประมง บ้านคลองทราย ดินแดงน้อย ม.6 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ได้มีชาวประมงในพื้นที่ตำบลหนองทะเล เขาทอง คลองประสงค์ อ.เมืองกระบี่ และอำเภอใกล้เคียงกว่า 300 ลำ บรรทุกแมงกะพรุนลอดช่องที่ตักได้เต็มลำเรือมาขายบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่มาตั้งเต็นท์รับซื้อตลอดแนวชายฝั่ง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักโดยในปีนี้ พบว่าแมงกะพุรนมาเร็วกว่าทุกปี

ขณะเดียวกัน ชาวประมงที่หันมาตักแมงกะพรุนก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าเท่าตัว เช่นกัน เนื่องจากช่วงการระบาดของโควิด-19 เรือหางยาวนำเที่ยวขาดรายได้ จึงดัดแปลงเรือออกมาจับแมงกะพรุนแทน เป็นรายได้ทดแทนจากการการท่องเที่ยวที่หายไป

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ราคาแมงกะพรุนยังสูงอยู่ พ่อค้าแม่ค้าจะรับซื้อในราคาตัวละ 5 บาท โดยมีพ่อค้าแม่ค้าเปิดรับซื้อหลายราย เรือ 1 ลำ สามรถจับแมงกะพรุนได้ 300- 600 ตัว คิดเป็นเงิน 1,500-3,000 บาท ซึ่งแบ่งรายได้กันแล้วเฉลี่ยคนละ 500-1,000 บาท



นายสายัณห์ หมาดชาย อายุ 45 ปี ชาวประมงกล่าวว่า ตนเริ่มจับแมงกะพรุนมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้แมงกะพรุนมาเร็ว เดิมทีตนออกเรือประมงวางอวน หาปลาเล็กๆ น้อยๆ รายได้ไม่แน่นอน บางวันก็ไม่ได้เลย แต่พอมีแมงกะพรุนโผล่ขึ้นมาในทะเล พื้นที่บริเวณหมู่เกาะห้อง ในพื้นที่ตำบลเขาทอง และบริเวณใกล้เคียงจึงได้ดัดแปลงเรือหาปลามาเป็นเรือตักแมงกะพรุน แทน ทำให้มีรายได้ดีขึ้น และค่อนข้างแน่นอน

ซึ่งในปีนี้แมงกะพรุนมาเร็วกว่าปกติ และตัวขนาดใหญ่ ทำ.ห้มีเรือประมง รวมทั้งเรือหางยาวท่องเที่ยวก็หันมาจับแมงกะพรุนขายกันเป็นจำนวนมาก จากเดิมมีเรือจับแมงกะพรุน 100-200 ลำ ปีนี้มีเกือบ 1,000 ลำ อาจจะส่งผลให้แมงกะพรุนลดลงเร็วกว่าเดิมเพราะคนออกล่าแมงกะพรุนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปีนี้พ่อค้าให้ราคาดีตัวละ 5 บาท ซึ่งเรือแต่ละลำจะจับแมงกะพรุนได้ไม่ต่ำกว่า 200-300 ตัวต่อวัน ซึ่ง 1 ลำจะใช้กำลังคน 2-3 คน คือนายท้ายเรือ และคนทำหน้าที่ตักแมงกะพรุนที่หัวเรือ 1-2 คน เมื่อแบ่งรายได้กันแล้วตกคนละ 500-300 บาท แต่จะจับแมงกะพรุนได้ประมาณ 3 เดือนเท่านั้นหลังจากนี้มันย้ายไปที่อื่น ส่วนคนที่จับกะพรุนเป็นอาชีพหลักก็จะมีรายได้หลักแสนบาทต่อปี เพราะจะตระเวนไปทุกจังหวัดในฝั่งอันดามัน ตั้งแต่ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง ไปจนถึง จ.สตูล

ด้านนายนัฐวุฒิ สันติธราภรณ์ ผู้จัดการแพรับซื้อแมงกะพรุน กล่าวว่า ปีนี้แมงกะพรุนจะมาเร็วกว่าทุกปี ซึ่งทุกปีที่ผ่านมาจะมีมากในช่วงเดือนเมษา-มิถุนายน คาดว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ แต่ถือว่าเป็นโชคดีของชาวประมงที่จะมีรายได้เร็วขึ้น ขณะที่ทางผู้ประกอบการก็มาตั้งเต็นท์รับซื้อเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียว โดยในปีนี้เฉพาะที่หาดคลองทราย มีอยู่เกือบ 20 เต็นท์ โดยจะว่าจ้างชาวบ้านในพื้นที่ให้ช่วยล้างคัดแยกแมงกะพรุน ซึ่งชาวบ้านจะมีรายได้อีกวันละ 400-500 บาท รวมแล้วเงินสะพัดไม่ต่ำว่า 5 แสนบาทต่อวัน

สำหรับแมงกะพรุนที่รับซื้อจากชาวประมงจะเป็นแมงกะพรุนลอดช่อง นำมาหมักเกลือ พอแห้งแล้วก็ส่งต่อไปบริษัทที่จังหวัดชลบุรี จากนั้นจะทำการแปรรูปอีกครั้ง บรรจุใส่ลังไม้ส่งขายในประเทศและต่างประเทศ เช่น เกาหลี จีน เป็นต้น ซึ่งนิยมรับประทานกัน เพราะเชื่อว่ามีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลังวังชา ส่วนในประเทศไทยจะนิยมทานเป็นกับ เช่น ยำแมงกะพรุน เป็นต้น


https://mgronline.com/south/detail/9640000013511
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม